บทที่ 3...2/3
เมษาพอจะรู้แล้วว่าภามเป็นคนที่แปลกๆ แต่ไม่คิดว่าจู่ๆ เขาจะลุกขึ้นมาอุ้มเธอ แล้วถามอะไรที่มันพิกลแบบนั้น
“ไม่เห็น คุณรีบปล่อยฉันเลยนะ คืนนี้เราสองคนคงต้องไปสถานีตำรวจหรือไม่ก็โรงพยาบาลแล้วล่ะ” เมษาเอื้อมมือไปจะคว้าด้ามของไม้เบสบอล แต่มือเธอเอื้อมไปไม่ถึง ทำยังไงดี “ป้าพิศได้ยินเมไหม มาช่วยเมที”
เงียบกริบ...
ไม่มีเสียงตอบรับหรือเสียงวิ่งตึงๆ ของป้าพิสมัย บางทีป้าพิศมัยคงไม่ได้ยินเพราะคุยโทรศัพท์กับลูกยังไม่เสร็จ เมษาเงื้อมือทุบไปที่อกหนาของเขาเต็มแรง ภามร้องอึกอักเหมือนจะเจ็บ แต่เขากลับยังไปมองไปรอบๆ ก่อนจะปล่อยเมษาให้ยืนได้เอง หญิงสาวกำลังจะผลักเขาออก แต่มือหนายังจับแขนเรียวเอาไว้แน่น แล้วโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างหนาก็โถมกอดจนเธอแทบจะจมเข้าไปในอกแข็งๆ ของเขา กำปั้นน้อยๆ ทุบที่หลังของภามไม่ยั้ง ชายหนุ่มเจ็บก็จริง แต่ไม่มากพอให้เขายอมปล่อยเมษาไปในตอนนี้ เขาต้องพิสูจน์บางเรื่องให้ได้ก่อน
“ตอนนี้ล่ะ คุณเห็นผู้ชายคนนั้นบ้างไหม” ภามมองไปรอบตัวอีกครั้ง แต่กลับสะดุ้งโหยงเมื่อเมษากัดที่หัวไหล่ของเขา
“โอ้ย!”
“ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแหละ” เมษาตอบเสียงหอบๆ เพราะกำลังใช้มือทั้งทุบทั้งกระชาก ปากก็กัดไหล่ของภามไปด้วย แต่เขาเป็นคนจริงๆ ใช่ไหม โดนขนาดนี้ทำไมไม่ปล่อยเธอเสียที “คุณนี่เป็นผู้ชายอะไร ฉันไม่อยากให้มากอด ปล่อยได้แล้ว”
ภามมองไปรอบตัวจนแน่ใจว่าไม่ตกหล่นตรงไหน เขามองไม่เห็นพี่ชายจริงๆ
ทำไมกันนะ? เมษาไม่ใช่สื่อกลางที่ทำให้เขาเห็นวิญญาณหรอกหรือ
เดี๋ยวก่อนสิ!
วันนั้นเขาทำบางอย่างกับเธอด้วยนี่ ชายหนุ่มคลายกอดพลางก้มหน้ามองใบหน้าแดงก่ำของเมษา เธอไม่ได้เขินเขาหรอก แต่กำลังโกรธและเหนื่อย มือหนาจับมือบางไว้ เมษาพยายามสะบัดออก แต่เหมือนมือของเธอถูกทากาวร้อนไว้กับมือของเขาเพราะดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่ออก แถมเขายังจับมือของเธอแน่นยิ่งกว่าเดิมเสียอีก อีกทั้งยังอุ่นวาบแปลกๆ ที่กลางฝ่ามือ เขาทำอะไรอีกเนี่ย
เมษาหันไปมองภามกำลังจะต่อว่า แต่กลับแปลกใจเพราะสายตาของเขามองไปรอบตัว ก่อนจะหยุดนิ่งที่ถนนตรงด้านหน้าร้านที่ประตูกระจกถูกเธอเปิดทิ้งไว้ หญิงสาวมองตามเผื่อว่าจะมีใครเดินผ่านมาแล้วช่วยแงะมือของเขาออกไปมือของเธอบ้าง แต่เมษากลับเห็นใครคนหนึ่ง
“ผมเห็นพี่ภูมิแล้ว คุณเห็นเหมือนผมหรือเปล่า” ภามถามสายตายังมองที่จุดเดิม เขาไม่อยากเบี่ยงสายตาแล้วพี่ชายที่ยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าวหายไปในพริบตาอีก
เมษาขมวดคิ้วมองภาม ทำไมเขาถึงถามเธออยู่เรื่อยว่ามองเห็นผู้ชายคนนั้นไหม
“เห็น ถ้าคุณนัดคุณภูมิมาแล้วจะมาอยู่ตรงนี้ทำไม ไปหาเขาสิ ปล่อยมือฉันได้แล้ว ขอร้องล่ะ”
ภามได้คำตอบแล้ว แม้จะไม่เข้าใจเพราะเชื่อมั่นมาตลอดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นย่อมมีเหตุผลรองรับเสมอ แต่เขาจะหาเหตุผลแน่ เพียงแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้
“ที่แท้ต้องจับมือคุณ ผมถึงจะเห็นพี่ภูมิได้สินะ”
เมษาฟังแล้วรู้สึกว่าภามควรไปหาจิตแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาแล้วจริงๆ การที่เขาเห็นผู้ชายคนนั้นได้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลย เธอชักเห็นใจคุณป้าแสนใจดีคนนั้น หญิงสาวยกมืออีกข้างไปบีบไหล่หนาเบาๆ เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น เธอไม่ควรถือสาคนที่จิตใจบาดเจ็บจนเพ้อเจ้อแบบนี้หรือเปล่านะ
แต่...เขาจะทำอะไรอีกแล้ว!
“คุณจะไปไหนอีก ฉันไม่ไปค่ะ คุณจะไปคุยกับคุณภูมิก็ปล่อยฉันก่อน ถ้าคุณยอมปล่อยมือ ฉันไม่เอาเรื่องคุณก็ได้ โอเคไหม”
ภามจับมือของเมษาไว้แน่นพร้อมดึงรั้งให้หญิงสาวยอมเดินตามเขามา ยังมีอีกอย่างที่เขาต้องรู้ เขาเห็นเพียงแค่วิญญาณของพี่ชายเพียงเท่านั้นหรือว่าสามารถสื่อสารพูดคุยกันได้ อีกไม่กี่วินาทีคงได้รู้คำตอบ
ภูมิมองน้องชายที่กำลังเดินมาหาทำให้เขามั่นใจว่าภามเห็นเขาแล้วจริงๆ เหมือนคราวก่อนใช่ไหม เพียงแต่ตอนนั้นภามทำเหมือนว่าเห็นเขา แต่วินาทีต่อมาก็ทำเหมือนไม่เห็นแล้ว ไม่เหมือนในตอนนี้ที่ภามเดินตรงมาหาเขาไม่ได้เลี้ยวไปไหน เขาคิดถูกแล้วที่ตามภามมา
“ทำไมพี่ภูมิถึงอยู่ตรงนี้ ที่ผ่านมาพี่ภูมิไปอยู่ที่ไหน” ภามถามไม่แน่ใจว่าหากยื่นมือไปสัมผัสร่างของพี่ชายแล้ว พี่ชายจะหายไปหรือเปล่า
ภูมิยิ้มกว้างเมื่อภามพูดกับเขา เราทั้งสองพูดคุยกันได้อย่างนั้นหรือ
“ไม่รู้สิ มันเหมือนล่องเลย จนกระทั่งวันก่อนที่ภามมองมาที่พี่ พี่ถึงได้รู้ว่าเราเห็นกันจริงๆ เสียที พี่ดีใจที่ได้พูดได้คุยกับภามอีกครั้งนะ”
ภามกำมือแน่นด้วยความดีใจเพราะเขาไม่เพียงเห็นพี่ชาย แต่ยังสื่อสารกันได้อีกด้วย เมษามองผู้ชายสองคนที่กำลังคุยกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาจะจับมือเธอไว้ทำไมกัน
“ผมก็เหมือนกันพี่ภูมิ ผมรู้วิธีติดต่อกับพี่ภูมิแล้ว”
เมษากระแอมเบาๆ ไม่ได้อยากจะขัดจังหวะ แต่เธอไม่ควรอยู่ตรงนี้ไหมในระหว่างที่ภามคุยกับบุคคลที่สาม “ถ้าคุณสองคนจะคุยกัน ฉันขอกลับเข้าไปในร้านก่อน แล้วเราคงต้องคุยกัน”
เมษาดึงมือของตัวเองออกมาทันที ทำให้ภามที่กำลังตื่นเต้นดีใจไม่ทันได้ตั้งตัวลืมที่จะจับมือของหญิงสาวไว้แน่นๆ มือทั้งสองห่างออกจากกัน ทำให้ร่างของภูมิหายวับไปต่อหน้าต่อตาของภามทันที พอเมษาหันมาก็ไม่เห็นผู้ชายที่ชื่อว่าภูมิแล้ว จึงถามภามออกไปอย่างสงสัย
“อ้าว หายไปไหนแล้ว แต่เดี๋ยวคุณโทรคุยกันก็ได้นี่นา” ทำไมภามถึงทำหน้าเหมือนผิดหวังแบบนั้นนะ เมษาได้แต่สงสัย
“ไม่ได้แล้ว พี่ชายของผมตายไปเมื่อ 2 ปีก่อน”
เมษาไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังผิดไปไหม แต่สีหน้าของภามไม่ได้ล้อเล่นและดวงตาคู่นั้นเศร้าอย่างที่เธอรู้ว่าเขาไม่ได้เสแสร้งทำ ถ้าพี่ชายของเขาตายไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นที่เธอเห็นคืออะไร หญิงสาวเย็นวาบที่แผ่นหลัง หัวใจเต้นแรง เมื่อไม่คิดฝันว่าคนที่ไม่มีซิกซ์เซนส์มาก่อนอย่างเธอจะเจอกับ...ผี!
“คุณ...”
เสียงแม้จะเบาหวิวของเมษา แต่ก็ดังพอให้ภามได้ยินแล้วรู้ทันทีเมื่อเห็นร่างบอบบางโอนเอน เขาคว้าเอวของหญิงสาวทันก่อนที่เธอจะฟุบลงในวงแขน ชายหนุ่มรีบกระหวัดอุ้มร่างอ่อนปวกเปียกขึ้นมาไว้ในอ้อมอก เขาลืมคิดไปว่าพี่ชายเป็นวิญญาณหรือที่ใครๆ อาจเรียกว่าผี แต่เขาไม่กลัวเพราะอยากจะพบพี่ชายมาตลอด แต่เมษาคงตกใจและกลัวมาก ซึ่งจะกลายเป็นอุปสรรคแน่นอน หากเขาจะขอให้เธอช่วยเป็นสื่อกลางเพื่อติดต่อกับพี่ชาย
โมกข์เห็นภามอุ้มเมษาในสภาพที่ร่างของเธออ่อนปวกเปียกแบบนั้นก็เข้าใจทันที เขารีบวิ่งไปในร้านเพื่อหาที่นอนหรือโซฟาที่พอจะให้เมษาได้นอนลง แต่เขากลับพบกับหญิงวัยกลางคนที่พอเห็นเขาก็ตกใจโวยวายขึ้นมาทันที
“พวกคุณเป็นใครเนี่ย เข้ามาในร้านทำไม ตอนนี้ร้านปิดแล้ว” พิสมัยคุยโทรศัพท์กับลูกเสร็จแล้วจึงเดินมาหน้าร้าน แต่กลับเจอคนแปลกหน้า “อ้าว หนูเมเป็นอะไร พวกคุณทำอะไรหนูเม”
ภามอุ้มเมษาเข้ามาในร้านเลยถูกป้าพิสมัยตีแขนเพราะคงคิดว่าเขาทำอะไรไม่ดีกับเธอคนนี้กระมัง หากเขาไม่แก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้เรื่องราวคงใหญ่โตไปถึงตำรวจแน่ๆ เขายอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ ชื่อเสียงของเขาคือชื่อเสียงของโรงแรมพริ๊นท์ตันเช่นกัน
“เมษาเป็นลมครับ พอจะมีที่ให้เมษาได้นอนราบๆ บ้างไหม ผมจะพาไปนอนลงก่อน ถ้าป้ามีพวกยาดมก็ขอผมด้วยนะครับ”
พิสมัยไม่ไว้ใจผู้ชายทั้งสองคน แต่การให้เมษาได้นอนลงก่อนย่อมดีกว่าถูกอุ้มแบบนั้น จึงพามายังเก้าอี้พับได้ซึ่งอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ บางทีเมษาเหนื่อยๆ มักจะมานอนพักบนเก้าอี้ตัวนี้
“ตรงนี้เลยคุณ ค่อยๆ นะ เดี๋ยวหนูเมหัวโขก”
ภามย่อตัวแล้วค่อยๆ ทอดวางร่างของเมษาให้นอนลงบนเก้าอี้พับได้ หน้าอกของหญิงสาวกระเพื่อมขึ้นและลงแสดงว่าหายใจได้สะดวกดี อีกทั้งเธอใส่เสื้อหลวม ทำให้ไม่ต้องคลายกระดุม
“เดี๋ยวป้าไปหายาดมก่อน แล้วอย่าเดินไปไหนนะ” พิสมัยบอกแต่ไม่วายกำชับเสียงเฮี้ยบๆ พลางมองไปในครัว บางทีไม้พายคนแป้งน่าจะเหมาะมือ ก่อนจะวิ่งไปชั้นสอง
ภามเลื่อนเก้าอี้ตัวกลมมานั่งพลางใช้สมุดใกล้มือช่วยพัดให้เมษาหายใจได้สะดวก แต่การมีผู้ชายสองคนในที่แห่งนี้คงทำให้ป้าคนนั้นรู้สึกไม่วางใจ แถมโมกข์ยังเป็นผู้ชายตัวโต หน้าตาดูโหดๆ เพราะเขาไม่ได้ทำหน้าที่ขับรถเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวด้วย
“คุณออกไปรอข้างนอกก่อนดีกว่า ไม่งั้นเราหัวแตกทั้งคู่แน่ๆ”
โมกข์พยักหน้าพลางพยักพเยิดมองไปยังบันไดที่ได้ยินเสียงเดินไม่เบานัก “คุณป้าคนนั้นดูไม่ไว้ใจคุณภามนะครับ”
ภามพยักหน้าเห็นด้วย พอป้าพิสมัยลงมาจากชั้นสอง โมกข์ก็กลับไปรอที่รถดังเดิมแล้ว จึงเหลือเพียงภามเท่านั้น ชายหนุ่มยิ้มให้ป้าพิสมัยอย่างเป็นมิตรพลางแบมือขอยาดม
“เดี๋ยวผมช่วยอังยาดมที่จมูกให้เมษาเองครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ป้าทำเอง คุณอยู่ห่างๆ จากหนูเมไว้เลยนะ” ป้าพิสมัยมองเก้าอี้ที่ภามนั่ง ชายหนุ่มลุกขึ้นทันทีให้ป้าคนนี้นั่งแทน “ว่าแต่คุณเป็นใครถึงได้พาหนูเมออกไปจากร้าน แล้วกลับมาในสภาพเป็นลมแบบนี้”
ภามยิ้มบางชอบใจในความระแวงของป้าคนนี้ เมษามีคนคอยเป็นห่วงแบบนี้นี่เอง เธอถึงกล้าคุยกับเขา
“เอ่อ... ผมเป็นแฟนของเมษาครับ เรามีเรื่องต้องปรับความเข้าใจกันนิดหน่อย”
พาเมษาไปเจอวิญญาณพี่ชายไม่พอ บอกป้าพิสมัยว่าเป็นแฟนอีก แค่หัวแตกน่าจะไม่พอ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 263
แสดงความคิดเห็น