บทที่ 6...2/3
ภามมองประตูที่ปิดไว้เรียบร้อยดี เพียงแต่ไม่ได้ล็อคเพราะการที่เมษามาหาเขาแบบนี้ย่อมมีคนรู้มากมายอย่างน้อยก็พนักงานในชั้นนี้ การให้โมกข์ช่วยยืนเฝ้าหน้าประตูห้องไว้ให้เหมือนมีบุคคลที่สามอยู่หน้าห้องคงลดความสงสัยในทางไม่ค่อยดีสำหรับบางคนที่มีต่อเมษาได้
เมษามองไปรอบๆ ก่อนจะจับมือของตัวเอง แต่เธอไม่เห็นใครหรืออะไรเลย แสดงว่าเธอเป็นแค่สื่อกลางที่เชื่อมระหว่างภามกับคุณภูมิเท่านั้น เธอไม่ได้เห็นวิญญาณทุกตน
ภามนั่งลงข้างๆ เมษา แล้วยื่นมือรอให้หญิงสาวเป็นฝ่ายจับ เขาไม่อยากให้เธอรู้สึกว่าถูกบังคับ แต่เพราะเต็มใจอยากจับมือกับเขา ในทันทีที่ฝ่ามือของมือเล็กสัมผัสมือใหญ่ความอุ่นวาบก็เกิดขึ้น ภูมิปรากฏขึ้นตรงหน้าราวกับว่ามารออยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว
เมษาสะดุ้งเบาๆ อยู่บ้าง แม้จะพบกับคุณภูมิเป็นครั้งที่สี่แล้ว แต่เธอยังไม่ชินสักเท่าไหร่ ภามหันมามองใบหน้าสวยละมุนพลางยิ้มบางแทนการขอบคุณที่เธอช่วยเขา
ภูมิยิ้มให้ภามและเมษา การที่เป็นวิญญาณไม่อาจสื่อสารกับใครได้ ทำให้การได้พูดคุยกับน้องชายหรือแม้กระทั่งคนแปลกหน้าเป็นความสุข บางทีถ้าเขารู้ว่าถูกใครวางแผนฆ่า เขาอาจจะได้ไปที่ชอบๆ อย่างที่คนโบราณบอกไว้
“ตอนนี้ผมส่งหลักฐานให้ชลัชช่วยตามอีกทางแล้วนะพี่ภูมิ พี่ภูมิอาจไม่รู้ว่าตอนนั้นผมกับเพื่อนไม่เชื่อว่ามันเป็นอุบัติเหตุเลยเก็บหลักฐานที่น่าสงสัยมาเรื่อยๆ ผมกับชลัชคิดตรงกันว่าลุงธนินกับไปรยามีเหตุจูงใจมากที่สุด ส่วนธีกับป้าลินยังมีหลักฐานไม่มากพอให้คิดว่าทำแบบนั้น แต่พวกเรายังไม่ตัดออกไปจากผู้ต้องสงสัย”
ภูมิพยักหน้าเพราะคิดแบบนี้เหมือนกัน เพียงแต่มีเรื่องหนึ่งที่เขาคาใจ แต่เขาเข้าไปในบ้านไปรยาไม่ได้
“ตอนนั้นไปรคบกับใคร พี่อยากรู้ ปุริมมีข้อมูลตรงนี้ไหมภาม”
ภามกางเอกสารที่เขาได้รับมาจากปุริม “มีครับ แต่ยังระบุไม่ได้ว่าใครก็เกิดเรื่องเสียก่อน”
ภูมิเห็นภาพถ่ายหลายใบของนักสืบที่ปุริมจ้าง ถ่ายรูปแผ่นหลังของชายคนหนึ่งได้ แต่ไม่เห็นว่าเป็นใคร แต่ภาพอื่นที่พอจะเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นก็ใส่หมวก ใส่แมสจนไม่รู้อยู่ดีว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ทว่าสายตาของภูมิที่มองแผ่นหลังของชายในภาพทำให้เมษาผิดสังเกต
“บางทีคุณภูมิอาจจะมีคนที่สงสัยอยู่ในใจก็ได้นะคะ พอจะมีไหมคะ”
“มีครับ ผมเคยเห็นผู้ชายลักษณะแบบในภาพไปหาไปรครั้งหนึ่ง แล้วคืนที่ผม...” ภูมิถอนใจยาว แม้จะรู้ว่าไม่ต้องหายใจก็ได้ “ผู้ชายคนนั้นเข้ามาคุยด้วย แล้วหลังจากนั้นตอนที่ขับรถผมก็รู้สึกมึนมาก พอมาคิดดูแล้วก็น่าสงสัยจริงๆ ผมดื่มไวน์ไปแค่สองแก้ว ไม่น่าจะเมาถึงขนาดนั้นได้”
“พี่ภูมิจำหน้าผู้ชายคนนั้นได้ไหมครับ” ภามถาม ตอนนี้คงต้องใช้ความทรงจำเพราะมันผ่านมา 2 ปีแล้ว คลิปกล้องวงจรปิดในผับคงไม่มี
“คิดว่าจำได้ แต่พี่จะวาดใบหน้าของผู้ชายคนนั้นให้ภามได้ยังไง”
เป็นปัญหาที่สองคนกับหนึ่งวิญญาณพากันถอนใจ ภามเสียดายเพราะพี่ชายเป็นนักวาดที่เคยได้รางวัลการันตีมาไม่น้อย แต่เพราะความเป็นพี่ชายคนโตเลยต้องมาทำงานด้านธุรกิจแทนการได้ทำสิ่งที่ชอบ
“เอ่อ อย่าโกรธฉันนะคะถ้าถามอะไรแปลกๆ คือว่าวิญญาณสามารถมาเข้าฝันได้ไหมคะ ถ้าทำได้ คุณภูมิทำให้คุณภามเห็นจะได้หรือเปล่า” เมษาไม่แน่ใจนัก แต่เคยเห็นในละครทำแบบนั้นนี่นา
ภามกับภูมิพากันกลั้นยิ้มเพราะคิดแบบนั้นอยู่เหมือนกัน
“ผมเคยลองแล้ว แต่ผมควบคุมความฝันไม่ได้หรอกครับ”
ภูมิไม่เพียงคิด แต่เขาลองแล้วกับน้องชายตัวเองนั่นล่ะ นอกจากไม่ได้ผลแล้ว เขายังทำให้ภามนอนไม่หลับ เจ้าตัวคงไม่รู้ตัวหรอกว่าเคยเป็นหนูทดลองให้วิญญาณพี่ชาย
เสียงเคาะประตูดังขึ้นในวินาทีนั้น พอภามอนุญาต โมกข์ก็เข้ามา แล้วปิดประตูทันที เมษาทันเห็นว่าด้านนอกปุริมยืนรออยู่
ภูมิมองไปที่โมกข์แล้วคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง เขากระโจนเข้าใส่ร่างของโมกข์ทันที!
ภามกับเมษายกมือห้ามด้วยความตกใจ ทว่าที่น่าตกใจกว่านั้นคือวิญญาณของภูมิเข้าไปอยู่ในร่างของโมกข์ ทำให้เกิดภาพซ้อนทับระหว่างใบหน้าของโมกข์กับภูมิในวินาทีนั้น ทว่าเพียงไม่กี่วินาที วิญญาณของภูมิก็เหมือนถูกดีดออกมาจากร่างของโมกข์อย่างไรอย่างนั้น
“คุณภามกับคุณเมษาจ้องผมทำไมหรือครับ” โมกข์ก็ว่าจะไม่ถาม แต่ภามกับเมษาจ้องจนเขาต้องก้มลงดูกางเกงตัวเองว่าลืมรูปซิปหรือเปล่า แต่เขาไม่ได้ลืมรูปซิป ทำให้ยิ่งสงสัย
“คุณเข้ามาตอนนี้มีอะไรหรือเปล่า” ภามถามสีหน้าปกติ
“ปุริมฝากผมมาบอกว่าใกล้จะประชุมแล้ว”
ภามยกแขนข้างที่มีนาฬิกาขึ้นมาดูตามความเคยชิน มือของเมษาเลยถูกยกขึ้นมาด้วย โมกข์มองแล้วแอบยิ้ม เมษาเห็นรอยยิ้มของโมกข์ก็เม้มปากจนใจจะอธิบายกับใคร ตอนนี้เธอกับภามเลยเหมือนตัวติดกันอย่างกับแฝด แล้วแทนที่ภามจะวางมือกลับมาที่เดิม เขากลับเลื่อนแล้วรั้งเบาๆ ให้มือของเมษาที่เขาจับไว้มาวางบนขาเขา เมษาหันไปมองพร้อมกับขมวดคิ้วใส่ แต่เธอกลับได้รอยยิ้มกรุ้มกริ่มของเขากลับมา ภูมิหัวเราะชอบใจ โมกข์กระแอมเบาๆ ภามเลิกคิ้วมองบอดี้การ์ดตัวเอง
“อ้อ จริงเสียด้วย ขอบคุณนะ ผมขอเวลา 5 นาที”
โมกข์ออกไปจากห้องเมื่อได้คำตอบไปให้ปุริม เลขาหน้านิ่งที่คงสงสัยแทบตายแล้วว่าเจ้านายมีความลับอะไร ถึงได้ต้องให้เขาเฝ้าประตูห้องไว้ เขาเองก็สงสัยเพราะได้ยินเสียงเหมือนภามกับเมษาคุยกับใครอีกคน ทั้งที่ในห้องมีแค่สองคน หนำซ้ำไม่ได้โทรศัพท์ไปหาใคร
ภูมิรอจนโมกข์ปิดประตูห้องแล้วจึงเอ่ยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “พี่คิดว่าการสิงร่างน่าจะทำได้ แต่พี่ถูกกระแทกออกมาเร็วมาก ตอนที่อยู่ในร่างของโมกข์ พี่รู้สึกแปลกๆ มันเหมือนกับว่าพี่เห็นความทรงจำของโมกข์ไปด้วย”
“ถ้าพี่ภูมิไปสิงร่างของคนที่พวกเรากำลังสงสัยก็น่าจะช่วยได้มากเลยนะครับ” ภามคิดว่าวิธีนี้น่าจะช่วยให้ลดจำนวนของคนที่น่าสงสัยลงไปมาก
เมษาเห็นสีหน้าของคุณภูมิแล้วคิดว่าวิธีนี้น่าจะไม่ง่ายนัก
ภูมิถอนใจแม้ว่าเขาจะไม่ต้องหายใจก็ตามเถอะ
“แต่ปัญหาคือพี่อยู่ในร่างนั้นได้ไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ การเห็นความทรงจำคงต้องใช้เวลาสักหน่อย”
“แล้วเรื่องผู้ชายคนนั้น ถ้าคุณภูมิไปตามหาด้วยตัวเอง โดยมีเราสองคนช่วย มันจะพอเป็นไปได้ไหมคะ” เมษาเสนอ ถ้าคุณภูมิวาดใบหน้าของชายคนนั้นไม่ได้คงมีแค่ไปตามหาเท่านั้น
“คิดว่าได้นะ แต่ผู้ชายคนนั้นน่าจะอยู่ที่ปราณบุรี เขาเคยบอกพี่อย่างนั้น”
ภามหันมามองเมษาเพราะว่าเขาจะติดต่อกับพี่ชายไม่ได้เลย หากไม่มีเธอ อีกทั้งตอนนี้ร่างของพี่ภูมิก็จางลงอีกแล้ว การติดต่อกับพี่ชายไปเรื่อยๆ ร่างจะจางจนมองไม่เห็นในที่สุดหรือเปล่า
“คุณสะดวกไปที่ปราณบุรีกับผมไหม”
เมษานิ่งคิดเพราะเธอก็มีงานที่ต้องจัดการเหมือนกัน “ได้ค่ะ แต่ขอเป็นวันเสาร์ได้ไหมคะ ฉันจะได้ฝากร้านให้น้องสาวช่วยดูแล”
“ขอบคุณมากนะ ทั้งสองคน” ภูมิเอ่ยก่อนที่ภามจะปล่อยมือเมษา
เมษาเอนหลังพิงกับโซฟาอย่างกับหมดแรง ทั้งที่เธอนั่งเฉยๆ ภามเขยิบเอียงตัวมองหญิงสาวที่หลับตานิ่ง มีเหงื่อซึมที่ไรผม เขาดึงกระดาษทิชชูมาแตะเบาๆ ที่ขมับ เมษาลืมตามอง ชายหนุ่มชี้มือที่ถือกระดาษทิชชูของเขา หญิงสาวพยักหน้าแล้วดึงกระดาษทิชชูมาเช็ดเหงื่อเอง เรียวปากหนาอดยิ้มไม่ได้ เธอเป็นผู้หญิงที่ไว้ตัว การที่เธอยอมให้เขาจับมือไว้เป็นชั่วโมงๆ แบบนี้ เขาคงเป็นผู้ชายที่โชคดีมาก
“ถ้าคุณไม่รีบไปไหน นอนในนี้ก่อนไหม ผมจะเรียกพยาบาลมาดูแลคุณสักหน่อย คุณไม่รู้ตัวเลยใช่ไหมว่าหน้าซีดมาก”
“ฉันกลับไปพักที่บ้านดีกว่าค่ะ”
“ไม่ไว้ใจผมหรือเปล่า ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก” ภามถามทีเล่นที่จริง แต่เมษาพยักหน้าเสียนี่ เขาเลยไปต่อไม่ถูกเลย “โอเค ผมเดินไปส่งคุณที่รถดีกว่า”
เมษาไม่ได้กลัวภามถึงขนาดนั้นหรอก แต่เธอไม่รู้จิตใจเขานี่นา การดูแลตัวเองให้ดีไว้ก่อนย่อมดีกว่าปล่อยให้เขาคิดว่าเธอโอนอ่อนในทุกเรื่อง ตอนนี้เธอกับเขาหากไม่ใช่เพราะมีเรื่องของคุณภูมิเข้ามาเกี่ยวข้อง เราสองคนคงได้เพียงแค่เดินสวนกันโดยที่ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ
ภามเดินเคียงเมษาไปไม่สนใจหลายสายตาที่มองหญิงสาวอย่างสนใจใคร่รู้ว่าเธอเป็นใคร เมษาเองก็ระวังตัวด้วยการใส่แมสและหมวก สักวันเขาจะทำให้เธอยอมเดินไปกับเขาโดยที่ไม่ต้องใส่หมวกกับแมส เขาไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเสียหน่อย ตอนนี้เขาควงแขน ไม่สิ เขาจับมือกับเธอแค่คนเดียว
งานเล็กๆ ของป้านลินที่ภามเห็นคงใช้คำว่าเล็กไม่ได้ ชายหนุ่มลงมาจากรถแล้วเดินไปก่อน ส่วนโมกข์รอจนปลอดคนแล้วจึงเข้าบ้านไปทางด้านหลังตามแผนที่เขากับภามได้วางกันไว้ก่อนเดินทางมาถึงงานเลี้ยงในค่ำวันนี้
ภามมองเข้าไปในงานแล้วส่ายหน้าถอนใจยาวเพราะคิดไว้แล้วไม่มีผิด ป้านลินนัดวีดามางานนี้ด้วย ส่วนแม่ของเขามาถึงงานก่อนแล้ว ตอนนี้กำลังคุยกับเพื่อนๆ ในสมัยเรียนการโรงแรมเมื่อหลายสิบปีก่อน
นลินเห็นภามเดินมาก็แทบจะถอนใจโล่งอกเพราะงานในวันนี้นอกจากฉลองวันคล้ายวันเกิดที่นางจัดขึ้นทุกปีแล้ว นางยังอยากแก้ตัวให้วีดาได้พบกับภามอีกครั้งด้วย การพบกันทั้งสองครั้งจังหวะช่างไม่เป็นใจเสียเลย พอภามเดินมาแล้วยกมือไหว้ ผู้เป็นป้าก็คว้าแขนหมับกันหลานชายหนีไว้ก่อน
“มาแล้วภามของป้า ภามคงไม่รู้แน่ๆ ว่าป้าดีใจขนาดไหน”
ภามหัวเราะชอบใจเพราะเขารู้ว่าผู้เป็นป้าจะดีใจถึงได้มา วันนี้หากถูกกดดันมากๆ เขาจะได้ถือโอกาสประกาศตัวเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
“ผมต้องมางานวันนี้สิครับ วันคล้ายวันเกิดของป้าลินทั้งที ต่อให้ผมมีธุระ งานยุ่งหรือติดประชุมสำคัญ ยังไงก็ต้องมาอยู่แล้วล่ะครับ”
“ช่างพูดจริงๆ” นลินยิ้มกว้าง แม้จะรู้สึกอยู่นิดหน่อยว่าหลานชายพูดเอาใจนางแปลกๆ “ป้าจัดที่นั่งไว้ให้ภามแล้ว วันนี้วันสำคัญของป้า ภามต้องตามใจป้านะ”
นั่นไงภามเห็นแล้ว วีดานั่งอยู่ข้างเก้าอี้ที่ยังว่าง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ กามเทพที่ไหนไม่ได้มาแผลงศรหรอก ป้าเขาเองนี่แหละที่จัดที่นั่งให้เขานั่งใกล้ๆ กับวีดา
“หนูวีเป็นหลานของเพื่อนสนิทป้าเอง ไหนๆ ก็มาพบกันอีกครั้ง คราวนี้ถือเสียว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่นะภาม อะไรที่เคยพูดหรือทำให้หนูวีเสียใจก็อย่าทำอีกนะ” นลินพูดปูทางให้หลานชาย ถ้าจะหาผู้หญิงที่ดีกว่านี้ นางก็หาไม่เจอแล้วเพราะฉะนั้นหลานที่ดีควรตามใจป้า
วีดายกมือไหว้ภามแล้วยิ้มหวานๆ ก่อนจะหันไปทางนลิน แล้วกอดเอวของผู้มากวัยไว้พลางเอ่ยว่า
“วีไม่เป็นอะไรแล้วค่ะป้าลิน พี่ภามไม่ต้องคิดมากนะคะ”
ภามยิ้มหวานปานกัน ไหนๆก็มาถึงตรงนี้แล้ว หากป้านลินยังกดดันเขาด้วยวิธีนี้เรื่อยๆ เขาคงจะไม่ทำอะไรมากหรอก แค่ต้องพูดกันจากใจ แต่คนฟังอาจจะปวดใจอยู่บ้าง
“พี่ไม่คิดมากหรอกครับ จริงๆ แล้วที่พี่เคยพูดไป พี่พูดความจริงทุกคำ ตอนนี้พี่คงไม่อยากให้ป้าลินรับนัดบอดอีกแล้ว”
นลินฟังแล้วยิ้มร่าเพราะคิดไปว่าที่หลานชายไม่อยากนัดบอดอีกเพราะชอบวีดาเข้าแล้ว ทว่าหากมองสักนิดนลินคงเห็นว่าวีดาหน้าเจื่อนไปทันที
“ตามใจภามสิลูก ถ้าหนูวีคือคนที่ภามอยากพบมาตลอด”
เนตราเห็นภามยิ้มกว้างเลยรีบมายืนใกล้ๆ เพราะยิ้มแบบนี้ทีไรมีเรื่องให้ผู้ใหญ่ปวดหัวทุกที ภามหันมามองแล้วยิ้มให้แม่ที่จับแขนเขาไว้อย่างกับปราม
“ผมมีแฟนแล้วครับป้าลิน เพราะฉะนั้นผมไม่อยากให้ป้าลินหาใครมาให้ผมนัดบอดอีก” เมื่อครู่ภามคิดว่าคงพูดอ้อมๆ เกินไป รอบนี้เลยไม่อยากอ้อมค้อมอีก
“อย่ามาอำป้าเลยภาม ถ้าภามมีแฟน ป้าคงรู้ก่อนใครไปแล้วสิ” นลินตีต้นแขนหลานชายเบาๆ พลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ภามอ้างแบบนี้ นางคงไม่เชื่อง่ายๆ หรอก “ยัยเนตรรู้ไหมว่าเจ้าภามมีแฟนแล้ว”
เนตรานึกอยู่แล้วว่าจะถูกโยงไปด้วย เจ้าลูกชายก็ทำให้คนเป็นแม่ปวดหัว แต่ถ้าบอกว่าภามยังไม่มีแฟน นางน่าจะปวดหัวเป็นสองเท่า แถมลูกชายคงถูกมองไม่ดีด้วย
“ก็พอจะทราบมาบ้างคะพี่ลิน” เนตราตอบพลอยทำให้ภามยิ้มที่มุมปาก ดูสินางต้องมาตกกระไดพลอยโจนไปกับลูกด้วย
“ฉันจะอกแตกตาย!” เสียงนลินแหลมและสูงขึ้นมาทันที “ตาภามมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำงานอะไร ลูกเต้าเหล่าใคร เรียนจบอะไรมา ในประเทศหรือต่างประเทศ”
แขกในงานพากันหันกล้องจากโทรศัพท์มือถือมาที่นลินกับภามอย่างพร้อมเพรียงกัน วีดากลายเป็นจุดสนใจอีกคนเพราะใครๆ ก็รู้ว่านลินถูกใจวีดามากจนอยากได้มาเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน
ภามใช้ความปากดีให้เป็นประโยชน์แล้ว จะวงแตกมั้ย ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 241
แสดงความคิดเห็น