3. เงื่อนงำ

มุกวารี
คุณกำลังอ่าน: มุกวารี

-A A +A

3. เงื่อนงำ

 

ยังไม่รู้ตัวตนแท้จริง

------------------------------------

 

มุกวารีตะลึงชั่วครู่ จากนั้นก้มหน้าลงมองอาหารบนจาน ทุกคนเงียบกันไปหมด จนเธอได้ยินเสียงถอนหายใจของตนเองดังมาก

 

“มา... สิระ กินข้าวกัน อาหารจะเย็นชืด ไม่อร่อย” เสียงภพธาราเอ่ยเชิญชวนชายหนุ่ม

“ครับ... หน้าตาเนื้อตุ๋นนี้ยังเหมือนเดิม” สิระออกปากชม ทำให้เจ้าบ้านยิ้มกริ่ม เปลี่ยนจากหน้าเหี้ยมกลายเป็นยิ้มระรื่น

“คงไม่มีอะไรล่ะ พรุ่งนี้ก็ถามกันเอาเอง แต่ตัวเลขของอาผู้หญิงเรานั่นถูกต้องที่สุดแล้ว” เขากำชับหลานชาย แล้วเบนสายตาจับจ้องมาที่ลูกสาวคนโตของภรรยาใหม่

“เอ่อ...เสาร์นี้ว่างไหม อาจัดปาร์ตี้เล็กๆ ที่บ้านเรา ชวนเพื่อนฝูงมาได้ เจ้า...ภูมิ คงบินมาแล้ว เห็นอยู่คอนโดในเมือง”

“ขออนุญาตชวนเพื่อนมาจอยหนึ่งคน...ครับ” เขายิ้มตอบรับคำเชิญ

 

ชายหนุ่มหันกลับมาจ้องสาวน้อยฝั่งตรงข้ามที่ยังก้มหน้างุด

“คุณมุก... วางเรื่องนี้ไปก่อน ไว้เราคุยกันพรุ่งนี้  enjoy please... ยิ้มสิ” เขาฉีกยิ้มและทำท่าจ้องหน้าของหญิงสาวจนเธอเริ่มส่งยิ้มตอบ แม้จะมีน้ำตารื้นรอบขอบตา

 

“มุก... พรุ่งนี้บ่าย ว่างไปเป็นเพื่อนแชรี่ที จะให้คนขับรถไปรับที่หน้าตึก” มนวราสั่งห้วนๆ

“ค่ะ...” เสียงขานรับเบาแทบไม่ได้ยิน

“อย่าไปเถลไถล...ที่ไหนล่ะ...”

“I don’t understand… ไม่เข้าใจค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าบอกมัมมี้ของเธอ

“Don’t be late… back home after!!! กลับเลย...อย่าช้า...ครับ”

ขอบใจมาก... สอนภาษาไทยให้แชรี่นะ... เธออยากเขียนได้” มนวราทำเสียงเยาะ ลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ

 

เกือบสี่ทุ่มชายหนุ่มขอลากลับ มุกวารีเดินออกมาส่งเขาที่ลานจอดรถ

“ผมอยากเตือนว่า... อย่าใจร้อน วู่วาม คุณอาท่านจะดุเอา นะครับ” เขายกมือของหญิงสาวทั้งสองข้างขึ้นมาตบเบาๆ ให้กำลังใจ

“Good night ฝันดี พรุ่งนี้เจอกัน” สายตาอบอุ่นที่จ้องแววตาของสาวน้อย ทำให้เธอเริ่มรู้สึกดีกับเขา ทั้งที่เมื่อเช้าแทบจะฆ่ากันเลยด้วยซ้ำ

 

หญิงสาวเดินกลับเข้ามานั่งอยู่ที่โถงรับแขก เธอไม่อยากอยู่บ้านสามีคนใหม่ของมัมมี้ ภพธารามองเธอด้วยสายตาที่แฝงอะไรบางอย่าง สบตาครั้งใดเธอบอกได้คำเดียว...

 

‘ปีศาจในคราบ... คาสโนวา’

 

มุกวารีได้ยินมัมมี้เปรยให้แชรี่ฟังว่า ภพธารา ร่ำรวย ใช้ผู้หญิงเปลือง มีภรรยาอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ แต่เลี้ยงสาวเอนซุกไว้ตามคอนโดหลายแห่ง ส่วนภรรยาที่บ้านหลังนี้เปลี่ยนมาสองคนแล้ว มัมมี้คือคนล่าสุด

 

<แช็ตที่ WhatsApp มีข้อความขึ้นมา...>

… … … …

 

“หวังเสียวเจ่!!!...คุณหนูครับ” อี้หมิงเขียนหามุกวารี

“ซูซุ... อาคะ มัมมี้บอกว่า อาคนใหม่  ซื้ออัญมณีของเรา อารู้เรื่องไหม” มุกวารีเขียนถาม

“ผมทราบ... แต่ไม่รู้ตัวเลข คุณหนูจะกลับมาเมื่อไหร่ เราต้องเลิกจ้างพนักงานเราสิ้นเดือนหน้า”

“หนูจะกลับต้นเดือนหน้า ไม่ต้องห่วงเงินชดเชย compensation หนูจะจัดการให้”

“อาคะ... เพชรสีฟ้าเม็ดนั้นได้คืนไหม” เธอยังสงสัย

“คุณหนู ถามคุณนายนะครับ ไม่เห็นเธอเอากลับมาคืนผม”

“จ้ายเจี้ยน ไว้คุยกันค่ะ”

 

… … …

 

อี้หมิงเป็นคนที่แฟรงกี้ หวัง พ่อของเธอไว้วางใจให้เก็บรหัสลับของตู้เซฟทั้งหมด เขาทำงานเป็นมือขวาของ แฟรงกี้ หวัง ตั้งแต่มุกวารียังไม่เกิด

 

สาวน้อยกำลังจะเดินขึ้นบันได เธอตกใจที่เห็นภพธาราเดินออกมาจากห้องนอน ส่งเสียงด่าทอ...ลอยออกมา

“สารเลว... มาอยู่บ้านนี้...ทั้งครอก สิบล้านเอาไปยังไม่พอ...bitch!!!” คนหน้าเหี้ยมดุดัน ด่ากราด หน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์จากไวน์ที่ดื่มไปหลายแก้ว

“มานี่...” เขากระชากเสียงใส่สาวน้อย ขณะลงบันไดมาเกือบชนเธอ

 

ภพธารากระชากแขนมุกวารี ขณะเธอกำลังขึ้นบันไดไป ให้ลงมาพร้อมเขาที่โถงรับแขกอีกครั้ง

“แม่เธอ... bitch!!! นังหน้าเงิน เอาเงินไปเท่าไหร่ไม่เคยพอ!!! ฉันเอามาเพื่อ... อะไร ทำอะไรไม่ได้ แก่ก็แก่... รีดเอาแต่เงิน” เขาสบถรุนแรง หยาบคายต่อไปยืดยาว เธอฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่

“calm down ใจเย็น...คุณอา เมาแล้วค่ะ drunk!!!” ภพธาราโกรธหนัก เลยพาลไปเอาแจกันดอกไม้ที่อยู่บนโต๊ะมุมโซฟาปาลงพื้นแตกกระจาย

“พวกมึงไสหัวไปให้หมด... อย่าโผล่หน้ามาหาตีน” เขาตวาดใส่ลุงสมและป้าสาสี่ที่โผล่หน้าออกมาดูเหตุการณ์ สองคนหวังจะช่วยมุกวารีที่ยืนตัวสั่นตกตะลึง

“นังแม่แก มันเอาเงินไปสิบล้านซื้อเพชรพลอยของพ่อแก ฉันยังไม่เห็นเพชรสักเม็ด”

“พรุ่งนี้มุกจะจัดการให้ค่ะ คุณอาขึ้นไปพักก่อนดีกว่านะคะ” เธอพยายามเกลี้ยกล่อมปากคอสั่น

 

เมธีคนขับรถถูกตะโกนเรียกให้มาพาคุณผู้ชายไปที่รถ เขาน่าจะออกไปนอนข้างนอกคืนนี้ มุกวารีถอนหายใจอย่างโล่งอก

 

เธอเรียกป้าสาลี่ให้เอาเด็กมาช่วยเก็บกวาดเศษแก้วที่แตกกระจายอยู่บริเวณโถงรับแขก มัมมี้ออกมายืนดูเหตุการณ์อยู่บนหัวบันไดข้างบน มองลงมายังสาวน้อยอย่างสะใจ นางยักไหล่ไม่แคร์ไม่สนว่าจะเกิดอะไรขึ้น

 

“มัมมี้... หนูไม่เข้าใจ”

“เห็นไหม...ผู้ชายคนนี้มันมีดีไหม”

“Don’t blame on him… อย่าโทษคุณอา มัมมี้เอาเงินเขาไปสิบล้าน???!!!”

“นี่แกหาว่า... ฉันโกงมันหรือ” มนวราตะคอกเธออยู่ตรงโถงข้างบนดังจนถึงข้างล่าง

“มัมมี้... ทำไมเสียงดัง คนในบ้านได้ยิน”

“แกอย่าทำตัวเป็นแม่ฉัน... !!!” มนวราตะคอกกลับ

“ผู้ชายคนนี้มันบอกว่า ถ้าจะยังเอาเงินอีก มันจะเอาพวกแก”

“หนูไม่เข้าใจค่ะ...”

“ยังทำตัว...ใสซื่อ จะให้พวกแกไปนอนกับมัน คราวนี้เข้าใจรึยัง” หญิงสาวตกใจหน้าซีด คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้ทั้งดุดันทั้งหื่น

“มัมมี้... I don’t stay here!!! มุกขอไม่อยู่ที่นี่”

 

หญิงสาวเดินเลี่ยงออกไปทันที เข้าไปเก็บกระเป๋าเดินทางที่เพิ่งเปิดออก เอาของใช้ส่วนตัวไม่กี่ชิ้นออกมาเท่านั้น ครึ่งชั่วโมงต่อมาเธอค่อยย่องยกกระเป๋าลงบันไดมา เห็นป้าสาลี่อยู่ตรงโถงรับแขกดูเหตุการณ์

“ป้าคะ...มุกฝากดูแลคุณแม่และน้องด้วยนะคะ” ในใจเธอก็ยังอดเป็นห่วงมนวราและแชรี่ไม่ได้

“คุณมุกจะไปนอนไหน...ป้าเป็นห่วงนะคะ” ป้าสาลี่มาช่วยยกกระเป๋าเดินทาง แต่หญิงสาวยื้อไม่ให้ช่วย

“หนูคงให้เพื่อนมารับ” เธอพูดไปอย่างนั้นเพื่อให้แม่บ้านคนนี้สบายใจ จริงๆ เธอก็ไม่รู้เหมือนกัน นอกจากสิระแล้วเธอไม่ได้รู้จักใคร

 

เธอบอกป้าสาลี่...ถ้าคุณแม่เธอถามหา ให้บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เธอจะไปพักกับเพื่อนสนิท

 

ไม่นานรถของสิระเข้ามาจอดตรงลานหน้าประตูใหญ่ของตัวตึก เธอลากกระเป๋าเดินทางออกไป ชายหนุ่มช่วยเอากระเป๋าใส่ท้ายรถ...

“เชิญครับ...” เขาเอ่ยสั้นๆ ขณะเปิดประตูด้านข้างคนขับให้

 

ต่างคนต่างเงียบอยู่ภายในรถ สิระเข้าใจสถานการณ์ของเธอผู้นี้ดี เขาปล่อยให้หญิงสาวตั้งสติก่อน จนกว่าเธอจะเอ่ยปากสนทนาขึ้นมาเอง เขากุมพวงมาลัยรถจนมาถึงย่านอาร์ซีเอ ไม่รู้ว่าจะขับรถไปที่ไหน จึงขับออกนอกเมืองไปเรื่อยๆ มาถึงถนนพัฒนาการ ก็ยังไม่ได้ยินว่าเธอจะพูดอะไร แม้เสียงกระแอมกระไอก็ไม่ได้ยินออกมา

 

“จะไม่พูดอะไรเลยหรือ” ในที่สุดสิระทนไม่ได้ จึงต้องถามขึ้น...

“อืม...Ummh เคยเป็นไหม... boring เซ็ง เศร้า”

“ผมเป็นบ่อย” เขาตอบแบบใช้วิธีเป็นพวกเดียวกัน... เพื่อปลอบใจเธอ

“รู้สึกแย่... ฉันเหมือนไม่มีครอบครัว...” สิระหันไปมองด้านข้าง เห็นเธอยกนิ้วปาดน้ำตา

“ทำไมเพิ่งรู้...” เขาถามไปเพื่อให้เธอได้คิด

“ฉันอยากให้ครอบครัวฉันเหมือนคนอื่นๆ รักกัน no quarrel ไม่ทะเลาะกัน”

“ฉันนอนหนาวมาจนโต...” มุกวารีเคยพูดคำนี้กับป้ามู่

 

แม่บ้านของตระกูลหวังซึ่งคอยดูแลปกป้องเธอไม่ให้ถูกทำร้ายจากมนวราและแชรี่ แฟรงกี้ หวัง พ่อของเธอไม่มีญาติหลงเหลือนอกจากป้ามู่คนนี้ที่ดูแลรับใช้คนในบ้าน

 

ชายหนุ่มเข้าใจแล้วว่า เธอไม่ใช่ลูกของมนวราและไม่ใช่พี่สาวของแชรี่อย่างแน่นอน

“คุณเป็นผู้รับมรดกของบริษัทแฟรงกี้ หวัง???!!!” เสียงเรียบๆ เหมือนไม่ใช่คำถามแต่มันสื่อสารออกไปเพื่อค้นหาคำยืนยัน

“คุณอาคงไม่พอใจ...” เขาคาดเดาตามข้อมูลที่ได้รับจากอีเมล์ของมนวรา

“เฮ้อ... คุณพ่อมอบให้ฉันดูแลกิจการต่อ แต่มัมมี้ไปขายให้คุณอา”

“...ทำไม”

“เงินสิบล้าน...นั่นไง!!!...” เธอโพล่งออกมาตามที่ได้ยินจากปากของภพธารา

 

คำตอบของสิระ ทำหญิงสาวสะดุ้ง

“ไม่ใช่...”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.