บทที่ 3...1/3
อัลบั้มรูปสมัยเด็กของปรานต์ถูกรื้อออกมาจากห้องเก็บของที่เขาไม่ได้เข้ามานานแล้ว น่าจะตั้งแต่หลังจากจบมัธยมแล้วเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกา ปรานต์ถอนใจเมื่อต้องหยุดไม่ให้ตัวเองคิดถึงเหตุการณ์ต่อจากนั้น 3 ปี หลายอย่างได้เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงเขาจนกลายเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อ ทั้งที่ครอบครัวของเขาเคยมีกันสี่คน แม่จากไปตอนเขาเพิ่งเข้ามัธยมปลายแล้วเพียงไม่กี่ปีต่อมาพี่ชายก็ถูกฆ่า!
ปรานต์ถอนใจยาวอีกครั้งเมื่อไม่ควรคิดขึ้นมาอีก ทุกวันนี้เขาผ่านเวลาเจ็บปวดนั้นมาได้แล้ว แม้ว่าตำรวจจะหาตัวคนบงการไม่พบก็ตาม รูปขาวดำคือเป้าหมายของการค้นหาจนกระทั่งใบหน้าของปรานต์ในวัยสิบขวบหันมองกล้องทำให้มือหนาที่กำลังพลิกเปิดหยุดลงแล้วค่อยๆ มองไปทีละภาพอย่างตั้งใจ จนกระทั่งพบภาพเด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มในชุดสีชมพูฟูฟ่องกลางสวนเล็กๆ ที่ไหนสักแห่ง ปรานต์พยายามนึกแต่มันนานจนแทบจำอะไรไม่ได้ อาจเป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อสักคนก็ได้กระมัง
“พ่อเลือกเด็กคนนี้มาเป็นเจ้าสาวให้ลูกชายหรือปล่านะ” หน้าตาของเด็กในรูปดูไม่เข้าเค้ากับสามสาวที่มาเยี่ยมชมฟาร์มสักเท่าไหร่ “หนึ่งในสามคนใครคือคนที่พ่อเลือกมากันนะ”
อัลบั้มถูกเก็บกลับเข้าไปที่เดิม ยกเว้นรูปของคนหนึ่งที่ปรานต์หยิบติดมือมาไว้ใส่กระเป๋า สิบกว่าปีแล้วหน้าตาของเด็กคนนี้จะเป็นยังไงกันแน่ บางทีเขาอาจจะมาถูกทางหรือผิดทางก็ได้
เมื่อปรานต์เดินกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเองคิดว่าจะสะสางแฟ้มต่างๆ บนโต๊ะให้เสร็จก่อนไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับเล็กๆ สำหรับคณะเยี่ยมชม แต่พอเห็นสีหน้าของคนสนิทเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องอื่นให้จัดการแน่แล้ว
“มีอะไรหรือเปล่านน”
“คนของเราถูกยิงครับ ตอนนี้ถูกส่งไปที่โรงพยาบาลแล้ว ผมคิดว่าควรมาบอกคุณปรานต์ ก่อนที่จะไปดูอาการ”
สีหน้าของปรานต์ไม่ได้ตกใจอะไร แต่สงสัยมากกว่า นานมากแล้วที่ไม่มีเรื่องทำนองนี้ พอใกล้การประมูลสัมปทานรังนกรอบใหม่เขาก็ถูกเล่นงานทันที
“เตรียมเรือแล้วกันฉันจะไปด้วย เผื่อเจอธนาจะได้คุยกันเสียเลย นายคิดว่าคนของใคร”
“ผมยังไม่แน่ใจครับ”
ปรานต์พยักหน้าเพราะตัวเลือกในสมองของเขาตอนนี้มีไม่ต่ำกว่าสองคนเหมือนกัน เรือเตรียมพร้อมแล้วเมื่อปรานต์มาถึง ชายหนุ่มมองไปยังคณะเยี่ยมชมที่กำลังทยอยออกมาจากเรือนรับรอง คืนนี้เขาคงไม่มีเวลามากพอในการตามหาว่าที่เจ้าสาวเสียแล้ว
งานเลี้ยงต้อนรับที่คล้ายๆ แคมป์รอบกองไฟดำเนินไปอย่างราบรื่น โดยมีศกช่วยดูแลเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนความบันเทิงทางหนุ่มๆ ในคณะมีกีตาร์มาพร้อมสรรพ พอได้ที่นั่งก็ครวญเพลงกันสนุกสนาน จอมขวัญก็นั่งร้องเพลงเพลินจนเห็นปริญดากวักมือให้ออกมากินบาร์บีคิวที่ย่างจนหอมและสุกได้ที่ พอเห็นหน้าของมินตราที่เหมือนผักชีโดนขยำก็อดหัวเราะไม่ได้
“ไงล่ะ อุตส่าห์แต่งตัวมาเสียสวย ท่านเจ้าของเกาะไม่มาซะงั้น เศร้าเลยอ่ะพี่จอม” ไม่พูดเปล่ามินตรายังคว้าแขนจอมขวัญมากอดเป็นเด็กๆ ไม่ได้ผิดหวังนักหรอก แต่โดนแซวเพราะใส่กระโปรงมาสวยกลับวืดเสียนี่
“น้อยๆ หน่อยยัยมิน พี่เห็นคุณปรานต์ออกไปกับผู้หญิงสวยเชียว หล่อ รวย ถึงจะดูเหมือนมาเฟียโหดๆ ไปหน่อย พี่ว่าไม่น่าโสดแล้วหละ” ปริญดาคุยเสียงเบาๆ ไม่อยากให้น้องเล็กในกลุ่มโดนแซวอีก
“แหมพี่ดา ขอมินเพ้อถึงหน่อยก็ไม่ได้ จบเลย” มินตราหัวเราะพอไม่ได้ยินเสียงจอมขวัญเลยมองตาม “พี่จอมมองอะไรอยู่หรือคะ”
จอมขวัญหันมายิ้มพลางชี้ออกไป “พี่กำลังมองไฟจากเกาะจาตุงอยู่น่ะ แปลกดีเหมือนกันเปิดเหมือนกำลังส่งสัญญาณให้ใครสักคน”
สามสาวพากันเพ่งมองแสงไฟที่กะพริบเป็นจังหวะ แต่แปลความหมายออกมาไม่ถูก ซึ่งบางทีอาจไม่มีความหมายอะไรเลยก็ได้
“จอม มิน ดามาทางนี้ได้แล้ว พวกพี่ขาดนักร้องต้องการตอนนี้ด่วนๆ”
มินตรารีบวิ่งเข้าวงไปก่อนใคร ปริญดาตามมาห่างๆ จอมขวัญยังไม่หายสงสัย แต่ยังหาคำตอบไม่ได้เลยตามไปเป็นคนสุดท้าย
“น้ำแข็งหมด เดี๋ยวจอมไปตักมาให้ใหม่ก่อนนะ”
น้ำแข็งที่แบ่งมาจากบ้านหมดพอดีทำให้จอมขวัญต้องเดินกลับไปที่ครัวซึ่งก็พอดีกับมีเรือขับเข้ามาจอดอย่างเงียบๆ หญิงสาวคงไม่สนใจหากว่าใบหน้าเรียบๆ แต่แฝงความเหี้ยมจะไม่เดินนำมาพร้อมกับชายคนหนึ่งถูกประคองให้เดินในสภาพมีเลือดไหลจากแขนขวา เลือดสีแดงช่างตัดกับเสื้อสีฟ้าอ่อนจนเธอรู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
แต่เธอจะเข้าไปหา แล้วถามว่าต้องการให้ช่วยอะไรไหมคงไม่ใช่สิ่งที่ปรานต์ต้องการแน่ๆ หนำซ้ำหลังจากเข้าบ้านไปแล้วคนของเขายังยืนเฝ้าระวังไปทั่วบริเวณอย่างกับเกรงว่าจะมีใครมาบุก เธอจึงได้แต่มองอย่างสงสัยว่าทำไมท่านเจ้าของเกาะต้องทำลับๆ ล่อๆ ด้วย ดูท่าธุรกิจของเขาคงไม่สุจริตร้อยเปอร์เซ็นต์เสียละกระมัง
สถานการณ์ภายในฟาร์มมินธราปกติมากจนจอมขวัญอยากจะคิดว่าเมื่อคืนอาจตาฝาดไปเอง แต่การที่มีบอดี้การ์ดของปรานต์เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวก็ทำให้ยิ่งมั่นใจว่าอาจจะมีบางอย่างที่ยังสามารถควบคุมได้เกิดขึ้น หญิงสาวเดินตามมินตรากับปริญดาไปท้ายฟาร์มซึ่งติดกับภูเขาเหมาะกับกิจกรรมในเช้าวันนี้
นพดลกับพนักงานคนอื่นๆ กำลังทยอยมารวมกันที่ลานกิจกรรมเพื่อกินอาหารเช้าอย่างกาแฟกับขนมปังปิ้งเป็นการเติมพลังก่อนเดินทาง พอได้เวลาศกก็ออกมาพร้อมกล่องใส่ฉลากที่เขียนชื่อไว้เรียบร้อยแล้ว
“เช้านี้เราจะมาเล่นแรลลี่หารหัส RC* กันนะครับ โดยผมจะมีฉลากของคนที่คุณๆ จะต้องมาจับคู่ด้วย เชิญมาจับฉลากกันได้เลยนะครับ สำหรับคนที่ผมจะเอ่ยชื่อต่อไปนี้”
*หมายเหตุ RC ย่อมาจาก Route Check เป็นกิจกรรมยอดนิยมที่มักใช้เพื่อให้เกิดการเดินทางจากสถานที่หนึ่งไปอีกสถานที่หนึ่ง
ทั้งคณะมี 9 คนทำให้พากันสงสัยว่าเศษที่เหลือคนเดียวจะทำยังไง แต่ไม่มีใครถามเพราะไม่ใช่เกมที่แข่งกันเอาชนะแบบเอาเป็นเอาตาย แค่สนุกๆ ได้สัมผัสธรรมชาติกลางภูเขา มินตราได้จับฉลากเป็นคนแรก ปริญดาเป็นคนที่สอง สองสาวพากันมองฉลากแล้วหัวเราะกันใหญ่ระหว่างที่จอมขวัญถูกศกเรียกชื่อพอดี
“พี่ดาโชคดีจังได้คู่กับหนุ่มหล่อฝ่ายบัญชี”
“แล้วมินจับคู่กับใครล่ะ คงไม่ใช่นายหัวปรานต์แน่ๆ เลยไม่งั้นหน้าคงไม่เหมือนจิ้งจกแดดเดียวแบบนี้หรอก” ปริญดาแกล้งแซวเพราะตั้งแต่มากินอาหารเช้า พนักงานรุ่นน้องก็เอาแต่มองหาท่านเจ้าของเกาะที่ไม่รู้ไปอยู่ไหน
“มินได้คู่กับบอสน่ะสิคะ ถ้าหายใจดังมินจะถูกเหล่ไหมคะเนี่ย” มินตรากระซิบเสียงเบา ถึงนพดลจะไม่ดุ แต่ความเป็นเจ้านายทำให้เธอเกร็งทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆ อยู่ดี “แล้วพี่จอมล่ะคะ ได้คู่กับใคร”
จอมขวัญกลับมาพอดีเลยยิ้มให้สองสาวพลางนั่งลงมองไปทั่วๆ ก็พอดีเห็นปรานต์กำลังคุยกับศก ป่านนี้เขาคงรู้แล้ว แต่เธอยังมีทางรอดล่ะน่า
“มาเปลี่ยนคู่กันไหม”
มินตรายังไม่ทันได้ตอบเพราะเพิ่งเห็นปรานต์มายืนใกล้ๆ แต่สายตาของเขากลับมองไปที่รุ่นพี่ที่ทำหน้าเหมือนอยากลุกหนี มันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะนี่
“ศกบอกว่าผมได้คู่กับคุณ แหม...ดวงของเราช่างสมพงศ์กันดีเหลือเกินนะครับ” ปรานต์เอ่ย บางทีอาจเป็นโชคชะตาหรือความบังเอิญก็ได้ที่เขาอยากพักสมองสักสองชั่วโมง ใครจะคิดว่าต้องมาเดินหา RC คู่กับน้องเชยที่อาจเป็นลูกสาวเพื่อนของพ่อคนใดคนหนึ่งก็ได้
มินตราทำหน้าเสียดายที่ไม่ตอบจอมขวัญให้เร็วกว่านี้ พอจะอ้าปากบอกขอเปลี่ยนคู่นพดลก็ส่งเสียงเรียกยิกๆ
“มินมากับพี่ได้แล้ว เดี๋ยวต้องออกเดินทางเป็นทีมแรก”
แล้วลูกน้องที่ดีจะปล่อยให้เจ้านายรอได้ยังไงล่ะ มินตรายิ้มหวานให้ปรานต์ที่ทำหน้าเฉยๆ ใส่แบบไร้หวัง ปริญดาลูบบ่ารุ่นน้องเบาๆ ก่อนจะเอ่ยกับทุกคนว่า
“โชคดีนะมิน ดาไปทางโน้นก่อนนะจอม”
จอมขวัญพยักหน้าทั้งที่อยากถอนใจมากกว่าเพราะตอนนี้เหลือกันแค่สองคนแล้ว เธอทำทีเปิดแผนที่ดู แต่ปรานต์ก็เอียงหน้าลงมาตั้งใจดูเหมือนกัน เธอเลยยื่นแผนที่ให้เขา แล้วเดินไปรวมกลุ่มกันที่จุดสตาร์ต โดยมีปรานต์เดินตามมาติดๆ พอเธอนั่งลงที่ขอนไม้ที่นำมาทำม้านั่ง เขาก็นั่งลงใกล้ๆ อาการแบบนี้ไม่ได้เรียกว่าจีบ แต่จงใจกวนใส่ทำให้โมโหมากกว่า
เรียวปากหนาของปรานต์กดยิ้มเพราะที่ทำอยู่ตอนนี้ก็แค่อยากเอาคืนน้องเชยนิดๆ หน่อยๆ โทษฐานอยากเปลี่ยนคู่ ทั้งที่เขาไม่ได้น่ารังเกียจตรงไหน
“ทำไมคุณถึงมาเล่นเกมนี้ล่ะคะ หรือว่าปกติแล้วถ้ามีคณะเยี่ยมชมคุณก็จะมาร่วมในกิจกรรมอยู่แล้ว” จอมขวัญชวนคุย ไหนๆ ตลอดสองชั่วโมงต่อไปจากนี้คงหนีเขาไม่พ้นอยู่ดี
“พอดีผมว่างน่ะ” ปรานต์ตอบตามตรง แม้เหตุผลที่ว่างจะมาจากตัวเองไม่ใช่เพราะไม่มีงานให้เคลียร์แล้ว ศกส่งผ้าผืนยาวมาให้เขาพอดี “ยื่นแขนมาสิ เราต้องผูกข้อมือติดกันไว้ เผื่อคุณอยากทิ้งผมกลางทางจะได้เลิกคิดไปก่อน”
จอมขวัญยื่นแขนไปให้ปรานต์ผูกติดกับแขนของเขาตามกติกาที่เขียนไว้แต่โดยดี ทว่าจังหวะที่เขายกแขนก็ทำให้ชายเสื้อเพยิบเปิดเห็นด้ามปืนที่โผล่พ้นขอบกางเกงออกมาจนน่าสงสัย เธอเลยอดถามออกไปไม่ได้
“แค่เล่นเกมต้องพกปืนด้วยหรือคะ”
“รับรองถึงมันจะลั่นก็ไม่ทำให้ใครตายแน่นอน”
ปรานต์ตบปืนเบาๆ เหมือนเป็นของเด็กเล่น แต่ถ้าลั่นไกเมื่อไหร่ก็ต้องมีใครตายหรือบาดเจ็บเมื่อนั้น แต่ที่ผ่านมาเขายังไม่เคยทำให้ใครตาย
เนื้อคู่? ก็อย่างนี้แหละ อยู่ๆ ก็ต้องมาจับคู่เล่นเกมกัน
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่าน
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 204
แสดงความคิดเห็น