ตอนที่ 322 วิชาลับที่ซ่อนไว้
ตอนที่ 322 วิชาลับที่ซ่อนไว้
เมื่อเซี่ยเฟยทำลายตำราวิชาต้องห้ามที่เงาสูญได้ให้เขามาเป็นของขวัญ หนังสือเล่มนี้ก็ได้เปิดเผยความลับออกมาอย่างน่าอัศจรรย์จนแม้แต่ตัวของชายหนุ่มเองก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัว
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วก่อนที่เขาจะเริ่มอ่านข้อความบนหน้าจอเรืองแสงต่อไป
“กระดาษที่ใช้บันทึกข้อความอยู่นี้มีชื่อว่ากระดาษดาวซิ่ง ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากระดาษแปลก ๆ ชนิดนี้ถูกสร้างขึ้นมาได้ยังไง ข้าเพียงแค่พบมันในหอเก็บตำราโดยบังเอิญ ซึ่งกระดาษชนิดนี้จะถูกทำลายโดยอัตโนมัติหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่นาน ดังนั้นเจ้าจงจดจำข้อความที่ข้าจะบอกหลังจากนี้เอาไว้ให้ดี ๆ”
“ตั้งแต่ที่ข้าได้รับหน้าที่ให้เข้ามาดูแลหอตำรา ข้าก็ได้ทำการศึกษาประวัติของสำนักเงาสังหารอย่างจริงจัง ซึ่งในช่วงเวลาที่ดำมืดที่สุดในสำนักของเราบรรพบุรุษได้ละเมิดกฎของสมาคมนักฆ่าอย่างสมบูรณ์ พวกเขาจึงทั้งฆ่าฟัน, ปล้นสะดมและออกอาละวาดอย่างไม่เลือกหน้า ทำให้มีผู้คนมากมายที่เกลียดชังสำนักของเราจนถึงกระดูกดำ ซึ่งพวกเราก็ไม่สามารถตำหนิพวกเขาได้เพราะมันคือสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเราเคยทำเอาไว้จริง ๆ”
“ย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้นสำนักเงาสังหารแข็งแกร่งกว่าสภาพในปัจจุบันมาก ยกตัวอย่างเช่น วิชาเฉพาะตัวของสำนักอย่างวิชาเล่ห์สังหารก็ถือได้ว่าเป็นวิชาที่ไร้ค่าในตอนนั้น น่าเสียดายที่หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปวิชานับไม่ถ้วนก็ได้สูญหายไปจนหมดสิ้น จนทำให้วิชาธรรมดา ๆ อย่างวิชาเล่ห์สังหารได้กลายเป็นสมบัติของสำนัก ซึ่งเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดของสำนักพวกเราเลยก็ว่าได้”
“ตำรารวมวิชาต้องห้ามที่ข้าได้ให้เจ้าไปในก่อนหน้านี้ก็เป็นตำราที่ตกทอดมาในสำนักของเราเช่นเดียวกัน ซึ่งมันเป็นวิชาที่ช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ของคนคนหนึ่งได้เป็นอย่างมาก แต่มันก็จำเป็นจะต้องแลกมาด้วยความสูญเสียที่คนคนหนึ่งแทบจะไม่สามารถยอมรับได้”
“ความจริงแล้วตำรารวมวิชาต้องห้ามถือว่าเป็นบททดสอบที่อำพรางวิชาชั้นยอดที่แท้จริงเอาไว้ และในเมื่อเจ้าได้ผ่านบททดสอบทั้งสามประการที่ข้าได้ตั้งเอาไว้แล้ว เจ้าก็จะได้รับวิชาดั้งเดิมที่แท้จริง”
หลังจากอ่านมาถึงประโยคนี้ทั้งเซี่ยเฟยและอันธต่างก็อดที่จะรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้ เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเกินความคาดหมายของพวกเขามากเกินไป โดยเฉพาะที่เซี่ยเฟยได้ทำลายตำราวิชาต้องห้ามไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาจึงเกิดความสับสนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
สิ่งที่เซี่ยเฟยไม่เข้าใจคือทำไมเงาสูญถึงต้องทำเรื่องให้มันยุ่งยากมากขนาดนี้ และวิชาอะไรกันแน่ที่อาจารย์ของเขาได้ซุกซ่อนมันเอาไว้
“เล่ห์มายาคือวิชาต่อสู้ระดับสูงในจักรวาลที่สามารถแสดงผลลัพธ์ออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ถ้าหากว่าวิชาชั้นสูงแบบนี้ได้สูญหายไปข้าก็คงจะรู้สึกเสียดายมันมาก ดังนั้นข้าจึงต้องการจะหาผู้สืบทอดสำหรับการส่งต่อวิชาไม่ให้วิชาสูญหายตายไปพร้อมกับชีวิตของข้า”
“อย่างไรก็ตามวิชานี้มีข้อกำหนดในการฝึกฝนที่ยุ่งยากมาก เพราะผู้ฝึกฝนจะต้องมีทั้งความชอบธรรมและความชั่วร้ายอยู่ในคนคนเดียวกัน ในความเป็นจริงเงาจันทร์ก็ถือว่าผ่านข้อกำหนดในการฝึกฝนวิชานี้ด้วยเหมือนกัน เพียงแต่เขากับเงาประกายเงินได้ต่อสู้กันอย่างลับ ๆ เพื่อแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว ข้าจึงกลัวว่าถ้าหากข้าส่งต่อวิชานี้ให้กับเขา มันจะส่งผลกระทบต่อสมดุลย์ของศูนย์อำนาจภายในสำนักซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ข้าไม่อยากเห็น”
“ข้าเริ่มรู้สึกลังเลตั้งแต่รู้ว่าเวลาของข้ากำลังจะหมดลง แต่ทันใดนั้นเจ้าก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันและนิสัยทั้งดีและเจ้าเล่ห์ของเจ้าก็เตะตาข้าได้ในทันที เพราะถึงแม้ว่าเจ้าจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับชัยชนะ แต่เจ้าก็ยังคงมีสามัญสำนึกของการเป็นมนุษย์ซึ่งถือว่าตรงตามข้อกำหนดที่ข้าได้คิดเอาไว้”
“หลังจากที่ข้าครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดข้าก็ตัดสินใจที่จะทำการทดสอบเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งถ้าหากว่าเจ้าสามารถผ่านบททดสอบนี้ไปได้และได้เห็นข้อความฉบับนี้ มันก็หมายความว่าเจ้าได้ผ่านบททดสอบของข้าแล้ว”
“แม้ว่าเราจะเป็นศิษย์อาจารย์กันเพียงแค่ในนามแต่ข้าก็มีสิ่งหนึ่งที่อยากจะฝากฝังเจ้าเอาไว้ หากวันหนึ่งเจ้าได้พบกับศิษย์ของสำนักเงาสังหารที่เหมาะสม เจ้าช่วยถ่ายทอดวิชานี้ต่อไปให้กับเขาด้วย แต่ถ้าหากว่าเจ้าไม่สามารถค้นพบศิษย์ที่เหมาะสมได้จริง ๆ ก็ขอให้วิชานี้สูญหายไปพร้อมกับเจ้าตลอดกาล”
“หลังจากนี้จะเป็นเนื้อหาทั้งหมดของวิชาเล่ห์มายา เจ้าควรรีบหยิบกระดาษ, ปากกาหรืออะไรก็ได้มาบันทึกข้อความหลังจากนี้เอาไว้”
จากนั้นไม่นานหน้าจอแสงก็ค่อย ๆ หายไปหลงเหลือเพียงแต่ความว่างเปล่าราวกับว่ามันไม่เคยมีหน้าจอแสงนี้ปรากฏขึ้นมาก่อน
เซี่ยเฟยวางปากกาที่จดบันทึกเคล็ดวิชาพร้อมกับจุดบุหรี่เอนหลังพิงเก้าอี้และสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ
“เห็นได้ชัดเลยว่าปรมาจารย์เงาสูญคงจะต้องต่อสู้กับความคิดของตัวเองอย่างหนักก่อนจะเลือกส่งต่อวิชานี้มาให้กับนาย ดูเหมือนว่าหลังจากที่มนุษย์รู้ว่าตัวเองกำลังจะตายคงเป็นช่วงเวลาที่ทำใจได้อย่างยากลำบากจริง ๆ” อันธกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“บางทีก่อนตายทุกคนก็อาจจะเป็นแบบนี้เหมือน ๆ กันที่ไม่อาจจะปล่อยวางอะไรบางอย่างได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะตายอย่างไม่สงบ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“แต่ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าวิชานี้จะเป็นวิชาระดับจักรวาล นี่คือวิชาอันดับสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในบรรดาระดับวิชาทั้งหมดเลย ของขวัญอำลาจากปรมาจารย์เงาสูญถือว่าเอื้อเฟื้อกับนายมากจริง ๆ” อันธกล่าว
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าอารมณ์ของอาจารย์ในระหว่างเขียนข้อความนี้ค่อนข้างแปรปรวน ราวกับว่าเขามีอะไรบางอย่างที่อยากจะพูดแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดมันออกมา?” เซี่ยเฟยกล่าว
“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะ ตอนนี้ปรมาจารย์ได้เดินทางไปยังดินแดนอันสงบแล้ว พวกเราที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่ควรที่จะไปคาดเดาความคิดของเขา พวกเรามาสนใจเนื้อหาของวิชานี้กันดีกว่า”
—
ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อมาเซี่ยเฟยก็พยายามอ่านเคล็ดลับวิชาเล่ห์มายาเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนที่เขาจะได้ข้อสรุปว่าวิชานี้เป็นวิชาที่หลอกล่อให้ศัตรูตกอยู่ในความสับสนคล้ายกับการตกอยู่ในกรงที่มองไม่เห็น
วิชานี้ไม่เพียงแต่จะสามารถใช้ในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวได้เท่านั้น แต่มันยังสามารถใช้ในการต่อสู้แบบเป็นกลุ่มได้อีกด้วย มันจึงทำให้เขาแอบคิดถึงวิชาค่ายกลที่เคยบันทึกเอาไว้บนดาวโลก
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนมาก เพราะเงาสูญพูดอย่างชัดเจนว่ามันเป็นวิชาการต่อสู้แล้ววิชาการต่อสู้มันจะมีรูปแบบเหมือนค่ายกลได้อย่างไร?
หรือว่าปรมาจารย์เงาสูญตีความวิชานี้ผิดไปตั้งแต่แรก?
เซี่ยเฟยรีบส่ายหัวสะบัดความคิดนี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เพราะเงาสูญได้ใช้เวลาที่เหลือของชีวิตในการเฝ้าหอตำราของสำนัก มันจึงทำให้เขาได้มีเวลาอ่านวิชาลับของสำนักเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน แล้วเขาจะพลาดเรื่องง่าย ๆ แบบนี้ไปได้ยังไง?
อันธก็กำลังรู้สึกสับสนเช่นเดียวกันกับเซี่ยเฟย และถึงแม้ว่าเขาจะทำผลงานได้ไม่ดีในเส้นทางของนักฆ่า แต่เขาก็เคยอ่านตำราวิชามาแล้วเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ไม่ว่าเขาจะอ่านเคล็ดวิชาเล่ห์มายานี้กี่รอบแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะตีความให้มันเป็นวิชาสำหรับการต่อสู้ได้
“อันที่จริงค่ายกลนี้ก็ไม่เลวเลย เพราะถ้าหากว่านายสามารถจัดวางมันได้เป็นอย่างดี ผลลัพธ์ของการใช้ค่ายกลนี้ก็เป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้จริง ๆ” อันธกล่าว
“ถึงแม้ค่ายกลนี้จะดีจริง ๆ แต่มันก็ยังห่างไกลจากการที่มันจะเป็นวิชาในระดับจักรวาลเหมือนกับที่อาจารย์ได้บอกเอาไว้ อีกอย่างนี่มันยุคไหนกันแล้วมันจะยังมีคนใช้ค่ายกลอยู่อีกเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
อันธพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะมนุษย์โบราณได้ศึกษาวิธีการวางค่ายกลเนื่องมาจากพวกเขาต้องใช้อาวุธเย็นในการต่อสู้ แต่ตอนนี้มันเป็นยุคของจักรวาลแล้ว ดังนั้นเมื่อกองทัพของทั้งสองฝ่ายได้เผชิญหน้ากันพวกเขาก็มักจะวัดความแข็งแกร่งกันด้วยยานรบและปืนใหญ่
“หรือว่าเรื่องนี้มันก็จะเป็นบททดสอบจากอาจารย์ด้วย…” เซี่ยเฟยใช้มือแตะคางพร้อมกับสมองที่กำลังครุ่นคิด
***************
อย่าบอกนะว่าการทดสอบยังไม่จบ?!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 155
แสดงความคิดเห็น