บทที่ 3...3/3
ป้าพิสมัยหันมามองภามตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า ภามหน้านิ่งให้อีกฝ่ายมอง หากเขาไม่พูดไปแบบนั้น คืนนี้คงเกิดข่าวใหญ่ให้นักข่าวได้เขียนกันพอดี เอาไว้เมษาฟื้นแล้วเขาค่อยคุยกับเธอในเรื่องที่อ้างไปแล้วกัน
“เป็นแฟนได้ยังไง ทำไมป้าไม่เคยรู้มาก่อน”
ภามหัวเราะชอบใจ ก่อนจะพูดย้อนกลับไปว่า “ผมก็ไม่รู้จักป้าเหมือนกันนะครับ บางเรื่องเมษาก็ไม่น่าจะเล่าหรอกนะครับป้า”
ป้าพิสมัยอ้าปากค้างจะเถียง แต่ที่ผู้ชายคนนี้พูดมาคงเถียงลำบาก ตอนนี้นางคงได้แต่อังยาดมแล้วรอให้เมษาฟื้นขึ้นมาก่อน ดูท่าทางเขาก็ไม่ได้มีพิษมีภัยไม่ได้ทำอะไรให้นางระแวงมากกว่าเดิม
ภามนั่งมองเมษาที่ยังหลับตาแล้วถอนใจ เพราะอะไรเธอถึงกลายมาเป็นสื่อกลางระหว่างเขากับพี่ชาย ไม่ว่าจะด้วยทางใดไม่มีโอกาสเลยที่พี่ภูมิจะรู้จักกับเมษามาก่อน อีกทั้งเมษาก็ไม่ใช่พวกคนทรงอะไรแบบนั้น เธอกลัวผีด้วยซ้ำ ว่าแต่เธอจะยอมเป็นสื่อกลางให้เขาหรือเปล่า เมื่อครู่พอรู้ว่าพี่ภูมิเป็นอะไรก็เป็นลมไปแล้ว
นลินวางช้อนส้อมเมื่อรู้สึกตื้อขึ้นมาเพราะเห็นวีดากำลังน้ำตาซึม ความที่เจ้าหลานชายตัวดีขอให้นางนัดวีดาไปพบ แต่กลายเป็นว่าวีดาไม่ใช่คนที่ภามอยากพบ นางล่ะอยากจับหลานชายแต่งงานให้รู้แล้วรู้รอด ไม่อย่างนั้นได้ไปคว้าคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาร่วมวงศ์ตระกูลหรือมีประวัติด่างพร้อยปกปิดไว้ คราวขวัญจิราก็เกือบไป โชคดีที่สุดท้ายถอนหมั้นกันก่อนไม่ใช่แต่งงานกันแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นคงมีปัญหาตามมา ภามไม่ใช่ตัวเปล่าเสียที่ไหน คนเป็นป้าจะยอมให้สมบัติของตระกูลตกไปอยู่กันคนนอกที่ไม่สมควรได้อย่างไร
ทว่านางถูกใจวีดา ทั้งชาติตระกูล ฐานะ การศึกษาและหน้าตาทางสังคมสมน้ำสมเนื้อกับภามทุกอย่าง แต่เจ้าหลานชายกลับปฏิเสธ วีดาถึงมานั่งเศร้าอยู่ตรงนี้ แทนที่นางกับว่าที่หลานสะใภ้จะได้ฉลองด้วยกันในมื้อค่ำ
“วีไม่สวย ไม่ดีตรงไหนหรือคะป้าลิน ทำไมพี่ภามถึงมองข้ามวีไปแบบนี้ วีไม่เข้าใจ” แม้วีดาจะมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ด้อยกว่าใคร แต่การถูกพี่ภามเมิน ทำให้เธอเสียความมั่นใจ จนกลัวว่าจะถูกเมาท์
“ภามมีเรื่องให้คิดกระมัง ถึงได้ทำแบบนั้น หนูวีอย่าเพิ่งกังวลไปเลยนะ เอาไว้ป้าจะนัดให้ทั้งสองคนได้มาพบกันอีก คราวหน้าป้าจะนัดให้ภามมาทานข้าวด้วยกัน มันจะได้ไม่ดูเจาะจงจนเกินไป”
นลินวาดแผนการอยู่ในใจ ภามไม่ชอบถูกคลุมถุงชน นัดบอดก็ต่อต้าน เพราะฉะนั้นต้องทำให้วีดาได้ใกล้ชิดกับภามโดยที่ไม่ดูจงใจมากเกินไป วีดาสูดหายใจทั้งที่ไม่ได้อยากร้องไห้ แต่ก็อดไม่ได้ ที่ผ่านมาเธอไม่เคยถูกปฏิเสธแบบนี้มาก่อน
“ผู้หญิงที่พี่ภามบอกว่าอยากพบเป็นใครหรือคะ ป้าลินรู้ไหม วีอยากรู้”
นลินเองก็จนใจเพราะที่ผ่านมาภามเคยอยากพบใครที่ไหน เพิ่งจะมีวีดาเป็นคนแรก แต่กลับไม่ใช่คนที่ภามอยากพบเสียอีก
“ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาไว้ป้าจะถามจากแม่เนตรดู รายนั้นคงรู้ใจลูกชายมากกว่าป้า”
มีเสียงรถแล่นเข้ามาในบ้าน นลินชะเง้อดู ในขณะที่วีดาหยิบตลับแป้งมาซับใบหน้า เธอไม่ชอบให้ใครมาเห็นตอนที่ไม่พร้อม
“มาทำไมหรือเจ้าธี มาเสียมืดค่ำเชียว” นลินเห็นหลานชายกำลังเดินผ่านห้องอาหารจึงถามออกไป แม้ธีภพจะมาค้างที่บ้านนางอยู่บ่อยๆ ก็ตาม
“วันนี้ผมขอมานอนค้างที่นี่นะครับป้าลิน ทะเลาะกับพ่ออีกแล้ว ไม่อยากกลับไปทะเลาะกันอีก”
วีดาพยักหน้าให้ธีภพ เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเพราะอายุไล่เลี่ยกัน นลินถอนใจพลางส่ายหน้าไม่รู้เป็นยังไงเจ้าสองพ่อลูกนี่ ธนินอยากให้ลูกชายมาช่วยงานบริหาร แต่ธีภพกลับไปเอาดีในวงการบันเทิงเป็นนักร้องแทน ธนินเลยยิ่งโกรธแทบจะเรียกว่าเหม็นหน้าลูกชาย
“พ่อลูกคู่นี้ก็ทะเลาะกันทุกเดือน ทานอะไรมาหรือยังล่ะ มาทานด้วยกันไหม”
“ผมอิ่มมาแล้วครับ” ธีภพตอบพลางมองไปที่วีดา “ว่าไงวี ได้ข่าวว่าไปนัดบอดกับพี่ภาม เป็นยังไงล่ะ”
วีดาถอนใจเมื่อถูกถามในเรื่องที่ธีภพน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว ยังจะมาถามอีก
“ไม่ตอบแบบนี้ สงสัยจะจอดสนิท ผมว่าอย่างวีไม่ใช่สเปคพี่ภามหรอก”
“ธีหยุดเลยนะ” วีดาแหวขึ้นมาทันที
นลินไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมธนินถึงทะเลาะกับลูกชายบ่อยๆ ก็ปากธีภพเป็นอย่างนี้ไง ใครจะไม่อารมณ์ขึ้น
“อย่าพูดแบบนี้สิธี หนูวีจะเสียใจ”
“ผมพูดเรื่องจริง” ธีภพส่ายหน้า ไม่มีใครเชื่อว่าเขาหวังดี “ไปดีกว่า”
วีดาเจ็บจี๊ดอยู่ในอก เธอไม่ใช่คนที่จะถูกใครเมินหรือปฏิเสธได้ง่ายๆ สักหน่อย เพราะคำพูดของธีภพนั่นแหละทำให้เธอไม่อยากมานั่งน้ำตาซึมอีก หญิงสาวขอตัวจากนลินเพื่อกลับบ้าน คงต้องใช้เวลาคิดว่าทำอย่างไรพี่ภามถึงจะหันมาสนใจเธอ แม้ว่าเธอจะไม่ใช่สเปคของเขา คนอย่างวีดาถ้าคิดจะทำอะไร เธอต้องทำให้สำเร็จยกเว้นเรื่องเรียนบริหาร เรื่องแบบนั้นมันไม่ใช่สำหรับเธอเลย
เมษาขยับตัวเมื่อรู้สึกว่าที่นอนไม่ค่อยสบายอย่างเคย หญิงสาวถอนใจยาวพลางควานมือราวกับกำลังหาผ้าห่ม แต่พอไม่เจอก็กลับมาสอดมือไว้ข้างตัวดังเดิม ภามได้ยินเสียงเก้าอี้ขยับจึงเงยหน้ามาจากโทรศัพท์ที่เขากำลังอ่านอีเมลล่าสุดอยู่
ป้าพิสมัยเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้กับเมษาพลางจับแขนของหญิงสาว เมษารู้สึกได้ถึงความอุ่นจากฝ่ามือที่ท้องแขนของตัวเองจึงลืมตามมองเพดานยังไม่แน่ใจว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน แต่เธอได้กลิ่นคุ้นๆ อย่างไรชอบกล
“หนูเมฟื้นแล้ว ค่อยๆ นะหนูเมอย่าลุกขึ้นนั่งเร็วไป เดี๋ยวจะเวียนหัว”
เมษาพยักหน้ารู้สึกอุ่นใจเมื่อเห็นป้าพิสมัยจึงยันแขนกับผ้าหนาของเก้าอี้พับ แล้วนั่งมองไปรอบตัว ก่อนจะถอนใจเพราะภามยังไม่กลับไปอีกหรือ แต่นั่นไม่สำคัญเท่า...
“กลิ่นอะไรคะป้าพิศ อุ่นอะไรไว้ในครัวหรือเปล่า”
พิศมัยเพิ่งนึกได้จึงตกใจเพราะกลิ่นที่เมษาบอกมันเป็นกลิ่นไหม้
“ตายแล้ว ป่านนี้น้ำที่หม้อนึ่งแห้งหมด เดี๋ยวป้ามานะหนูเม คุยกับแฟนดีๆ นะ อย่าเพิ่งทะเลาะกัน”
แฟน...งั้นหรือ?
เมษามองไปที่ภามพลางหาอาวุธใกล้มือ ป้าพิสมัยคงนำไม้เบสบอลมาวางไว้ที่เดิมพอดี ทำให้ตอนนี้แค่เธอเอื้อมก็จับไม้เบสบอลมาถือไว้ได้แล้ว
“ถ้าคุณแกล้งฉันแบบนั้นอีก คุณได้ถูกฟาดหัวก่อนไปหาตำรวจแน่นอนค่ะ” เมษาจำได้ทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่จะเป็นลม แต่พอมาคิดดู เธอจะเห็นวิญญาณได้อย่างไร
ภามขยับมานั่งเก้าอี้ใกล้ๆ กับเมษาพลางยกมือว่าเขาจะหยิบโทรศัพท์ เห็นทำขนมไทยดูเหมือนคนเรียบร้อยอ่อนโยน แต่เวลาเมษาจะเอาเรื่องก็น่าดูชมอยู่เหมือนกัน เขามั่นใจเชียวล่ะว่าถ้าจวนตัวจริงๆ เธอฟาดหัวเขาแน่
“ผมไม่ได้แกล้งคุณ ผู้ชายคนนั้นที่คุณเห็นเป็นพี่ชายของผมที่เสียชีวิตไปเมื่อ 2 ปีก่อน” ภามส่งโทรศัพท์ของเขาให้เมษาได้ดูลิงค์ข่าว “ข่าวนี้ผมไม่แน่ใจว่าคุณเคยอ่านหรือฟังมาก่อนไหม แต่ผมอยากยืนยันว่าที่ผมพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง”
เมษารับโทรศัพท์ของภามมาแล้วอ่านข่าวที่เขาเปิดหน้าลิงค์ไว้ เป็นผู้ชายคนนั้นจริงๆ เสียด้วยที่เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตรถตกหน้าผาเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ถ้าพี่ชายของภามตายไปแล้ว คน...ไม่สิ...บางอย่างที่เหมือนคนตอนที่เธอเห็นจะอธิบายว่าอย่างไร
“คุณเห็นวิญญาณของพี่ชายคุณ แล้วทำไม...”
“ทำไมคุณถึงเห็นพี่ภูมิเหมือนกันใช่ไหม” ภามต่อประโยคที่เมษาพูดค้างไว้ “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่ผมมั่นใจ ผมจะเห็นวิญญาณพี่ภูมิก็ต่อเมื่อจับมือของคุณ”
เมษาพอจะเข้าใจพฤติกรรมชวนหัวแตกของภามแล้ว เขาอุ้ม กอดและจับมือเธอ เพื่อหาวิธีว่าต้องทำอย่างไรถึงจะติดต่อกับพี่ชายที่เป็นวิญญาณได้นี่เอง แต่ทำไมต้องเป็นเธอ ถ้าเธอไปจับมือของคนอื่นจะเห็นวิญญาณแบบนี้ไหมนะ
“แล้วคุณอยากติดต่อพี่ชายเพราะอะไรคะ” ถ้าเหตุผลคือคิดถึง เมษาคงไม่อยากเชื่อเท่าไหร่ ภามคงไม่ทำอะไรที่เสี่ยงโดนเธอแจ้งตำรวจจับแบบนี้กระมัง
“เพราะผมมั่นใจว่าพี่ภูมิไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุ ผมเลยอยากสืบหาการตายที่แท้จริงของพี่ภูมิ แต่ผมจะทำไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ”
ภามไม่เคยเล่าเรื่องที่คาใจให้ใครฟังมาก่อน นอกจากตำรวจที่เป็นเพื่อน แต่คราวนี้เขาคงจำเป็นต้องพูดออกไปไม่อย่างนั้นเมษาไม่ยอมช่วยเขาแน่
เมษาพยักหน้าไม่อยากจะถือสากับสิ่งที่ภามทำแล้วก็ได้ เขาคงรักพี่ชายมาก การสงสัยในการตายที่ดูไม่สมเหตุสมผลย่อมเป็นไปได้
“ฉันว่าคุณน่าจะไปปรึกษาเรื่องนี้กับตำรวจมากกว่านะคะ”
“เรามาเป็นแฟนกันเถอะ!” ภามไม่ได้ถาม แต่เขาสั่ง แม้จะเป็นประโยคเหมือนขอร้องก็ตาม
เมษาจะตอบยังไงนะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 236
แสดงความคิดเห็น