ตอนที่ 674 มังกรแดงเกล็ด 9 ชั้น
ตอนที่ 674 มังกรแดงเกล็ด 9 ชั้น
เมื่อสัญญาณถูกส่งออกไปชาวเผ่ามุราซากิก็ได้มารวมตัวกันในป่าไผ่เป็นจำนวนหลายสิบคน
“ผู้อาวุโสเรียกพวกเราทุกคนมาทำภารกิจงั้นเหรอ?”
“ผู้อาวุโส พี่คาเซะอยู่ไหน? หรือว่าเขาไม่ได้เข้าร่วมภารกิจนี้ด้วย?”
เหล่าสมาชิกที่มารวมตัวกันเริ่มถาม โดยพี่คาเซะที่พวกเขาพูดถึงมันก็คือชื่อที่แท้จริงของผู้นำกลุ่มซุยเซน
ยิ่งเวลาผ่านไปมันก็ยิ่งมีคนมารวมตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยสายลับเหล่านี้ต่างก็ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี พวกเขาจึงมารวมตัวกันครบภายในเวลาเพียงแค่ประมาณ 10 นาทีเท่านั้น
อย่างไรก็ตามแม้ว่าทุกคนจะมารวมตัวกันครบแล้วแต่คาเซะก็ยังไม่ปรากฏตัว ทุกคนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องรอคอยอยู่อย่างเงียบ ๆ
ระหว่างนั้นซากุระก็เดินเข้าไปท่ามกลางฝูงชนโดยพยายามทำตัวให้น่ารักที่สุด ก่อนที่ลุงของเธอจะเรียกเธอไปหาด้วยความเอ็นดู ขณะเดียวกันเด็กชายคิ้วหนาที่ชื่อโคตะก็คอยเดินตามเธอตลอดเวลา โดยในช่วงเวลานี้เด็กสาวเหมือนกับต้องการจะพูดอะไรออกมาบางอย่าง แต่เธอไม่สามารถที่จะเปิดปากพูดออกมาได้
ทันใดนั้นรัคโค่ก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นก่อนที่เขาจะมองไปยังสมาชิกทุกคนภายในทีม
“สาเหตุที่ฉันเรียกรวมทุกคนในวันนี้ไม่ใช่เพราะภารกิจ แต่เพื่อทำอะไรบางอย่าง” รัคโค่กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“มีอะไรสำคัญหรือเปล่าผู้อาวุโส? ปกติพี่คาเซะมักจะให้พวกเรากระจายตัวกันออกไปเพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจเว้นแต่ว่ามันจะมีภารกิจที่ต้องทำ”
“ถ้ามันไม่มีเรื่องสำคัญฉันจะเรียกทุกคนมารวมตัวกันไหม? คราวนี้พวกเราจะต้องเคลื่อนไหวเพื่อรักษาเกียรติยศของกลุ่มซุยเซน และศักดิ์ศรีของชนเผ่ามุราซากิของพวกเรา” รัคโค่กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ
ในแววตาของชายชราคนนี้มีความดุเดือดปะทุออกมาด้านนอกอยู่เล็กน้อย และการที่เขาพูดเรื่องศักดิ์ศรีของเผ่าพันธุ์ขึ้นมา มันจึงเริ่มทำให้คนอื่นสัมผัสได้ว่าเรื่องในครั้งนี้มันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่มากแน่ ๆ
“เมื่อกี้นี้มันมีคนสามารถมองทะลุการปลอมตัวของคาเซะได้ และเขาคนนั้นยังรังแกซากุระอีกด้วย” รัคโค่เริ่มกล่าวขึ้นมาอย่างเศร้าใจ
“อะไรนะ?! พี่คาเซะถูกเปิดเผยตัวงั้นเหรอ?”
“ใคร? เขาคนนั้นเป็นใคร? กล้าดียังไงถึงมารังแกซากุระของเรา”
“เรื่องนี้มันน่าอับอายจริง ๆ พวกเราจะปล่อยมันไปไม่ได้เด็ดขาด”
เมื่อทุกคนเริ่มเดือดดาลซากุระก็เริ่มแสร้งทำเป็นเสียใจและบีบน้ำตาออกมาเล็กน้อย แต่ภายในใจเธอกำลังมีความสุขมากและพยายามคิดถึงภาพที่เซี่ยเฟยได้รับความพ่ายแพ้
“ความจริงเรื่องที่ซากุระโดนรังแกกับเรื่องที่คาเซะถูกเปิดเผยตัวมันก็ยังไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะเรื่องที่สำคัญกว่าคือเขาคนนั้นบอกว่าทักษะการปลอมตัวของพวกเรามันใช้การไม่ได้” รัคโค่พยายามพูดปลุกใจต่อไป
ทันทีที่ชายชราพูดจบทุกคนก็แสดงอาการไม่พอใจออกมาในทันที
“มันกล้าดียังไงมาดูถูกพวกเรา!”
“พี่คาเซะจะต้องถูกกลอุบายอะไรของมันเข้าแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นการปลอมตัวของเขาจะถูกเปิดโปงออกมาได้ยังไง”
รัคโค่ยกแขนขึ้นมาบนอากาศช้า ๆ เป็นการส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียงลงก่อน
คาเซะเปรียบเสมือนกับวีรบุรุษของเผ่าพันธุ์ที่ได้ก่อตั้งกลุ่มซุยเซนขึ้นมา มันจึงทำให้เขาได้รับความเคารพจากทุกคนอย่างสูง การที่คาเซะโดนพูดจาดูถูกพร้อมกับหลานสาวของพวกเขาถูกรังแก มันจึงทำให้ทุกคนไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป
“เขาคนนั้นใช้ชื่อแทนตัวเองว่าอาเฟย แต่เรายังไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังว่าเขาเป็นใครมาจากไหนกันแน่ แต่ที่แน่ ๆ เขาคนนี้กล้าที่จะมาดูหมิ่นพวกเราถึงถิ่นฐานของพวกเราเอง”
“ตอนแรกฉันก็คิดที่จะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป เพราะไม่อยากจะไปโต้เถียงกับคนที่ไม่รู้ความ แต่เขายังพูดจาดูถูกเผ่าพันธุ์มุราซากิของเรา ฉันจึงไม่สามารถทนอยู่นิ่ง ๆ ได้อีกต่อไป”
เมื่อชายชราพูดจบลงทุกคนก็ตกตะลึงในทันที โดยในตอนแรกพวกเขาไม่พอใจเซี่ยเฟยที่มารังแกซากุระอยู่แล้ว แต่เมื่อพวกเขาได้ยินว่าชายหนุ่มคนนี้ดูถูกเผ่าพันธุ์ของพวกเขา มันจึงทำให้ความไม่พอใจถูกเปลี่ยนไปกลายเป็นความโกรธแค้น
คนที่ใจร้อนเริ่มยกอาวุธขึ้นมาในทันทีเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะไปจัดการกับเซี่ยเฟย และแม้แต่คนที่ใจเย็นที่สุดภายในกลุ่มก็กำลังยืนกำหมัดพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความโกรธ
“คอยดูเถอะ คราวนี้นายโดนพวกฉันอัดแน่ ๆ” ซากุระที่แอบดูความเดือดดาลของทุกคนอยู่ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“พวกเราพอกันแค่นี้ดีกว่าไหม? ไม่อย่างนั้นลุงคาเซะจะโกรธเอานะ” โคตะพูดขึ้นมาอย่างลังเลใจ
“พี่โคตะกลัวว่าพ่อจะโกรธแต่ไม่สนใจที่ฉันถูกเขารังแกงั้นเหรอ?” ซากุระกล่าวถามด้วยน้ำเสียงอันออดอ้อน
“เอ่อ…” ใบหน้าของโคตะเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที เพราะเขาไม่มีภูมิคุ้มกันที่จะสามารถต่อต้านเสน่ห์ของเด็กสาวคนนี้ได้ ก่อนที่เขาจะสาบานว่าจะไปจัดการกับเซี่ยเฟยพร้อมกับทุกคน แม้ว่าความผิดในครั้งนี้มันจะทำให้เขาต้องถูกลงโทษก็ตาม
“หยุด!” รัคโค่ลุกยืนขึ้นพร้อมกับหยุดทุกคนเอาไว้
“เรื่องของสายลับจะต้องถูกจัดการตามกฎเกณฑ์ของสายลับมืออาชีพ ดังนั้นห้ามใครก็ตามเคลื่อนไหวโดยพลการอย่างเด็ดขาด”
ทุกคนต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของรัคโค่
ในความเป็นจริงรัคโค่ได้พิจารณาแล้วว่าเซี่ยเฟยเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจจะเอากำลังไปปะทะกับชายหนุ่มโดยตรงได้
ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังมีเซธคอยพิทักษ์อยู่เคียงข้าง ซึ่งถ้าหากว่าพวกเซี่ยเฟยเกิดอาละวาดขึ้นมาจริง ๆ ความเสียหายที่เกิดขึ้นย่อมไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาทนรับไหวอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ถ้าหากว่าพวกเขาต้องการจะแก้แค้น พวกเขาก็จะต้องใช้สิ่งที่พวกเขาถนัดมากที่สุดนั่นก็คือการปลอมตัว
“ฉันเห็นด้วยตาตัวเองเลยว่าอาเฟยใช้ดาบสีแดงไปที่ซากุระและดาบเล่มนั้นมันก็เกือบจะปลิดชีวิตของเธอไปแล้ว ครั้งนี้พวกเราจะต้องสั่งสอนบทเรียนที่ไม่มีวันลืมให้กับเขา ให้เขาได้รู้ว่ากลุ่มซุยเซนที่ไม่เคยทำภารกิจผิดพลาดมาตลอด 25 ปีมีความแข็งแกร่งมากขนาดไหน”
“เป้าหมายของพวกเราคืออาวุธหรือแหวนมิติของเขา ไม่ว่ายังไงเขาก็จะต้องกลับไปด้วยความเสียใจที่กล้ามาดูถูกพวกเรา”
ทุกคนต่างก็ส่งเสียงเชียร์อย่างตื่นเต้นในทันที เพราะถ้าหากอาวุธสุดที่รักของเซี่ยเฟยถูกพรากไป มันก็ถือว่าอีกฝ่ายได้สูญเสียศักดิ์ศรีในฐานะของนักรบไปด้วยเช่นเดียวกัน
การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เลวร้ายมากยิ่งกว่าการสังหารเซี่ยเฟยเสียอีก!
เมื่อได้รับคำสั่งสมาชิกภายในทีมต่างก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในทันที โดยทุกคนต่างก็พยายามอดใจเอาไว้เพื่อให้เซี่ยเฟยได้ลิ้มรสถึงความแข็งแกร่งของพวกเขา
—
หลังออกมาจากบ้านของคาเซะ เซี่ยเฟยที่กำลังเดินอยู่ก็พยายามคิดถึงแผนการขั้นต่อไป
คาเซะได้แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่ากลุ่มซุยเซนไม่ต้องการที่จะรับการว่าจ้างจากเขา ชายหนุ่มจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องหาตัวเลือกใหม่
น่าเสียดายที่สถานการณ์ในปัจจุบันทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปใกล้กลุ่มดาวม้าขาวหรือตระกูลหยูได้ เพราะเขาถูกตั้งค่าหัวด้วยคริสตัลต้นกำเนิดมูลค่าที่สูงมาก ดังนั้นทันทีที่เขาปรากฏตัวมันก็จะมีคนออกมาตามล่าเขาอย่างมากมาย
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซี่ยเฟยถูกตามล่า แต่มันก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่เขาได้ตกเป็นเป้าหมายของผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขาเป็นจำนวนมากมายขนาดนี้ การเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวของเขาจึงจำเป็นจะต้องวางแผนอย่างระมัดระวัง เพราะความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวมันอาจจะหมายถึงชีวิตของเขาได้เลย
แม้ว่าปัจจุบันเยว่เกอจะพยายามจับตาดูตระกูลหยูให้กับเขาอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะให้เธอเข้าไปเสี่ยงอันตรายมากกว่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังต้องการเข้าไปสืบข่าวที่เกิดขึ้นภายในกลุ่มดาวม้าขาวอีกด้วย เขาจึงจำเป็นที่จะต้องออกหาสายลับที่จะเข้าไปล้วงข้อมูลมาให้กับเขา
น่าเสียดายที่สายลับที่เก่งกาจในแดนเนรเทศมีเพียงแค่สองเผ่าพันธุ์เท่านั้น และเมื่อพวกซุยเซนปฏิเสธเขา เซี่ยเฟยจึงเริ่มลังเลว่าเขาควรจะไปว่าจ้างพวกเชพเพิร์ดดีหรือเปล่า
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มก็รีบสะบัดหัวไล่ความคิดพวกนั้นทิ้งไป เพราะสิ่งที่เขาต้องการเป็นเพียงแค่การสืบหาข่าวไม่ใช่การทำร้ายคนของทางฝั่งศัตรู การว่าจ้างพวกเชพเพิร์ดมันจึงไม่ใช่สิ่งที่ตรงตามวัตถุประสงค์ที่เขาต้องการในปัจจุบัน
“พวกเราไปจัดการควินซี่ก่อนไหม? แล้วค่อยมาหาพวกสายลับกันทีหลัง ถ้าหากว่าควินซี่หนีไปบางทีพวกเราอาจจะหาร่องรอยของเขาไม่พบอีกเลย” โอโร่กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ
“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้รีบออกไปจากแดนเนรเทศในเร็ว ๆ นี้สักหน่อย อีกอย่างการที่เขากล้าที่จะปรากฏตัวออกมา มันก็แสดงว่าเขามั่นใจว่าไม่มีใครตามล่าหาตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ว่าแต่ทำไมคุณถึงได้มารบเร้าผมแบบนี้หรือว่าคุณยังมีจุดประสงค์อื่นที่ยังไม่ได้บอกผม?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“ความจริงควินซี่ถือสำเนาของกฎแห่งชีวิตเอาไว้ เราจึงจำเป็นจะต้องจัดการเขาให้ได้โดยเร็วที่สุด ถ้าหากศัตรูของฉันได้กฎแห่งชีวิตไปความพยายามทั้งหมดที่ฉันได้ทำมามันก็จะกลายเป็นเพียงแค่เรื่องที่ไร้ประโยชน์”
“นอกจากกฎแห่งชีวิตแล้วควินซี่ยังได้ขโมยของสำคัญออกไปอีกหลายอย่าง เราจึงจำเป็นจะต้องยึดคืนพวกมันกลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด” โอโร่กล่าวตอบอย่างหดหู่
“ถ้าคุณร้อนใจขนาดนั้นแสดงว่าพวกมันจะต้องเป็นของที่ดีมาก ๆ เลยใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
คำถามนี้ทำให้โอโร่เงียบเสียงไป ชายหนุ่มจึงแอบคาดเดาว่าของพวกนั้นมันจะต้องมีความสำคัญมากแน่ ๆ
“นายท่าน ตอนนี้พวกเรากำลังจะไปไหนกันงั้นเหรอ?” เซธถามด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง และการที่พวกซุยเซนที่เขาแนะนำมาปฏิเสธเซี่ยเฟย มันก็ทำให้เขารู้สึกเสียหน้ามาก
“กลับไปที่สมาคมทหารรับจ้างในเมืองกันก่อน ฉันต้องการที่จะหาคนว่าจ้างมาช่วยงานสักหน่อย” เซี่ยเฟยตอบ
“ในสมาคมทหารรับจ้างมีกลุ่มทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงอยู่อย่างมากมาย แต่น่าเสียดายที่ผมไม่ได้ติดต่อกับพวกกลุ่มทหารรับจ้างพวกนี้นานแล้ว และชื่อเสียงของผมก็ไม่ค่อยดีมากนัก ผมเกรงว่าบางทีกลุ่มทหารรับจ้างพวกนั้นอาจจะปฏิเสธไม่รับงานจากพวกเรา” เซธกล่าวอย่างหดหู่
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะสิ่งที่ฉันกำลังมองหาอยู่ไม่ใช่กลุ่มทหารรับจ้าง” เซี่ยเฟยกล่าวตอบอย่างสบาย ๆ แต่เขาก็ไม่คิดที่จะบอกความคิดทั้งหมดของเขาออกไป
ขณะที่พวกเขาเดินออกจากป่าไผ่และได้มาถึงสะพานไม้ที่ถูกแขวนเอาไว้เหนือลำธารที่อยู่ด้านล่าง เซี่ยเฟยก็ได้พบกับฝูงชนเป็นจำนวนมากกำลังถกเถียงกันอยู่บนสะพาน โดยฝูงชนกลุ่มหนึ่งแต่งตัวด้วยชุดต่อสู้ ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งเป็นชายชรากับกิ้งก่าอีกหนึ่งตัว
“พวกเขาน่าจะเป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่เดินทางผ่านมา ถึงแม้ว่าชุดเกราะของพวกเขาจะแตกต่างกัน แต่สังเกตได้เลยว่าพวกเขาสวมผ้าพันคอสีเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นสัญลักษณ์ที่ทหารรับจ้างใช้กันโดยทั่วไป เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาจู่โจมใส่พวกเดียวกันในระหว่างการต่อสู้” เซธกระซิบข้าง ๆ หูเซี่ยเฟย
เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบ โดยสิ่งหนึ่งที่กำลังดึงดูดความสนใจของเขาในตอนนี้ได้นั่นก็คือกิ้งก่าตัวใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ ชายชรา
กิ้งก่าตัวนี้มีเกล็ดสีแดงสดตั้งเป็นแนว 9 ชั้นคล้ายกับพระอาทิตย์ที่สวยงาม ดวงตาสีทองของมันกำลังจับจ้องมองไปยังกลุ่มทหารรับจ้างที่ขวางทางอยู่ตรงหน้า แล้วมันก็แลบลิ้นสีชมพูออกมาด้านนอกเป็นครั้งคราว
“นั่นมันมังกรแดงเกล็ด 9 ชั้นงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยพึมพำขึ้นมาด้วยดวงตาอันเป็นประกาย
***************
ไม่ต้องจ้างละ พวกไม่มีเหตุผลแบบนี้ พี่เฟยจัดการพวกมันเลย!! เอ่อ… แต่ปกติพี่เฟยก็ไม่ค่อยมีเหตุผลเหมือนกันนี่นา
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 308
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น