บทที่ 12...3/3
เกือบห้าโมงเย็นแล้ว พันธินไม่คิดว่าจะมีใครอยู่ที่สุสานในเวลานี้ ทว่าใครคนหนึ่งกำลังเดินไปยังหลุมศพของใครคนหนึ่งที่เขากำลังไปหาเช่นกัน ดอกกุหลาบสีขาวกำลังวางลงหน้าหลุมศพ มือหนากำแน่น ปิดตาลงเพื่อระงับบางอย่างในใจ ไม่ใช่เพราะความไม่พอใจ แต่เพราะเขาไม่รู้เลยว่าเจ้าของช่อกุหลาบแห้งที่เห็นทุกเดือนมาจากอรอินทุ์ พันแสงไม่เคยตายไปจากความทรงจำของเธอใช่ไหม
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
อรอินทุ์หันมามองพันธิน ไม่ได้แปลกใจนัก เพียงแต่ไม่คิดว่าจะมาพบเขาที่นี่ ในเวลานี้
“วันนี้ครบหนึ่งปีกับสามเดือนที่คุณแสงจากไป ฉันเลยวาดภาพมาให้ คนตายไปแล้วไม่รู้เหงาหรือเปล่านะคะ”
ภาพเขียนแนวแอบสแตก(Abstract) ที่พันแสงชอบวางอยู่ตรงหน้า เธอรู้แล้วว่าการเผาคงไม่ช่วยอะไร ข้างๆ มีดอกกุหลาบสีขาวที่อรอินทุ์นำมาให้ทุกเดือน พันธินยิ้มพลางนั่งใกล้กัน เขาวางดอกรักเร่ใกล้ๆ กับดอกกุหลาบสีขาว ของสำคัญอีกชิ้นวางตามมา อรอินทุ์เห็นว่าเป็นหุ่นยนต์ที่เธอจำได้ว่าพันธินสะสม อย่างน้อยเขาก็นำสิ่งที่รักมาให้น้องชาย ที่เคยคิดว่าเขาไม่รักพันแสงคงไม่ใช่สินะ
“ไม่รู้สิ เธอกับแสงสนิทกันดีตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทะเลาะกันก็บ่อยๆ จนกระทั่งเธอเป็นคนที่ห่างเหินไป ตอนไปส่งแสงที่สนามบินเธอร้องไห้ น่าแปลกทั้งที่เธอบอกให้แสงอย่าเข้าใกล้ อย่าตาม มาถึงตอนนี้แสงคงตามเธอไม่ได้อีกแล้ว”
นั่นสินะ ที่ผ่านมาเป็นอย่างนั้นเสมอ แต่การที่เธอกับพันแสงทะเลาะกันก็ทำให้สนิทกัน จนบางครั้งเขาเล่าความในใจให้ฟัง บางทีเธอเคยเข้าข้างตัวเองว่าไม่มีใครเข้าใจเขาเท่ากับเธออีกแล้ว แต่ทุกอย่างบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่เป็นของเราไปเสียทุกอย่าง เช่นเดียวกับการทำให้ใครสักคนเจ็บปวด ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เจ็บปวดเหมือนกัน
“ฉันกับคุณแสงคงมีอะไรหลายๆ อย่างเหมือนกันละมั้งคะ เลยมีเรื่องให้ทะเลาะกันบ่อยๆ ตอนนั้นคุณธินปล่อยให้คุณแสงไปอเมริกาทำไม ฉันรู้เขาคิดว่าตัวเองเป็นปัญหา แล้วคุณธินยังทำแบบนั้น ทั้งที่คุณเธียรไม่ได้สั่งสักหน่อย”
พันธินถอนใจ “มีหลายเรื่องที่ฉันบอกเธอได้ และอีกหลายเรื่องที่ฉันบอกเธอไม่ได้ จริงๆ แล้วคนที่สั่งให้แสงไปคือพ่อ แสงรู้และเข้าใจถึงได้เป็นฝ่ายไปเอง”
สายตาของอรอินทุ์บอกชัดว่าไม่เชื่อกำลังมองมา พันธินมองตอบ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหก อรอินทุ์กำลังคิดอะไรนะ ทำไมความคิดของเธอถึงได้เงียบแบบนี้ เชื่อหรือไม่เชื่อเขา ช่วยคิดอะไรสักอย่าง
“เล่าเรื่องที่เธอรู้สึกผิดต่อแสงให้ฉันฟังได้ไหม”
อรอินทุ์พยักหน้า ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่ไม่รู้ว่าการเชื่อจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อคนที่เธอคิดถึงไม่ได้มีตัวตนในโลกนี้อีกแล้ว แต่ถึงกระนั้นตัวตนของพันแสงยังคงอยู่ในสมองของเธอ
“มันนานมาแล้ว ฉันไม่แน่ใจว่าคุณแสงรู้หรือเปล่า”
“ก็เล่าตรงนี้แหละ พวกเรารอฟังอยู่นะ” ถึงไม่บอกก็คงรู้ได้ว่าพวกเราที่เขาเอ่ยหมายถึงใครบ้าง
“วันที่เกิดเรื่อง เพราะฉันเองที่ทำให้คุณแสงไปที่ผับนั้น ฉันหลบหน้าเขา ทำให้เขาเสียใจ มีหลายอย่างที่ฉันบอกไม่ได้ ทั้งที่ความจริงแล้วฉันไม่ได้อยากทำกับคุณแสงแบบนั้น ฉันควรบอกคุณแสงดีๆ ว่าอย่าตามมา ถ้าฉันไม่ทำเรื่องโง่ๆ คุณแสงก็คงไม่ต้องตัดตัวเองจากทุกคน ต้องไปอเมริกาทั้งที่ไม่อยากไป ฉันเสียใจ จนถึงตอนนี้คุณแสงก็ยังไม่เคยได้ยินคำขอโทษจากฉัน”
ที่จริงแล้วเขาได้ยินเรื่องราวในใจของอรอินทุ์ในวันที่มาที่นี่ครั้งแรก หลังจากเดินทางกลับมา ทว่าการได้ยินเสียงที่เธอเอ่ยจากปาก ทำให้รู้ว่าภายใต้ใบหน้าไม่ชอบใจและความห่างเหินที่มีให้พันแสงนั้นซ่อนความเสียใจและหวังดีไว้ คนปากแข็ง แต่ใจไม่แข็งเลยสักนิด
“ฉันคิดว่าแสงไม่โกรธเธอหรอกนะ แสงรู้ว่าเธอคิดยังไงถึงไม่ได้โทษว่าเป็นความผิดของเธอเลย คืนนั้นที่สถานีตำรวจ เธออยู่กับแสงจนได้ประกันตัวไม่ใช่หรือ แม้ว่าตัวเองจะถูกกล่าวหา หยุดโทษตัวเองดีกว่า ทุกอย่างในโลกมันมีกลไกของมันอยู่แล้ว”
อรอินทุ์ถอนใจได้เบาขึ้นราวกับหินหนักๆ ได้ถูกระบายออกไปจากใจ
“ขอบคุณค่ะ ถ้าคุณแสงยังอยู่คงคิดแบบนี้ใช่ไหมคะ” เธอหันไปมองพันธินแล้วคิดแทน ‘ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณธินจะเป็นคนที่ปลอบใจฉัน คุณเป็นคนดีอย่างที่พ่อบอก’
“ฉันคิดอย่างที่บอกไป อยู่ที่เธอเองว่าจะเชื่อฉันไหม”
ตอนนี้เธอรู้ด้วยใจแล้วว่าพันธินเป็นคนดี พันแสงก็เป็นคนดี พระเจ้าคงรู้ รวมทั้งรู้แผนการชีวิตของเราทุกคน ป่านนี้พันแสงอาจจะกำลังมีความสุขอยู่ที่ใดสักแห่งที่เธอไม่อาจรู้ได้ว่าที่ไหน
ตอนที่พันแสงตาย คำพูดที่เธอได้ยินแล้วโมโหทุกครั้งนั้นคือการที่บอกว่าดีแล้วที่พันธินรอด แทนที่จะเป็นพันแสง เอ็มไพร์ กรุ๊ป คงล่มจมหากเหลือเพียงพันแสง
มันไม่จริงสักนิด เธอรู้ว่าพันแสงเก่ง แต่แสร้งทำว่าไม่เอาไหนต่างหาก เขาไม่อยากเป็นคู่แข่งของพี่ชาย เธอไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคุณเธียรรักลูกชายเท่ากันไหม ระหว่างลูกชายกับเอ็มไพร์ กรุ๊ป หากต้องเลือกคุณเธียรจะเลือกอะไร บางทีการจากไปอาจเป็นบทสรุปที่ง่ายที่สุดที่ธรรมชาติเลือกไว้ให้พันแสงแล้วก็ได้
พันธินนั่งฟังความคิดของอรอินทุ์ การพูดออกมากับการคิดในใจ อาจทำให้คนกลายเป็นอีกคนได้ในพริบตาเดียว ภายใต้ท่าทางไม่แคร์ใคร แท้จริงแล้วเธอจริงใจและอ่อนโยนต่อพันแสงที่สุด
“กลับกันเถอะค่ะ พรุ่งนี้ครบสองวันแล้ว คุณธินจะเข้าประชุมด้วยหรือเปล่าคะ” เธอถามพลางลุกขึ้นยืน ทว่าเขายังคงนั่งอยู่ที่เดิม
“คงไม่ ตัวเลขที่ได้จะเป็นคำตอบให้กับทุกคนเอง วันนั้นที่ฉันเข้าไปในห้องประชุม เธอคงอยากจับฉันลากออกไปใช่ไหมล่ะ”
“ก็...ไม่เชิงหรอกค่ะ” เธอยิ้ม...ก็เขาเดาถูกอีกแล้วนี่นา
“อย่าประเมินตัวเองต่ำ เธอทำงานได้ดีเหมือนคนอื่นๆ อย่าเอาคำนินทามาบั่นทอนกำลังใจ ฉันทำในสิ่งที่พ่อของเธอทำเหมือนกันนั่นคือการให้โอกาส แต่การตัดสินอยู่ที่ผลงานของเธอเอง พรุ่งนี้ขอให้สมหวังก็แล้วกัน”
อย่างนี้เรียกว่ากำลังให้ความหวังได้ไหมนะ อรอินทุ์ส่ายหน้า เขาพูดให้กำลังใจอยู่ต่างหาก ความหวังเป็นเรื่องที่ดีก็จริง แต่อย่ามากไปจนทำร้ายตัวเอง พันแสงเคยบอกเธอเมื่อนานมาแล้ว
“ถึงจะผิดหวัง ฉันก็ไม่เสียใจหรอกค่ะ ฉันทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว”
“เธอกลับไปก่อนแล้วกัน ฉันมีอีกที่จะต้องไป”
อรอินทุ์พยักหน้ารับ แต่คนมีธุระกลับยังนั่งเฉยแม้ว่ายามที่เธอเดินจากมาจนถึงทางออก เมื่อมองกลับไปก็ยังเห็นพันธินนั่งอยู่ที่เดิม หากจะมีใครเสียใจที่สุดในวันนี้คงมีสองคน คนหนึ่งตอนนี้นั่งอยู่ในสุสาน ส่วนอีกคนคงอยู่ที่คฤหาสน์วัสวาน น่าแปลก เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าพันแสงชอบดอกรักเร่ พันแสงเคยบอกเธอว่าชอบดอกกุหลาบสีขาวเพราะเป็นดอกไม้ที่แม่ของเขาชอบ แล้วดอกรักเร่ล่ะ เขาไปชอบตอนไหน
ปริญไม่เข้าใจพันธินนักว่าให้เขาขับรถพามาที่บ้านของภาวิตทำไม ทั้งที่เกือบชั่วโมงก่อนเพิ่งออกมาจากบ้านของจิณณ์ ถึงจะไม่มีเรื่องบาดหมางที่เห็นได้ชัด แต่เท่าที่เขารู้ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่หรือที่ให้การว่าพันแสงมีเรื่องกับจิรเมธ ก่อนที่จิรเมธจะตาย แต่สุดท้ายไม่มีหลักฐานเอาผิดพันแสงได้ ทำให้หลุดจากคดี โดยทิ้งความแค้นไว้กับจิณณ์
พันธินเข้าไปในห้องโถงขนาดใหญ่ของบ้านพร้อมกับปริญ ทว่าหลังจากนั้นเขาก็ถูกกันให้อยู่แค่ตรงนั้น ในขณะที่นายเดินต่อไปยังสระว่ายน้ำด้านหลังซึ่งภาวิตอยู่ที่นั่นพร้อมสาวๆ ในชุดน้อยชิ้น ผู้มาเยือนยิ้มที่ริมฝีปาก เขาคงมาขัดจังหวะสำราญเข้าพอดี
“ดูเหมือนคุณภาวิตกำลังยุ่งนะครับ”
ภาวิตยิ้มร่าพอโบกมือทีเดียวสาวๆ หลายคนที่กำลังสร้างความสำราญให้เจ้าของบ้านก็พากันเดินเข้าไปในบ้าน แต่ลูกน้องอีกสามคนยังอยู่ที่เดิม ในสมองของภาวิตมีแต่คำถามว่าเขามาทำอะไรที่นี่ ทว่าความอยากรู้ทำให้ต้องหยุดความสำราญชั่วครู่
“ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรหรอก แล้วหลานมีอะไรหรือเปล่า หรือว่าเปลี่ยนใจอยากให้อาช่วยเรื่องที่เคยพูดไว้”
“ไม่ใช่หรอกครับ ผมแค่นึกขึ้นมาได้ว่ามีของบางอย่างที่คนของคุณภาวิตทำตกไว้ เลยอยากจะเอามาคืน” กล่องใบเล็กกว่าฝ่ามือถูกส่งให้
ภาวิตรับกล่องมาแล้วเปิด พอเห็นว่าในกล่องเป็นอะไรเท่านั้นแหละ คนของเจ้าของบ้านก็เข้ามาล้อมพันธินไว้ทันที ทว่าผู้เป็นนายกลับสะบัดมือไล่ให้กลับไปยืนที่เดิม ไม่อย่างนั้นเสียเรื่องแน่ มันต้องรู้ว่าเขาใส่ร้ายพันแสง มันต้องมีแผน แต่อะไรยังไม่รู้
“ให้ปลอกกระสุนอาทำไม เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”
“ผมเอาไปให้คุณจิณณ์ดูแล้ว ทางนั้นบอกว่าเป็นของคุณภาวิตนี่ครับ”
พันธินทำหน้าเหมือนไม่แน่ใจ ก่อนหน้านี้ไปสักชั่วโมงเขาเพิ่งไปหาจิณณ์มาจริงๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่รู้อะไรเลย ช่วงเวลานั้นจิณณ์มองปลอกกระสุนแล้วส่งคืน ในสมองคิดเหมือนกับเขาว่าใครเป็นคนทำ
‘คุณคงมาหาผิดคนแล้ว’
‘แล้วผมควรไปหาใครหรือครับ คุณจิณณ์ช่วยบอกผมสักหน่อยคงช่วยผมได้มาก’
ตอนนั้นจิณณ์นิ่งคิด แผนใช้ศัตรูฆ่าศัตรูเกิดขึ้นในสมองของคนเจ้าเล่ห์ทันที
‘คนที่ใส่ร้ายน้องชายของคุณไง ผมแค่เดา ถ้าคุณอยากรู้ก็ลองไปหาภาวิตดูสิ’
ตอนนี้เขาทำตามที่จิณณ์แนะนำแล้ว แม้จะรู้ว่าทั้งสองคนไม่ใช่คนบงการในครั้งนี้ แต่สิ่งที่ทำในอดีตอย่างไรก็ต้องชดใช้อย่างสาสม แผนใช้ศัตรูฆ่าศัตรูอยู่ในสมองของเขามาก่อนที่จิณณ์จะคิดได้ด้วยซ้ำ
ภาวิตแค้นเคืองอยู่ในอกเมื่อได้ฟังคำตอบ คนของเขาเพิ่งรายงานก่อนพันธินมาหาว่าเจ้านี่เพิ่งไปไหนมา ไอ้จิณณ์กำลังทำอะไร เรื่องไม้ยังไม่ได้ชำระความ มันวอนหาที่ตายแล้วใช่ไหม ภาวิตแค้นใจแต่จำต้องเก็บอารมณ์ แสร้งยิ้มออกมา
“เข้าใจผิดแล้วล่ะ อาไม่เคยส่งคนไปลอบฆ่าใคร อย่าเข้าใจกันผิดนะหลานชาย”
“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องหาต่อไปสินะครับว่าเป็นของใคร จะว่าไปแล้วผมยังสงสัยการตายของจิรเมธอยู่ คดีก็ยังปิดไม่ได้เพราะยังรอหลักฐานที่จะหาตัวคนร้าย ได้ข่าวว่าคุณจิณณ์มีภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งหมด” พันธินเปรยพลางเก็บปลอกกระสุนกลับเข้าไปในกระเป๋า การระแวงทำให้มนุษย์ทำบางสิ่งที่เผยธาตุแท้ออกมาเสมอ
“ทั้งหมดเลยงั้นหรือ”
ภาพที่ไอ้เมธสาดเหล้าใส่เขาไม่เท่าไหร่หรอกเพราะเขาส่งคนไปลบภาพตั้งแต่คืนที่เกิดเรื่อง แต่ภาพอื่น...นี่สิ มันมีภาพนั้นอยู่หรือเปล่า วอนหาที่ตายแล้วไอ้จิณณ์
ภาวิตได้บอกความลับกับพันธินโดยไม่รู้ตัว ใบหน้านิ่งเก็บอาการ เขารู้แล้ว! แต่คงต้องใช้เวลาในการหาเช่นกัน
“ได้ยินมาว่าอย่างนั้นนะครับ” ชายหนุ่มยิ้มทั้งที่อยากกระชากภาวิตลงไปในน้ำ แล้วกดไว้จนกระทั่งคนทำชั่วไม่อาจโผล่ขึ้นมาก่อเรื่องชั่วได้อีก “ผมสบายใจแล้วที่ปลอกกระสุนนี้ไม่ใช่ของคุณภาวิต รบกวนเวลานานแล้ว ขอตัวกลับเลยนะครับ”
“วันหลังอาจะไปเยี่ยมคุณเธียรบ้างก็แล้วกันนะ” ภาวิตยิ้ม แต่ในใจยังคงคิดเรื่องคืนนั้น
“ครับ”
พันธินก้มหน้าให้นิดหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินจากมา ปริญโล่งอกเมื่อเห็นเขายังปลอดภัยดี เราพากันเดินกลับมาที่รถ การมาในวันนี้ไม่ได้เสียเปล่า รสนิยมทางเพศนี่มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ดูเหมือนว่าภาวิตจะมีแผนเอาคืนจิณณ์ตามที่เขาจงใจให้เป็นแล้ว ของหนีภาษีตามที่เขารู้มาเสียด้วย
พันธินไม่เคยหยุดแก้แค้น แล้วก็ไม่หยุดที่จะทำให้อรอินทุ์เช่นกัน
แจ้งข่าวนะคะ
1 จันทร์ซ่อนใจ ได้วางจำหน่ายในรูปแบบ E-Book แล้วนะคะ (20/11/2023) ในหมวด นิยายรัก เว็บ/แอพพลิเคชั่น MEB ค่ะ
ลิงค์ค่ะ
2 โบว์ทำโปรโมชั่นเรื่อง จันทร์ซ่อนใจ จากราคาปกติ 249 ลงเหลือ 149 บาท 17 วัน ตอนเหลือเวลา 7 วันค่ะ สามารถพาอรอินทุ์กับพระเอกของเธอมาไว้ที่ชั้นหนังสือในราคาน่ารักได้แล้วนะคะ
3 โบว์จะลงจันทร์ซ่อนใจให้อ่านถึงบทที่ 14 แล้วหยุดการลงนะคะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาด้วยกันค่ะ
จันทร์ซ่อนใจเป็นนิยายที่จะคุณรู้ว่าการรอคอยและไม่หมดหวัง
สักวันคุณจะสมหวัง...
และร่วมกันหาฆาตกรตัวจริงด้วยกัน หวังว่าจะชอบนะคะ
- _บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 134
แสดงความคิดเห็น