ในคืนที่ฝนตก
สุพจน์ขับรถบรรทุกฝ่าสายฝนไปตามทางลูกรังอย่างช้าๆ ด้วยเม็ดฝนหนาหนัก ทำให้ไฟหน้ารถสาดส่องเส้นทางเบื้องหน้าได้อย่างจำกัด
เขาเป็นพนักงานขับรถส่งของให้กับบริษัทหนึ่งมาได้หลายปีแล้ว ดังนั้นการขับรถท่ามกลางทางเปลี่ยวเพียงคนเดียวในตอนกลางคืน สำหรับเขาเลยถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
รอบนี้เป็นอีกรอบหนึ่งที่เขาต้องขับรถมาเพียงคนเดียว ทางบริษัทแจ้งว่าที่ปลายทางมีคนรอยกของลงประจำอยู่แล้ว ดังนั้นต้นทางจึงไม่ได้ให้เด็กยกของติดรถมาด้วยแม้แต่คนเดียว
หลังจากที่นำรถออกจากตัวเมืองมุ่งมาตามเส้นทางขึ้นเหนือได้หลายร้อยกิโล แผนที่ก็นำเขาเลี้ยวเข้าสู่เส้นทางลูกรังสายนี้ ขณะแรกเขานึกว่าจะเป็นเพียงถนนระยะสั้นๆ ที่ไหนได้ ขับมาจนเกือบจะเที่ยงคืน แต่ทางข้างหน้าก็ไม่มีวี่แววว่าจะไปทะลุออกยังถนนเส้นใหญ่เลยแม้แต่น้อย เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ฝนห่าใหญ่ดันตกลงมา ทำให้การเดินทางยากลำบากเข้าไปอีก ถนนก็เละ ทำให้ต้องประคองรถไปอย่างระมัดระวัง
ในความรู้สึกของเขาเหมือนเวลาแต่ละวินาทีช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน ยิ่งดึก ฝนระลอกนี้ก็ยิ่งตกหนักเข้าไปทุกที อากาศลดต่ำลงจนรู้สึกหนาวกระทั่งต้องปิดแอร์ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ช่วยให้อุ่นขึ้นสักเท่าไหร่
แสงไฟสาดส่อง มองเห็นได้จากข้างทางทำให้สุพจน์รู้สึกประหลาดใจ ทางเปลี่ยวแบบนี้ ยังมีบ้านคนอยู่อีกกระนั้นหรือ เขาค่อยๆ นำรถขับเข้าใกล้แสงไฟเบื้องหน้าเข้าไปเรื่อยๆ กระทั่งห่างเพียงไม่กี่เมตร เขาจึงพอมองเห็นสภาพแวดล้อมบริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าวได้บ้าง
ที่มาของแสงไฟเป็นบ้านเดี่ยวขนาดชั้นเดียว บริเวณหน้าบ้านมีม้าหินอ่อนตั้งเอาไว้สองสามตัว ถัดเข้าไปภายในมองเห็นเป็นชั้นวางสินค้าจิปาถะ ที่แท้ตรงนี้กลับเป็นร้านขายของชำเล็กๆ แห่งหนึ่ง แสดงว่าละแวกนี้คงมีหมู่บ้านอยู่ไม่ไกล
สงสัยทางเจ้าของบ้านคงได้ยินเสียงรถ เพราะฝ่ายนั้นเดินออกมาชะโงกหน้ามอง จากระยะนี้ยังพอมองออกว่าเธอเป็นผู้หญิง มือข้างหนึ่งยังถือไม้กวาดติดออกมาด้วย
สุพจน์รู้สึกโล่งอกพอสมควร หลังจากขับรถลุยฝนมาตั้งนาน ในที่สุดก็ได้พบเจอผู้คนเหมือนกันสักที เขานำรถแอบเข้าข้างทาง ก่อนจะบิดกุญแจดับเครื่อง แล้วเปิดประตูวิ่งหลบเม็ดฝนเข้าไปยืนหอบเหนื่อยอยู่ภายในตัวร้าน
“ข้างนอกฝนมันสาด เข้ามาหลบข้างในด้วยกันก็ได้นะจ๊ะพี่”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นจากด้านหลังทำให้สุพจน์รีบหันกลับไปมองในทันที ฉับพลันนั้นเอง ดวงตาของเขาถึงกับเป็นประกายอย่างไม่คาดฝัน เพราะเบื้องหน้าของเขาคือสาวน้อยอายุราวยี่สิบปี ใบหน้าหวาน ร่างสมส่วน สวมเสื้อแขนสั้นสีขาว กางเกงสั้นจู๋จนมองเห็นเรียวขาขาวได้ชัดเจน
“รีบเข้ามาเถอะจ้ะพี่ มัวแต่ยืนอยู่นั่น เดี๋ยวก็เปียกทั้งตัวกันพอดี อากาศคืนนี้ยิ่งหนาวกว่าทุกคืนด้วย”
เสียงเธอพูดชวนอีกคำรบ ช่วยทำให้สุพจน์ได้สติ เขาตัดสินใจผละเดินจากส่วนหน้าร้านเข้าไปข้างในตามคำชวนของเธอ
“พี่ขอบคุณน้องมากนะจ๊ะ ถ้าไม่ผ่านมาเจอร้านของน้อง พี่คงต้องนั่งหนาวอยู่บนรถแน่ๆ” สุพจน์เอ่ยขอบคุณสาวเจ้าออกไป
“ไม่เป็นไรจ้ะพี่ หากพี่มาช้าอีกนิด พี่ก็คงไม่เจอน้องแล้ว เพราะนี่น้องก็ว่าจะกำลังปิดร้านอยู่พอดี” เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มหวาน
สุพจน์มองรอยยิ้มนั้นแล้วรู้สึกกระชุ่มกระชวยในหัวใจ นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้มีสาวมาให้คุยแบบนี้ วันๆ ก็เอาแต่ขับรถ นอกจากพวกเด็กยกของกับเมียของพวกมันที่ไม่ค่อยน่าดูนัด ที่เหลือก็แทบไม่ได้เจอใคร
สุพจน์ถือโอกาสนั้นมองไปรอบๆ ทว่านอกจากตัวเธอแล้ว เขาก็ไม่พบใครภายในร้านอีกเลย ด้วยความสงสัยเขาเลยถามขึ้น
“แล้วคนอื่นๆ ไปไหนหมดจ๊ะ เช่นพ่อแม่น้อง หรือท่านนอนกันหมดแล้ว”
หญิงสาวมีสีหน้าเศร้าส้อย “พ่อแม่น้องท่านเสียไปได้หลายปีแล้วจ้ะ ตอนนี้ก็เหลือน้องเพียงคนเดียว ยังดีที่ท่านยังเหลือร้านนี้เอาไว้ให้พอได้หากินเลี้ยงตัวเอง”
“พี่ขอโทษนะจ๊ะ ที่ถาม” สุพจน์มองเธออย่างเห็นใจ
เธอยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่เป็นไรจ้ะพี่ นี่ฝนก็คงตกอีกนาน พี่จะพักที่นี่ก่อนก็ได้นะจ๊ะ เพราะน้องว่าจะปิดร้านแล้ว บ้านน้องก็มีหลายห้อง แบ่งให้พี่นอนสักคืนก็ไม่มีปัญหาอะไร”
“จะดีเหรอจ๊ะ”
เขามีสีหน้าลังเล แต่ทว่าภายในใจเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา ชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ ใครบ้างล่ะจะไม่ตื่นเต้น ดีไม่ดี อาจจะได้เมียไปอวดเพื่อนๆ ก็คราวนี้
“ดีสิจ๊ะพี่” เธอบอก จากนั้นก็ดึงประตูร้านปิดโดยไม่รอคำตอบ
สุพจน์ช่วยหญิงสาวเก็บของในร้านเล็กน้อย ระหว่างนั้นหญิงสาวก็เผลอไปสะดุดกับลังขนมที่วางอยู่บนพื้น ร่างของเธอเสียหลักเข้าหาเขาอย่างประคองตัวไม่อยู่ สุพจน์จึงต้องโอบเธอเข้ามาแนบอกเอาไว้
ร่างหนุ่มสาวทั้งสองแนบชิดติดกัน ตาประสานตาในระยะใกล้ ทำให้อารมณ์หนุ่มสาวพลันประทุ สุพจน์ก้มลงจูบปากของหญิงสาวอย่างดูดดื่ม ในทีแรกด้วยความไม่ประสาของเธอ ทำให้มีเพียงเขาที่สอดลิ้นเข้าไปสำรวจภายในโพลงปากของหญิงสาวอย่างกระหาย ทว่าผ่านไปเพียงไม่นาน เธอก็เริ่มตอบสนองโดยนำลิ้นอันอ่อนนุ่มของเธอมาประหวัดรัดพันกับลิ้นของเขา
เสียงครางแผ่วของหญิงสาวยิ่งช่วยให้อารมณ์ของสุพจน์พุ่งสูงขึ้นเข้าไปทุกที เขาใช้มือข้างซ้ายโอบประคองร่างของหญิงสาวเอาไว้ ขณะที่มืออีกข้างลูกไล้ไปตามหน้าท้องของเธอ กระทั่งเลื่อนขึ้นไปบีบเค้นตำแหน่งเนินอกของหญิงสาว
ร่างของเธอผวาเฮือก ก่อนจะผลักชายหนุ่มออกห่าง เธอหอบหายใจถี่เร็วแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว
“เราพอแค่นี้เถอะจ้ะพี่ เดี๋ยวฉันต้องไปอาบน้ำอีก”
สุพจน์รู้สึกเสียดาย แต่เมื่อคิดได้ว่าคืนนี้ยังอีกยาวไกล หลังสาวเจ้าอาบน้ำเสร็จ ค่อยมาทำต่อก็ไม่สาย ดังนั้นจึงยอมฟังแต่โดยดี
“ได้จ้ะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงแหบเครือจากอารมณ์ที่ยังตกค้าง
ร่างสมส่วนยั่วยวนเดินหายเข้าไปในห้องห้องหนึ่งเป็นเวลานาน จนสุพจน์รู้สึกสงสัย เขาเลยตะโกนถามด้วยเสียงที่กะว่าอีกฝ่ายคงได้ยิน
“น้องทำอะไรอยู่จ๊ะเนี่ย ทำไมหายไปนานจังเลย”
ไม่นาน เสียงหวานของสาวเจ้าก็ตอบกลับมา
“พี่เข้ามานี่เถอะจ้ะ...น้องเปลี่ยนใจไม่อาบแล้ว”
เสียงนั้นช่างฟังดูเชิญชวนยิ่งนัก ทำให้อารมณ์ที่เพิ่งลดต่ำลงของเขาพุ่งขึ้นสูงอีกครั้ง และคราวนี้สุพจน์ตัดสินใจว่าจะไม่ปล่อยให้ค้างคาเหมือนเมื่อครู่อีกแล้ว
เขาเร่งฝีท้าวเดินเข้าไปภายในห้อง เมื่อผ่านประตูเข้าไป สายตาของเขาก็กวาดมองไปยังที่นอนที่ปูอยู่บนพื้น...ทว่ามันกลับว่างเปล่า น้องนางของเขาคงจะยืนหลบมุมอยู่ที่ไหนในห้องก็เป็นได้
หากเมื่อสายตาของเขามองสูงขึ้นเท่านั้นแหละ ชายหนุ่มจำต้องมองภาพที่เขาเห็นอย่างตกตะลึง
ภาพสองขาลอยเอนไปเอนมาตามกระแสลมเป็นสิ่งแรกที่สายตาของเขารับรู้ สูงขึ้นไปเป็นลำตัวที่เริ่มบวมฉุคล้ายว่าร่างนั้นหมดลมหายใจมาหลายชั่วโมงแล้ว สิ่งต่อมาคือใบหน้าที่บัดนี้กำลังแสยะยิ้มฉีกกว้างจนถึงใบหู ลำคอมีเชือกห้อยติดกับขื่อห้องช่างแลดูสยดสยองยิ่งนัก
สุพจน์ปากอ้าตาค้าง มีเพียงเสียงอึกอักออกจากลำคอ สองขาสั่นเทาอย่างทำอะไรไม่ถูก ยิ่งมีเสียงเย็นยะเยือกหัวเราะก้องกังวานอย่างน่ากลัว ยิ่งทำให้สติที่เหลืออยู่น้อยนิดเริ่มหลุดลอย
“เข้ามาหาน้องสิจ๊ะพี่จ๋า...ฮิๆๆๆ”
สิ้นเสียง ศพหญิงสาวที่กำลังขึ้นอืดได้ที่ พลันตกลงมากองอยู่กับพื้นดังสนั่น เรื่องที่น่ากลัวยังไม่สิ้นสุด เมื่อร่างอันสยดสยองเริ่มกลิ้งหลุนๆ มายังทิศทางที่สุพจน์ยืนอยู่พร้อมเสียงหัวเราะ “ฮิๆๆ”
สุพจน์หวาดกลัวจนสุดจะทน จนเริ่มฝืนสติเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ร่างของเขาทรุดฮวบลงไปนอนสลบกับพื้น ก่อนจะหมดสติไป สองหูของเขายังได้ยินเสียงเย็นๆ ดังมาว่า “พี่จ๋า...ฮิๆๆๆ”
- 👁️ ยอดวิว 1797
แสดงความคิดเห็น