บทที่ 174: แม้ว่าจะถูกฆ่าก็ตาม
“ท่านพ่อเป็นมังกรร้าย เขาใช้เนื้อย่างทำร้ายเสี่ยวเหยา โฮ ๆๆ…”
ยามนี้น้ำตาของหลงเหยาร่วงผล็อยหล่นลงบนโต๊ะ แล้วเจ้าตัวน้อยก็บ่นเสียงดังเพราะความเจ็บปวด
“เสี่ยวเหยาจะไม่มีฟันกินเนื้ออีกต่อไป ฮืออออ...”
ยิ่งเด็กน้อยพูด เขาก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น จนไหล่กระตุกตามแรงสะอื้น
หูเจียวเจียวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และเมื่อเธอกลับมามีสติ เธอก็รีบเข้าไปกอดลูกชายคนสุดท้อง ก่อนจะช่วยเขาเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าพลางกล่าวปลอบโยนเขา
“ไม่เป็นไร เหยาเอ๋อ ฟันของเจ้ายังงอกขึ้นใหม่ได้ ถึงเวลาแล้วที่ฟันน้ำนมของเจ้าจะหลุดออก แม้ว่าเจ้าจะไม่กินเนื้อย่าง สักวันหนึ่งฟันของเจ้าก็จะหลุดออกมาอยู่ดี”
พอหลงเหยาได้ยินคำพูดของแม่จิ้งจอก ในที่สุดเขาก็เงียบลง
เขาเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นแม่ด้วยความไม่แน่ใจ ก่อนจะสะอึกสะอื้นถามว่า “จริงหรือ ฟันของเสี่ยวเหยาจะงอกขึ้นมาอีกหรือ?”
“แน่นอน จำได้ไหมว่าก่อนหน้านี้เจ้าก็เพิ่งเสียฟันไป 2 ซี่เหมือนกัน ดูสิ ตอนนี้มันงอกขึ้นมาใหม่แล้วนิดนึง ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามพี่ ๆ ของเจ้าดูก็ได้”
หูเจียวเจียวพูดกับเด็กน้อยเสียงเบา
ถัดมา หลงเหยาหันหน้าไปมองพวกหลงอวี้ “พี่ใหญ่ ท่านก็เคยฟันหลุดเหมือนกันหรือเปล่า?”
เนื่องจากเจ้าตัวเล็กไม่รู้มาก่อนว่าฟันน้ำนมของเด็กทั่วไปจะหลุดก่อนที่ฟันแท้จะขึ้น ก่อนหน้านี้ฟันที่หลุดไป 2 ซี่ทำให้เขาเสียใจมาก แต่เขาก็ไม่เคยสังเกตเห็นว่ามีฟันใหม่งอกออกมาแล้วเล็กน้อย เขาคิดเพียงแค่ว่าฟันที่หลุดออกไปแล้วมันก็จะหายไปเลยตลอดชีวิต
“ใช่” คำตอบของพี่ชายคนโตทำให้คนตัวเล็กรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
จากนั้นเด็กหนุ่มขยี้ตา ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าพ่อมังกรเคยดุเรื่องที่ตนกอดแม่จิ้งจอก เขาจึงรีบซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของแม่ทันที
ตามด้วยเสียงแหลมเล็กที่พูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบาว่า
“ท่านแม่ เสี่ยวเหยาไม่อยากกินเนื้อย่างแข็ง ๆ อันนี้อีกแล้ว... ”
ขณะที่เจ้าตัวเล็กพูด เขาแอบชำเลืองมองหลงโม่ที่กำลังทำหน้าเข้ม
แม้ว่าท่านพ่อจะน่ากลัว แต่ตอนนี้เขาสูญเสียฟันไปแล้ว 3 ซี่ ถ้าเขาต้องเสียฟันไปมากกว่านี้ เขาคงจะกัดเนื้อกินต่อไปอีกไม่ได้ ดังนั้นเด็กน้อยจึงตัดสินใจเลือกที่จะทำให้ท่านพ่อโกรธดีกว่าอดตาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีหูเจียวเจียวอยู่ใกล้ ๆ เขาจะไม่กินเนื้อที่คนเป็นพ่อทำเด็ดขาด ต่อให้หิวโซมากแค่ไหน เขาก็จะไม่ยอมกินอีก!
ขณะที่คนตัวเล็กกำลังหมายมั่นอยู่ในใจ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น
“เอาล่ะ ไม่เป็นไรถ้าเหยาเอ๋อไม่อยากกิน” จิ้งจอกสาวลูบหัวของลูกชายพลางมองไปที่หลงโม่อย่างตำหนิ
ในเมื่อลูก ๆ ไม่อยากกิน เขายังจะไปบังคับให้พวกเขากินอีกทำไม ทั้งที่รู้อยู่ว่าฝีมือทำอาหารของตัวเองเป็นอย่างไรแล้วยังจะมาทำแบบนี้อีก
“...” ทางด้านมังกรหนุ่มยังคงนิ่งเงียบพร้อมกับคิดในใจว่า
ไอ้เด็กแสบนั่นรู้จักหาคนหนุนหลังเสียด้วย
สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครกล้าแตะเนื้อย่างที่วางอยู่บนโต๊ะอีก…
นั่นทำให้หูเฉียงรู้สึกเป็นทุกข์ “น่าเสียดาย ข้าอุตส่าห์ไปล่าเหยื่อตัวอ้วนมา...”
เขาไม่ได้กินไขมันและเนื้อนุ่ม ๆ สักชิ้น ทั้งหมดถูกหลงโม่เผาจนแข็งเป็นก้อนหิน เชื่อไหมว่าถ้าเอาไปขว้างหัวหมา มันก็ตายคาที่ได้เลย
หลังจากที่หูเจียวเจียวเกลี้ยกล่อมหลงเหยาจนสงบ เธอก็เห็นว่าอาหารมื้อนี้ถึงอย่างไรก็กินไม่ได้แล้ว อีกทั้งตอนนี้ครอบครัวก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ซึ่งเธอไม่อยากให้เสียบรรยากาศดี ๆ นี้ไป
ดังนั้นเธอจึงขอตัวไปตั้งหม้อ 2 ใบในสวน ก่อนจะปรุงน้ำแกง จุดไฟ และดึงหลงโม่เข้าไปในครัวเพื่อให้เขาช่วยเตรียมส่วนผสม
แม้ว่ามังกรหนุ่มจะทำอาหารไม่เก่ง แต่กรงเล็บมังกรของเขาก็คมกว่ามีด ชายหนุ่มทำตามคำขอของหญิงสาว ไม่นานเนื้อที่ถูกหั่นจนบางก็พร้อมเสิร์ฟ
พอจิ้งจอกสาวเห็นว่าเจ้าจอมวายร้ายตัวสูงกำลังหั่นเนื้ออย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ในห้องครัว เธอก็รู้สึกอบอุ่นในใจอย่างอธิบายไม่ได้
“หลงโม่ อย่าถือเอาสิ่งที่แม่ข้าพูดก่อนหน้าไปคิดมากเลย” เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงอธิบาย
“นางแค่เป็นห่วงข้ามากเกินไป และไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ้าลำบากใจ”
หญิงสาวกลัวว่าชายหนุ่มจะคิดมากและเขาจะพาลเกลียดแม่ของเธอ
ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเขากลายเป็นตัวร้ายขึ้นมาจริง ๆ เขาจะแก้แค้นทุกคนที่ทำให้ตัวเองเจ็บช้ำ
“อืม” หลงโม่เม้มริมฝีปากบางเบา ๆ แล้วส่งเสียงตอบกลับในลำคอ
ระหว่างนั้นเขาใช้กรงเล็บมังกรในมือตวัดเพียงเล็กน้อย และเนื้อชิ้นบาง ๆ ก็หล่นลงไปในจานราวกับว่าพวกมันถูกหั่นอย่างประณีตด้วยเครื่องจักร
แต่หูเจียวเจียวสังเกตเห็นท่าทางแปลก ๆ ที่อธิบายไม่ได้จากอีกฝ่าย
ถ้ามังกรหนุ่มมีหางแบบเดียวกับหลงเหยา ตอนนี้มันคงจะม้วนอยู่ใต้ขาของเขาไปแล้ว ซึ่งการแสดงออกแบบนั้นเป็นสัญญาณของความหดหู่ใจ
เป็นเพราะเขาย่างเนื้อไม่สุกดีหรือเปล่า?
เวลาถัดมา จิ้งจอกสาวกะพริบตาและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “อันที่จริง เนื้อย่างที่เจ้าทำก็ไม่ได้แย่ แต่มันแค่แข็งมากไปหน่อย ข้าจะบอกให้นะ พี่ชายของข้า 4 คนก็ทำเนื้อย่างได้ไม่อร่อยไปกว่าเจ้าเลย หลังจากนี้เจ้าก็ลองพยายามหัดทำไปเรื่อย ๆ ก็ได้”
“หืม?”
ดวงตาของหลงโม่เป็นประกายหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเธอ
“แน่นอนว่าฝีมือการย่างเนื้อก็ต้องได้รับการฝึกฝนเหมือนกัน” หูเจียวเจียวผงกหัวพร้อมพูดด้วยใบหน้าที่มุ่งมั่น
เดิมที สิ่งที่เธออยากจะพูดก็คือ เธอสามารถทำงานในครัวได้ ในอนาคตมังกรหนุ่มก็แค่ไปล่าสัตว์อยู่ข้างนอก การที่จะให้เขามาทำงานบ้านเพิ่มอีกมันก็เป็นอะไรที่ยากมากอยู่แล้ว
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง หญิงสาวรู้สึกว่าการพูดแบบนี้รังแต่จะทำให้เขาไม่มีความสุขมากยิ่งขึ้น
บางทีคนร้ายก็จำเป็นต้องได้รับหนทางในการแก้ไขสิ่งที่ตนทำผิดพลาดไปด้วย
“ตกลง ข้าจะฝึกฝนให้มากขึ้น” หลงโม่พยักหน้าอย่างจริงจัง ขณะที่น้ำเสียงของเขาฟังดูกระตือรือร้นขึ้นเล็กน้อย
เมื่อจิ้งจอกสาวเห็นว่าท่าทางมืดมนและหดหู่ที่มักจะแสดงออกบนใบหน้าของอีกคนกำลังจางหายไป เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าเจ้าจอมวายร้ายคนนี้เกลี้ยกล่อมได้ง่ายเช่นกัน
วายร้ายที่มักจะกระหายเลือด หัวรุนแรง และฆ่าคนได้ในชั่วพริบตาในความทรงจำของหูเจียวเจียว บัดนี้จู่ ๆ ก็กลายเป็นสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวใหญ่ไปเสียอย่างนั้น ไม่ว่าเขาจะโกรธแค่ไหน ตราบเท่าที่เธอเรียกอีกฝ่าย เขาก็จะกระดิกหางเดินเข้ามาหาตนอย่างมีความสุข
เธอรีบส่ายหัวสลัดภาพดังกล่าวออกจากความคิด
หลังจากนั้นไม่นาน หลงโม่ก็หั่นเนื้อมากกว่า 10 ก้อนเสร็จ ในขณะที่หูเจียวเจียวหั่นผัก ผสมน้ำจิ้มแล้วเอาไปวางลงบนโต๊ะอาหารพร้อมกัน
ตอนนี้ครอบครัวใหญ่ก็มารวมตัวกันรอบหม้อไฟ
หม้อสำหรับเด็กทั้ง 5 คนเป็นหม้อขนาดเล็กที่ไม่สูงนัก พวกเขาจึงสามารถคีบเนื้อในหม้อได้โดยไม่ต้องลุกขึ้นยืน ส่วนอีกหม้อหนึ่งเป็นหม้อขนาดใหญ่ ซึ่งหูเจียวเจียวและคนอื่น ๆ สามารถนั่งกินได้ตามปกติ
เนื่องจากพวกหูหมินไม่เคยกินอาหารแบบนี้มาก่อน ดังนั้นพวกเขาเลยรู้สึกแปลกใหม่ อีกทั้งทุกคนก็ลืมที่จะตำหนิทักษะการทำอาหารของหลงโม่ไปชั่วขณะ และมองไปที่หม้อไฟด้วยความสนใจ
ในที่สุดเรื่องของเนื้อย่างที่น่าสะพรึงกลัวก็ถูกลืมเลือนไปโดยปริยาย
“น้องเล็ก อาหารที่เจ้าทำอร่อยมาก สมแล้วที่เจ้าเป็นน้องสาวของข้า!” หูชิงซานชิมเนื้อต้มชิ้นหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยชมหูเจียวเจียวไม่ขาดปาก
หลังจากที่ 4 พี่น้องจิ้งจอกโตเป็นผู้ใหญ่ พวกเขาก็เลิกกินข้าวกับพ่อแม่ เนื้อที่แต่ละคนย่างกินกันเองนั้นมีรสชาติเฉย ๆ ไม่ได้อร่อยมากมายอะไรนัก และฝีมือการทำอาหารของพวกเขาไม่ได้ดีไปกว่าของหลงโม่ ซึ่งแทบจะเอาไปอวดใครไม่ได้เลย
เมื่อเปรียบเทียบกับตอนนี้ พี่ชายทั้ง 4 ก็รู้สึกว่าเนื้อสัตว์ที่ตนเคยกินที่ผ่านมารสชาติแย่กว่าอึเสียอีก
“น้องเล็ก เนื้ออันนี้อร่อยมาก เจ้าควรกินให้มากกว่านี้” หูชิงเกาผู้เป็นพี่รองพูดแล้วเริ่มเติมเนื้อลงในชามของหูเจียวเจียว
“นี่ก็อร่อยเหมือนกันนะน้องเล็ก กินนี่สิ”
“น้องเล็กกินส่วนของพี่ด้วยสิ อันนี้อร่อยที่สุด!”
เมื่อหูชิงหลู่กับหูชิงหยวนเห็นการกระทำของพี่ชายคนรอง ทั้งคู่ก็รีบใส่เนื้อลงในชามของน้องสาวทันทีเพราะกลัวว่าจะไม่ทันอีกฝ่าย
จากนั้นพวกเขา 2 คนปรายตามองไปที่หูชิงเกา และคิดในใจว่า
พี่รองเจ้าแผนการจริง ๆ เขาเริ่มเอาอกเอาใจน้องเล็กตัดหน้าเราไปเสียก่อน
หลังจากนั้นไม่นาน เนื้อในชามของจิ้งจอกสาวก็กองเป็นเนินเขา
ทางด้านหลงโม่ที่ได้เห็นฉากนี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ไม่มีภูตชายคนไหนยอมให้คู่ของตัวเองกินอาหารที่ชายคนอื่นทำให้หรอก!
“พวกพี่ ๆ อย่าเอาแต่หยิบให้ข้าสิ พวกท่านควรกินมันด้วย” คนเป็นน้องสาวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอเอามือปิดปากชามพลางส่งสัญญาณไม่ให้พวกเขาใส่อะไรเข้ามาอีก
ถ้าพวกพี่ชายยังตักอาหารใส่ชามของเธออีกล่ะก็ ท้องเธอได้แตกตายแน่
จากนั้นพี่ชายทั้ง 4 ก็หยุดมองเธออย่างกระตือรือร้น “น้องเล็ก เจ้ากินก่อนสิ”
หูเจียวเจียวพยักหน้า โดยรู้ว่าพวกเขาจะไม่ยอมแพ้จนกว่าเธอจะเริ่มกินเนื้อในชาม ขณะที่เธอกำลังจะใช้ตะเกียบคีบเนื้อขึ้นมา ทันใดนั้นก็มีมือใหญ่เอื้อมมาหยิบชามที่อยู่ตรงหน้าเธอไป และวางชามเปล่าไว้แทนที่
หญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเห็นหลงโม่หยิบเนื้อชิ้นหนึ่งขึ้นมาจากหม้อแล้วใส่เข้าไปในชามเปล่า จากนั้นเขาก็หันกลับไปกินเนื้อกองโต
ใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหลาเผยให้เห็นกรอบหน้าชัดขึ้นเนื่องจากการเคี้ยว และลูกกระเดือกกำลังขยับขึ้นลง ภาพนั้นมันดูเย้ายวนมากจนจิ้งจอกสาวเผลอกลืนน้ำลายลงคอ
หลังจากที่มังกรหนุ่มกินเสร็จ เขาก็ยังไม่ลืมที่จะหันไปขอบคุณพี่ชายทั้ง 4 ของหูเจียวเจียว
“ขอบใจมาก ข้ากำลังหิวพอดี”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 202
แสดงความคิดเห็น