ตอนที่ 430 พลังความมืด
ตอนที่ 430 พลังความมืด
เซี่ยเฟยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า และถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเร่งความเร็วถึง 30,000 เมตรต่อวินาทีได้อย่างฉับพลัน แต่การเคลื่อนไหวของเขาก็เร็วกว่าปฏิกิริยาตอบสนองของคนส่วนใหญ่อยู่ดี
นอกจากนี้ทุกคนยังกำลังมุ่งสมาธิไปยังเรื่องอื่น ทั้งการระแวงการเคลื่อนไหวของชานี่, ระแวงว่าใครคือสายลับของอูดี้กันแน่ และกำลังสงสัยว่าพวกเขาควรจะต้องทำตัวอย่างไรถ้าหากว่าพวกเขากลายเป็นกบฏที่ทรยศต่อเต็นท์ทองคำ
ความสนใจของคนคนหนึ่งมีอยู่อย่างจำกัดเสมอ และเมื่อพวกเขาละเลยการมีอยู่ของเซี่ยเฟย นี่จึงเป็นโอกาสให้ชายหนุ่มได้ทำการเคลื่อนไหว
ฉัวะ!
ในชั่วพริบตาหิมะโปรยก็แยกหัวทั้งสามออกจากร่างกาย น่าเสียดายที่ชานี่มีปฏิกิริยาเร็วกว่าที่เซี่ยเฟยได้คาดคิดเอาไว้ ร่างของชายหนุ่มจึงถูกห่อหุ้มด้วยความมืดและหยุดหิมะโปรยห่างจากคอของหมิงจี้เพียงแค่ 1 เซนติเมตรเท่านั้น
“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าฉันจะไว้ชีวิตพวกเขา แล้วคุณจะฆ่าพวกเขาทำไม?” ชานี่ส่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง และเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามนุษย์คนนี้จะกล้าลงมือแม้ว่าเขาจะยืนอยู่ตรงนี้ก็ตาม
“คุณเป็นคนสัญญาแต่ผมไม่ใช่คนสัญญานี่” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเย็นชา
หลังจากสังหารทูดี้, ลารี่และยำมี่แล้วโซ่ตรวนที่พันธนาการอวัยวะของเขาก็ถูกปลดออกไปในที่สุด แต่เขายังประเมินชานี่ต่ำเกินไปเพราะก่อนที่เขาจะทำการสังหารหมิงจี้ได้ เขากลับถูกความมืดของชายผู้นี้ครอบงำไว้จนไม่สามารถที่จะกระดุกกระดิกร่างกายได้เลยแม้แต่น้อย
เซี่ยเฟยพยายามกัดฟันผลักหิมะโปรยไปข้างหน้าอีก 2 มิลลิเมตร ซึ่งความรู้สึกที่ไม่สามารถสังหารศัตรูในระยะใกล้แบบนี้ได้เป็นความรู้สึกที่น่าหงุดหงิดมาก แต่พลังความมืดของชานี่ก็เป็นพลังที่น่ากลัวจริง ๆ เพราะเขาแทบที่จะไม่สามารถขยับร่างกายได้เลย
อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาของหมิงจี้ก็แปลกประหลาดมาก เพราะถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ในช่วงเวลาอันตรายแต่เธอก็ยังคงทิ้งร่างลงมาในอ้อมแขนของศัตรู
เธอมีปฏิกิริยาแบบนี้ในช่วงเวลาวิกฤติได้ยังไง?
เซี่ยเฟยไม่สามารถทำความเข้าใจความคิดของเธอได้จริง ๆ แต่เขาก็ยังไม่ต้องการคำตอบในตอนนี้
“ช่างมันเถอะ ยังไงคนพวกนี้ก็ไม่ใช่เป้าหมายหลักอยู่แล้ว แต่คุณห้ามสังหารลูกศิษย์ของเลยูตี้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเจ้านักพรตนั่นก็คงจะไม่ยอมปล่อยคุณไป” ชานี่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“แต่เธอเป็นตัวอันตราย” เซี่ยเฟยพยายามผลักมีดไปข้างหน้าอีก 1 มิลลิเมตร และเขาก็พยายามกระตุ้นให้ขนอุยลงมือโจมตีด้วยเช่นกัน แต่โชคไม่ดีที่เจ้าตัวเล็กก็ตกอยู่ภายใต้ความมืดเช่นเดียวกับเขา ทำให้มันไม่สามารถพ่นลูกบอลพลังงานออกมาจากปากของมันได้
“ฉันมีวิธีควบคุมเธอเอาไว้และถึงแม้ว่าคุณจะฆ่าเธอไปแต่มันก็ไม่มีประโยชน์ นอกจากนี้เธอยังเป็นมนุษย์เหมือนกับคุณ คุณไม่สงสารเธอบ้างเลยหรือยังไง?” ชานี่กล่าว
“แม้ว่าเธอจะเป็นมนุษย์แต่เธอก็เป็นศัตรู มันคงจะมีเพียงแค่คนโง่เท่านั้นแหละที่สงสารศัตรูของตัวเอง” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย้ยหยัน
ชานี่ตัดสินใจไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเซี่ยเฟยอีกต่อไปและใช้พลังแยกทั้งคู่ให้ออกจากกัน
เซี่ยเฟยรู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นเป็นจำนวนมากดึงเขาออกมา แต่เขาก็พยายามต่อต้านอย่างสุดกำลัง เพราะถ้าหากว่าเขาขยับมีดเข้าไปได้อีกเพียงแค่ไม่กี่มิลลิเมตร เขาก็สามารถที่จะสังหารเด็กสาวคนนี้ได้แล้ว
“หือ?” ชานี่อุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เพราะในช่วงเวลานี้เขากลับไม่สามารถใช้พลังแห่งความมืดควบคุมเซี่ยเฟยได้อย่างสมบูรณ์
หมิงจี้ยังคงพิงร่างของเธอเอาไว้ในอ้อมแขนของเซี่ยเฟยราวกับว่าเธอไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าเซี่ยเฟยต้องการจะฆ่าเธอหรือเปล่า เพราะเธอกำลังมีความสุขกับความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ซึ่งมันเป็นความสุขที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมันมาก่อน แล้วเธอก็ไม่สามารถจะหาคำมาอธิบายความสุขในตอนนี้ได้
ช่วงเวลาที่น่าอึดอัดดำเนินไปประมาณ 2-3 นาที ก่อนที่เซี่ยเฟยจะละทิ้งการต่อต้านหลังจากที่เขาตระหนักว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันยังไม่มากพอที่จะทำให้เขาสามารถต่อต้านความมืดของชานี่ได้
“โอเค คุณชนะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเก็บหิมะโปรยกลับเข้าไปไว้ในฝัก
เมื่อความมืดหายไปแสงแดดก็สัมผัสร่างของชายหนุ่มอีกครั้ง แม้แต่หมิงจี้ก็ทิ้งตัวลงไปกับพื้นซึ่งเซี่ยเฟยก็คิดว่าเธอคงจะกลัวการลงมือเมื่อสักครู่นี้ของเขา
“คุณรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงไม่ยอมให้คุณฆ่าเธอ?” ชานี่ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เซี่ยเฟยส่ายหัวกลับเป็นคำตอบ
“เลยูตี้ได้ทิ้งเสี้ยวพลังของเขาเอาไว้ในร่างกายของเธอ และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณฆ่าเธอ เลยูตี้ก็จะสามารถรับรู้ได้ในทันที แม้ว่าฉันมีแผนที่จะดึงอูดี้ลงจากบัลลังก์แต่ฉันก็ไม่คิดที่จะเป็นศัตรูกับเลยูตี้”
ระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็พยายามยืดกล้ามเนื้อและต้องยอมรับว่าพลังควบคุมความมืดเป็นพลังที่น่ากลัวจริง ๆ เพราะในช่วงเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีที่เขาพยายามต่อต้านความมืดของชานี่ มันก็ทำให้กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างของเขารู้สึกเจ็บปวดไปหมด
ชานี่ยื่นมือออกไปปล่อยความมืดเข้าไปห่อร่างศพทั้งสามบนพื้น และเมื่อถึงเวลาที่เขาดึงพลังของตัวเองกลับมามันก็ไม่มีร่องรอยของศพเหลืออยู่บนพื้นอีกต่อไป ราวกับว่าศพพวกนั้นถูกความมืดกลืนกินเข้าไปจนหมดแล้ว
“น่าเสียดายจริง ๆ ตอนแรกฉันคิดจะเก็บพวกเขาเอาไว้ใช้งานบ้าง แต่คุณกลับฆ่าพวกเขาจนหมดเลย”
เซี่ยเฟยจ้องมองไปยังความมืดภายในมือของชานี่ที่ค่อย ๆ หายไปโดยไม่พูดอะไร เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับผู้มีพลังพิเศษควบคุมความมืดที่ทรงพลัง เขาจึงพยายามสังเกตท่าทางของชานี่อย่างละเอียดเพื่อหาวิธีรับมือกับพลังนี้ในอนาคต
“อะไรกันเลิกท้าทายฉันแล้วอย่างนั้นเหรอ?” ชานี่กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ตอนนี้ผมยังไม่มีแผนและความมืดของคุณก็ทรงพลังมากเกินไป” เซี่ยเฟยกล่าว
“ถ้าคุณฉลาดคุณก็คงจะไม่คิดไปจัดการกับอูดี้คนเดียว ว่าแต่คุณพอจะเดาได้หรือเปล่าว่าใครคือสายลับในบรรดา 4 คนนี้?” ชานี่กล่าว
“ผู้ชายที่มีแขนเดียว” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างเรียบเฉย
“ทำไมถึงคิดว่าเป็นเขา?”
“แม้ว่าคุณจะปรากฏตัวขึ้นมาแต่เขาก็ยังคงความสงบเอาไว้ได้ แต่หลังจากที่คุณบอกว่ามีสายลับอยู่ในหมู่ของพวกเขา ความดันภายในร่างของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหัน” เซี่ยเฟยกล่าว
“แค่นี้คุณก็เดาได้แล้วเหรอว่าเขาคือสายลับ?” ชานี่ถามด้วยความสงสัย
เซี่ยเฟยพยักหน้าเป็นคำตอบโดยไม่พูดอะไร
ในเวลาเดียวกันหมิงจี้ก็ลุกยืนขึ้นด้วยแววตาที่หมองคล้ำ ซึ่งเธอก็ใช้มือขยี้ตาซ้ำ ๆ ก่อนที่จะนั่งลงบนพื้นด้วยความหงุดหงิด และถึงแม้ว่าตอนนี้เซี่ยเฟยจะอยู่ใกล้กับเธอมาก แต่เธอกลับมีดวงตาล่องลอยราวกับว่าเธอไม่เห็นใครในบริเวณนั้นเลย
เซี่ยเฟยกัดฟันอย่างรู้สึกเสียดายที่เขาไม่สามารถสังหารผู้หญิงคนนี้ได้ และเขาก็รู้สึกเสียดายมากยิ่งกว่าที่เขาไม่พบโอกาสที่จะสังหารชานี่เลย
“ผู้หญิงคนนี้ช่างน่าสงสารจริง ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามช่วยเหลือเลยูตี้อย่างเต็มที่ แต่เธอก็ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอถูกนักพรตคนนั้นทอดทิ้งเธอแล้ว”
“เลยูตี้วางแผนที่จะให้คุณสังหารผู้หญิงคนนี้เพื่อที่จะประเมินพลังของคุณ โชคดีที่คุณยังไม่ได้ฆ่าเธอลงไป ไม่อย่างนั้นเลยูตี้ก็คงจะรับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเราอย่างแน่นอน” ชานี่กล่าว
“ใช้ศิษย์ของตัวเองเป็นเหยื่อล่องั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัย
“นี่คือนิสัยขี้กลัวของเลยูตี้ ซึ่งเขาจะไม่ลงมือเว้นแต่ว่าเขาจะแน่ใจจริง ๆ ว่าเขาจะสามารถสังหารศัตรูได้อย่างหมดจด และลูกศิษย์ทุกคนของเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่ฝึกฝนมาให้กลายเป็นเครื่องตรวจจับศัตรูที่ยังมีชีวิต”
“แต่ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะฉันใช้พลังความมืดของฉันปิดกั้นการรับรู้ของเธอเอาไว้ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับเธอกำลังตกอยู่ในความมืดเพียงลำพัง แล้วมันก็อาจจะทำให้สภาพจิตใจของเธอหวั่นไหวบ้างเล็กน้อย”
เซี่ยเฟยเดินไปโบกมือต่อหน้าหมิงจี้และเด็กสาวคนนี้ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง แต่เหมือนเธอจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นของเซี่ยเฟย เธอจึงพยายามยื่นมือออกไปยังร่างของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
“เธอมีปฏิกิริยากับคุณงั้นเหรอ? หรือว่ามันจะเป็นเพราะพวกคุณเป็นมนุษย์เหมือนกัน?” ชานี่อุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ เรามาคุยเรื่องที่ยังพูดกันไม่จบดีกว่า ตอนนี้ถ้าคุณร่วมมือกับฉันสังหารอูดี้ มันก็มีโอกาสสูงมากที่คุณจะสามารถระงับสงครามระหว่างพันธมิตรมนุษย์กับเซิร์กได้”
เซี่ยเฟยไม่ได้สนใจคำพูดอื่นมากนักยกเว้นคำว่ายุติสงคราม เพราะนี่คือสิ่งที่เขาต้องการมาโดยตลอด
เซี่ยเฟยยืนตกตะลึงอยู่เฉย ๆ อย่างใช้ความคิด ซึ่งชานี่ก็ยืนรอฟังคำตอบอยู่เฉย ๆ เช่นเดียวกัน
แต่ในทันใดนั้นชายชราก็โบกมือเรียกก้อนเมฆสีดำขึ้นมาใต้ร่างของเขาและเซี่ยเฟย ซึ่งก้อนเมฆนี้ดูเหมือนจะไม่มีมวลสารใด ๆ คล้ายกับว่ามันเป็นเพียงแค่กลุ่มควันที่มารวมตัวกัน
“มีเรื่องยุ่งยากอยู่เล็กน้อย รีบขึ้นไปบนนั้นเร็ว ๆ เข้า”
ทันทีที่พูดจบชานี่ก็ขึ้นไปนั่งลงบนเมฆสีดำของตัวเอง ซึ่งเซี่ยเฟยก็กำลังจะขึ้นไปนั่งบนเมฆสีดำด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นเดียวกัน แต่จู่ ๆ ขนอุยที่อยู่นิ่ง ๆ มาโดยตลอดก็กระโดดอ้าปากเข้างับเมฆสีดำที่อยู่ตรงนั้น
ย้อนกลับไปในก่อนหน้านี้มันถูกความมืดควบคุมร่างกายตัวเองเอาไว้ จนทำให้มันไม่สามารถพ่นลูกบอลพลังงานออกมาสังหารหมิงจี้ได้ และเมื่อมันได้เห็นพลังงานความมืดออกมารวมตัวอีกครั้ง มันจึงคิดที่จะกลืนกินความมืดพวกนี้เข้าไปให้หมด
เหตุการณ์นี้ทำให้ชานี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะสิ่งที่เขาปล่อยออกไปคือพลังแห่งความมืด และถึงแม้ว่าเขาจะเคยได้ยินมาแล้วว่าเซี่ยเฟยมีสัตว์อสูรที่สามารถเปลี่ยนสสารเป็นพลังงานได้ แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่ามันมีสัตว์อสูรที่สามารถกลืนกินความมืดเข้าไปได้จริง ๆ
เดิมทีชานี่ไม่ได้ถือว่าเซี่ยเฟยเป็นภัยคุกคามสำหรับเขามากนัก แต่เมื่อเขาได้เห็นขนอุยกลืนพลังงานความมืดเข้าไปมันก็ทำให้เขาเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตื่นตัว
เซี่ยเฟยถอนหายใจพร้อมกับตบขนอุยเป็นการลงโทษ เพราะการแสดงพลังออกมาต่อหน้าศัตรูไม่ใช่เรื่องที่ดี นอกจากนี้เขายังมีแผนที่จะสังหารชานี่เมื่อเห็นโอกาส แต่การที่ขนอุยได้แสดงพลังออกมาย่อมทำให้ศัตรูเพิ่มการป้องกันขึ้นจากเดิมอย่างแน่นอน และมันย่อมทำให้การจัดการนักรบความมืดคนนี้กลายเป็นเรื่องยากลำบากมากขึ้นกว่าเดิม
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวผมจะคอยดูมันให้เอง” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ไม่เป็นอันตราย ราวกับว่าพวกเขาไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับชายชราคนนี้เลย
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 292
แสดงความคิดเห็น