7. สหาย (วงศ์วาน) แห่งทิพยานครา

กรุราชันย์
คุณกำลังอ่าน: กรุราชันย์

-A A +A

7. สหาย (วงศ์วาน) แห่งทิพยานครา

 

 

สหายตนนี้จักช่วยปกป้องเจ้าจากภัยร้าย

------------------------

 

“ข้า...ถูกแม่เจ้าลงทัณฑ์ ... จิตเจียน...ดับสูญ” เสียงเบาของนาคาอสูรตนนี้อยู่แค่ในลำคอ

“กอดขะ...ข้า... จิตขะ...ข้า” และแล้วเสียงของเขาเงียบไป ตัวเย็นนิ่งสลบไปอีกครั้ง

 

บัวระวงนึกได้ว่าเขาต้องการชาร์ตประจุให้หัวใจกลับมาเต้นปกติ คงต้องใช้เวลาฟื้นตัวอีกช่วงหนึ่ง เหมือนสัตว์ที่จำศีลอยู่ กว่าจะค่อยคืนร่างกลับมาจึงต้องอาศัยความอบอุ่นไปกระตุ้นเซลล์ทุกอณู

 

“ทำอย่างกับฉันเป็นเทพีไอซิส ที่มีพลังในการปกปักรักษาเยียวยา...โอย อะไรกันเนี่ย...” สาวน้อยพึมพำบ่นไป ขณะมองร่างของนาคาหนุ่มที่อยู่บนตั่งเบื้องหน้า

 

“เฮ้ย...นายตายไม่ได้เชียวนะ...” เธอตั้งสตินึกขึ้นมาได้

 

เธอจึงตัดสินใจเข้าไปกอดร่างของเขาไว้แนบอก คิดแต่เพียงว่าหากเขาเป็นอะไรตายไป เธอต้องติดอยู่ที่นี่ แล้วยังย่าอสูรตนนั้นที่ต้องการฝังเธอทั้งเป็นอีก

 

ชายหนุ่มอยู่ในอ้อมอก เธอไม่รู้จะทำอย่างไร คิดแล้วเศร้าหากเขาตายไป เธอคงไม่มีใครช่วยได้ นอกจาก ณ เวลานี้ ...ทำได้แค่ร้องเพลงกล่อมเขาราวลูกน้อย

 

­… ... ... ...

 

อยากเป็นสายลมอ่อน                          ให้เธอตอนถูกเผาใจ
พัดพามหันตภัย                                   ให้ห่างไกลจากเธอนี้

อยากเป็นดั่งน้ำอุ่น                               ไอละมุนทั่วทุกที่
แม้ไร้แสงดาวคืนนี้                               จงมีวัน...เดินต่อไป

 

อยากเป็นดั่งอกอุ่น                                ให้เธอหนุนยามกล่อมนอน
ให้เธอคลาย...ทุกข์ร้อน                         ร้องตอนกล่อมเธอ...ทุกครา

 

“ฉันก็จำได้แค่ทำนอง เปลี่ยนเนื้อร้องไปซะงั้น อิ...อิ...อิ” เธอขำกับตนเอง แต่งเนื้อเพลงใหม่ไปเรื่อยๆ 

 

‘เวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้วหนอ ร่างนาคาของนายคนนี้หนักเอาเรื่อง’ บัวระวงคิดขณะฟุบหน้าลงไปซบหน้าเขาด้วยความเหนื่อยล้า

 

ในมิตินาคากาลเวลาคงจะเชื่องช้ากว่าโลกมนุษย์ เพราะเหล่าโอปาติกะนาคราชจำพวกนี้เสวยสุขอยู่ในดินแดนแห่งทิพย์บาดาล กาลเวลาจึงเป็นอนันตนาควรรษ

 

“เจ้า... ขะ...ข้า” เสียงแหบแห้งเริ่มเปล่งออกมา

“เออ...นายดีขึ้นรึยัง” เธอสะดุ้ง...เอาหูแนบอกฟังการเต้นของหัวใจ

“จักร...เพชร...จักช่วย...” เสียงเขายังขาดหายเป็นช่วงๆ บัวระวงสงสัยเหมือนกันว่า จักรเพชร...คืออะไร

“นาย...นาย ห้ามเป็นอะไร ห้ามตาย ฉันต้องการนาย...จำไว้” เสียงหญิงสาวสั่งอย่างหนักแน่น

“ข้า...รอ จักร...เพชร” ชายหนุ่มยังกระสับกระส่าย

“นาย...บอกฉันว่า วันนี้จะดีขึ้นไม่ใช่หรือ”

“...แม่เจ้าเผา ...กึ่งล่าง ข้า...” ร่างของเขายังทุรนทุราย แต่ไม่สาหัสเท่าวันวาน

 

สาวน้อยทำหน้าเหยเก ท่าทางสยดสยองกับวิถีการลงโทษของเหล่านาคราช ฤทธิ์ของพวกนี้น่าจะสั่งสมจากการบำเพ็ญบารมี และด้วยมิติแห่งทิพยญาณที่หนุนส่ง ทำให้นาคตนใดมีฤทธิ์เหนือกว่าย่อมจะมีชัย

 

เขาเงียบไปหลังจากที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาไม่นาน เธอตัดสินใจดันร่างของชายหนุ่มลงบนตั่งสังวาสอีกครั้ง

 

เธอลุกขึ้นบิดตัวไปมาด้วยความเมื่อยขบจากร่างของเขาที่กอดทับเธอเกือบทั้งคืน

 

“เฮ้อ...ทำยังไงดีหนอ... ฉันไม่มีฤทธิ์เหมือนพวกนาย” เสียงทดท้อหวาดวิตก อาการใจสั่นเต้นแรง เมื่อเธอนึกถึงภาพนางอสูรตนนั้นต้องตามอาละวาดไม่เลิกรา หากเป็นเช่นนี้ทั้งเขาและเธอกำลังตกอยู่ในเงาเพลิงอสูรร้าย

 

“จักร... ...จะช่วยเจ้ากับ...” เสียงเบาขาดเป็นช่วงๆ...เปล่งออกมา ทำเอาสาวน้อยปรี่เข้าไปยกร่างเขาขึ้นมากอดไว้กับอกเปลือยเปล่าของเธอ

“มา...มา ฉันจะกอดนายให้อบอุ่นขึ้นนะ” เธอดีใจสุดแสน อย่างน้อยเขายังไม่ตาย

ทันใดนั้น... บัวระวงผวาตกใจ...ร่างสั่นสะท้าน เมื่อเห็นร่างของชายหนุ่มท่าทางองอาจ อกเปลือยเปล่า นุ่งผ้าเหมือนโสร่งโปร่งแสงระยิบระยับ ก้าวทะลุผนังห้องเข้ามา

 

“ใครน่ะ...นายเป็นใคร” เธอตะโกนถามเสียงดังก้องหอสังวาส

“...ผู้ใดกระทำต่อเจ้าเยี่ยงนี้ ฮะ!!!” นาคาอีกตนเดินเข้ามายังตั่ง อุ้มจันทรปภาไว้ในอ้อมอก แล้วชำเลืองมองมายังสาวน้อย

“เจ้าคือใคร... มาทำอันใดที่นี่...!!!” เสียงตะคอกดุดันแสบแก้วหู

“ฉันเอง... ถูกอุ้มมาที่นี่ จะรู้ไหมเนี่ย”

“จักรเพชร... เอานางไปกับข้า” เสียงของจันทรปภาเอ่ยขึ้น

“เอาอาภรณ์คืนร่างนาง...” เสียงแหบแห้งขอร้อง

 

ทันใดนั้นร่างของบัวระวงกลายเป็นหญิงสาวอยู่ในอาภรณ์สวยงามราวเทพธิดา เธอเหมือนถูกเวทมนต์สะกดให้ตกภวังค์ ร่างกายนิ่งไม่ไหวติงไปชั่วครู่

 

เพียงชั่วพริบตาเธอถูกย้ายไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งภายในห้องหับโอ่โถงประดับประดาด้วยอัญมณีสีเขียวมรกตสดใสเปล่งประกาย

 

“โห...ราววิมานบนดุสิตบุรี...เลยยย” หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง

“เจ้ามากับข้า...” ชายหนุ่มร่างหนากว่านายคนที่ยังสลบอยู่ จับข้อมือเธอหายวับไปยังสถานที่อีกแห่ง

 

เธอถูกเปลี่ยนสถานที่ภายในชั่วอึดใจ ....

“เฮ้ย... มันที่ไหนกันล่ะนี่” เธอพึมพำเฉยๆ

“เจ้าอยู่นี่... ข้าจะไปช่วยสหายข้า...” เขารีบร้อนบอกเธอแล้วหายวับไปทันใด

“เฮ้ย...อย่าปล่อยฉันอยู่คนเดียว” บัวระวงตกใจสั่นไปทั้งตัว

 

สาวน้อยเดินวนไปวนมาเหมือนหนูติดจั่น ทำอะไรไม่ถูกเหมือนคนสติแตก

“แย่แล้ว... นี่พวกเดียวกันแน่เลย คงจะเอาเรามาฝังทั้งเป็น” เสียงสะอื้นขึ้นมาจุกตรงคอหอย เธออยากสลบไปไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว ร่างสั่นเทากลัวจนขนหัวลุก

 

เธอถูกมนต์วิสัญญีอีกคราให้หลับใหลตกสู่ภวังค์

 

... ... ... ...

 

“นางจำต้องบ่มพละ...” เสียงดังของชายหนุ่มก้องในมโนสำนึกของหญิงสาวก่อนที่เธอจะตกสู่ภวังค์ลึก

 

“อุ้มนางมาจากหนใด... นางคือใคร กลิ่นมนุสสาฟุ้งทั่วทิพยานครา”

 

จักรเพชรพญานาคาแห่งทิพยานคราถามขึ้น เขาคือวงศ์วานหลานพญาปู่เจ้าเวทจิตรา สหายที่เคยมาร่ำเรียนเวทมันตราปฐมบทร่วมกัน แต่ครั้งเยาว์วัยที่รัตนนาคาบุรี

 

“แม่เจ้าบอกตำแหน่งข้า ...ให้เริงนาคีกับนาง” จักรเพชรได้ยิน ...หัวเราะกังวานทันที

“เจ้ามิเคยฟังข้า... แม่เจ้านิลตวงเคยดับจิตเสนาตองอินทร์ และจะเอาปู่ข้า... ลืมแล้วฤา” พญานาคาแห่งทิพยานคราล่วงรู้ความเป็นมา

“เจ้าป้าทิพปภา...ถูกแม่เจ้ากับนราติ ดับจิตเบื้องหน้าเจ้าลุง” จักรเพชรเตือนความทรงจำของสหายรัก

“ข้าจำต้องกระทำเยี่ยงนั้น... แม่เจ้ามีคุณต่อ...ข้า” จันทรปภาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหายไปกับสายลม

 

จักรเพชร ทรงบัลลังก์แห่งทิพยานครา สืบต่อจากท้าวพญาแสงสูรย์สัญเวทย์...เจ้าแห่งไกรศวรบัลลังก์ พญานาคาตนนี้ต่อกรกับแม่เจ้านิลตวงมาตลอด ด้วยแม่เจ้ายังแค้นเคืองต่อพญาแสงสูรย์ไม่เคยลืมเลือน

 

คราที่นางต้องการเป็นสนมของนาคาธิบดีตนนั้น แต่ตองอินทร์ได้ทูลทัดทานห้ามพระองค์ไว้ก่อนแล้ว ทำให้นางพิโรธโกรธายิ่ง ถึงต้องดับจิตเสนาตองอินทร์

 

“เจ้าพักร่าง... ข้าจะช่วยคืนพละให้เจ้า”

“แม่เจ้า...จิตดั่งพิษอสุรา ลงทัณฑ์เจ้าถึงเพียงนี้ นางมิใช่ย่าเจ้า!!!” สหายหนุ่มส่งเสียงโกรธเคือง

“นั่น...กึ่งล่างเจ้า...คล้ำดำเยี่ยงนั้น” สหายหนุ่มส่ายหน้าไม่พึงใจกับการลงโทษทัณฑ์ของแม่เจ้านิลตวง

“เจ้า...เจ้าช่วยขะ...ข้า ด้วย...”

 

เสียงของจันทรปภาแหบแห้ง เลือนหายไปในอากาศ เขาถูกสะกดด้วยมนตราของจักรเพชรให้ตกสู่ภวังค์

 

สหายหนุ่มสาดลำแสงสีเขียวจากกลางหน้าผาก เข้าไปยังท่อนล่างของจันทรปภา ร่างกายของเขากระตุกเต้นเร่าอย่างเจ็บปวด ชั่วครู่ต่อมาส่วนที่คล้ำดำเกือบทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสีชมพู แล้วกลายเป็นเนื้อปกติดังเดิม

 

“หากญาณเจ้ามิแก่กล้าพอส่งมาถึงข้าได้ทัน กึ่งล่างคล้ำดำมิอาจคืนกลับได้!!!” เขากล่าวอย่างโล่งอก

“พักเถิด...จันทรปภา เจ้าถูกกระทำบาดเจ็บเยี่ยงนี้ ข้าคงต้องพิทักษ์เจ้าล่ะ”

 

พญานาคาตนนี้ทนไม่ได้ที่เห็นสหายรักถูกทำร้ายถึงเพียงนี้ จึงโพล่งออกมา

“แม่เจ้ามิใช่ย่าของเจ้า...จันทรปภา!!!”

 

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.