ตอนที่ 621 ชิงเหมิง
ตอนที่ 621 ชิงเหมิง
“อาวุธมายา!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ตอนนี้ชายหนุ่มมีหงส์ครามเป็นอาวุธมายาครอบครองอยู่ 1 ชิ้น และถ้าหากคำพูดของหยูฮัวคือความจริง มันก็หมายความว่าบนเกาะนี้มีอาวุธมายาธาตุพืชอยู่บนเกาะอีกชิ้นหนึ่ง!
“หยูฮัว! นี่แกถึงกลับวางแผนร่วมมือกับตระกูลนอกเพื่อยึดครองสมบัติของตระกูลเรางั้นเหรอ?! ความคิดของแกมันจะบิดเบี้ยวมากจนเกินไปแล้ว” หยูกู่ติงด่าทออย่างไม่พอใจ
“ช่วยไม่ได้ที่ดินแดนนี้มันเป็นที่ที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กอยู่แล้ว ในเมื่อตระกูลหยูไม่มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะปกป้องต้นพลัมเก้าราตรีเอาไว้ แล้วพวกเราจะเก็บมันเอาไว้ทำไม”
“นี่แกไม่รู้หรือยังไงว่าทำไมตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาตระกูลของเราถึงถูกตระกูลอื่นกดดันมากขนาดนี้ ต้นพลัมเก้าราตรีมันก็เป็นสมบัติเพียงแค่ชื่อเท่านั้นแหละ แต่จริง ๆ แล้วมันคือคำสาปที่ทำให้ตระกูลเราตกต่ำลงทุกวี่ทุกวัน ถ้าเราไม่ยอมเสียสมบัติชิ้นนี้ไปสักวันหนึ่งมันจะเป็นตระกูลหยูนั่นแหละที่จะต้องหายไป เพราะไม่มีกำลังมากพอที่จะปกป้องของชิ้นนั้น”
เซี่ยเฟยแอบเห็นด้วยกับความคิดของหยูฮัว เพราะถ้าหากว่าใครมีความแข็งแกร่งไม่มากพอที่จะครอบครองสมบัติ สมบัติเหล่านั้นมันก็พร้อมที่จะนำภัยพิบัติมาให้กับผู้ถือครองได้ทุกเมื่อ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เซี่ยเฟยก็อดที่จะยื่นแขนซ้ายไปสัมผัสแขนขวาของตัวเองไม่ได้ เพราะภายในนั้นมันก็ได้มีอาวุธมายาหงส์ครามซ่อนตัวอยู่เช่นเดียวกัน
“การเป็นพ่อค้าทำให้นายคิดได้เพียงแค่นี้หรือยังไง? นายเคยคิดบ้างไหมว่าถ้าหากคนในตระกูลสามารถพิชิตต้นพลัมเก้าราตรีได้ วันนั้นตระกูลของเราก็จะกลับไปเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่เหมือนในอดีต” หยูเจียงกล่าวอย่างเย็นชา
“อย่ามาทำเป็นพูดดีไปหน่อยเลย นอกเหนือจากทายาทสายตรงในตระกูลของคุณ คุณเคยให้ใครก็รับบททดสอบของต้นพลัมเก้าราตรีบ้าง ในเมื่อตัวฉันไม่มีโอกาสครอบครองอาวุธมายาอะไรนั่น มันก็ไม่มีประโยชน์สำหรับฉัน” หยูฮัวกล่าว
ความสัมพันธ์อันซับซ้อนในตระกูลมีการพลิกผันไปมาจนทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกปวดหัว และเขาก็ต้องยอมรับว่าดินแดนกฎไม่ใช่สถานที่ที่ใกล้เคียงกับคำว่าสงบสุขเลย เพราะมันมีข้อพิพาทที่มองไม่เห็นกระจายตัวกันอยู่ทุกที่ และความสัมพันธ์ในตระกูลที่ดูเหมือนจะเหนียวแน่น แต่แท้จริงแล้วกลับเฉียบบางราวกับกระดาษที่พร้อมจะถูกฉีกขาดได้ทุกเมื่อ
แต่สิ่งที่ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกเจ็บใจมากที่สุดนั่นก็คือหยูฮัวได้หลอกลวงเขาด้วย!!
บางทีทุกสิ่งทุกอย่างที่หยูฮัวได้ทำมา มันก็อาจจะเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้เขาเชื่อใจพ่อค้าคนนี้
“นายต้องพยายามอย่างหนักเลยสินะกว่าจะเตรียมแผนการมาได้จนถึงวันนี้ แต่น่าเสียดายที่ต้นพลัมเก้าราตรีไม่ได้อยู่บนเกาะอสรพิษพิทักษ์ในวันนี้ นายจึงไม่มีทางได้มันไปไว้ในครอบครองแน่นอน” หยูเจียงกล่าวอย่างเย็นชา
“ผู้อาวุโสคิดจริง ๆ เหรอว่าผมจะลงมือโดยไม่มีข้อมูล ผมรู้อยู่แล้วว่าสาเหตุที่คุณเดินทางมายังเกาะอสรพิษพิทักษ์ในวันนี้ไม่เพียงแต่จะเดินทางมารับหยูกู่ติงกลับบ้านเท่านั้น แต่คุณยังวางแผนที่จะให้เขาได้รับบททดสอบจากต้นพลัมเก้าราตรีด้วย ดังนั้นในตอนนี้ต้นพลัมเก้าราตรีก็อยู่กับคุณนั่นแหละ” หยูฮัวกล่าวอย่างเยาะเย้ย
คำพูดนี้เหมือนกับคำพูดที่กระแทกเข้าใส่หยูเจียงอย่างสุดกำลัง จนทำให้ร่างกายของเขาโอนเอนจนคล้ายกับจะเป็นลม
“นี่หยูจินก็อยู่ข้างนายด้วยงั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง ทั้งหยูจินและหยูเผิงต่างก็อยู่ข้างเดียวกันกับผม”
เซี่ยเฟยถึงกับรู้สึกขนลุกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะภาพภายนอกหยูจินกับหยูฮัวดูไม่ถูกก็เลยแต่ในความเป็นจริงพวกเขากลับอยู่ทีมเดียวกัน ซึ่งความซับซ้อนของความสัมพันธ์ในตระกูลหยูทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
นี่มันละครฉากใหญ่ที่ถูกเซ็ตฉากเอาไว้นานขนาดไหน?
แผนการของหยูฮัวมันจะร้ายกาจมากจนเกินไปแล้ว!!
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว ไม่ฉันก็นาย วันนี้จะต้องมีคนตายไปข้างหนึ่ง” หยูเจียงคำรามด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
“ผู้อาวุโสจะพูดแบบนั้นไม่ได้ วันนี้มันเป็นวันตายของพวกคุณต่างหาก” หยูฮัวโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้
คนสองคนที่วันหนึ่งเคยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก แต่ในวันนี้กลับต้องมาห้ำหั่นกันจนตาย ไม่ว่าจะมองยังไงเซี่ยเฟยก็ไม่สามารถที่จะติดตามความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดในครั้งนี้ได้ทัน
นี่เหรอคือความสัมพันธ์ในดินแดนของผู้ใช้กฎ?
ในระหว่างที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น กองกำลังทั้งสองฝ่ายก็เริ่มเข่นฆ่ากันจนตายไปบ้างแล้ว
หยูเจียงรู้สึกโกรธจนตัวสั่นก่อนที่เขาจะโบกมือไปในอากาศคล้ายกับว่าเขากำลังเขียนอักขระอะไรสักอย่างจนทำให้อากาศแข็งตัวอย่างรวดเร็ว
ผนึกมังกร!
ชายชุดดำทางด้านหลังหยูฮัวมองไปยังภาพเหตุการณ์ด้านหน้าอย่างเคร่งขรึม โดยกลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีใครแสดงตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาออกมาสักคน และถึงแม้ว่าหยูฮัวกับหยูเจียงจะทะเลาะกันแต่พวกเขาก็ยังคงนิ่งสงบราวกับไม่ได้รับผลกระทบอะไร
“หายไปซะ!! นี่คือมรดกของตระกูลหยู มันไม่ใช่สิ่งที่พวกแกจะมีสิทธิ์มาแตะต้อง”
หยูฮัวกับชายชุดดำรีบกระโดดออกไปจากพื้นที่บริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าพวกเขาจะรู้สึกกลัวผนึกมังกรภายในมือของหยูเจียงมาก
ในเวลาเดียวกันอสรพิษยักษ์ตัวสีเขียวก็เงยหน้าขึ้นไปบนฟ้า พร้อมกับส่งเสียงร้องคำรามออกมาดังลั่นจนก่อให้เกิดเมฆดำรวมตัวกันและมีพายุฝนฟ้าคะนองพัดเข้ามาอย่างรุนแรง
มังกรสวรรค์จุติ!!
หยูเจียงตะโกนท่ามกลางสายลมที่รุนแรง พร้อมกับพลังงานปริมาณมหาศาลที่รั่วไหลออกมาจากร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง
พริบตาต่อมาโถงบรรพบุรุษของตระกูลหยูที่แต่เดิมใช้เป็นอาคารสามชั้นก็ถูกยกขึ้นสูงในทันที เผยให้เห็นว่าแต่เดิมอาคารนี้เป็นอาคาร 9 ชั้นที่พื้นที่อีกหกชั้นถูกฝังเอาไว้ภายในดิน
แกร็ก ๆ ๆ ๆ
วินาทีต่อมามันก็มีร่าง ๆ หนึ่งกระโดดออกมาจากพื้นที่ส่วนล่างของอาคารตรงไปยังหยูฮัวและชายชุดดำทั้งหกคน
อย่างไรก็ตามร่างที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นมานี้มันก็ไม่ใช่ร่างของมนุษย์ แต่เป็นร่างของโครงกระดูกที่ถืออาวุธและมีเปลวไฟสีเขียวอยู่ในเบ้าตาทั้งสองข้างที่ว่างเปล่า
“นี่มันไม่ใช่วิชาผนึกแล้ว แต่มันเป็นวิชาปลดผนึก!!” หยูฮัวอุทานด้วยความตกใจ
ตูม ๆ ๆ ๆ
โครงกระดูกจากโถงบรรพบุรุษเริ่มจู่โจมเข้าใส่พวกหยูฮัวอย่างรุนแรง และยิ่งเวลาผ่านไปโครงกระดูกก็หลั่งไหลออกมาจากโถงบรรพบุรุษมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้ว่าพวกหยูฮัวจะมีพลังในระดับที่สูงมากแต่พวกโครงกระดูกก็ปรากฏตัวขึ้นมามากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่ว่าพวกเขาจะทำลายโครงกระดูกพวกนี้ไปมากแค่ไหน แต่จำนวนของพวกมันกลับดูเหมือนไม่ลดลงเลย สถานการณ์ของทางฝั่งหยูฮัวจึงค่อย ๆ เสียเปรียบตามระยะเวลาที่ดำเนินผ่านไป
พลังการต่อสู้ของราชากฎได้เปิดหูเปิดตาเซี่ยเฟยมาก เพราะทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาก็สามารถที่จะสร้างพลังทำลายขึ้นมาได้อย่างน่าหวาดกลัว
“บรรพบุรุษของตระกูลหยูคาดการณ์มานานแล้วว่าวันหนึ่งมันจะต้องมีคนกล้าเข้ามาปล้นต้นพลัมเก้าราตรีอย่างแน่นอน บรรพบุรุษจึงได้สร้างหุ่นกลซ่อนเอาไว้ในโถงบรรพบุรุษเป็นจำนวนมาก เพื่อวันหนึ่งหุ่นกลพวกนี้มันจะได้ถูกปลุกขึ้นมาเพื่อทำลายคนอย่างพวกแก!”
“โครงกระดูกเหล่านี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เคยเป็นอดีตนักรบของตระกูลหยูที่ได้ใช้วิชาผนึกมังกรก่อนตาย เพื่อผลึกวิญญาณส่วนหนึ่งของตัวเองเอาไว้ให้กลายเป็นหุ่นกลที่หลับใหล แล้ววันหนึ่งเมื่อวิชามังกรสวรรค์จุติถูกใช้งานเศษเสี้ยววิญญาณที่พวกเขาได้ทิ้งเอาไว้ในหุ่นกลก็จะเริ่มเคลื่อนไหวออกมาปกป้องตระกูลหยู”
สถานการณ์ของทางฝั่งหยูฮัวเริ่มเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ และถ้าหากสถานการณ์ยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป มันก็คงจะเป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาก่อนที่พวกเขาทั้งเจ็ดจะถูกสังหารลง
“หึ ๆ ๆ ในที่สุดพวกแกก็ยอมเปิดเผยพลังของตัวเองออกมาแล้วสินะ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่าพวกแกเป็นใครจากตระกูลไบร์ทซีกันแน่?” หยูเจียงกล่าวอย่างสิ้นหวัง แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบลงเขากลับกระอักเลือดออกมาเต็มปาก คล้ายกับว่ามันกำลังมีพลังอะไรบางอย่างทำร้ายร่างกายของเขาอยู่
ฟุบ ๆ ๆ
ร่างทั้งสามกระโจนออกมาจากป่าโดยพวกเขาทั้งสามไม่ได้สวมใส่หน้ากาก มันจึงเผยให้เห็นมนุษย์ที่มีปากกว้างจนถึงใบหูซึ่งเป็นคุณลักษณะที่โดดเด่นของตระกูลไบร์ทซี
ตระกูลไบร์ทซีคือ 1 ใน 9 ตระกูลชั้นยอดของดินแดนกฎ และเนื่องจากว่าพวกเขาได้มาปรากฏตัวยังสถานที่แห่งนี้ มันก็หมายความว่าคนที่คอยบงการหยูฮัวอยู่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากตระกูลไบร์ทซีนี่เอง
ทันใดนั้นโถงบรรพบุรุษของตระกูลหยูก็ค่อย ๆ พังทลายลงและพลังของวิชามังกรสวรรค์จุติก็เริ่มไม่เสถียร
“พวกเราอุตส่าห์ไม่อยากจะเข้ามายุ่งเรื่องภายในตระกูลของคุณ แต่คุณกลับบังคับให้พวกเราต้องออกมา” ชาย 1 ใน 3 กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“หยูฮัวนายนี่น่าผิดหวังจริง ๆ นายไม่รู้ได้ยังไงว่าใต้โถงบรรพบุรุษของตระกูลหยูมีกลไกอะไรแบบนี้ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ด้วย?”
การปรากฏตัวของชายทั้งสามคนนี้ทำให้พวกหยูฮัวกลับมาตั้งหลักได้อีกครั้ง พวกเขาจึงรีบเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังชายฉกรรจ์ทั้งสามจากตระกูลไบร์ทซีและกล่าวขึ้นมาด้วยความลำบากใจว่า
“ขอโทษด้วยครับ แต่มันมีเรื่องบางเรื่องที่มีเพียงแต่ผู้นำตระกูลเท่านั้นที่รู้ ผมจึงไม่สามารถสืบหาข่าวเรื่องพวกนี้ได้”
การปรากฏตัวของตระกูลไบร์ทซีทำให้สถานการณ์ของทางฝั่งหยูเจียงตกอยู่ในความสิ้นหวังอีกครั้ง เพราะเมื่อคนจากเก้าตระกูลชั้นยอดได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับชัยชนะจากการต่อสู้ในครั้งนี้อีกต่อไป
“คนที่อยู่ตรงนั้นออกมาสิ เลิกซ่อนตัวได้แล้ว!” ชายผมสั้นคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่น่าหวาดกลัว ซึ่งชายคนนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นผู้นำของสามชายฉกรรจ์จากตระกูลไบร์ทซี
“ฉันถูกเจอตัวแล้ว!” เซี่ยเฟยอุทานด้วยความหวาดกลัว และปฏิกิริยาแรกของเขาคือการพยายามหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้โดยเร็วที่สุด ชายหนุ่มจึงรีบวิ่งออกตัวอย่างสุดกำลังเพื่อมุ่งหน้าออกไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับสนามรบ
“เดี๋ยวผมจัดการเอง” เมื่อได้เห็นร่างของเซี่ยเฟย หยูฮัวก็รีบเสนอตัวกับชายฉกรรจ์ทั้งสามคน
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่น่าเชื่อว่าเซี่ยเฟยจะเข้ามามีส่วนพัวพันกับเรื่องนี้ด้วย ชื่อเสียงของเขาในเรื่องของแม่เหล็กดูดปัญหาไม่ได้มาเล่น ๆ จริง ๆ แต่คราวนี้เจ้าหนุ่มนั่นคงจะไม่มีโอกาสออกไปดูดปัญหาในอนาคตแล้วสินะ” หยูเจียงกล่าวพร้อมกับส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม เมื่อเขาสังเกตเห็นร่างของเซี่ยเฟยอย่างชัดเจน
ไม่มีใครในจักรวาลจะอยากตายอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อหยูเจียงรู้อยู่แล้วว่าเขาคงจะต้องจบชีวิตลงในวันนี้ เขาจึงทำใจยอมรับสถานการณ์และทำตัวเหมือนปกติเพื่อที่เขาจะได้จากไปอย่างสงบ
ระหว่างที่หยูฮัวติดตามเซี่ยเฟยออกไป ชายชุดดำอีกห้าคนก็เข้าใกล้พวกหยูเจียงเข้ามาเรื่อย ๆ ซึ่งในตอนนี้ชิงเหมิงซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดของพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้จากเก้าตระกูลชั้นยอดได้ในช่วงเวลาแบบนี้
“ไม่จำเป็นจะต้องถ่วงเวลารอหรอก ไม่ว่าจะเป็นตระกูลมูนวอร์ดหรือตระกูลแอจจิเททก็ไม่มาช่วยพวกแกทั้งนั้นแหละ ในดินแดนของเรามันก็เป็นแบบนี้ตราบใดก็ตามที่มีผลประโยชน์หยิบยื่นให้มากเพียงพอ ข้อตกลงใด ๆ ก็พร้อมที่จะถูกทำลายได้ในทันที”
“ตระกูลของพวกแกเป็นเพียงแค่ตระกูลเล็ก ๆ แต่กล้าจะเก็บซ่อนอาวุธมายาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ถ้าหากคิดจะโทษใครสักคนก็โทษตัวเองซะเถอะที่มีความแข็งแกร่งไม่พอที่จะปกป้องสมบัติชิ้นนั้นเอาไว้ได้”
“กัวเยว่! ซานย์! ฉันรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยกว่าจะฝึกฝนจนกลายเป็นราชากฎได้สำเร็จ วันนี้พวกนายอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ฉันจะให้โอกาสพวกนายเป็นครั้งสุดท้ายว่าพวกนายจะเปลี่ยนฝั่งมาอยู่ทางฝั่งของพวกฉันหรือจะตายไปพร้อม ๆ กับพวกลูกหลานตระกูลหยู?”
ราชากฎทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังหยูเจียงสะดุ้งในทันที ก่อนที่พวกเขาจะรีบหันไปกล่าวกับหยูเจียงด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขอโทษ
“ขอโทษด้วย แต่ครั้งนี้พวกเราไม่สามารถที่จะช่วยเหลือคุณได้อีกแล้ว”
หลังจากกล่าวจบราชากฎทั้งสองคนก็เดินย้ายฝั่งไปอยู่ทางฝั่งของตระกูลไบร์ทซี โดยไม่มีความรู้สึกผิดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
ผู้คนในดินแดนกฎพร้อมที่จะย้ายฝั่งเพื่อผลประโยชน์ได้ทุกเมื่อ ซึ่งหยูเจียงรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีเขาจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับการตัดสินใจของสหายทั้งสองคนมากนัก
หยูกู่ติงกอดร่างของหยูเจียงพร้อมกับร้องไห้ออกมาไม่หยุด เพราะในบรรดาตระกูลหยูทั้งหมดเขาคือคนที่ต้องทุกข์ทรมานมากที่สุด
ย้อนกลับไปเขาต้องทนอยู่ในเกาะอสรพิษพิทักษ์เป็นเวลานานกว่า 30 ปี แต่ในวันที่เขาได้กลายเป็นราชากฎและกำลังจะได้กลับไปใช้ชีวิต เขากลับต้องมาเจอกับเหตุการณ์ที่พร้อมจะพรากชีวิตเขาไปได้ตลอดเวลา
“ส่งต้นพลัมเก้าราตรีมาซะ!” ชายผมสั้นกล่าวอย่างเย็นชา
สิ้นหวัง!
หยูเจียง, หยูกู่ติงและชิงเหมิงต่างก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังมาก
“ฉันได้รับการดูแลจากบรรพบุรุษของตระกูลหยูมาเป็นอย่างดี และทำหน้าที่ปกป้องตระกูลหยูมาเป็นเวลานาน วันนี้เมื่อตระกูลหยูต้องประสบพบกับภัยพิบัติ มันก็ถึงเวลาที่ฉันจะต้องตอบแทนให้กับตระกูลหยูแล้ว” ชิงเหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น
“ท่านมารขาว ฉันเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานแล้ว แต่น่าเสียดายที่ในวันนี้เราไม่ได้มีโอกาสได้สนทนากัน” ชิงเหมิงพึมพำพร้อมกับมองออกไปในระยะไกลคล้ายกับว่าเขากำลังสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย
ชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามรีบถอยกลับไปด้วยความรวดเร็ว เพราะแม้แต่คนโง่ก็เข้าใจว่าอสูรพิทักษ์ตระกูลหยูตัวนี้กำลังจะทำอะไรบางอย่างเพื่อจัดการกับพวกเขา
อสูรเทวะมีความภักดีมากและถึงแม้ว่าพวกหยูเจียงจะไม่ใช่คนที่มีนิสัยดีมากนัก แต่ในสายตาของชิงเหมิงแล้วหน้าที่ของเขามีเพียงแค่การปกป้องตระกูลหยูที่ได้รับการส่งผ่านอย่างถูกต้องเท่านั้น
พริบตาต่อมาดวงตาของมันก็เปล่งแสงสว่างออกมาอย่างเจิดจ้า และมันก็ตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้วว่ามันจะปกป้องตระกูลหยูอย่างสุดกำลังแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของมันก็ตาม
***************
ปัญหานี้พี่เฟยจะหนีรอดได้ยังไงเนี่ย?!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 160
แสดงความคิดเห็น