34

-A A +A

34

ตอนที่ 34

 

ทุกคนตกตะลึงกับภาพตรงหน้า คริสตัลที่เรียบเนียนค่อยๆหายไป และมีเพียงเงาที่ออกมา 

 

เงานี้ดูเหมือนจะครอบคลุมสวรรค์ทั้งเก้าชั้นและดินแดนอีกสิบแห่ง มันเดินทางผ่านแม่น้ำแห่งกาลเวลา จักรวาล และโชคชะตาอันยาวไกล  

 

ทุกสิ่งเงียบงัน ไร้ซึ่งเสียงใด และอำนาจแห่งจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ก็กวาดไปทั่วทวีป A  

 

ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นปีศาจเฒ่าที่เก็บตัวฝึกบ่มเพาะมาหลายปีหรือตัวคนที่พิเศษ  

 

ทุกคนตกตะลึงกับแรงกดดันมหาศาลนี้ และสายตาของพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังทิศทางของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์   

 

“ คำนับองค์จักรพรรดินี” ใครบางคนตะโกนออกมา ทุกคนในนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ก็คุกเข่าลงบนพื้นและมองไปบนท้องฟ้าอย่างเคารพ

 

แสงสว่างที่ไม่มีสิ้นสุดส่องลงมาจากเงานั้น ราวกับว่าเป็นหมอกปกคลุมเงานั้นไว้ ทำให้ทุกคนไม่อาจมองเห็นใบหน้าของจักรพรรดินีได้ชัดเจน  

 

ผู้อาวุโสฝ่ายในกลืนน้ำลายอย่างหนักและพูดด้วยเสียงแหบแห้ง: "ผู้สืบทอดองค์จักรพรรดินี นางคือผู้สืบทอดที่องค์จักรพรรดินีเลือก   "

 

เมื่อร่างเงานั้นมองลงมาที่โลก ช่วงเวลาทั่วทั้งโลกก็ราวกับถูกแช่แข็ง จากนั้นร่างนั้นก็กลายเป็นแสงสีเงินลอยเข้าไปในร่างของคังไป่หลี่พร้อมกับแรงกดดันที่ไม่อาจหยุดยั้ง  

 

จากนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงระเบิดดังก้อง และคริสตัลมรดกของจักรพรรดินีก็แตกสลาย

 

พวกเขาเห็นร่างลอยออกมาจากข้างใน ร่างนั้นเปล่งแสงสีเงินจันทราถักทออยู่รอบๆ  

 

“ร่างอมตะทะยาน” ผู้อาวุโสคนหนึ่งก็อุทาน “นี่คือร่างอมตะทะยานของจักรพรรดินี จักรพรรดินีไม่ได้นำร่างอมตะทะยานของนางขึ้นไปด้วย นางเก็บมันไว้ที่นี่  ”

 

ทุกคนหายใจเข้า และพวกเขาก็มองไปที่คังไป่หลี่ด้วยความเหลือเชื่อ 

 

 ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าหญิงสาวคนนี้ได้รับโอกาสอันยอดเยี่ยมเพียงใด  

 

ร่างอมตะทะยานนั้นเป็นร่างนักรบลำดับที่ 7 ในบรรดาร้อยร่างนักรบ มันเป็นที่รู้จักกันในนามร่างนักรบที่รวดเร็วที่สุด 

 

 ต้องรู้ก่อนว่าในบรรดาจักรพรรดิทั้งสี่ของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์แล้ว มีเพียงจักรพรรดินีหงเทียนเท่านั้นที่ได้รับร่างอมตะทะยานอันเป็นอันดับ 7 และจักรพรรดิเจิ้นหวู่ที่ได้รับร่างดาบเจิ้นหวู่อันดับที่ 15  

 

แม้หลังจากได้แบกรับโชคชะตาแล้ว จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองไม่ได้ทิ้งร่างนักรบที่

 

 เช่นมรดกของจักรพรรดิเจิ้นหวู่ แม้เต๋าเสี่ยวโม่จะเป็นผู้สืบทอด แต่ทว่าร่างนักรบนั้นกลับไม่ใช่หนึ่งในมรดกที่ถูกทิ้งไว้ 

 

ดังนั้นย่อมไม่มีใครคาดคิดแน่นอนว่าจักรพรรดินีหงเทียนจะทิ้งร่างอมตะทะยานของนางเอาไว้เป็นมรดก  

 

  …………

 

เมื่อร่างอมตะทะยานหลอมรวมเข้ากับร่างกายของคังไป่หลี่ นางก็ล้มลงกับพื้นและร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพียงมองดู เต๋าซุนก็เข้าใจถึงความเจ็บปวดสาหัสในการเปลี่ยนแปลงร่างกายได้เป็นอย่างดี 

 

ผู้อาวุโสหกคังเย่ซานก็รีบบินลงมาจากอากาศและให้กำลังใจจากด้านข้าง: "หลี่เอ๋อ สงบสติไว้ นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดในการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเจ้าแล้ว เจ้าต้องอดทนไว้ให้ได้  "

 

ท่ามกลางการแสดงออกที่ประหม่าของทุกคน คังไป่หลี่ก็ค่อยๆสงบลง เธอลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ ระงับพลังจิตวิญญาณไว้และค่อยๆถอนหายใจยาวออกมา 

 

“ท่านป้า” คังไป่หลี่ก็มองไปที่คังเย่ซาน จากนั้นก็ทักทายอย่างรวดเร็ว  

 

“ เด็กน้อย เจ้าช่างได้รับพรอันยิ่งใหญ่นัก  ” คังเย่ซานก็กล่าวด้วยความพึงพอใจ: "เจ้าได้รับสืบทอดมรดกของจักรพรรดินีและได้หลอมรวมเข้ากับร่างอมตะทะยาน ตอนนี้ชีวิตของเจ้ามีคุณสมบัติพอจะแข่งขันแย่งชิงโชคชะตาจักรพรรดิแล้ว "

 

“ข้าจะพยายามให้ดีที่สุด และจะไม่ทำให้ท่านป้าผิดหวังแน่นอน  ” คังไป่หลี่พยักหน้าและตอบ

 

  …………

 

 การทดสอบของศิษย์ใหม่ก็สิ้นสุดลง และหญิงสาวก็กลายเป็นตัวเอกเพียงคนเดียวของการทดสอบครั้งนี้

 

ตอนนี้เต๋าซุนได้ถือว่าเป็นศิษย์สายนอกของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ตามข้อบังคับของนิกาย ศิษย์สายนอกจะต้องภารกิจนิกาย 3 ภารกิจเป็นต่ำในหนึ่งเดือน 

 

มีหอภารกิจตั้งอยู่ภายในนิกาย และเหล่าศิษย์ต่างก็ต้องไปที่นั่นเพื่อรับภารกิจ  

 

เต๋าซุนไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าทดสอบครั้งนี้มีผลต่อนิกายมากน้อยเพียงใด เขาเพียงพาเจ้าปลาน้อยไปที่หอภารกิจทันที

 

 หากอยากอยู่รอดอย่างสุขสบายก็ต้องทำภารกิจ   ดังนั้นเมื่อเต๋าซุนมาถึงหอภารกิจก็เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว  

 

มีคิวยาวที่กำลังยืนต่อแถวกันเพื่อรับภารกิจอยู่ แต่เต๋าซุนไม่สนใจต่อแถวแม้แต่น้อย เขาเดินไปที่ด้านหน้าสุดโดยตรง   

 

ตรงนั้นมีศิษย์ของนิกายคนหนึ่งกำลังทำหน้าที่ออกภารกิจอยู่ 

 

 ศิษย์คนหนึ่งก็ยิ้มและพูดกับศิษย์ด้านหลังเคาน์เตอร์ว่า  “ศิษย์พี่ ข้าอยากรับภารกิจ  ”

 

“ระดับพลังยุทธ์ของเจ้าอยู่ในระดับใด” ชายหนุ่มที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ก็ถามโดยไม่เงยหน้ามอง

 

“ระดับ 1 ขั้นห้า ขอรับ” ศิษย์ตอบอย่างรวดเร็ว

 

“เจ้าสามารถรับภารกิจระดับ 5ได้เท่านั้น  ” ชายหนุ่มตอบอย่างสงบ จากนั้นจึงโยนป้ายไม้แบบสุ่มไปให้ศิษย์สายนอกคนนั้น

 

ศิษย์สายนอกรีบรับป้ายไม้ภารกิจอย่างรวดเร็ว เขาดูภารกิจที่ระบุไว้และสีหน้าก็เปลี่ยนไปพร้อมกับยิ้มและพูดว่า  "ศิษย์พี่ ท่านช่วยมอบภารกิจระดับ 5 อันอื่นให้ข้าได้หรือไม่ ?"

 

มีภารกิจอยู่มากมายหลายประเภทในหอภารกิจแห่งนี้ ทั้งฆ่าสัตว์อสูร กำจัดโจร คุ้มกันสินค้า และขุดแร่หายาก  

 

งานเหล่านี้บางส่วนออกโดยผู้อาวุโสนิกาย และบางงานก็ออกโดยบุคคลภายนอก

 

 ตราบใดที่ภารกิจสามารถแลกรับรางวัลเป็นผลึกจิตวิญญาณได้ และไม่เป็นอันตรายเกินไป พวกเขาก็สามารถมาติดประกาศภารกิจที่นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ได้  

 

 ดังนั้น สำหรับภารกิจระดับ 5  แล้ว มันจึงมีทั้งงานที่ง่ายและงานที่ยาก   

 

ศิษย์สายนอกคนนี้ได้รับภารกิจสังหารสัตว์อสูร 

 

  ชายหนุ่มที่ออกภารกิจก็ขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่พอใจ: "งานเลือกคนหาใช่คนเลือกงาน ถ้าข้าเอาแต่ภารกิจง่ายๆให้พวกเจ้า เช่นนั้นภารกิจที่เหลือล่ะใครจะทำ   "

 

ศิษย์สายนอกที่ได้ยินเช่นนั้นก็เชื่อฟังและไม่คัดค้านอีก  

 

ลูกศิษย์ที่ออกภารกิจเหล่านี้แข็งแกร่งไม่น้อย และผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่อยากมีปัญหากับพวกเขา  

 

หากเจ้าไปทำให้พวกเขาโกรธจริงๆ ในอนาคตเมื่อเจ้ามารับภารกิจ อีกฝ่ายย่อมต้องจงใจออกภารกิจยากๆให้เจ้าอย่างแน่นอน และเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธด้วย  !

 

  …………

 

เต๋าซุนตบไหล่ของศิษย์สายนอกคนนั้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: "ศิษย์พี่ ข้าขอเข้าร่วมกลุ่มด้วย  "

 

“เจ้าเป็นใคร” ศิษย์สายนอกคนนั้นก็ขมวดคิ้วมองไปที่เต๋าซุน และถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ  

 

โดยปกติแล้วเต๋าซุนจะอาศัยอยู่เพียงยอดเขาเดียวดายเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ศิษย์สายนอกและฝ่ายในจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับเขา  

 

แต่ก่อนที่เต๋าซุนจะได้ตอบอะไร ศิษย์สายนอกที่อยู่ข้างหลังอีกคนก็แสดงออกด้วยความโกรธ เขาเตะไปที่ศิษย์สายนอกคนนั้นและพูดอย่างดุร้าย  "เจ้าแหกตาดูให้ดี  นี่คือบุตรชายของรองหัวหน้านิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ของเรา พี่ใหญ่ซุน ไง   

 

 การที่พี่ใหญ่ซุนต้องการร่วมกลุ่มกับเจ้าเช่นนี้ เจ้าควรจะดีใจด้วยซ้ำ ห่ะโถ่ ช่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดี   "

 

ศิษย์สายนอกที่รับภารกิจมาก่อนหน้านี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างไว และรีบขอโทษเต๋าซุนด้วยความสิ้นหวังทันที  

 

เต๋าซุนมองไปยังศิษย์ที่ลงมือเตะแทนเขา และถามด้วยรอยยิ้ม  "เจ้าชื่ออะไร"

 

“ข้าแซ่ จาง ชื่อ กุ้ยหลิน ขอรับ พี่ใหญ่เรียกว่าเสี่ยวกุ้ยหลินก็ได้   ” ศิษย์คนนั้นตอบอย่างรวดเร็ว

 

“ได้ เสี่ยวกุ้ยหลิน จากนี้ไปเจ้าสามารถติดตามออกไปท่องเที่ยวกับข้าได้  ” เต๋าซุนก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

แม้ว่าเต๋าซุนจะไม่ชอบคนที่ประจบสอพลอเช่นนี้ แต่การมีคนคอยรับใช้ที่เต็มใจอยู่เคียงข้างบ้าง มันก็ทำให้ทำอะไรสะดวกขึ้นไม่น้อย

 

“ขอบคุณพี่ใหญ่ที่มอบโอกาสนี้ให้ข้าขอรับ พี่ใหญ่อาจไม่รู้ ความชื่นชมของข้าที่มีต่อท่านนั้นมากมายดั่งสายน้ำไม่มีสิ้นสุด แม้จะยกแม่น้ำทั้งโลกมาก็เทียบไม่ได้  ” จางกุ้ยหลินกล่าว ด้วยรอยยิ้ม.

 

 จากนั้นเขาก็ตบโต๊ะและเร่งเร้าศิษย์ที่ออกภารกิจ  "เจ้ายังจะมัวตกตะลึงอะไรอยู่อีก  พี่ใหญ่ซุนจะรับภารกิจแล้ว เจ้ายังไม่รีบเอาภารกิจใหม่มาให้ดูอีกรึ!"

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.