ตอนที่ 339 แผนบุกเบิก
ตอนที่ 339 แผนบุกเบิก
“โอ้พระเจ้า! เงินขนาดนั้นซื้อโลกได้หลายสิบใบเลยนะ!! เซี่ยเฟยตอนนี้นายได้กลายเป็นคนรวยระดับพันธมิตรอย่างแท้จริงแล้ว” อู่หลงอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“อะแฮ่ม! ถ้าตามสถิติของพันธมิตรแล้วการมีเงินเพียงแค่ 1 ล้านล้านสตาร์คอยน์ก็เรียกว่าบริษัทที่พอจะมีขนาดกลาง ๆ ค่อนไปทางใหญ่เท่านั้น” ฉินหมางกล่าวขัดขึ้นมา
“บริษัทขนาดกลาง?”
“ใช่แล้ว อย่าลืมว่าทั่วทั้งพันธมิตรมีประชากรหลายล้านล้านคนทำให้ปริมาณเงินที่ไหลอยู่ในระบบมีจำนวนมากมายมหาศาล ยกตัวอย่างเช่น สมาพันธ์จัสทิสก็ต้องจ่ายเงินเดือนให้กับสมาชิกเดือนละหลายหมื่นล้านสตาร์คอยน์แล้ว ดังนั้นผลประกอบการของบริษัทควอนตัมจึงถือว่าเป็นบริษัทกลาง ๆ ค่อนไปทางใหญ่เท่านั้น แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับพวกยักษ์ใหญ่ที่แท้จริง” ฉินหมางกล่าวเสริม
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจแต่ผลกำไรเกินกว่า 1 ล้านล้านสตาร์คอยน์ก็ยังคงเป็นเรื่องที่น่ายินดี ยิ่งไปกว่านั้นผลกำไรนี้ยังเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ซึ่งหลังจากที่พวกเขาได้เป็นคู่ค้ากับกรมทหารต่อไป พวกเขาย่อมสร้างผลกำไรได้มากมายมหาศาลมากกว่านี้อย่างแน่นอน
“ชาร์ลีถ้าเรารับคำสั่งซื้อมากขนาดนี้แล้วพวกเราจะมีปัญหาในการผลิตหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถาม
“ตั้งแต่ที่บริษัทของเราได้กลายเป็นซัพพลายเออร์ระดับ A มันก็มีบริษัทต้องการมาร่วมมือกับพวกเราเป็นจำนวนมาก มันจึงทำให้พวกเราไม่เจอปัญหาเรื่องการขาดแคลนวัตถุดิบและเครื่องจักรอีกต่อไป ทำให้ตอนนี้การผลิตเป็นไปอย่างราบรื่นมากเลยครับ” ชาร์ลีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็อธิบายต่อไปว่า
“ยิ่งไปกว่านั้นคุณอาอู่หลงยังให้สมาพันธ์ลูกจับมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำเพื่อจัดโปรแกรมฝึกอบรมให้มีนักศึกษาเข้าไปฝึกงานที่โรงงานของพวกเราเป็นเวลานาน 3 เดือน ซึ่งหลังจากที่นักศึกษาพวกนี้เรียนจนจบพวกเขาก็สามารถเข้ามาเป็นพนักงานให้กับเราได้ในทันที”
“สำหรับจำนวนของพนักงานก็ไม่จำเป็นจะต้องกังวลเลยครับ เพราะในปัจจุบันประชากรโลกมีจำนวนอยู่มากกว่า 7,000 ล้านคน แล้วมันก็มีประชากรวัยทำงานอยู่เกินกว่า 2,000 ล้านคน ซึ่งในหมู่คนจำนวนนี้มันก็มีคนอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วนที่ต้องการจะทำงานให้กับบริษัทของเรา”
“นอกจากเรื่องทรัพยากรส่วนบุคคล ฉันยังพยายามดัดแปลงให้เครื่องจักรทำการผลิตโดยอัตโนมัติเพื่อพยายามลดแรงงานให้ได้น้อยที่สุด ไม่ว่ายังไงพลังงานของคนก็มีอยู่อย่างจำกัด เต็มที่คนหนึ่งคนก็ทำงานได้เพียงแค่ประมาณ 8 ชั่วโมงเท่านั้น แตกต่างจากเครื่องจักรที่สามารถทำงานให้เราได้ตลอดทั้งวัน หากแผนการเป็นไปได้ด้วยดีภายในหนึ่งปีนี้เราจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมาได้เป็น 10,000 ชุดต่อวัน” พอตเตอร์กล่าวเสริม
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างยินดี เพราะถ้าหากว่าบริษัทสามารถผลิตอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จได้มากกว่า 10,000 ชุดต่อวันจริง ๆ มันก็หมายความว่าบริษัทควอนตัมจะได้รับกำไรอย่างน้อย 3.65 ล้านล้านสตาร์คอยน์ต่อปี นอกจากนี้ผลกำไร 1 ล้านสตาร์คอยน์ต่อชุดยังเป็นการคิดผลกำไรจากอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จรุ่นสแตนดาร์ดเท่านั้น ถ้าหากว่าพวกเขาขายอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จรุ่นที่สูงกว่ามันก็จะทำให้พวกเขาได้รับอัตรากำไรที่สูงเพิ่มมากขึ้น
หากการประมาณการของเซี่ยเฟยไม่ผิดพลาด การเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมาเป็น 10,000 ชุดต่อวันจะช่วยสร้างผลกำไรให้กับบริษัทไม่ต่ำกว่า 4 ล้านล้านสตาร์คอยน์ต่อปี!!
“เอาล่ะ พูดคุยเรื่องนั้นเอาไว้แค่นี้ก่อน หลังจากนี้ผมจะพูดเรื่องแผนการระยะยาวแผนการใหม่ ซึ่งมันอาจจำเป็นจะต้องใช้เงินลงทุนมากกว่า 100 ล้านล้านสตาร์คอยน์” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
“แผนการใหม่!”
“ใช้เงินมากกว่า 100 ล้านล้านสตาร์คอยน์!!”
ทุกคนต่างก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ ซึ่งแม้แต่ตัวของฉินหมางเองก็กำลังจ้องมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยสีหน้าอันสับสน
“ในอีกไม่นานผมน่าจะได้รับดินแดนขนาดใหญ่นอกกลุ่มพันธมิตรที่มีพื้นที่รวมนับสิบกาแล็กซีและมีดาวเคราะห์ที่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยอยู่อย่างน้อย 5 ดวง” เซี่ยเฟยกล่าว
“พื้นที่นับสิบกาแล็กซี!!”
“ดาวเคราะห์ที่เหมาะสมสำหรับสิ่งมีชีวิต 5 ดวง!!!”
ในสายตาของมนุษย์โลกพื้นที่มากกว่า 1 กาแล็กซีเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งทุกคนก็ไม่รู้ว่าเซี่ยเฟยมีแผนการทำอะไรกับพื้นที่ขนาดใหญ่มากขนาดนี้กันแน่
เซี่ยเฟยหยุดพักชั่วคราว ก่อนที่เขาจะเริ่มกล่าวต่อว่า
“ผมขอตั้งชื่อแผนการนี้ว่าแผนการบุกเบิกโดยจะแบ่งแผนการออกเป็น 3 ขั้นตอน ขั้นตอนแรกเราจะรับสมัครผู้อพยพจากโลกเป็นจำนวนมากที่ต้องการจะเข้าไปพัฒนาในดาวดวงใหม่ ซึ่งถ้าหากว่าประชากรจากดาวโลกยังมีไม่มากพอเราสามารถรับสมัครผู้อพยพจากดาวดวงอื่นได้ ตราบใดก็ตามที่พวกเขามีทักษะและไม่กลัวความยากลำบาก มันก็มีพื้นที่มากมายให้พวกเขาได้เริ่มเข้าไปจับจอง”
“ขั้นตอนที่ 2 คือการจัดตั้งกองยานที่มีความแข็งแกร่งมากพอจะปกป้องดินแดนแห่งใหม่ของเราได้ ซึ่งตามที่ผมได้คิดเอาไว้ในกองยานนั้นจะต้องประกอบไปด้วยยานประจัญบานไม่น้อยกว่า 20 ลำ และต้องมีจำนวนยานรบอยู่ในกองยานไม่น้อยกว่า 500,000 ลำ”
“ขั้นตอนที่ 3 คือเราจะเปลี่ยนดาวโลกให้กลายเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทควอนตัม และจะโอนการดำเนินงานทั้งหมดไปยังสำนักงานใหญ่ที่จะจัดตั้งในกลุ่มดาวนครหลวง”
“ไม่ทราบว่าทุกคนมีความคิดเห็นยังไงบ้าง?” เซี่ยเฟยถาม
ทุกคนในที่ประชุมต่างก็เงียบเสียงลงไป เพราะพวกเขาไม่ได้เตรียมตัวรับแผนการที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย
ไม่ว่าจะเป็นการครอบครองพื้นที่ดาวขนาดใหญ่และการจัดตั้งกองยานที่มีกำลังรบขั้นสูงสุด ต่างก็ล้วนแล้วแต่จำเป็นจะต้องใช้เงินทุนในการพัฒนามหาศาล และเงินจำนวนนับ 100 ล้านล้านสตาร์คอยน์ที่เซี่ยเฟยได้พูดเอาไว้ในก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงอย่างแน่นอน ซึ่งแม้แต่ตัวของฉินหมางก็ไม่คิดว่าเซี่ยเฟยจะได้วางแผนเอาไว้อย่างยิ่งใหญ่ขนาดนี้
“ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะยังไม่ได้รับดินแดนพวกนั้นมา แต่พวกเราก็จำเป็นจะต้องเตรียมแผนเอาไว้ล่วงหน้าและเริ่มดำเนินการตามที่พวกเราเริ่มจะทำได้” เซี่ยเฟยกล่าวเสริม
“ฉันจะทำตามทุกอย่างที่นายสั่ง” อู่หลงกล่าวพร้อมกับพยักหน้าอย่างโง่เขลา
ชาร์ลีพยักหน้าเป็นการสนับสนุนเช่นเดียวกัน เพราะตลอดเวลาที่เซี่ยเฟยเป็นผู้นำได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงแล้วว่าเขามีความสามารถมากพอที่จะนำบริษัทควอนตัมมายืนในจุด ๆ นี้ได้
“ในเมื่อทุกคนเห็นด้วย ถ้าอย่างนั้นผมจะเริ่มมอบหมายงานให้แต่ละคนแล้วนะ พี่หลงตอนนี้พี่เป็นประธานาธิบดีของสหพันธ์โลก ดังนั้นผมขอฝากแผนการเรื่องการอพยพด้วย แต่จำเอาไว้ว่าตอนนี้อย่าพึ่งเปิดเผยเรื่องอพยพกับประชากรนอกโลก เราจะให้โอกาสประชากรในโลกได้มีโอกาสเลือกอนาคตของพวกเขาก่อน”
“ขั้นตอนแรกพี่ต้องเริ่มให้กระทรวงพลเรือนเริ่มรับสมัครและจัดทำรายชื่อของคนที่ต้องการเข้าร่วมแผนการอพยพ แต่จำเอาไว้ว่าให้เริ่มแผนการนี้อย่างเป็นความลับ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง” อู่หลงกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ชาร์ลีเพื่อให้แผนการนี้เป็นไปได้อย่างราบรื่น พวกเราก็อาจจำเป็นจะต้องใช้เงินจำนวนมากในเวลาไหนก็ได้ ฉันฝากนายติดต่อขอวงเงินจากธนาคารรายใหญ่เอาไว้ก่อน ตราบใดก็ตามที่ฉันต้องการเงินฉันก็หวังว่าฉันจะได้รับเงินเข้าบัญชีในทันที”
“แต่จำเอาไว้ว่าอย่าไปติดต่อธนาคารไฟร์สตาร์ไฟแนนซ์เด็ดขาด ฉันไม่ต้องการให้เรามีความสัมพันธ์กับธนาคารนี้แม้แต่เพียงนิดเดียว ดังนั้นช่วยตรวจสอบเครือข่ายของธนาคารนี้เอาไว้ให้ดี ๆ และฉันขอเน้นย้ำว่าพวกเราจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องแม้แต่บริษัทที่อยู่ในเครือของพวกเขาก็ตาม”
“ลุงพอตเตอร์, ซาร่า, พี่โบเดน ผมขอฝากเรื่องการสร้างกองยานเอาไว้กับพวกคุณทุกคนด้วยนะครับ…”
เซี่ยเฟยเริ่มกระจายงานให้แต่ละคนและถึงแม้ว่าขั้นตอนนี้จะอยู่ในช่วงเตรียมแผนงานเท่านั้น แต่งานที่ชายหนุ่มได้กระจายให้ทุกคนก็มีความยากลำบากที่สูงมาก
ทุกคนทั้งรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน เพราะนี่เป็นครั้งแรกของบริษัทควอนตัมที่มีแผนการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่านับ 100 ล้านล้านสตาร์คอยน์
แต่เมื่อทุกคนได้เห็นท่าทางอันผ่อนคลายของเซี่ยเฟย มันก็ช่วยบรรเทาความตึงเครียดภายในจิตใจของพวกเขาลง เพราะในช่วงหลายปีมานี้พวกเขาก็ได้พึ่งพาชายหนุ่มจนติดกลายเป็นนิสัยของพวกเขาไปแล้ว
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น เซี่ยเฟยก็แอบถามพอตเตอร์ขึ้นมาเบา ๆ ว่า
“พี่วินด์ไชม์โอเคดีไหมครับ?”
พอตเตอร์พยักหน้าด้วยความลำบากใจและถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเซี่ยเฟยใช้วิธีการไหน แต่มันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าวิธีการของเซี่ยเฟยทำให้ผู้หญิงที่เขารักมาอยู่เคียงข้างเขาจริง ๆ
“เธอสบายดี แต่ตอนนี้เธอกำลังกังวลมาก เพราะเธอไม่สามารถติดต่อกับเพื่อน ๆ ที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคดาวมฤตยูได้”
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจและมันก็อาจจะเป็นเพราะย่าเหวยได้จัดการกวาดล้างกองทัพกบฏตามข้อตกลงของพวกเขาแล้ว ซึ่งมันก็จะทำให้หลังจากนี้วินด์ไชม์ไม่มีอะไรจะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องในภูมิภาคดาวมฤตยูอีกต่อไป
“ช่วงนี้ลุงก็ช่วยดูแลเธอดี ๆ หน่อยล่ะ อย่าลืมว่าเธอมาที่นี่โดยไม่มีคนรู้จักคนอื่นเลยและช่วงนี้เธอก็กำลังมีอารมณ์ที่ค่อนข้างอ่อนไหว ผมคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีแล้วที่ลุงจะเริ่มทำในสิ่งที่ค้างคาใจลุงมาตั้งนานเสียที”
“ตอนนั้นฉันพยายามอย่างเต็มที่แล้วเพื่อให้เธอเดินทางมาพร้อมกับฉันด้วย แต่เธอก็ปฏิเสธฉันยังไร้เยื่อใย นายใช้วิธีการไหนในการโน้มน้าวให้เธอเดินทางมาพร้อมกับนายกันแน่?” พอตเตอร์ถามอย่างทุกข์ใจ
“สถานการณ์ตอนนี้กับตอนนั้นไม่เหมือนกันสักหน่อย ลุงอย่าลืมว่าตอนนี้ทั่วทั้งทุ่งดาวแห่งความตายกำลังตกอยู่ภายใต้สภาวะสงคราม แน่นอนว่าเธอย่อมจะต้องคิดถึงอนาคตที่ปลอดภัยสำหรับตัวเองสิครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
พอตเตอร์พยักหน้ารับโดยคิดว่าเรื่องนี้คือเรื่องจริง ซึ่งเขาก็ไม่ได้สงสัยเลยว่าเซี่ยเฟยได้ใช้จุดอ่อนเพื่อบังคับให้วินด์ไชม์เดินทางมาและชายหนุ่มก็ไม่ได้คิดที่จะเล่าเรื่องนี้ให้พอตเตอร์ฟัง
ท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็ไม่สนใจว่าคนทั้งโลกจะเกลียดเขาหรือไม่ เพราะเขาไม่มีเหตุผลจะต้องไปสนใจผู้คนทั้งหมด และตราบใดก็ตามที่เขาสามารถปกป้องมิตรสหายของตัวเองได้เขาก็ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเขา
—
ฉินหมางขอตัวออกมาจากห้องประชุมเพื่อเดินเล่น ซึ่งเซี่ยเฟยก็บอกลาทุกคนพร้อมกับเดินตามชายชราออกมา
“แผนการนายใหญ่ใช่เล่นเลยนะ” ฉินหมางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“มนุษย์มักจะพยายามหาโอกาสตลอดชีวิต ในเมื่อผมได้รับโอกาสที่ดีขนาดนี้แล้วผมจะปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดลอยออกไปได้ยังไงล่ะครับ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์! ตอนแรกที่ฉันได้ยินย่าเหวยบอกว่านายต้องการพื้นที่ดาวในทุ่งดาวแห่งความตายฉันก็คิดว่านายแค่เห็นโอกาสทางธุรกิจ แต่หลังจากที่ฉันได้ฟังแผนการของนายในวันนี้ ฉันก็ได้รู้แล้วว่านายกำลังพยายามสร้างฐานอำนาจของตัวเอง ตอนนี้นายกำลังคิดที่จะหาโอกาสหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกับสมาคมฟราเทอนิตี้ใช่ไหม?” ฉินหมางกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้าอย่างยอมรับ เพราะในไม่ช้าก็เร็วฉินหมางจะต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้วและมันก็ไม่มีอะไรที่เขาจำเป็นจะต้องปิดบัง
เซี่ยเฟยเป็นพวกที่ไม่ชอบเดินตามเส้นทางของใครและวิธีการที่จะทำให้คนอื่นยอมรับเขา นั่นก็คือเขาจะต้องพัฒนาฐานอำนาจขึ้นมาให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งการสร้างกองยานที่แข็งแกร่งเป็นของตัวเองก็ถือว่าเป็นการสร้างฐานอำนาจทางหนึ่งเช่นเดียวกัน
“ฉันได้ยินมาว่าจื่อเทาได้ให้บัตรเชิญไปงานเทศกาลของสมาพันธ์ฟราเทอนิตี้กับนายมาด้วยใช่ไหม?” ฉินหมางถามหลังจากหยุดคิดอยู่ชั่วขณะ
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 160
แสดงความคิดเห็น