บทที่ 6...1/3
ชลัชโบกมือให้ภามซึ่งโทรนัดเขาให้มาพบกันนอกสถานที่ แทนการไปพบกันที่สถานีตำรวจ ชลัชเป็นตำรวจเจ้าของคดีตอนที่พี่ภูมิเสียชีวิต เขามั่นใจเหมือนกับภามว่าการตายของพี่ภูมิมีความผิดปกติที่ทำให้เหมือนปกติว่าเป็นอุบัติเหตุ แม้จะปิดคดีไปแล้ว แต่ทั้งสองคนยังช่วยกันสืบมาเงียบๆ แต่ว่ายังไม่มีอะไรชี้ชัดว่าเป็นการวางแผนฆ่า จนกระทั่งภามได้รู้ความจริงจากพี่ชายตัวเอง แต่เขาคงบอกชลัชในเรื่องนี้ไม่ได้
ภามส่งไฟล์รูปที่เขาถ่ายมาจากเอกสารจริงส่งให้ชลัชไปเมื่อคืนแล้ว ทำให้พอเจอหน้ากันก็เข้าเรื่องได้เลย ชลัชแปลกใจว่าทำไมภามถึงรู้เรื่องที่ลึกขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าบางอย่างตำรวจก็ไม่อาจรู้ได้หากไม่ใช่คนวงในเอง เพียงแต่ก่อนหน้านี้ภามไม่เคยบอกว่าเขาสงสัยญาติคนไหน แต่คราวนี้กลับชี้ชัดมาเลย
“เท่าที่อ่านๆ ดู ลุงของภาม กับ เมียของพี่ภูมิน่าสงสัยเพราะเหตุจูงใจมากพอ แต่ธีภพกับป้านลิน ฉันคิดว่าเหตุจูงใจดูเบาไป แต่ฉันยังไม่ตัดใครออกไปหรอกนะ” ชลัชสรุปคร่าวๆ จากเอกสารที่เขาได้อ่านทั้งหมด การโอ้นหุ้นที่ดูมีพิรุธ การนอกใจ ดูจะมีน้ำหนักที่สุด
“นายคิดเหมือนกับฉัน” เรื่องเงินกับเรื่องชู้สาวมักเป็นเหตุจูงใจสำหรับการวางแผนฆ่าใครสักคน เพียงแต่ว่า... “ตอนนี้ฉันกำลังให้ฝ่ายบัญชีรวบรวมข้อมูลทางการเงินและการซื้อขายหุ้นอย่างลับๆ ที่ฉันคิดว่ายังมีอีก อีกไม่กี่วันคงชัดเจนกว่านี้”
ชลัชเริ่มทึ่งเพื่อนของตัวเองที่สืบอย่างกับมีคำตอบอยู่แล้ว แต่การมีถึง 4 ผู้ที่น่าสงสัย การหาหลักฐานที่ผิดปกติจนนำไปลงลึกเพื่อสืบว่าใครคนใดได้ทำอะไรไว้เมื่อ 2 ปีก่อน ย่อมดีกว่าสงสัยไปทุกคน
“ส่วนเรื่องรอยที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ ฉันจะไปตรวจสอบจากรถของพี่ภูมิซ้ำอีกรอบ ดีนะที่นายขอเก็บไว้ไม่เอาไปทำลายหลังจากจบคดี แต่มันคงยากอยู่นะ รถตกหน้าผาเลยค่อนข้างยากที่จะระบุว่ารอยไหนเกิดก่อนตกหน้าผา รอยไหนเกิดหลังจากตกหน้าผา”
ภามก็คิดแบบนั้น ตอนนี้รถของพี่ภูมิถูกเก็บรักษาอย่างดีพร้อมให้ชลัชและผู้เชี่ยวชาญไปตรวจสอบอีกรอบ แน่นอนว่าทุกอย่างต้องเป็นความลับ
“อ้อ คุณไปรยาค่อนข้างเก็บตัว ตรงนี้ ฉันว่านายต้องลองไปสืบดูก่อน”
2 ปีที่ผ่านมาไปรยาเดินทางไปอยู่ต่างประเทศเสียส่วนใหญ่ นานๆ ถึงจะกลับมาประเทศไทย ตอนนั้นทุกคนพากันปลอบใจไปรยาที่สูญเสียสามีไป แต่แท้จริงแล้วไปรยาไปต่างประเทศเพื่ออะไร ไม่ใช่เพราะเสียใจที่พี่ภูมิเสียชีวิตแน่ๆ หากนอกใจแล้วคงหมายความว่าหมดรัก
“ได้ มีอะไรคืบหน้าติดต่อกันทางแชท ฉันคงมาหานายบ่อยๆ ไม่ได้ ถ้าเป็นคนในครอบครัวของฉันจริงๆ ที่วางแผนฆ่าพี่ภูมิ ถ้าฉันทำอะไรผิดปกติคงถูกสงสัย”
“โอเค นายก็ระวังตัวไว้บ้างนะ โมกข์คนเดียวยังพออยู่ไหม”
ภามพยักหน้า คนที่แนะนำโมกข์ซึ่งผันตัวจากตำรวจมาเป็นบอดี้การ์ดก็คือชลัชนั่นเอง
“ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ขอบใจที่เป็นห่วง”
ชลัชมั่นใจว่าหากมีใครปองร้ายภาม โมกข์ซึ่งเป็นตำรวจที่มีฝีมือมาก แต่ลาออกไปทำงานเป็นบอดี้การ์ดแทน เนื่องจากอึดอัดบางอย่างในสายงานเดิม จะปกป้องภามได้
ภามรอให้ชลัชขับรถออกไปเกือบ 10 นาทีจึงออกมาจากร้าน แล้วเดินกลับไปที่รถ โมกข์ทำหน้าที่ขับรถพาภามกลับมาไปที่โรงแรมเพราะเขารู้พอๆ กับภามว่าตอนนี้อย่าทำอะไรมีพิรุธให้คนที่พวกเขากำลังสงสัยไหวตัวเด็ดขาด
ปุริมเห็นภามกลับมาแล้ว เขาไม่รู้ว่าเจ้านายออกไปไหนกับโมกข์ และแน่นอนหากว่าภามไม่ได้บอก เขาย่อมไม่ถาม ภามบอกกับปุริมว่าเขาจะพร้อมประชุมใน 15 นาที ปุริมจึงไปตรวจดูเอกสาร เครื่องดื่มและของว่างที่แม่บ้านเตรียมไว้รออีกครั้ง
ภามถอดเสื้อสูทแล้วอ่านทวนสิ่งที่ผู้จัดการฝ่ายต่างๆ นำเข้าที่ประชุมอีกครั้ง ความเงียบทำให้เขาอ่านได้เร็ว แต่แล้วเมื่อมองไปที่โซฟาตัวนั้นเขาก็นึกถึงวันที่ได้คุยกับพี่ชาย ตอนนี้พี่ภูมิจะรู้ไหมนะว่าเขาลงมือหาหลักฐานแล้ว ถ้าพูดออกไปพี่ชายจะรับรู้ได้ไหม
“ผมกำลังตามสืบอยู่นะพี่ภูมิ ผมไม่ได้ดูดาย พี่ภูมิวางใจผมได้ ผมไม่ยอมให้คนร้ายลอยนวลไปแน่”
“อะไรคนร้าย อะไรลอยนวล ภามพูดกับใครอยู่หรือลูก” นลินเปิดประตูพรวดเข้ามาพอดี
ภามตกใจในวินาทีนั้น แต่ก็กังวลใจในวินาทีต่อมา ตอนที่เข้ามาป้านลินได้ยินที่เขาพูดไปมากน้อยแค่ไหน
“ผมไม่ได้พูดอะไรเลยครับ” ชายหนุ่มปฏิเสธสีหน้าเรียบๆ แน่ใจว่าไม่มีพิรุธแน่นอน
ปุริมวิ่งเข้ามาในห้องทำงานของภามอีกคนเมื่อเห็นว่าใครเข้ามาในนี้ เขาเห็นหลังไวๆ เพราะเพิ่งกลับมาจากตรวจเช็คห้องประชุม ไม่คิดว่าคุณนลินจะไม่รอเขา
“คุณนลินผลักประตูเข้ามาก่อน ผมเลยโทรแจ้งคุณภามไม่ทันครับ” ปุริมบอกภามที่มองมาเหมือนจะถาม
นลินหัวเราะแก้เกี้ยวเพราะนางพร่ำสอนหลานๆ ว่าจะเข้าห้องของใครควรมีมารยาทเคาะประตูเสียก่อน แต่นางกลับไม่ทำอย่างที่สอนหลานๆ เสียเอง
“ถ้าบอกก่อน เดี๋ยวภามก็ออกไปทางประตูนั้นไม่ยอมอยู่พบป้าน่ะสิ” นลินชี้ไปที่ประตูซึ่งเชื่อมกับห้องรับรอง “แค่ป้าหาคู่นัดบอดให้ ทำไมต้องดื้อกับป้าด้วยนะภาม ปีนี้ก็ 33 แล้วนะ ถ้าไม่รีบหาคนที่คู่ควร สมหน้าสมตา แล้วลองคบหากัน ภามจะได้แต่งงานเมื่อไหร่”
“ป้าลินมาหาผมถึงห้องทำงานคงมีเรื่องสำคัญใช่ไหมครับ” ภามพอจะเดาได้ว่าถ้าป้านลินเกริ่นมาแบบนี้คงมาขอให้เขาไปนัดบอดอีกแน่ๆ
“ใช่น่ะสิ พรุ่งนี้วันคล้ายวันเกิดของป้า ภามไปบ้านป้าได้ไหม ป้าจะเลี้ยงฉลองในครอบครัว ยัยเนตก็ไปนะ ภามจะไปด้วยใช่หรือเปล่า”
“ได้ครับ วันเกิดของป้าลิน ผมคงหนีไม่ได้หรอก” ภามรู้ทัน
ป้านลินคงพาคู่นัดบอดของเขาไปรอที่งานวันเกิดนั่นแหละ ทำเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ ไม่อย่างนั้นป้านลินไม่มาชวนเขาด้วยตัวเองหรอก
นลินทำทีขมวดคิ้วใส่หลาน “พูดพิกล ภามไม่ต้องเตรียมของอะไรไปให้ป้าหรอกนะ แค่ภามอย่าหายจ้อยก็พอ”
เจอประโยคกำชับของป้านลินเข้าไป ภามยิ่งมั่นใจเต็มร้อย
“ผมไปแน่นอนครับ ไม่อย่างนั้นป้าลินก็ผิดแผน เอ้ย รอเก้อน่ะสิครับ ผมคงรู้สึกผิด”
นลินฟังแล้วยิ่งรู้สึกว่าถูกหลานรู้ทันจึงขอตัวกลับ ขอแค่เจ้าหลานชายตัวดีไปที่งานในวันพรุ่งนี้ก็พอ ภามพยักพเยิดกับปุริมที่รู้ทันแผนจับคู่ ปุริมไม่ห่วงเจ้านายหรอกเพราะรอดจากการดูตัวทุกครั้ง
ภามเห็นสิ่งที่ป้านลินทำเพื่อเขาก็ยิ่งคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่คนเป็นป้าจะวางแผนฆ่าหลานตัวเอง แต่เขาต้องหาหลักฐานจนสิ้นสงสัยก่อน หากไม่ใช่ป้านลินจริงๆ เขาคงต้องยกพานพุ่มไปขอขมา
เมษาเคลียร์งานเสร็จแล้วเพื่อทำตัวให้ว่างในช่วงบ่ายที่ภามบอกไว้ว่าจะส่งโมกข์มารับ การช่วยภามก็เหมือนเธอได้หาคำตอบให้กับตัวเอง บางทีการที่จู่ๆ เธอเห็นวิญญาณได้อาจเพราะมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องคู่นี้ก็ได้ เพียงแค่ตอนนี้เธอยังนึกไม่ออกว่าไปเกี่ยวข้องกับภาม คุณภูมิตั้งแต่ตอนไหน ตอนนี้ถึงต้องมาช่วยหาคนร้ายไปด้วย
โมกข์มารับเมษาตรงเวลานัด หญิงสาวมองทางไปเรื่อยๆ พลางสังเกตคนขับรถของภามที่ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนขับรถทั่วไป เขาเหมือนบอดี้การ์ดตัวใหญ่ๆ ที่พร้อมคว่ำใครก็ตามที่เข้ามาทำร้ายภามมากกว่า ทว่าการที่เขามองกระจกหลังบ่อยๆ ทำให้เมษาอดไม่ได้ที่จะหันมองไปข้างหลัง ไม่ใช่ว่ามีใครตามมาเล่นงานภามเพราะนี่เป็นรถของเขาหรอกนะ
“มีใครตามเรามาหรือเปล่าคะ ฉันเห็นคุณมองไปข้างหลังบ่อยๆ” เมษาถามขึ้นเผื่อว่ามี เธอจะได้ก้มตัวหลบได้ทัน
โมกข์ยิ้มบางไม่นึกว่าเมษาจะสังเกตเขาอยู่ “น่าจะมีครับ แต่ว่าไม่ได้อันตรายอะไร แต่คงทำให้รำคาญมากกว่า”
เมษาฟังแล้วค่อยโล่งอก โมกข์เห็นท่าทางระวังตัวเหมือนระแวงว่าจะมีรถมอเตอร์ไซค์มาจอดเทียบแล้วส่องปืนเข้ามา เขาเลยพูดต่อให้หญิงสาวสบายใจว่า
“นักสืบเอกชนน่ะครับ ผมกำลังสืบกลับครับว่าใครเป็นคนส่งมา ไม่ต้องกังวลหรอกครับ น่าจะเกี่ยวกับคุณภามมากกว่า การคบกับใครหรือทำอะไรที่ผิดแผกไปจากเดิม บางคนในครอบครัวของคุณภามคงสนใจ”
เมษาพยักหน้าเพิ่งรู้ว่าชีวิตของคนรวยก็มีอะไรแบบนี้ด้วย “ที่แท้ก็อย่างนี้เอง”
โมกข์เห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาสำหรับบางครอบครัว แต่สำหรับภามและครอบครัวใหญ่ของเขา เรื่องแบบนี้ถือว่าธรรมดามาก การถามกันตรงๆ กลายเป็นเรื่องยาก แต่การส่งนักสืบมาสืบเรื่องคนในครอบครัวกลับทำกันบ่อย
ชายหนุ่มหักเลี้ยวพวงมาลัยรถเพื่อเข้ามาจอดในช่องสำหรับผู้บริหารของโรงแรม ก่อนจะพาเมษาไปยังห้องท่านประธานในชั้นที่ 28 หลังจากนั้นจึงออกยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง การที่ภามบอกว่ามีเรื่องสำคัญย่อมหมายความว่าคนนอกรู้ไม่ได้ รวมทั้งปุริมด้วย
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 193
แสดงความคิดเห็น