9. คราจำจาก

-A A +A

9. คราจำจาก

 

คำโปรย

วิบากเจ้ากับข้า ฤาต้องจำจาก

----------------

 

กมรเตงทรงประทับอยู่ที่ลโวทยปุระกับศิขินล่วงเข้าเดือนที่สาม

 

ราชวรรณ ราชบัณฑิตแห่งศรีเทพ ได้ขึ้นมาจากพระนครตามรับสั่งให้มาฝึกฝนวิชาความเมืองแก่ศิขิน เพื่อเรียนรู้การเป็นราชบัณฑิตเตรียมแปลงนางเป็นจารนารีสู่ราชสำนักเชียงทอง

 

พระองค์สองจิตสองใจ ทรงเป็นห่วงแม่นางสนมเอก ทั้งยังทรงคะนึงหามิเว้นวาย ด้วยเพิ่งทรงรับนางเข้ามาในฐานะนางในยังไม่ถึงขวบปี แรกรักของพระองค์ปลุกความมีชีวิตชีวาเบิกบาน ด้วยสิเน่หาลุ่มหลงสาวต่างมิตินี้เหลือคณา

 

“ศิขิน จังใด เจ้าจึ่งบ่าเอาลูกหื้อข้า!!! ฤาข้าเฒ่า ...บ่ามีแฮงเอาเจ้า” พระองค์ทรงตรัสถามขณะตระกองกอดเธอ

“มิได้เพคะ... พระองค์ทรงพละยิ่ง ผิดตี้ข้าเอง..เพคะ” เธอเงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์พระองค์ยังทรงระแวงเจ้าชายราชบุตรเขยผู้นั้น

“เจ้างามผ่อง... งามพิศ ข้าวิตก กุยสอดแนมมาเฝ้าตี้พระนคร เจ้าปาสมัน แล ราชบัณฑิต...ลุงเจ้า ส่งม้าไวมา ...เพลานี่ ยาน้อยตีเอา พรหมทัต แล ศรีตะบอง ล่ะนา รอกำลังพลจากเชลียงหื้อขึ้นไปรวมตี้เศรษฐา ลูกข้ากับยาน้อยจะรอเจ้าเข้าเศรษฐา แก้วกัญญาจะช่อยแปลงเจ้าเข้าเชียงทอง”

“ข้าจะเข้าเชียงทองจังใด เพคะ”

“วันพรุ่ง ข้าสั่งหื้อราชวรรณเข้าเฝ้า”

 

ในช่วงสามเดือนที่ลโวทยปุระ ศิขินฝึกเขียนอ่านอักขระจารและราชกิจความเมือง พอเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่เธอได้อาศัยพื้นความรู้ประวัติศาสตร์ที่มีอยู่บ้างแล้ว น่าจะพอเป็นภูมิรู้เข้าสู่ราชสำนักเชียงทองด้วยตำแหน่งราชบัณฑิตา

 

“กราบถวายบังคม พระเจ้าข้า...”

“เอ่อ... ราชวรรณ จะหื้อศิขินเข้าเชียงทองยามใด”

“ต้นศกหน้า ขอพระราชทานนางหื้อไปกับข้า นางจักเข้าเฝ้าพระเจ้าอาศรีวันทา ข้าจะอยู่ช่อยแม่นาง พระองค์บ่าต้องพะวงดอก” ราชวรรณทูลวิธีเบิกทางให้ศิขินเข้าสู่ราชสำนักเชียงทอง โดยเข้าไปใกล้ชิดพระเจ้าอาของยาน้อย

“ข้าพึงใจตี้เจ้าอยู่ช่อยนาง ลางอะหยังบ่าดี...หื้อข้าทันฮู้...จักส่งกลางหาว ผาเมือง เอากำลังพลบุกทะลวงตีเวียง มื้อนั่นหื้อนางพ้นภัย หักเอาบัลลังก์คืนยาน้อย” กมรเตงทรงวางแผนไว้ เผื่อนางถูกจับได้ ต้องบุกเข้าเวียงทันที

 

... ... ... ...

 

 

ศิขินได้มีเวลาใกล้ชิดกับตรีพุทธา เธอเข้าใจนางแม้จะพึงใจครองคู่กับลโวทยา แต่ก็ไม่วายร้อนใจกับพระราชโอรสแห่งศรีชัยวรมันพระองค์นี้

“ตรีพุทธา... บ่าต้องพะวงนักดอก ลโวทยา เพิ้นยังเกรงเจ้าอยู่หนา” ศิขินได้แต่ปลอบใจ

 

นางหนักอกเหลือประมาณ ด้วยสวามีกลับไปหลงใหลนางอัปสรคนใหม่อีก ทำให้นางผ่ายผอมร่างกายทรุดโทรม มิอาจทนรับพฤติกรรมเช่นนี้ได้

 

ศิขิน... ข้ามีลูกอยู่ในครรภ์ พะวงยิ่งว่า ข้าจักหมดลมก่อนได้เบิ่งหน้าลูก” นางพร่ำบ่น

“ข้าจะเว้าหื้ออัญเพิ้นฮู้ความ เจ้าชายบ่าถนอมเจ้า... เมียทุกข์ปานใด ยังลูกในครรภ์อีก” ศิขินรู้สึกขัดใจยิ่งที่เจ้าชายพระองค์นี้เอาแต่ใจ ไม่รู้ว่าจะจัดการเยี่ยงไรแล้ว

“ผิดตี้ข้า... เพิ้นเอาข้าบนเทิงบ่าได้ ข้ามีลูก เพิ้นคงอยากเอาสำราญกับนางรำ” ตรีพุทธาสะอื้นกับศิขิน

“บ่าต้องไห้... เออ เอย เจ้าชายนี่นา ข้าจักไปเข้าเฝ้า เว้าหื้อเพิ้นเบิ่งแลเจ้า... บ่าต้องพะวง” ศิขินจำต้องรีบลา เพื่อไปทูลกมรเตง

 

 

พระองค์ทรงดำเนินออกมาตรงหน้ามุกของพระตำหนักใหญ่ และตรัสถามหานางอยู่

“ศิขิน เจ้าไปอยู่ตี้ใด ข้าอยากอาบน้ำกับเจ้า ฮ้อนนัก” เธอเดินเข้าไปกำลังก้มลงหมอบกราบ แต่กมรเตงคว้าเอวไว้ทันและอุ้มเธอเข้าไปห้องสรงด้านหลังห้องบรรทม

 

ขณะเธอช่วยขัดถูพระวรกายอยู่นั้น พระองค์ทรงสำราญยิ่ง แย้มสรวล เสียงหัวเราะเบาๆ ของแม่นางสนมเอกผสานกัน จุดอารมณ์กำหนัดของพระองค์ทันที ทรงกระซิบถามศิขิน

“ตรีพุทธา เอาลูกก่อนข้าล่ะหนา จังใดเจ้ายังบ่าเอาลูกหื้อข้า” ศิขินแสนอึดอัดใจ เธอเป็นสาวข้ามมิติเข้ามายุคนี้ เธอจะมีรัชทายาทให้พระองค์ได้อย่างไร ถ้าเธอเกิดในยุคนี้ แน่นอนเธอคงปลาบปลื้มยิ่งนักที่พระองค์ทรงต้องการขนาดนี้

นับตั้งแต่เธอหลงเข้ามาด้วยความมหัศจรรย์ของเครื่องย้อนเวลาของสติ๊งก์ เพื่อนหนุ่มเยอรมัน ณ มหาวิทยาลัยจำปาสัก เธอรู้มาตลอดเวลาว่าเธอไม่เคยมีประจำเดือนเลย เวลาของมิติน่าจะมีความซับซ้อนอะไรบางอย่างหยุดเธอไว้ เธอแค่หลงข้ามมิติเข้ามา ย่อมไม่อาจทำอะไรเพื่อเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้

 

ซึ่งเสมือนหนึ่งเธอเข้ามาเป็นแค่เพียงตัวละครหนึ่ง เพื่อมาสังเกตการณ์และรับรู้ความเป็นไป

 

“บุพกรรมคือ... ข้าเจ้า เพคะ” ศิขินถอนหายใจ ทูลกล่าวโทษไปที่ตัวเธอเอง มิอาจบอกอะไรได้

“เออ...เอย ศิขิน วิบากข้านั่นล่ะ ข้าคงเฒ่า...” พระองค์ทรงตระหนักเยี่ยงนี้ ด้วยความเชื่อของคนโบราณ และด้วยทรงมีราชกิจมากมาย ทรงออกรบด้วยพระองค์เองมาเกือบค่อนพระชนม์ชีพ ความเครียดคงทับถม ไม่มีเวลาผ่อนคลาย ช่วงที่เธอเข้ามาอยู่กับพระองค์เพียงไม่นาน ทำให้ทรงคลายทุกข์ไปได้หลายเรื่อง

 

“รอข้าเจ้า...คืนนครา ครายาน้อยหักเอาเชียงทองได้ เพลาโน้นเหมาะยิ่ง เพคะ”

“ดี...ดี เจ้าหื้อข้าคิดถึงศรีขริน นางคงอยากหื้อข้าเอาเจ้าตี้เรือนกลางพนา” พระองค์น่าจะหมายไว้แล้ว ทรงอยากให้รัชทายาทมาจุติที่นั่น ณ เทวาลัยพระไภสัชยคุรุ

 

ศิขินขัดผิวให้พระองค์ขณะสนทนาตามประสาแรกรัก ซึ่งไม่ทรงเบื่อที่จะคุยกับเธอเลย แผนการในใจที่เธอประสงค์ช่วยพระเจ้าหลานเธอผู้น่าสงสาร จึงผุดขึ้นว่าควรจะเริ่ม ณ เพลาใด

“พระองค์...เพคะ ... ข้าขอทูลฟ้อง...” ศิขินเอ่ยเบาๆ แต่พระองค์ทรงขมวดคิ้ว

“จังใด...!!! เจ้าทุกข์ตรมดอกรึ”

“มิได้เพคะ... ตรีพุทธานั่นดอก นางร่ำไห้กับข้า เจ้าชายบ่าเอาใจนาง...”

“มันหื้อข้าเจ็บกบาล...สิหนา” พระองค์ทรงถอนหายใจยาว ลุกพรวดจากอ่างอาบน้ำทันใด

 

ศิขินรีบคว้าผ้าซับพระวรกายเดินตามหลังไปอย่างรวดเร็ว พระองค์เข้าไปที่ห้องเปลี่ยนเครื่องทรง ดำเนินออกมาหาเธอ สาวน้อยสะดุ้งหน้าเจื่อนที่เห็นพระองค์แต่งตัวเรียบร้อยภายในแค่อึดใจเดียว

 

“เจ้าไปแต่งตัว... ข้ารอตี้บนตั่งนี่!!!” สีพระพักตร์แดง น่าจะทรงฉุนเฉียวเมื่อได้ยินเธอทูลไปเมื่อครู่

 

ศิขินให้รำพาช่วยแต่งตัวให้อย่างเร่งรีบ แล้วเดินออกมากำลังจะคุกเข่าหมอบลงที่พื้น แต่พระองค์คว้าข้อมือเธอแล้วพาเดินออกไปขึ้นราชยานหน้าพระตำหนักทันที

 

ระหว่างทางไปตำหนักพระราชโอรส พระองค์ไม่ทรงเอ่ยอันใดเลย ทำให้ศิขินกระวนกระวายหวาดกลัว

 

ครั้นไปถึงพระองค์รับสั่งให้ทหารหน้าตำหนัก ไปแจ้งแก่ข้าบ่าวด้านในว่า พระองค์ทรงรอเจ้าชายกับพระชายาอยู่ตรงหน้ามุกกระสัน

“ลโวทยา... ตรีพุทธา ข้ามาหาเจ้าทั้งสอง ข้าฮ้อนใจนัก” พระองค์ตรัสทันใด ทั้งสองยังไม่ทันได้กล่าวถวายบังคม

“กราบถวายบังคม...พระเจ้า/เพคะ” ทั้งสองหมอบอยู่แทบพระบาท กมรเตงประทับยืน ศิขินคลานไปหมอบอยู่ด้านหลัง

“เจ้ามีทุกข์อะหยังกันรึ!!! ข้าหวั่นว่า ลูกในท้องตรีพุทธาจักเจ็บไข้ มื้อนี้ข้ามาหาเจ้า จักสั่งหื้อเวชมุนีมาเบิ่งอาการสูเจ้า” พระองค์ตรัสอย่างดุดัน

“ตรีพุทธา... มาทางในกับข้า...” พระองค์รับสั่งแล้วตบหลังนาง

 

ทันทีที่นางลุกชันเข่า ศิขินต้องรีบเข้าไปพยุงนางจากเจ้าชายที่จับไหล่นางไว้อยู่ ครรภ์นางเริ่มโตมากขึ้นแล้ว จะลุกทรงตัวค่อนข้างลำบาก

 

“ตรีพุทธา... จังใดผัวเจ้าจึ่ง บ่าฟังไผ...จะเอานางรำ!!! ข้าจะไล่หื้อมันบ่าต้องมีตำหนักซุกหัวนอน”

“พระเจ้าลุง...เพคะ ข้าทุกข์ยากนัก วันอภิเษกเว้าหื้อข้าซำบายใจ แต่มื้อเอาลูกหื้อข้าแล้ว เพิ้นบ่าเคยมีใจหื้อข้า ตกค่ำออกไปอยู่กับนางรำตี้ตำหนักน้อยจนเช้า มื้อเบิกตะวันก็บ่าเคยมาเปิบกับข้า” ตรีพุทธาสะอื้นขณะทูลกมรเตง

“บ่าได้ล่ะ... ข้าจะสั่งขังมัน...”

“ทหารเวร... จับพระราชโอรส...ขังตำหนักดาว ตรีพุทธา...เจ้าไปอยู่กับมัน”

 

พระองค์หันไปสั่งทหารหน้าตำหนัก จับเอาตัวพระราชโอรสขึ้นเสลี่ยงไปก่อน แล้วจึงให้ตรีพุทธานั่งเสลี่ยงตามไป

 

เสียงดังฮึดฮัดไม่พอใจคำรามออกจากปากของชายหนุ่ม เขามองจ้องศิขินที่เงยหน้าสังเกตการณ์

“บ่าต้องหวาด ข้าจักกำราบมัน บ่าฮักเมีย ฮักลูก”

“ศิขิน ตามข้าไปตี้ราชยาน กลับตำหนัก ข้าจะไปเว้าลงกบาลหื้อมันนึก จะเป็นพ่อคน จังใดจึ่งสันดานอยากเอาแต่อินางรำ”

 

 

กมรเตงสั่งขังพระราชโอรสให้อยู่แต่ในตำหนักกับพระชายา จนกว่านางจะคลอด หลังจากที่อยู่กับพระชายาโดยมีทหารคอยสอดส่องรายงานพระองค์ตลอดเวลา ในที่สุดลโวทยาเริ่มปรับตัวทำใจได้ เจ้าชายถูกสั่งให้เอาอกเอาใจนาง หากไม่ทำตามรับสั่ง กมรเตงจะถอดตำแหน่งยึดพระราชทรัพย์ทั้งหมดคืนวังหลวง แล้วขับไล่ให้ออกไปอยู่นอกพารา เงื่อนไขเด็ดขาดเช่นนี้ทำให้เจ้าชายจำยอม

 

ครั้นถึงวันกำหนดคลอดของตรีพุทธา เจ้าชายปลาบปลื้มยิ่งเมื่อได้อยู่เฝ้ารอลุ้นใจแทบขาด เมื่อได้ยินเสียงชายาร้องเจ็บโหยหวนราวขาดใจ จึ่งได้รู้ถึงความทุกข์ยากของผู้หญิงที่กำลังจะให้กำเนิดบุตรแก่ตน

 

“ข้ามันบ่าดี... หื้อเจ้าทุกข์ตรมซ้ำสอง บ่าหลาบจำ ข้าดีใจ... เจ้าหื้อลูกบ่าวข้า”

“ทยา... ข้าบ่าดีเอง ตี้หื้อเจ้าเอาสำราญบ่าได้” ตรีพุทธายอมรับสภาพที่เป็นอุปสรรค

“เจ้ามีลูก... ข้าจำต้องไปเอาอินางรำ... ฮู้ใจข้าเถิดหนา”  เจ้าชายรับผิดที่ทำเช่นนั้น

 

ศิขินเข้าใจเรื่องทั้งหมดดี บุรุษเพศมีความกำหนัดย่อมต้องหาทางปลดปล่อย เป็นเรื่องธรรมชาติ ยุคสมัยโบราณไม่รู้วิธีการจะมีเพศสัมพันธ์ให้ปลอดภัยอย่างไร เธอเองไม่สามารถแนะนำอะไรได้ เพราะเป็นเรื่องล้ำยุคเกินไป

 

เรื่องของพระราชโอรสเพิ่งจะคลายทุกข์ไปได้ไม่นาน พระองค์มีเรื่องทุกข์ใจอย่างยิ่งยวดเข้ามาอีก เหมือนวิบากซ้ำกรรมซัด

 

“ศิขิน... ข้าจำต้องจากเจ้า คืนพระนคร” พระองค์ทรงเอ่ยเหมือนแบกภูเขาทั้งลูก

“เพคะ... มีเรื่องอะหยังรึ”

“เจ้าปาสมันหื้อม้าไวมา... ขบถในราชสำนัก ด้วยข้าบ่าอยู่วังเมินนาน...จะส่งกำลังพลตี้นี่กับเชลียงลงกระทืบหื้อสิ้นเสี้ยนหนาม” สุรเสียงทั้งดุดัน ทั้งพิโรธ ทำศิขินตกใจมาก

“ไผดอกรึ...ข้าเจ้าพะวงยิ่ง ขอองค์พระศรีบนเทิงหื้อพระองค์พ้นโภยภัย” ศิขินกลัวพระองค์จะถูกลอบทำร้าย ครานั้นที่เธอรับพิษงูแทนไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ครานี้ศึกภายในวังหลวง

“ปุโรหิตพาทย์บดินทร์ มันคุมคณะขับฮ้องราชพิธี... บังอาจ หัวจักบ่ามีบนบ่า ข้าสั่งหื้อจับตาย ตัดหัวปักประจานนอกวัง บ่าหื้อไผเอาเยี่ยงเอาอย่าง...”

 

ตกค่ำยามหนึ่งพระองค์ขอร้องเห่จำเรียงก่อน แล้วจึงให้ศิขินร้องเห่สวาท

 

ฤา...วิบากกรรมซ้ำซัดจำจากจร

ข้าขอพรเบื้องบนปกปักเจ้า

ขอเทพาอารักษ์...ช่วยลาดเลา

ข้ารักเจ้าหมดหทัย...ใจอาวรณ์

 

คืนนี้จะเอาเจ้าทั้งราตรี

จักเข้าที่เนินสุข...มิอยากถอน

รักนะดวงยี่หวา...แม่งามงอน

ใจเร่าร้อนบ่าใคร่...จากเจ้าไกล

 

ศิขินร้องเห่สวาท ต่อจากพระองค์

 

พระองค์เจ้าขา....ช่วยจุมพิต

บทพิศวาสให้....ข้าคิดถึง

โลมไล้ถึงที่...ช่วยเร้ารึง

ตราตรึงข้าใหลหลง...ตราบชั่วกาล

 

พระองค์ทรงบรรเลงเพลงรัก ณ ราตรีก่อนจากได้ซาบซึ้งจนล่วงถึงยามสี่ อาลัยอาวรณ์แสนห่วงหาแม่นางสนมเอก ไม่อยากจากเลยสักเพลาเดียว

“ศิขิน...คิดถึงหาข้า...ทุกเพลาหนา ใจข้าจักขาด มิอยากจากเจ้า ข้าจะละเจ้ายามตะวันคล้อยบ่าย...ฆ้องตีโมงสาม”

“... ทรงคืนนครา กำจัดเสี้ยนหนามเถิด เพคะ”

“ข้าจะมาหาเจ้าอีกคำรบ รอข้าหนา...เอาหื้อข้าสำราญอีกนา” พระองค์ให้คำมั่นจะกลับมาทันทีหลังกำราบพวกทรยศให้สิ้นซาก

 

พระองค์ทรงกระซิบวจีที่ไม่เคยเอ่ยมาก่อน ให้เข้าไปฝังไว้กลางดวงจิตของเธอ

“รักเจ้ามิหน่าย รั้วสิสูงเทียมฟ้า...จะข้ามมาเอาเจ้าทุกเพลา”

 

 

 

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.