บทที่ 3...1/3

ใจดวงนี้สื่อถึงรัก
คุณกำลังอ่าน: ใจดวงนี้สื่อถึงรัก

-A A +A

บทที่ 3...1/3

          1 ทุ่มกับ 45 นาทีแล้วตอนที่ภามมาถึงร้านเมนา โมกข์ซึ่งเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของภามเป็นคนขับรถให้เพราะหลายวันมานี้ภามใช้สายตาในการอ่านข้อมูลการตายของพี่ชายอีกครั้ง จนสายตาล้ามาตลอด หลังจากที่เก็บหลักฐานต่างๆ หลังการตายของพี่ภูมิมาเรื่อยๆ เพียงแต่มันยังไม่มากพอให้เขาร้องขอให้เปิดคดีการตายของพี่ชายอีกครั้ง ซึ่งการทำแบบนั้นเขาต้องมั่นใจว่าแม่จะรับมือได้ว่าลูกชายคนโตอาจไม่ได้เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ แต่ว่ามีใครบางคนวางแผนให้เป็นแบบนั้น

          มีเสียงโมบายที่ประตูเข้าร้านทำให้หมิวหันขวับ แล้วรีบมาต้อนรับลูกค้าที่อาจเป็นรายสุดท้ายของวันนี้ ภามนั่งลงพลางมองหาเมษา แต่เขาไม่เห็นเธอ เอายังไงดี โทรหาเลยดีไหม

          “รับอะไรคะ เป็นขนมไทยหรือเบเกอรี่ดีคะ” หมิวถาม

          “ผมอยากพบคุณเมษา ช่วยบอกว่าคนชื่อภาม จากโรงแรมพริ๊นท์ตันมาขอพบ”

          หมิวพยักหน้าอย่างไม่แน่ใจ แต่พอจะรู้มาบ้างว่าพี่เมษากำลังจะส่งขนมให้โรงแรมพริ๊นท์ตันในสัปดาห์หน้า ตอนนี้เลยมีผู้ช่วยเพิ่มอีกคน ผู้ชายคนนี้คงมาคุยเรื่องงานกระมัง

หมิวเดินไปบอกเมษาที่กำลังเดินลงมากจากชั้นสาม วันนี้เมษาไม่ค่อยสบายตัวจึงขึ้นไปนอนพักเมื่อตอนหนึ่งทุ่ม พอหมิวบอกว่าคนชื่อภามมาขอพบ เมษาจึงเดินไปตามที่หมิวชี้บอก เธอรู้สึกว่าคงเหนื่อยกว่าเดิมเมื่อเห็นหน้าอีตาหน้าโหดที่ชื่อว่า...ภาม

          “คุณเองหรือ มาทำไมคะ  อีก 10 นาทีร้านจะปิดแล้วค่ะ ถ้าสั่งขนมตอนนี้คงทานไม่ทัน” เมษารู้ดีว่าไล่ลูกค้าไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ แต่ถ้าเขาอยู่นานๆ ได้ทำให้คนในร้านหนีกระเจิงเปล่าๆ

          ภามเลิกคิ้วทำเป็นไม่สนใจประโยคไล่ทางอ้อม “ผมมาหาคุณ ถ้าร้านปิดแล้วผมขอคุยด้วย”

          เมษาพยักหน้าพยายามยิ้มทั้งที่ในใจกำลังฮึ่มๆ ก่อนที่เขาจะขอคุยด้วย เขาควรขอโทษเธอในเรื่องคราวก่อนหรือเปล่า

          “ถ้าไม่สั่งขนมก็เชิญออกไปค่ะ”

          ภามเชื่อแล้วว่าการพบกันในครั้งก่อนคงทำให้เมษาประทับใจเขามากจนไม่อยากให้อยู่ใกล้ๆ แต่เขาไม่ไป

          “ก็ได้ ผมต้องการทอฟฟี่เค้ก  น้ำอะไรก็ได้”

          ทำไมเขาต้องมาเอาชนะเธอด้วยเรื่องแบบนี้ด้วยนะ เมษาอยากโพล่งถามออกไปนักเชียว แต่ความเป็นเจ้าของร้านทำให้เธอต้องพยายามนิ่งไว้ การพูดด้วยเหตุผลน่าจะทำให้เขายอมฟังเธอบ้างไหมนะ

          “คุณควรกลับไปได้แล้วไหมคะ ฉันไม่ได้อยากพบคุณเลย เรื่องวันนั้นคุณน่าจะรู้ตัวแล้วว่าเป็นการเข้าใจผิด จริงๆ แล้วสิ่งแรกที่คุณควรทำคือการขอโทษฉันหรือเปล่า”

          ภามพยักหน้าเข้าใจในทันที เขาต้องแก้ไขเรื่องในคราวก่อน เพื่อที่การคุยกับเมษาแบบคนที่ไม่ติดค้างในใจต่อกันจะได้ง่ายขึ้น

          “ผมขอโทษในเรื่องวันนั้น” ภามเอ่ย

          เมษาพยักหน้ารับคำขอโทษ คราวนี้เขาคงเข้าใจ แล้วไปจากร้านเสียที

“แต่ผมจะยังไม่กลับไปไหน ช่วยยกของที่สั่งมาให้ผมด้วยครับ”

          ภามเป็นคนแบบไหนกันนะ เขาช่างเป็นผู้ชายที่กวนโมโหจนเมษาต้องนับเลขอยู่ในใจ ก่อนจะเดินกลับไปหลังเคาน์เตอร์แล้วสั่งให้หมิวนำขนมและน้ำเปล่าไปให้ลูกค้าที่เธออยากจะทำเป็นเหมือนไม่เห็น

แต่ให้ตายเถอะ!

ทำไมเขาต้องมานั่งใกล้ๆ กับโต๊ะหลังเคาน์เตอร์ของเธอด้วย เธอสมควรคุยกับเขาหรือปล่อยให้รอจนหน้าแห้งไปเลยดี

          หมิวเห็นเมษาไปคุยกับลูกค้าที่จัดว่าหน้าตาดีคนนั้น ตอนแรกเธอก็ไม่ได้ห่วงอะไร แต่เมษาคุยอยู่นาน แถมสีหน้าที่ยิ้มแย้มตลอดเวลากลับเรียบเฉยทำให้รู้สึกได้ทันทีว่าลูกค้าคนนั้นทำให้เมษาไม่พอใจบางอย่างแน่ๆ พอเมษาเดินมาแล้วหมิวก็ถามให้หายสงสัยทันที งานนี้เธอพร้อมลุย

“ผู้ชายคนนั้นมาหาเรื่องอะไรพี่เมหรือเปล่า” หมิวถาม แต่สายตามองไปที่ลูกค้าคนนั้น แต่เขาก็มองมาที่เธอ ไม่สิ ผู้ชายคนนั้นมองมาที่เมษาอยู่ต่างหาก

          “ไม่มีอะไรหรอก พอดีพี่เจอเขาเมื่อวันก่อนน่ะ” เมษาไม่อยากจะเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไรเสียเมื่อครู่ภามก็ขอโทษเธอแล้ว แม้จะเป็นการขอโทษที่น่าจะถูกฟาดไหล่สักที “หมิวกินอะไรหรือยัง มีข้าวมันไก่แน่ะ พี่ซื้อมาเผื่ออยู่ที่โต๊ะกินข้าว ถ้าหิวก็ไปกินได้เลย หรือจะเอาไปกินที่บ้านก็ได้นะ”

          หมิวกอดเอวของเมษาทำหน้าซึ้งสุดใจ “ขอบคุณค่ะ พี่เมใจดีจังเลย”

          หมิวทำงานจนถึง 2 ทุ่ม แต่ลูกค้ารายสุดท้ายยังไม่ยอมไปไหน ใจจริงเธออยากจะอยู่ช่วยเมษาปิดร้าน แต่มันติดตรงที่วันนี้เธอกับแฟนนัดว่าจะไปดูหนังด้วยกัน เมษาไม่ได้กังวลอะไรเพราะไม่ได้อยู่คนเดียว ป้าพิสมัยจะค้างด้วยวันนี้

          “หมิวไปก่อนนะพี่เม” หมิวไม่วายมองไปที่ลูกค้าคนสุดท้าย “ถ้ามีอะไรโทรหาหมิวได้เลย ป้าพิสกำลังคุยโทรศัพท์กับลูกสาว ถ้าตานั่นทำให้โมโหต้องตะโกนดังๆ นะพี่เม”

          “ไม่มีอะไรที่ต้องตะโกนหรอกมั้งหมิว ขับรถกันดีๆ ล่ะ” เมษาโบกมือให้หมิวกับแฟน ก่อนจะกลับเข้ามาในร้าน

          เมษาปลายตามองไปที่ภาม พอเห็นว่าเขายังทานทอฟฟี่เค้กไม่หมดจึงไปหลังเคาน์เตอร์เพื่อคิดบัญชีของวันนี้ แต่หลังจากผ่านไปอีก 5 นาที หญิงสาวจึงทำทีไปดึงบานเหล็กยืดลงมา บานแรกลงมาจนหมดแล้ว เธอดึงบานที่สองคิดว่าเขาคงรู้ได้เองว่าเธอจะปิดร้าน แต่เขายังนั่งเฉย ทำไมเขาต้องแกล้งไม่เข้าใจด้วยนะ

          ภามรู้โดยที่ไม่ต้องให้เมษามาตะโกนไล่ แต่เขาบอกเธอไปแล้วนี่ว่าไม่กลับ หากยังไม่ได้คุยกันเสียก่อน การที่เขานั่งรออยู่เฉยๆ ก็แค่อยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีความอดกลั้นมากแค่ไหน ผู้หญิงที่ใช้แต่อารมณ์ เขาคงคุยด้วยลำบาก แต่ว่าหลังจากผ่านไปพอประมาณ จนตอนนี้ 2 ทุ่ม 15 นาที เวลาในตอนนี้คงมากพอให้เมษาไม่อยากอดทนอีก เขาเองก็คิดว่าจะไม่ยื้อให้นานไปกว่านี้เช่นกัน

“ฉันกำลังจะปิดร้านแล้วค่ะ คุณจะกลับได้หรือยังคะ” เมษาถามดีๆ ตามมารยาท บางครั้งหากลูกค้ายังนั่งทานขนมกันอยู่ เธอก็จะอะลุ่มอล่วยให้ยอมปิดร้านช้าก็ไม่เป็นไร หากวันนั้นเธอค้างที่ร้าน ไม่ได้กลับไปนอนที่บ้าน

ภามมองประตูทางออกที่คงเปิดไว้รอเขาในเวลานี้ บานกระจกถูกปิดบังด้วยเหล็กยืดที่เมษาดึงลงเมื่อหลายนาทีก่อน ภายในร้านจึงเงียบ

“ผมรอจะคุยกับคุณอยู่ เรื่องที่ผมอยากคุยกับคุณถ้าเป็นไปอย่างที่คิด ผมคิดว่าคงต้องคุยกับคุณนานสักหน่อย”

เมษานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เมื่อไล่แล้วไม่กลับ งั้นก็ได้ ถ้าเธอคุยกับเขาให้จบเรื่องไปเสีย เดี๋ยวเขาคงกลับไปเอง ดีกว่าเลี่ยงไปนั่งหลังเคาน์เตอร์แล้วมองกันไปมองกันมา แต่เพื่อความสบายใจหญิงสาวเลยต้องมีไม้เบสบอลเอาไว้ใกล้มือด้วย ภามมองแล้วอยากร้องเฮอะ

“คุณคิดว่าผมมาที่นี่ทำไมอย่างนั้นหรือ ผมไม่ได้ง่ายๆ กับใครหรอกนะคุณเมษา”

“ฉันไม่รู้จักคุณ แล้วฉันทำไมถึงต้องไว้ใจคุณด้วยล่ะคะ” คราวก่อนที่เจอกันก็ใช่ว่าเขาจะทำให้เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนดีเสียเมื่อไหร่ “พูดธุระของคุณมาได้แล้วค่ะ ฉันยังต้องเคลียร์นั่นนี่ในร้านอีก”

          ภามเอนตัวไปกับพนักพิงของเก้าอี้พลางกอดอกแล้วมองเมษา “วันนั้นที่เราสองคนตกสระน้ำไปด้วยกัน คุณเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ท้ายสระน้ำไหม”

          เมษาแปลกใจอยู่บ้าง ภามรอให้เธอว่างอยู่ตั้งนานเพื่อถามเรื่องแค่นี้เองเนี่ยนะ

“ผู้ชายที่คุณก็มองอยู่น่ะหรือคะ เห็นสิ คุณถามทำไม”

ภามพยักหน้ากับตัวเอง หัวใจเริ่มเต้นแรงเพราะมันอาจจะเป็นไปได้อย่างที่เขาคาดการณ์ไว้ แต่เขาไม่อยากพูดบางอย่างที่ฟังดูไม่น่าเชื่อออกไป หากยังไม่แน่ใจมากกว่านี้

“ผู้ชายคนนั้นใส่เสื้อผ้าสีอะไร”

“ขอนึกก่อนนะคะ” เมษาเท้าคางเพราะจริงๆ แล้วเธอพบคนมากมายในแต่ละวัน การจำว่าใครใส่เสื้อผ้าแบบไหนจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย “ผู้ชายคนนั้นใส่เสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงยีนส์ หน้าตาจัดว่าหล่ออยู่เหมือนกัน เขายิ้มให้คุณด้วยไม่ใช่หรือ”

ภามถอนใจยาวเพราะกลั้นใจรอฟังคำตอบของเมษาอยู่นาน เธอเห็นพี่ชายของเขาจริงๆ เหมือนกับที่เขาเห็น มันเป็นไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ แต่ว่ามันเป็นไปแล้ว ชายหนุ่มเปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วเลื่อนหารูปของใครบางคนก่อนจะยื่นให้เมษาดู

“ผู้ชายที่คุณเห็นใช่คนนี้หรือเปล่า”

เมษามองรูปของผู้ชายที่เคยเห็นแล้วพยักหน้า “ใช่ ถ้าคุณรู้อยู่แล้วจะมาถามฉันทำไมเนี่ย”

ไม่ผิดไปจากที่คิดจริงๆ ภามมั่นใจว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเห็นพี่ชาย ไม่แม้กระทั่งฝันถึง แต่เพราะการที่เขาได้พบกับเมษาทำให้เกิดเรื่องที่เขาไม่มีทางเชื่อหากไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่เขายังมีบางอย่างที่ต้องพิสูจน์ วันนั้นเขากับเมษาตกลงไปในสระน้ำแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ

ภามลุกขึ้นแล้วเดินมายืนข้างๆ เมษาที่เงยหน้ามองว่าเขาจะทำอะไร เธอลุกขึ้นบ้างเมื่อคิดว่าเขาคงจะกลับแล้ว ทว่าในก้าวแรกที่เธอเดิน ชายหนุ่มกลับคว้าแขนของเธอไว้พลางย่อตัวลงแล้วกระหวัดอุ้มร่างเพรียวเข้าไปในอ้อมแขนทั้งสองข้างพลางมองไปรอบตัว

“คุณเห็นผู้ชายในรูปไหมในตอนนี้” ภามถามไม่สนใจว่าเมษากำลังดิ้นอยู่ในอ้อมแขน

 

ระหว่างไปสถานีตำรวจกับหัวแตก ภามจะโดนอะไรก่อนดี ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ

          บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.