บทที่ 337: เจ้าเป็นใคร?
ต่อมา มู่เฟิงขยับตัวที่แข็งทื่อของตัวเอง อีกทั้งยังรู้สึกถึงความเย็นที่ปกคลุมอยู่ทั่วร่าง ตัวของเขาจึงสั่นเล็กน้อย
หนาวจริง ๆ!
ในไม่ช้าเขาก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองนอนอยู่ในโลงน้ำแข็ง ไอเย็นที่แผ่ออกมารอบตัวทำให้เขาหนาวสั่นไปทั้งร่าง
ไม่แปลกที่เขาจะหนาวแบบนี้ เพราะเขานอนอยู่ในโลงน้ำแข็งเต็มใบนั่นเอง
ขณะเดียวกัน เมื่อเฟิ่งมู่ชิงเห็นว่ามู่เฟิงขยับตัวอย่างยากลำบาก นางจึงค้นดูของในแหวนมิติ ไม่นานนางก็หยิบเม็ดยาสีแดงเพลิงออกมา
พอเม็ดยาปรากฏขึ้น ห้องแช่แข็งที่เย็นจนเริ่มกัดผิวก็เริ่มอบอุ่น
“เอานี่ไป ยานี้จะช่วยขจัดความเย็นในตัวท่าน” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับยื่นเม็ดยาไปให้คนตรงหน้า
มู่เฟิงเพิ่งรู้ว่ามีคนอยู่ข้าง ๆ เมื่อเขารับยามาก็กลืนมันลงไปทันที
“ขอบคุณ” ศิษย์หนุ่มกล่าวขอบคุณด้วยเสียงแหบพร่า
“ท่านเชื่อใจข้าที่เพิ่งพบหน้าขนาดนี้เลยหรือ ท่านไม่กลัวว่าข้าจะมอบยาพิษให้แก่ท่านหรืออย่างไร?” หญิงสาวเห็นเขารับยาไปกินโดยไม่ลังเล นางจึงรู้สึกสนใจขึ้นมา
หรือข้าจะมีหน้าตาที่ดูไร้พิษภัย?
แต่เมื่อเฟิ่งมู่ชิงสัมผัสได้ถึงความเย็นที่บดบังใบหน้าครึ่งหนึ่งเอาไว้ นางก็พลันได้สติพลางคิดว่าด้วยรูปลักษณ์ ณ ตอนนี้ นางจะดูไร้พิษภัยได้อย่างไร
“ถ้าเจ้ามีเจตนาร้าย เจ้าคงไม่มาช่วยข้าที่นี่หรอก” คนเป็นศิษย์พี่ตอบ
“ท่านฉลาดดีนี่ ถ้าเจ้าสำนักเข้ามา ท่านก็อย่าลืมช่วยข้าด้วยล่ะ”
มู่เฟิงที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็ตกใจ แล้วมองสำรวจหญิงสาวที่แต่งกายในชุดของสำนักคังเยว่อีกครั้ง แต่เขารู้แน่ชัดว่าตนไม่รู้จักศิษย์น้องคนนี้มาก่อน
“เจ้าเป็นใคร?”
“ท่านจะคุยเรื่องนี้กับข้าที่นี่จริง ๆ หรือ?”
เฟิ่งมู่ชิงพูดพลางมองไปรอบ ๆ แม้ว่านางจะมีรากวิญญาณธาตุน้ำที่ไม่กลัวความหนาวเย็น แต่การอยู่ในห้องเย็นแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่นางชอบใจสักเท่าไหร่
ศิษย์หนุ่มรู้ตัวทันที เขาจึงยิ้มแก้เก้อขณะกล่าวว่า “เป็นข้าที่คิดน้อยไปหน่อย”
ปัจจุบันโอสถวิญญาณซึมเข้าไปในร่างกายระหว่างที่ทั้ง 2 คนคุยกัน ความเย็นที่เคยซึมลึกเข้ากระดูกของมู่เฟิงได้ถูกขจัดออกไปจนทำให้หลงลืมไปว่าพวกตนยังอยู่ในห้องแช่แข็ง
ต่อมา ชายหนุ่มตบที่ก้นโลง ส่งให้ตัวเขาลอยขึ้นและยืนอย่างมั่นคง จากนั้นทั้งคู่ก็ออกจากห้องแช่แข็งมาเดินอยู่บนเส้นทางที่เงียบสงบและมีแสงไฟสลัว
ในเขตหวงห้ามนี้มีทางเข้าออกแค่ทางเดียว เฟิ่งมู่ชิงไม่รีบร้อนออกไป นางรออยู่กับมู่เฟิงที่นี่เพื่อรอให้เซี่ยหมิงกลับมา
ด้วยความสามารถของเจ้าสำนักเซี่ย ไม่ว่าอย่างไรนางก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือของอีกฝ่าย หากชายหนุ่มไม่ตื่นขึ้นมาคอยปกป้องชีวิตนาง นางคงหนีไปนานแล้ว
แต่ตอนนี้มู่เฟิงตื่นขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อย เซี่ยหมิงคงจะต้องรู้สึกขอบคุณนางแทบไม่ทันแน่หากเห็นว่านางช่วยศิษย์รักของเขาไว้
เมื่อทั้ง 2 คนยืนเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ชายหนุ่มที่เพิ่งฟื้นจากความตายค่อย ๆ รู้สึกตัวมากขึ้น เขาเพ่งพินิจมองหญิงสาวในชุดของสำนักคังเยว่ตรงหน้า ไม่ว่าจะมองอย่างไรเขาก็แน่ใจว่าเขาไม่รู้จักนาง
“ศิษย์น้อง เจ้ามาช่วยข้าทำไม?” ผู้เป็นศิษย์พี่ถามด้วยความสงสัย
“ข้าเพียงแค่ทำตามคำไหว้วานของคนอื่นเท่านั้น” เฟิ่งมู่ชิงตอบเสียงเรียบ
“ไม่ทราบว่าเจ้าได้รับคำไหว้วานจากใครหรือ?”
มู่เฟิงที่ได้ฟังคำตอบยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้น เพราะบนโลกนี้มันจะมีใครยอมเสี่ยงชีวิตมาช่วยคนอื่นโดยที่ไม่รู้จักกันด้วยหรือ
“คนที่ไหว้วานข้าคือหนานซี”
ทันทีที่ชื่อนั้นหลุดออกมาจากปากของศิษย์น้อง ชื่อที่เต็มไปด้วยความทรงจำก็ดังก้องอยู่ในหูของศิษย์หนุ่ม ส่งผลให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว “นาง… เป็นอย่างไรบ้าง?”
เขากลัวว่านางจะเศร้าเสียใจเมื่อรู้ว่าเขาตายแล้ว เขาไม่รู้ว่าตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง
“สถานการณ์ของนางไม่ค่อยดีนัก” เฟิ่งมู่ชิงกล่าวเสียงขรึมโดยไม่ปิดบัง
“!!!”
คำตอบนี้ทำให้มู่เฟิงตกใจอย่างยิ่ง ด้วยความกังวลเขาจึงก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับถามออกมาอย่างร้อนรน “นางเป็นอะไรไปหรือ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่? แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ไหน?”
หญิงสาวขมวดคิ้วกับคำถามที่ถูกรัวใส่ขณะที่นางพูดว่า “ท่านต้องการให้ข้าตอบคำถามไหนก่อนดี?”
“ขอโทษด้วย ข้าแค่กังวลมากไปหน่อย เจ้าค่อย ๆ เล่ารายละเอียดมาเถอะ” ชายหนุ่มกล่าวขอโทษ แต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลยังไม่ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย ระหว่างที่เขานอนอยู่ในโลงน้ำแข็ง ภายนอกเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เฟิ่งมู่ชิงรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง 2 คนนั้นลึกซึ้งมาก นางจึงไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป
“พวกปีศาจกำลังก่อกบฏ หนานซีถูกคุมขังอยู่ในวังมาร อีก 5 วันนางก็จะถูกหลิวอี้คนทรยศบังคับเข้าพิธีสมรส”
หลังจากมู่เฟิงได้ยินคำพูดของศิษย์น้อง สมองของเขาก็ว่างเปล่า เขาแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเพิ่งได้ยิน “หลิวอี้? นั่นไม่ใช่อาแท้ ๆ ของหนานซีหรือ?”
“ในเมื่อเขากล้าทำเรื่องแบบนี้ หลิวอี้ก็ย่อมไม่ใช่อาแท้ ๆ ของหนานซีอยู่แล้ว” พอหญิงสาวนึกถึงภาพที่หนานซีทุ่มเทเอาแก่นเลือดหัวใจออกมา นางก็รู้สึกตาฝาดไปชั่วขณะ
นางเหมือนมองเห็นร่างที่กระโดดลงจากหน้าผามาเสี่ยงตายกับตน และคนที่คอยปกป้องอยู่เบื้องหน้าทุกครั้งที่มีภัยอันตราย
จวินหรูเย่…
เมื่อเฟิ่งมู่ชิงนึกถึงสัญญาที่พวกนางเอ่ยไว้ในป่าลั่วเซี๋ย นางก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เพราะนางรู้สึกว่าแม้แต่สวรรค์ก็ไม่สนับสนุนพวกนาง ยิ่งไปกว่านั้นนางไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร
“5 วัน… อีกแค่ 5 วัน ไม่ได้! ข้าต้องรีบไปช่วยนาง!” แววตาของมู่เฟิงเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ ในขณะที่เขาร้อนใจอยากจะรีบไปที่เผ่าปีศาจทันที
ทางด้านเซี่ยหมิงที่รีบกลับมาก็มาถึงเขตหวงห้ามแล้วเห็นชายหญิงคู่หนึ่งยืนเผชิญหน้ากัน แสงน้อย ๆ ที่ล่องลอยอยู่รอบตัวส่องให้เห็นใบหน้าของทั้ง 2 ได้เพียงเลือนราง
ชั่วอึดใจนั้นเส้นประสาทในสมองเขาขาดผึง ส่งผลให้ชายสูงวัยเผลอปล่อยไอสังหารออกมา พร้อมกับรวบรวมพลังไว้ในมือและพุ่งเข้าหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว
เฟิ่งมู่ชิงที่สัมผัสได้ถึงอันตรายกระโดดหลบไปด้านข้างได้ทันแบบฉิวเฉียด
“ท่านอาจารย์! ท่านใจเย็นลงก่อน!” มู่เฟิงเองก็ตกใจที่เซี่ยหมิงเปิดการโจมตีทันทีที่มาถึงแบบนี้ เขาจึงรีบเอ่ยปากห้าม
พอเจ้าสำนักเซี่ยได้ยินเสียงคุ้นหู เขาก็เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ดวงตาขุ่นมัวจึงเริ่มแดงก่ำ ในขณะที่เขาเอ่ยปากเรียกอีกฝ่าย “เสี่ยวมู่?”
น้ำเสียงที่ชายชราเปล่งออกมาสั่นเครือ เขาก้าวไปข้างหน้าเหมือนคนที่ไม่อยากจะเชื่อในสายตาตนเอง ขณะยื่นมือออกไปแตะร่างกายศิษย์รัก จนกระทั่งรู้สึกถึงความอบอุ่นในมือ เขาก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวปล่อยให้มันไหลพรากอาบแก้ม และเขาก็กอดมู่เฟิงแน่น
“เสี่ยวมู่ เจ้ากลับมาแล้ว”
เมื่อศิษย์หนุ่มรู้สึกถึงร่างกายที่สั่นเทาของผู้เป็นอาจารย์ เขาก็กอดชายตรงหน้าพร้อมปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเช่นเดียวกัน “อาจารย์ ศิษย์อกตัญญู ทำให้อาจารย์ต้องเป็นห่วง”
ตั้งแต่จำความได้ เขาก็เป็นศิษย์ของเซี่ยหมิง แม้จะเป็นเพียงอาจารย์กับศิษย์ แต่อีกฝ่ายก็เปรียบเสมือนพ่อที่คอยดูแลเขา ทั้งสอนสั่งวิชา ทั้งคอยดูแลเอาใจใส่ตั้งแต่เล็กจนทำให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 แน่นแฟ้น
เจ้าสำนักเซี่ยเป็นคนที่เลี้ยงดูมู่เฟิงมากับมือ พอลูกศิษย์ตายก็ส่งผลให้เขาได้รับผลกระทบใหญ่หลวง เขาต้องใช้ทุกวิถีทางในการหาโลงน้ำแข็งพันปีมาเพื่อรักษาร่างกายอีกคนไม่ให้เน่าเปื่อย
“ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว”
ขณะเดียวกัน อวี่โม่ที่ตามมาเงียบ ๆ ก็เดินมาอยู่ข้างกายเฟิ่งมู่ชิง พอเห็นอาจารย์กับศิษย์กอดกันแน่น ความรู้สึกหลากหลายก็ประดังประเดเข้ามาในใจ
เขารู้จากปากของหนานซีแล้วว่ามู่เฟิงกับเซี่ยหมิงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน เมื่อได้มาเห็นกับตาเขาก็รู้สึกประทับใจมาก
“แม่นางเฟิ่ง ขอบคุณเจ้ามาก” ปีศาจหนุ่มกล่าวขอบคุณขณะมองดูชายที่ฟื้นจากความตาย แล้วเขาก็ถอนหายใจยาวเพราะภาระหนักบนบ่าได้ถูกวางลงไปเปลาะหนึ่งแล้ว
ในที่สุดเขาก็ไม่ได้ทำให้น้องสาวต้องผิดหวัง ตอนนี้มู่เฟิงฟื้นคืนจากความตายสำเร็จ ดังนั้นโอกาสที่จะไปช่วยหนานซีออกมาได้สำเร็จก็เพิ่มขึ้น
“ท่านเจ้าสำนักเซี่ยตกลงรับปากท่านหรือไม่?” เฟิ่งมู่ชิงเอ่ยถาม
อวี่โม่พยักหน้าตอบว่า “เขาเรียกมหาอำนาจทั้ง 6 มาประชุมร่วมกันแล้ว”
“คงต้องเร่งมือหน่อย เวลาของเราเหลือน้อยลงมากแล้ว” หญิงสาวยังไม่วางใจขณะพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ปีศาจหนุ่มเห็นด้วยกับคำพูดของนาง ทั้ง 2 จึงหันไปมองอาจารย์กับศิษย์ที่กลับมาเจอกันอีกครั้ง
พอรู้สึกถึงสายตาของผู้อื่น พวกเขาจึงผละออกจากกัน
“ท่านอาจารย์ นี่คือศิษย์น้องคนที่ช่วยข้าไว้” มู่เฟิงจับมือเซี่ยหมิงให้เดินมาหาเฟิ่งมู่ชิง
เมื่อชายชราเห็นชัดเจนว่าคนที่มาช่วยเป็นใคร เขาก็รู้สึกโล่งใจ ปัจจุบันเรื่องของหญิงสาวถูกพูดถึงกันกว้างขวางในสำนัก แม้เขาจะไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ แต่เขาก็ได้ยินผ่านหูมาบ้าง
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 53
แสดงความคิดเห็น