13

เลิฟยูทะลุเวลา
คุณกำลังอ่าน: เลิฟยูทะลุเวลา

-A A +A

13

ทัศรู้สึกขอบคุณตัวของเขาเองในวันนั้นที่รอดชีวิตอยู่รอมาจนได้พบเธอคนนี้ จูบของเธอเป็นเหมือนสายฝนที่พร่างพรมลงมาหล่อเลี้ยงให้ต้นไม้ที่ใกล้เหี่ยวเฉาเกือบตายได้ฟื้นกลับมาสดใสมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ทำให้เขาลุกขึ้นมาและเดินออกจากความทุกข์ที่ถาโถเข้ามาในชีวิตอย่างโหดร้ายแทบจะไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ภายในใจของเขาครุ่นคิดวนเวียนถึงจูบเมื่อครู่ของเธอที่เธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อนโดยไม่มีอารัมบทใดๆ จูบนั้นได้ปลุกเร้าความเป็นชายของเขาขึ้นมาอีกครั้ง

รินรดาที่ขยับตัวออกห่างจากเขาเพราะตอนนี้เธอใกล้เขาจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของเขา เขาขยับตัวตามเธอและค่อยๆเลื่อนใบหน้าของเขาเข้าใกล้เธอมากขึ้นและครั้งนี้ริมฝีปากของเขาเป็นฝ่ายจู่โจมเข้าหาเธอแบบที่ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ขยับหนี ริมฝีปากของเขากดลงบนริมฝีปากของเธอ สัมผัสอันนุ่มนวลค่อยๆละเลียดไล่ไปบนริมฝีปากของเธอปลายลิ้นของเขาแทรกเข้าไปดูดปลายลิ้นของเธอจนทำให้เธออ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงที่จะผละออกมาได้จังหวะนี้เธอตอบรับเขาให้เข้ามาด้วยการขยับตัวให้แนบชิดเขา มืออุ่นๆร้อนจากพิษไข้ของเขาที่ลูบไล้เลื่อนลงที่เอวบางๆของเธอ นั่นทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวไม่เป็นจังหวะแทบจะหยุดหายใจ จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“ก๊อกๆ”

“คุณหนูค่ะยายชื่นเองค่ะ”

เสียงเคาะประตูทำให้เขาและเธอต่างผละออกจากกัน เขายังจ้องมองเธอไม่อาจจะละสายตาได้เลยในเวลาเช่นนี้ เธอรีบลุกจากเตียงออกมาเปิดประตูให้ยายชื่นที่อยู่หน้าประตูและมองเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนรู้ดีว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น ส่วนทัศถอนหายใจและพูดว่า

“เฮ้อ! ยายชื่นไม่หลับไม่นอนหรอกหรือ”

“คุณหนูต้องทานยาลดไข้อีกขนานก่อนแล้วค่อยนอนต่อนะคะ แล้วยายชื่นจะไม่มากวนคุณหนูอีกในคืนนี้”

รินรดารับยามาจากยายชื่นแล้ว จากนั้นแกก็เดินจากไปพร้อมกับดึงบานประตูปิดให้เรียบร้อย  รินรดาหยิบยาเม็ดยื่นให้เขาโดยที่เธอยังไม่กล้าจะสบตากับเขา เขารับยาไปกินแล้วพูดว่า

“ผมรู้สึกโชคดีเหลือเกินที่รอดชีวิตมาจนถึงวันนี้ ผมเริ่มรู้สึกอยากขอบคุณตัวเองเหมือนที่คุณบอกผมเมื่อตอนหัวค่ำว่าให้ใจดีกับตัวเองให้มากเพราะเรื่องราวทุกอย่างผ่านไปแล้ว”

“ถ้าคุณรู้สึกขอบคุณกับตัวเองและใจดีกับตัวเองได้แสดงว่าคุณเริ่มให้อภัยแล้ว คุณยายของชั้นเคยบอกกับชั้นตอนที่ท่านHBDชั้นเมื่อปีก่อนว่า การให้อภัยนั้นเป็นผลดีกับตัวของเราเองเมื่อเราให้อภัยแล้วอย่างน้อยเราก็สบายใจ ไม่ใช่คุณจะลืมเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นหากตอนนี้คุณมีเรื่องที่น่าสนใจมากกว่าก็เท่านั้น”

“อะไรคือ HBD ครับ” ทัศถามพร้อมกับทำหน้างง

รินรดาไม่ตอบคำถามของเขาและเขาเองก็ไม่ได้รบเร้าอยากได้คำตอบแต่หากเขาอยากนอนเล่าเรื่องราวของเขาให้เธอฟังเสียเหลือเกินในคืนนี้ เขาอยากให้เธอกลับมาอยู่ในอ้อมกอดของเขาเหมือนเมื่อครู่จึงเอ่ยขึ้นว่า

“หลังจากไปที่เกาะแล้วทุกลมหายใจเข้าออกของผมไม่มีเลยที่ไม่คิดจะหนีออกจากที่นั้น”

“แล้วคนที่ร่วมอุดมการณ์กับคุณล่ะค่ะ”

“ถูกประหารชีวิตในเรือนจำ”

รินรดาร้องอุทานเสียงหลงแล้วเอามือปิดปากตัวเองด้วยเรื่องที่เขาเล่ามันเกินกว่าคำว่าเศร้าสลด และเธอคิดว่าไม่ควรมีใครเสียชีวิตเพียงเพราะเราต่างความคิดกัน เธอพูดขึ้นด้วยความอัดอั้นตันใจในชีวิตของเธอด้วยว่า

“การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของบ้านเมืองเรามันเหมือนการต่อสู้เรื่องวรรณะของดร.อัมเบดการ์ที่ไม่เห็นหนทางสำเร็จด้วยเหตุผลหลายอย่าง จนกระทั่งท่านยอมเปลี่ยนตัวเองเปลี่ยนศาสนา”

“คุณกำลังจะบอกว่าเรื่องวรรณะแม้แต่ท่าน…เอ่อ!ที่เรียกร้องเอกราชจากอังกฤษยังไม่คิดจะเปลี่ยน”

“ใช่เพราะท่านคือนักการเมืองงัยก็ย่อมเล็งเห็นถึงผลประโยชน์จากระบบวรรณะอยู่บ้าง”

“ดูคุณจะอคติไปนะครับ”

“ไม่นะลองคิดแบบที่เป็นนักการเมืองสิ คุณน่าจะได้บทเรียนจากนักการเมืองดี ที่คุณต้องไปอยู่ที่เกาะ และเดาว่าคุณต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองด้วยไม่ใช่เพราะทางการเมืองหรา”

“คุณกำลังจะบอกว่าต่อสู้ไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน ”

“จริงอยู่การเมืองเป็นเรื่องของทุกคนแต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะทำอะไรได้ สังคมอาจจะหันมาสนใจในเรื่องนี้ไม่นานแล้วทุกอย่างก็กลับเหมือนเดิม ไม่มีครั้งไหนในประวัติศาสตร์ที่ประชาชนสามารถชนะในการเปลี่ยนแปลงได้ การเปลี่ยนแปลงการปกครองในตอนนั้นสำเร็จเพราะอะไร ถ้าทหารไม่มีอำนาจไม่ถือปืน จะชนะมั้ย ถ้าเป็นการต่อสู้ของประชาชนจริงๆชั้นว่าคุณก็รู้ดีในข้อนี้มีตั้งหลายเรื่องที่เราทุกคนรู้แต่ไม่มีใครพูด”

ทัศมองรินรดาด้วยความรู้สึกที่แปลกใจมากกับการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของเธอ เธอพูดเหมือนรู้อะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นในอนาคต แต่ที่เขาสัมผัสได้ในตอนนี้เธอดูสิ้นหวังกับเรื่องการเมือง

“แต่ผมกลับมีความหวังขึ้นมานะว่าการศึกษาจะช่วยสังคมเปลี่ยนได้ เมื่อทุกคนมีความรู้ที่ถูกต้อง”

“แต่คุณก็ไม่ควรลืมเรื่องกิเลสของคนที่ยากเกินจะควบคุมได้”

“คุณกำลังพูดถึงกิเลสทางการเมือง อำนาจและเงินใช่ไหมครับ”

“หรือคุณจะหมายถึงกิเลสอะไรล่ะค่ะ” รินรดาจ้องหน้าเขาเหมือนรู้ใจว่าเขากำลังหมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ สำหรับเขาแล้วทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนเขาเองก็ไม่ทันที่จะควบคุมมันได้พอรู้ตัวอีกทีก็เลยเถิดไปแล้ว

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.