12
ทัศพยายามรวบรวมสติที่จะควบคุมตัวเอง อีกทั้งอาการลงแดงที่เขาเองไม่อยากจะให้รินรดาเห็นในด้านที่อ่อนแอของเขา
ส่วนรินรดาเองเธออยากรู้เหลือเกินว่าผู้ชายคนนี้ที่เธอรู้สึกสงสารและอยากช่วยให้เขาหายจากอาการกลัวเกาะที่เขาพูดถึงหรือเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะถูกจับไปทรมานแล้วหนีรอดออกมาได้หรือป่าว หรือว่า.... เขาเป็นนักโทษคดีอุฉกรรจ์... ความคิดฟุ้งซ่านของเธอเริ่มประดังประเดเข้ามาเพราะไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงคืออะไรแต่ที่รู้ๆอาการเขาน่าสงสารจนเธอเองรู้สึกผิดที่เทเหล้าของเขาทิ้ง
เมื่อทัศกลับมาถึงที่นอนเขาก็ล้มตัวนอนลงในทันที รินรดาที่ดูเขาอยู่ไม่ห่าง ตอนแรกลุงจรัสแกจะไม่ยอมเช็ดตัวให้เขาด้วยเหตุที่แม่แสงบอกกับลุงแกว่า
“ปล่อยให้เมียคุณเขาเช็ดเถอะพ่อจะยุ่งเรื่องผัวเมียเขาเลย”
รินรดาที่ได้ยินดังนั้นก็รีบปฏิเสธและบอกว่า
“ม่ายช่าย ไม่ใช่ เมียนะคะ”
“ทำขนาดนี้ไม่ใช่เมียหรอกหรือค่ะ คุณทัศไม่ว่าสักคำที่เอาเหล้าฝรั่งพวกนั้นทิ้ง”
รินรดาได้แต่เงียบฟังและเธอที่รู้สึกผิดเป็นทุนเดิมอีกทั้งยังกลัวว่าเขาจะช็อคเพราะไข้ขึ้นสูงตายขึ้นมา เธอคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต เธอจึงเข้ามาอธิบายบอกวิธีเช็ดตัวให้ลุงจรัสรู้ว่าต้องเช็ดตัวแบบย้อนรูขุมขน และเช็ดแรงพอประมาณ โดยรินรดาสาธิตให้ลุงจรัสดูโดยเธอเช็ดที่แขนของเขาจนทัศถึงกับร้อง
“โอ๊ย! คุณเช็ดตัวนะครับไม่ใช่ถูบ้าน เหตุใดถึงต้องเช็ดแรงเช่นนี้”
“ถ้าไม่เช็ดแรงๆเช็ดย้อนรูขุมขนจะหายตัวร้อนได้ยังงัยค่ะ”
“ผมยังไม่จัดการกับคุณเรื่องเหล้าของผมนะครับ”
“คุณต้องขอบคุณชั้นที่ช่วยคุณเลิกเหล้าได้อย่างรวดเร็ว ดื่มมากๆก็ขาดความยับยั่งชั่งใจนะคะเดี๋ยวก็เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น”
“คุณจะหมายถึงเรื่องมิดีมิร้ายหรือ ถึงผมไม่ดื่ม เวลาผมอยู่ใกล้คุณผมก็ยับยั่งชั่งใจไม่อยู่เช่นเดียวกัน”
รินรดาไม่พูดอะไรนอกจากบอกให้ลุงจรัสถอดกระดุมเสื้อกุยเฮงของเขาออกและพับเสื้อครึ่งหนึ่งวางปิดหน้าอกเขาไว้ จากนั้นเธอก็บิดผ้าขนหนูผืนเล็กๆให้หมาดๆแล้วให้ลุงจรัสเริ่มเช็ดที่หน้า แขน ลำคอ หน้าอก ของเขา
ส่วนเธอและคนอื่นๆออกมารอหน้าห้อง ยายชื่นไปเอายาสมุนไพรจันทร์ลีลามาให้กินเพื่อลดไข้ รินรดารออยู่ด้านนอกด้วยความกระวนกระวาย อนงค์จึงพูดขึ้นว่า
“พรุ่งนี้จะบอกคุณหญิงป้าให้ว่าคุณทัศไม่สบาย คุณต้องอยู่ดูแล ทำให้ไปที่โรงเรียนไม่ได้”
รินรดาจับมืออนงค์เป็นการขอบคุณและพูดว่า
“ขอบใจมากนะ อนงค์ไปนอนเถอะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า เดี๋ยวรินดูแลคุณทัศเอง”
รินรดาบอกทุกคนหลังจากที่ลุงจรัสเช็ดตัวให้ทัศเรียบร้อยแล้วตอนนี้ตัวของเขาก็ไม่ร้อนมากเหมือนตอนแรกอีกทั้งได้กินยาลดไข้แล้วเดี๋ยวสักพักเขาคงจะง่วงและนอนไปเพราะฤทธิ์ไข้ รินรดาจึงอาสานอนเฝ้าไข้เขาเอง
เมื่อทุกคนออกจากห้องไปแล้วรินรดาก็มาจับที่แขนเขาเพื่อให้แน่ใจว่า ตัวของเขาไม่ได้ร้อนมาก แต่ทัศกลับลุกขึ้นมาจับแขนเธอไว้ให้นั่งลงบนเตียงข้างๆเขา แล้วเขาก็พูดว่า
“ผมเคยหนีออกจากเกาะตะรุเตา”
รินรดามองเขาด้วยสายตาที่อ่อนโยนและเป็นมิตรพร้อมกับลูบที่มือของเขาเบาก่อนที่จะพูดว่า
“คุณนอนพักก่อนนะคะ แล้วค่อยเล่าวันอื่นก็ได้ค่ะ” รินรดาต้องพูดสิ่งที่ตรงข้ามกับใจเธอเพราะเธอเองก็อยากจะรู้นักว่าเขาทำอะไรผิดมากมายอะไร
ทัศกุมมือของเธอเอามาแนบกับแก้มของเขาทำให้เขารู้สึกอุ่นใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เธอส่งยิ้มให้เขาในเวลาเช่นนี้เธอก็ไม่ได้ขัดขืนเขาแต่กลับเห็นใจในชะตากรรมที่เขาต้องเจอ
เป็นครั้งแรกที่ทัศอยากเล่าเรื่องราวนั้นให้เธอฟังทั้งที่เขาเจอหน้าเธอเพียงคืนเดียว ด้วยเหตุนี้กระมั่งที่ทำให้เขาเองคิดว่า เธอป้ายยาเสน่ห์เขา เขาจับมือเธอมาจุมพิต ก่อนที่จะเล่าต่อว่า
“ผมเคยเป็นนักโทษ”
“ห๊า! นักโทษ” เธอพูดย้ำเพื่อให้แน่ใจอีกครั้งและคิดว่า ‘นั่นไงว่าแล้วถ้าปกติคงมี…เวรกรรม’
สำหรับรินรดาแล้วเธอมักมีเหตุผลเข้าข้างตัวเองให้สบายเสมอ
‘อาจจะเป็นนักโทษการเมือง ก็ได้’ และแล้วคำตอบของเขาก็ทำให้เธอถึงกับถอนหายใจโล่งอกไป
”นักโทษการเมือบครับ”
เธอคิดว่านักโทษการเมืองไม่ควรมีความผิดด้วยซ้ำ ถ้าเพียงแค่ความคิดไม่เหมือนกันหรืออุดมการณ์ทางการเมืองไม่เหมือนกัน เป็นเรื่องธรรมดามากที่คนเราจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ดังนั้นแค่ความคิดเห็นที่แตกต่างกันไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายร้ายแรงจึงไม่ควรมีความผิดด้วยซ้ำ
ทันใดนั้นเธอรู้สึกสงสารและเห็นใจเขามากที่ต้องเผชิญชะตากรรมเช่นนั้น ก่อนหน้านี้ทัศยังคงกุมมือของเธอไว้ แต่ตอนนี้เธอยินดีที่จะโผเข้ากอดเขา และเป็นช่วงจังหวะที่เขาเองก็ดึงตัวเธอให้โน้มลงมาซบอกของเขา
“อยู่กับผมแบบนี้ก่อนนะครับ”
“ค่ะ” รินรดาแทบจะกระซิบตอบเขาเบาๆแต่ก็ดังพอที่เขาจะได้ยิน
ทัศรู้สึกถึงความอบอุ่นในหัวใจและสบายใจที่จะเล่าเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นต่อว่า
“ก่อนหน้าที่ผมจะถูกส่งไปที่เกาะระหว่างการเดินทางผมเคยคิดสั้นกระโดดรถไฟเพื่อหนี ผมยอมหนีตายดีกว่าไปอยู่ที่เกาะนั้น”
รินรดานิ่งฟังในอ้อมกอดเขา เธอคิดว่าในเวลาเช่นนี้เขาอาจจะต้องการใครสักคนที่รู้สึกวางใจที่จะเล่าเรื่องราวนั้นและเธอเองเป็นคนนั้นที่อยู่ตรงนี้พอดี ทัศไม่เคยคิดที่จะเล่าเรื่องราวในอดีตที่เขาไม่อยากจะแม้คิดถึง แต่เขากลับอยากเล่าให้เธอคนนี้ฟัง และเป็นที่น่าแปลกใจเมื่อเล่าให้เธอฟังก็รู้สึกสบายใจไม่หวาดกลัวเหมือนก่อนที่เพียงแค่คิดย้อนมองกลับไปนึกถึงอีก
รินรดากอดเขาให้แน่นกว่าเดิมเพื่อให้เขารับรู้ว่ายังมีใครสักคนที่อยู่ข้างๆเขาและโลกนี้ไม่ได้โหดร้ายกับเขาเสมอไป
“แล้วยังงัยต่อค่ะ”
“ผมก็ถูกจับได้หลังจากนั้นเพราะตอนกระโดดลงมาได้รับบาดเจ็บ แต่คุณรู้ไหมตอนนั้นผมคิดว่าผมตายไปแล้ว”
“โชคดีนะคะตอนโดดลงไม่ตาย”
“ตอนนั้นผมยอมรับว่าเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกผิดหวังที่ตัวเองไม่ตาย”
จู่ๆรินรดาก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่งเขาปล่อยมือที่กอดเธอไว้ เธอโน้มตัวเข้ามาใกล้เขาและสิ่งที่ไม่เขาคาดคิดก็เกิดขึ้น เธอค่อยๆแนบริมฝีปากนุ่มละมุนของเธอมาที่ริมฝีปากของเขาความอุ่นและละมุนของลิ้นเธอค่อยๆแทรกผ่านเข้ามาในปากของเขา เขารับรู้ถึงรสชาติหอมหวานละมุนที่สัมผัสแล้วเขาแทบจะลืมเรื่องราวเลวร้ายในอดีตและรู้สึกโชคดีที่เขาไม่ตายอย่างที่เธอพูดเมื่อครู่นั้นจริงๆ นี่!คือ สิ่งที่สุดแสนวิเศษที่รอดชีวิตมาจนเจอเธอ
เนื้อตัวที่นุ่มนิ่มของเธอแนบชิดเบียดกับแผ่นอกที่หนาแน่นของเขาหัวใจของเขาที่เคยเต้นตึกตักก็ยิ่งทวีความรุนแรงบ้าคลั่งและยิ่งกลิ่นหอมหอมหวานของลิ้นเธอยิ่งทำให้ใจเขาเตลิดแล่นไปลิ้นของเขาค่อยๆแตะละเลียดสัมผัสลิ้นของเธออย่างทะนุถนอมนุ่มนวลเวียนวนสัมผัสในปากของเธอ ยากจะตัดใจหยุดได้ เขาอยากสัมผัสเธอมากกว่านี้
รินรดารู้สึกตัวเมื่อเหงื่อของเขาผุดซึมขึ้นมาโดนแก้มของเธอ เธอผละออกจากริมฝีปากของเขาและบอกกับตัวเองว่า
‘เธอต้องรู้จักเขามากกว่านี้ก่อน’
เธอรู้สึกตัวได้สติก็เขินไม่กล้าสบตาเขาที่เธอไปทำอะไรแบบนั้น สำหรับเขานี่เป็นจูบที่ไม่คิดว่าเธอฉวยโอกาสจูบเขาโดยที่เขาเองไม่ได้ตั้งตัวและตอนนี้เขาก็ยังรู้สึกเคลิ้มเหมือนฝันไปด้วยซ้ำไม่แน่ใจว่าฝันหรือเกิดขึ้นจริงที่สำคัญเขาอยากรับรู้ถึงสัมผัสที่หอมหวานละมุนนั้นอีกครั้ง
รินรดารู้สึกว่านัยน์ตาคมเข้มของเขาจ้องมองเธออย่างไม่ละลดสายตาแม้สักวินาทีเดียว เขาอยากจะรวบตัวของเธอเข้ามากอดอีกครั้งเขาจะถูกเธอกล่าวหาว่า
“ไม่เป็นสุภาพบุรุษหรือไม่”
เขาไม่เคยใส่ใจเรื่องแบบนี้จนกระทั่งตอนนี้ที่อยู่กับเธอ
รินรดาที่รู้สึกถึงความอุ่นร้อนภายในปากของเขาเมื่อครู่เธอจึงพูดขึ้นว่า
“อาการไข้ของคุณยังไม่ดีขึ้นนะคะ นอนพักก่อนเถอะค่ะ”
“นั้นคือวิธีการวัดอาการไข้ของคุณหรือครับ ผมอยากจะให้คุณช่วยเช็คดูอีกครั้ง”
ทัศพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอและสายตาที่เขามองเธอถึงกับทำให้เธอเขินอายและเป็นครั้งแรกที่เขาทำให้เธอคิดว่าจูบเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 220
แสดงความคิดเห็น