บทที่ 22 เผชิญหน้าอีกคำรบ

-A A +A

บทที่ 22 เผชิญหน้าอีกคำรบ

บทที่ 22 เผชิญหน้าอีกคำรบ

 

"เอ๊ะ...เจ้า!"

 

บุคคลลึกลับตื่นเต้นคลางแคลงใหญ่หลวง เยี่ยนฟางเหลือบแลสีหน้าเซี่ยเคอเผลออุทานด้วยความตระหนก พริบตานั้นเงาสีเหลืองถลันวูบ ปรากฏบัณฑิตกลางคนไว้เคราสั้นรูปกายสูงโปร่ง ใบหน้าซูบเรียวหน้าผากนูนสูง พวยพุ่งประกายตาเจิดจ้าเพ่งมองทั้งสองห่างเพียงแปดเชียะ

 

บุรุษหนุ่มกล้ำกลืนอาการบอบช้ำระงับจิตใจเป็นปรกติ บัณฑิตเสื้อเหลืองคล้ายมิมีเจตนาต่อสู้ กล่าวต่อบุรุษหนุ่มว่า

 

"ที่แห่งนี้ไหนเลยบุกรุกได้ง่ายดาย เห็นแก่เจ้าผู้เยาว์อันสัตย์ซื่อ เราจึงน้อมเตือนสักหลายคำ"

 

เซี่ยเคอแค่นเสียงเย็นชาลอบเกร็งพลังหฤโหดซึ่งน้อยครั้งจะทุ่มเทใช้ออก ปากยังส่งเสียงย้อนถาม

 

"หมายความอย่างไร หรือเมื่อครู่ท่านแน่ใจแล้วว่า พลังฝีมือเหนือล้ำกว่าข้าพเจ้า"

 

"เราเพียงรู้สึก การต้านรับพลังมรสุมตลบ ท่านใช้ออกด้วยลมปราณหฤโหดแสดงว่าเป็นศิษย์ผู้หฤโหดจูเก๋อตงสหายเก่า"

 

บัณฑิตเสื้อเหลืองพินิจคนทั้งสองสลับกันไปมา บุรุษหนุ่มผงกศีรษะยอมรับ สร้างความตื่นเต้นแก่มันจนเผยรอยยิ้ม พลันหมุนควงสองแขนทะยานเข้าหาตวาดสำทับ

 

"รับกระบวนท่า"

 

เซี่ยเคอฉุดดึงเยี่ยนฟางหลบยังด้านหลัง มือซ้ายควงเป็นวงง๋ายฝ่ามือขวาพลิกแล้วกรีดจู่โจมขึ้นเบื้องล่าง กระบวนท่าฝ่าแดนเลือดและฟันฝ่าในสิบสองหฤโหดแฝงพลังทะลักทลายใส่คู่ต่อสู้ทันที

 

ร่างบัณฑิตเสื้อเหลืองพลิ้วไหวดุจหมอกควันหนาทึบ ปรากฏเงาวูบวาบปกคลุมทั่วโถงถ้ำ พลังแหลมคมหลายสิบสายถักทอคล้ายตาข่ายมหึมากดกระหน่ำลงจากกลางอากาศชั่วอึดใจสามารถแหวกพุ่งดรรชนีพร้อมเพรียง

 

ห้วงสมองเยี่ยนฟางคล้ายฉุกคิดถึงคนผู้หนึ่ง ยามนั้นไหนเลยคำนึงถึงสิ่งใด เผลอร้องเรียกคำ "เซี่ยกงจื่อ" กระบี่สั้นสีดำสนิทถูกตะปบจากอกเสื้อ กายอ้อนแอ้นพลันแปรเปลี่ยน อากัปกิริยาไหนเลยเป็นรองเซี่ยเคอแม้น้อยนิด เสียงตวาดเจื้อยแจ้วพลังกระบี่แตกกระจาย ประกายเย็นเยียบพลิ้วเป็นจุดแต้มๆ พร้อมกับเงาคนโลดแล่นทั้งว่องไวทั้งรวบรัด กระแสลมอื้ออึงหวีดหวิวปั่นป่วนทั่วรัศมีสองวา

 

คนทั้งสองเมื่อผสานเสริมซึ่งกันและกัน คุกคามบัณฑิตเสื้อเหลืองชะงักงันทิ้งตัวลงพื้น หนำซ้ำวิชาดรรชนีฟ้าบรรจบ ยังถูกคลี่คลายจนสลายไป สูดลมหายใจลึกๆถดถอยสองก้าวยกมือทำท่า หัวร่อฮาๆกล่าวว่า

 

"ประเสริฐ!ฝีมือของท่านรับถ่ายทอดจากสหายเก่าเราหลายส่วนทีเดียว"

 

ชี้มือมาทางเยี่ยนฟางแค่นเสียงเฮอะๆเอ่ยสืบต่อ

 

"กับเพลงกระบี่เด็กหญิงเจ้า...นับว่านงคราญชังฟ้ามีธิดาคอยสานปณิทานได้แล้ว"

 

เซี่ยเคอสะท้านเฮือกใบหน้าถอดสีคำเรียกเยี่ยงนั้นไฉนคล้ายคลึงพวกนางสองพี่น้อง ขลุ่ยทองยะเยือกสมบัติตกทอดจากสำนัก คงอยู่ในครอบครองของดรุณีชุดดำ

 

ขบคิดถึงกระบี่สั้นและกระบวนท่าพลันเหลียวหน้าไป เยี่ยนฟางยกมือปาดวูบที่ใบหน้า การพบเห็นครานี้สร้างความว้าวุ่นแก่ตนจนเลือดลมระอุ ใบหน้าอันคุ้นเคย ข้างแก้มแดงอมชมพูไนตาซุกซนเปี่ยมอำนาจร้อนแรง กระบี่สั้นรั้งขึ้นป้องอก มิใช่นางแล้วจะเป็นใคร ขยับเขยื้อนริมฝีปากคิดกล่าววาจา บัณฑิตเสื้อเหลืองมีประสบการณ์โชกโชนหลายสิบปี รีบสอดแทรกเข้ามาพลางกล่าวถามต่อบุรุษหนุ่มว่า

 

"ขอเรียนถามผู้กล้าหาญอายุเยาว์ อาจารย์ท่านสบายดีกระมัง ภายภาคหน้าหากพบพานยังมีวาจาใคร่เรียนบอกมากหลาย"

 

เซี่ยเคอแม้แบ่งแยกสมาธิ พอฟังประสานมือกล่าวอย่างสำรวม

 

"ท่านผู้เฒ่าเป็นปรกติสุข เพียงแต่มีภาระผูกมัดตัวไม่ทราบร่องรอยแน่ชัด ผู้อาวุโสในเมื่อรู้จักอาจารย์ข้าพเจ้า คาดว่าเป็นหนึ่งในสี่ล้ำฟ้า"

 

"เราเทพดรรชนีจูสือ เรื่องราววันนี้แฝงความลับยิ่งใหญ่ของบู๊ลิ้ม"

 

เหลือบสายตาผ่านหน้าทั้งสองพลางอธิบาย

 

"ถ้ำอสนีบาตนี้เป็นเพียงปากทางสู่ดินแดนชั่วร้าย พวกท่านรีบกลับออกไป พยายามส่งข่าวต่อค่ายสำนักต่างๆ รวบรวมประดาผู้ทรงฝีมือ คอยตระเตรียมระงับมหันตภัยอีกหนึ่งปีให้หลัง เราแฝงตัวลอบปะปนสืบหาประมุขพวกมันยังมิได้เบาะแสแม้แต่น้อย"

 

เยี่ยนฟางเลิกคิ้วเล็กน้อย นามถ้ำอสนีบาตซึ่งแปลกหูนี้ หรือมีความร้ายกาจสามารถยึดครองบู๊ลิ้ม แผ่อิทธิพลครอบคลุมทุกค่ายสำนัก

 

"อีกหนึ่งปี...ผู้อาวุโสท่านแน่ใจ"

 

"เด็กหญิงการคาดคะเนของเราย่อมมีเค้ามูล มารดาท่านไม่อาจถือเรื่องส่วนตัวระหว่างบุรุษสตรีเป็นใหญ่ รังแต่ทำร้ายส่วนรวมย่อยยับ สมควรร่วมใจรวมกำลังสี่ล้ำฟ้าและชนชาวจงหยวนเพื่อต่อต้านขุมกำลังลี้ลับ"

 

เยี่ยนฟางซุกเก็บกระบี่ในตาคู่งามสังเกตุสีหน้าเซี่ยเคอตลอดเวลา เห็นบัดเดี๋ยวขุ่นแค้นบัดเดี๋ยวซีดเผือด คาดว่ากำลังมึนงงสับสน

 

สำหรับเทพดรรชนีจูสือ จัดอยู่ในทำเนียบสี่ล้ำฟ้าคือบุคคลสูงสุดยอดของบู๊ลิ้มแห่งยุค ประกอบด้วยผู้หฤโหดจูเก๋อตง เทพดรรชนีจูสือ ขอทานพเนจรหนานโซ่ว และหลวงจีนเงาคราม นอกจากนี้ยังมีสี่อัจฉริยะซึ่งเกียรติภูมิศักดิ์ศรีเทียมเทียบสี่ล้ำฟ้าคือ นงคราญชังฟ้ามู่ลี่จู แม่ชีมุทิตา กระบี่เอกะกงซุนอี เทพธิดาวังหยกหอมอิงอิง

 

แน่นอนข่าวคราวเหตุแปรเปลี่ยนโดยมิคาดฝัน ทั้งฝ่ายผีเสื้อหยกและบู๊ลิ้มจงหยวนสมควรเป็นสถานการณ์ตึงเครียด อย่าว่าแต่เซี่ยเคอยามนี้เผชิญหน้าฝ่ายตรงข้าม พอครุ่นคิดรีบตะปบมือซ้ายคร่ากุมข้อมือเยี่ยนฟางอย่างกะทันหัน กระบวนท่ารวบรัดว่องไวปราศจากวี่แววล่วงหน้า เยี่ยนฟางกลับยืนสงบแน่วนิ่ง อากัปกิริยาคล้ายคาดเดาออกแต่แรก ปากส่งเสียงถามอย่างเยือกเย็น

 

"ผู้อาวุโสแซ่จูเมื่ออาศัยในถ้ำอสนีบาตยี่สิบปี สมควรหยั่งเจตนาทราบเบาะแสประมุขพวกมันมาบ้าง"

 

เทพดรรชนีจูสือเข้าใจว่าสองหนุ่มสาวมีปัญหาผิดพ้องหมองใจ เปลือกนอกปั้นสีหน้าเคร่งเครียดกล่าวว่า

 

"เราถูกเรียกตัวเข้าพบห้าครั้ง แต่ละครั้งล้วนเป็นบุคคลลึกลับสุดหยั่ง เพียงรับฟังซุ่มเสียงโต้ตอบ ไม่สามารถเห็นรูปโฉมอีกฝ่าย"

 

"ถ้ำอสนีบาตชื่อนี้ไฉนอาจารย์มิเคยบอกเล่า"

 

เซี่ยเคอขมวดคิ้วถลึงตาใส่เยี่ยนฟาง ปากพึมพำถามไถ่ เห็นนางเชิดปากน้อยๆแววดื้อรั้นทะนงฉายชัด บุรุษหนุ่มแม้ขุ่นเคืองเลือดลมดาลเดือด หากนางคิดประทุษร้ายตนมีโอกาสลงมือนับสิบครั้ง ไหนเลยยินยอมเสียเวลาปั้นเรื่องราวมาหลอกลวงให้เกิดจิตปรารถนาดี ทอดถอนใจยาวปล่อยมือข้างนั้นลง

 

เทพดรรชนีจูสือหัวร่อเบาๆอธิบาย

 

"เราก็รู้สึกสถานที่นี้มีกฎเข้มงวดยิ่ง ขุมกำลังลี้ลับพิสดารเฉกเช่นพวกประดานั้นเป็นต้น"

 

ขาดคำห่อปากเป่าเสียงแหลมเล็กเสียดประสาท คลื่นเสียงสะท้อนก้องระหว่างผนังศิลา แฝงสำเนียงแหบโหยสูงต่ำราวนกราตรีร่ำร้อง หนุ่มสาวทั้งสองรู้สึกมีกลิ่นอายอัปมงคลคุกคามถึงตัว สยิวกายขนลุกเกรียว สัญชาตญาณระวังภัยก่อเกิดสบสายตาพลางหันขวับพร้อมเพรียง นักบู๊ชุดดำคล้ายซากศพแข็งทื่อสิบกว่าร่าง ทะยอยกระโดดเหยงๆตรงเข้ามา ยืนเรียงหน้ากระดานห่างประมาณสองวา

 

เทพดรรชนีจูสือกล่าวอีกว่า

 

"ข้อมูลที่ทราบพวกมันแบ่งเป็นหนึ่งประมุข สี่เทพเจ้า สี่หัวหน้าตำหนัก ยังมีผู้คุมกฎและสิบสองหัวหน้านักบู๊"

 

เซี่ยเคอสงบใจเยือกเย็นสอดคำถามว่า

 

"ผู้อาวุโสดำรงตำแหน่งใด"

 

"อืม...หัวหน้านักบู๊ขั้นที่แปด สำหรับหัวหน้านักบู๊อีกสี่ท่านพลังฝีมือเหนือกว่าเราอย่างน้อยขั้นหนึ่ง"

 

ทั้งสองใจหายวาบเบิกตาแทบมิเชื่อหูเด็ดขาด เพียงผู้อาวุโสจูสือหากต่อสู้ตัวต่อตัว กระทั่งเซี่ยเคอซึ่งมีความสำเร็จเหนือกว่าเยี่ยนฟางครึ่งขั้น คงรับมือได้ไม่เกินสิบท่า หนำซ้ำชนชั้นเกียรติภูมิทัดเทียมผู้หฤโหดอาจารย์ ตนไหนเลยเปรียบติดสักหนึ่งในหมื่น ประมุขถ้ำอสนีบาตย่อมสูงส่งยากหยั่งคำนวณ พริบตานั้นลืมความแค้นระหว่างตนกับดรุณีเยี่ยนฟาง หมกมุ่นกังวลโพล่งถามว่า

 

"ใช่แล้วนักสู้ประดานั้นทนทานต่อคมอาวุธ เมื่อครู่หากมิใช่ฉกฉวยจังหวะเหมาะ ไหนเลยสยบพวกมันได้ชั่วคราว"

 

เยี่ยนฟางแค่นเสียงเฮอะกล่าวว่า

 

"เรื่องนั้นอย่าเพิ่งแยแส ผู้อาวุโสแซ่จูโปรดวางใจ ข้าพเจ้าย่อมพยายามสุดความสามารถ"

 

เทพดรรชนีผงกศีรษะมองทั้งสองอย่างลึกซึ้ง พลันเงี่ยหูสดับรอบข้าง ส่วนลึกของถ้ำแว่วเสียงกู่กังวานใกล้เข้ามา ลดซุ่มเสียงทุ้มหนักเร่งรัดว่า

 

"ประเสริฐ...ไปเถอะทุกๆประการจงรอบคอบถี่ถ้วนกระทำอย่างลับๆ อย่าลืมที่เรากำชับ หาตัวอาจารย์พวกท่านน้อมเรียนต่อพวกมันวางแผนเตรียมป้องกัน"

 

วาจาพอกล่าวจบกวักมือพลางส่งเสียงกู่ตอบไป เซี่ยเคอสลัดศีรษะเล็กน้อยชักชวนเยี่ยนฟางทุ่มเทตัวเบารุดออกจากถ้ำ นักสู้ชุดดำยืนแน่นิ่งราวหุ่นสลัก ตลอดรายทางสองหนุ่มสาวต่างสงบปากคำจมสู่ภวังค์เคลิบเคลิ้ม

 

สำหรับเยี่ยนฟางนับว่าประทับเงาร่างบุรุษหนุ่มยากลืมเลือน จริงอยู่มารดานางมีอคติชิงชังบุรุษ สืบเนื่องเคยหลงรักผู้หฤโหดจูเก๋อตง ทว่าอีกฝ่ายนอกจากหยิบยื่นไมตรีให้แก่ตน ยังแอบลักลอบคบสู่สตรีอีกผู้หนึ่ง หลังทราบเรื่องมิแยแสหาข้อเท็จจริง พาจิตใจอันบอบช้ำเรือนกายอันบริสุทธิ์ ปลีกตัวจากวงพวกนักเลงตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีก่อนถึงเกาะมรกต อยู่กินกับกระบี่เอกะกงซุนอีจนเกิดธิดาสองคน กริ่งเกรงรื้อฟื้นถึงอดีต จึงให้พวกนางทั้งสองใช้แซ่มู่ตามมารดา

 

สาเหตุซับซ้อนนี้เซี่ยเคอนอกจากเสาะพบอาจารย์แล้ว ลำพังตนมิมีหนทางแก้ต่างไกล่เกลี่ยให้เพรียบพร้อมสองฝ่ายจริงๆ

 

'หรือว่ามารดาพวกนางคือนงคราญชังฟ้ามู่ลี่จู คราก่อนเราใช้ดรรชนีหฤโหดเยี่ยนฟางกูเหนียงก็รู้จักด้วย หากเป็นดั่งนั้นจริง เรื่องนี้เราสมควรสะสางอย่างไร'

 

พริบตานั้นเงื่อนปมมากมายประเดประดัง ก่อกวนจิตใจฟุ้งซ่านสมองพองโต กระทั่งเยี่ยนฟางเองก็เริ่มสองจิตสองใจ ความคิดหักล้างกันดุจมรสุม

 

'ที่แท้เป็นศิษย์ผู้หฤโหด มิน่าเล่าไฉนวิชาดรรชนีท่าร่างจึงยอดเยี่ยมกว่าศิษย์รุ่นเยาว์ทำเนียบกระบี่คุณธรรม บิดาต้องการขลุ่ยทองยะเยือกบัดนี้ทราบแล้วว่าเป็นสมบัติในครอบครองของมัน เราสมควรมอบคืนหรือไม่'

 

โลดแล่นชั่วขณะละลิ่วข้ามธารน้ำตกก้นหุบเขา ดาราพราวพร่างแสงจันทร์นวลตา ดึกสงัดบรรยากาศในหุบเขาอสนีบาตยิ่งลี้ลับวังเวง หลักหินโขดศิลาดำตะคุ่มคล้ายเงาปีศาจ ทุกที่ทางปราศจากต้นไม้ใบหญ้างอกเงย สองหนุ่มสาวพลันชะงักร่างไว้ เซี่ยเคอพลันหมุนตัวตลบหนึ่งปิดสกัดหนทางปากหุบเขา ใบหน้าเคร่งขรึมเย็นชาเอ่ยเสียงทุ้มหนัก

 

"โฉมหน้าแท้จริงเมื่อถูกเปิดเผย คาดว่าเจตนาของกูเหนียงคงมิใช่เรื่องดีงาม"

 

เยี่ยนฟางทอดถอนใจส่ายหน้า เลิกคิ้วสูงชันแย้มยิ้มอย่างอ่อนหวานย้อนถามว่า

 

"เล่ห์เหลี่ยมประสบการณ์สู้ผู้อื่นมิได้ ก็คิดใช้กำลังข่มเหงข้าพเจ้า นี่หรือคุณสมบัติศิษย์ยอดคนแห่งยุค"

...^^^

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Right Reserved.