บทที่ 59: ข้าจะฆ่ามัน
ในที่สุดหญิงร้ายกาจคนนี้ก็ได้แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาแล้ว!
หลิงเอ๋อถูกงูพิษทำร้าย แล้วนางยังจะฆ่าหลิงเอ๋ออีก พวกเขาไม่น่าหลงเชื่ออีกฝ่ายเลย!
บัดนี้หลงอวี้กับหลงจงโกรธมากที่เห็นว่าผู้เป็นแม่กำลังจะฆ่าน้องสาวของตน ทั้งคู่จึงรีบวิ่งไปผลักหูเจียวเจียวออกทันที
แม่จิ้งจอกขมวดคิ้ว “ถ้าพวกเจ้าอยากจะช่วยชีวิตหลิงเอ๋อก็อย่าเข้ามาขัดแม่”
เด็กทั้ง 2 ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักค้างไปในขณะที่สายตาของพวกเขายังคงจับจ้องแม่ใจยักษ์อย่างสงสัย
นางกำลังช่วยหลิงเอ๋ออยู่หรือ?
“ถ้าท่านต้องการช่วยหลิงเอ๋อ ทำไมท่านถึงข่วนนาง ดูสิ บาดแผลใหญ่ขนาดนั้น แม้ว่าหลิงเอ๋อจะไม่ตายเพราะพิษงู แต่นางจะเลือดออกหมดตัวจนตายไปเสียก่อน” หลงอวี้ถามด้วยใบหน้าเย็นชา
“ถ้าเจ้ากล้าทำร้ายหลิงเอ๋อ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!” หลงจงชูกำปั้นขึ้นและพูดด้วยความโกรธ
ในใจของหูเจียวเจียว เธอก็ไม่ได้อยากให้สาวน้อยได้รับบาดเจ็บ แต่ถ้าบาดแผลมีขนาดเล็กมันก็ยากที่จะระบายเลือดพิษออกมาได้ทันเวลา
เพราะยิ่งพิษหลงเหลืออยู่ในร่างกายของเด็กสาวนานเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของนางมากเท่านั้น
“แม่จะไม่ปล่อยให้หลิงเอ๋อเป็นอะไรไปแน่นอน แม่เป็นแม่ของพวกเจ้านะ” จิ้งจอกสาวพูดด้วยใบหน้าจริงจังโดยน้ำเสียงที่เคยอ่อนโยนของเธอหนักแน่นยิ่งขึ้น
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็หันกลับไปช่วยหลงหลิงเอ๋อระบายเลือดพิษออกจากร่างกายต่อทันที
ส่วนเด็กหนุ่มทั้ง 2 กำหมัดแน่นพลางมองการเคลื่อนไหวของแม่จิ้งจอกไม่ให้คลาดสายตาไปแม้เสี้ยวอึดใจ
เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน หลงหลิงเอ๋อที่หมดสติไปก็ไอ 2-3 ครั้งและพึมพำอย่างอ่อนแรง “ท่านแม่ อย่าตีข้า หลิงเอ๋อเจ็บ...”
แม้กระทั่งในความฝัน เด็กสาวก็ยังรู้สึกเจ็บปวดโดยที่นางคิดว่าตัวเองกำลังย้อนกลับไปตอนที่ถูกแม่ใจมารเฆี่ยนตี
ยามนี้ดวงตาของหูเจียวเจียวเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา แต่ในใจเธอกลับรู้สึกโล่งอกมากยิ่งขึ้น เพราะอย่างน้อยตอนนี้ประสาทสัมผัสของหลงหลิงเอ๋อก็ไม่ถูกพิษกัดกร่อนไปจนใช้การไม่ได้ ในที่สุดเซรุ่มก็ออกฤทธิ์แล้ว
ต่อมา เธอหยิบยาห้ามเลือดออกมาจากมิติแล้วกดลงที่บาดแผลบนแขนของลูกสาว
หลังจากนั้นไม่นานเลือดก็หยุดไหล
ในเวลาเดียวกัน เด็กชาย 2 คนที่อยู่ด้านข้างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะหันไปมองแม่จิ้งจอกด้วยสายตาเหลือเชื่อ
นางสามารถล้างพิษงูได้!
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเห็นภูตในเผ่าถูกงูพิษกัด ซึ่งคนพวกนั้นจะตายไปหลังจากถูกกัดได้ไม่นาน แม้แต่หมอประจำเผ่าก็ยังทำอะไรไม่ได้ แต่ทำไมแม่ของพวกเขาถึงล้างพิษงูได้ล่ะ?
จากนั้นหูเจียวเจียวก็ประคองอุ้มหลงหลิงเอ๋อขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน แล้วหันไปทางเด็กที่กำลังตกตะลึงมองเธออยู่ข้างหลัง “กลับกันเถอะ เดี๋ยวจะมืดไปเสียก่อน”
แม้ว่าชีวิตของเด็กสาวจะรอดพ้นจากความตายมาแล้ว แต่เธอก็ยังต้องเฝ้าระวังอีกฝ่ายให้ดี มิฉะนั้นร่างกายของนางจะเป็นอันตราย
เมื่อลูกชายทั้ง 2 ได้ยินคำพูดเตือนสติของแม่ เด็ก ๆ ก็ขจัดความสงสัยที่อยู่ในใจออกไปอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินตามผู้เป็นแม่ออกจากถ้ำที่มืดมิด
พอแม่ลูกจิ้งจอกกลับไปถึงเผ่า ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว
ระหว่างทางหูเจียวเจียวเดินคลำทางไปในความมืดเพื่อพาลูก ๆ ของเธอกลับบ้าน จากนั้นเธอก็จัดการทำอาหารเย็นง่าย ๆ กิน
ขณะนี้หลงหลิงเอ๋อยังคงอยู่ในอาการโคม่า ทุกคนจึงมาเฝ้าอยู่เคียงข้างสาวน้อยทันทีหลังจากที่พวกเขากินข้าวเสร็จ
ในตอนกลางคืน เนื่องจากความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดทั้งวัน ทำให้เหล่าเด็กน้อยผล็อยหลับอยู่ข้างเตียง จึงเหลือเพียงจิ้งจอกสาวที่คอยตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของลูกสาวอยู่ตลอดทั้งคืนโดยที่เธอไม่สามารถข่มตานอนหลับได้เลยจนกระทั่งรุ่งสาง ซึ่งเป็นเวลาที่อาการของหลงหลิงเอ๋อดีขึ้นพอดี
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หลงจงลืมตาตื่นด้วยความงัวเงีย และเห็นหลงอวี้ผู้เป็นพี่ชายกำลังชะเง้อมองไปทางหนึ่ง
ตอนนั้นเขาลุกขึ้นมากำลังจะพูดกับอีกฝ่าย แต่พี่ใหญ่หันมาทำท่าให้เขาเงียบเสียงลงก่อน
เด็กหนุ่มเข้าใจความหมายนั้นทันที เขาจึงปิดปากและเดินออกไปกับหลงอวี้
“พี่ใหญ่ ทำไมตอนอยู่ในบ้านท่านไม่ให้ข้าพูดล่ะ?” หลงจงถามด้วยความสับสนเมื่อเขาออกมาถึงลานบ้าน
หลงอวี้เหลือบมองน้องชายเล็กน้อยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เมื่อคืนนางเฝ้าหลิงเอ๋อตลอดทั้งคืน ข้าไม่อยากให้เจ้าทำนางตื่น”
“พี่ใหญ่ นี่ท่านกำลังเห็นใจนางอย่างนั้นหรือ?” หลงจงโพล่งออกมา
ในวินาทีต่อมา คนเป็นพี่ใหญ่ส่งสายตาไปขัดจังหวะคำพูดของอีกฝ่ายพลางหาเหตุผลให้ตัวเองอย่างจริงจัง “ข้าไม่ได้สงสารนาง ข้ากลัวว่านางจะเหนื่อยแล้วในอนาคตจะไม่มีใครมาคอยดูแลหลิงเอ๋ออีก!”
เขาพูดจบแล้วไม่เปิดโอกาสให้น้องชายได้พูดแย้งอะไรขึ้นมาอีก แล้วหันกลับไปคว้าฟืนมาไว้ในมือ “มาช่วยกันทำอาหารเถอะ”
“หา?” หลงจงอุทานออกมาด้วยความงุนงง แต่เขาไม่กล้าโต้แย้งพี่ชายผู้เข้มงวดเลยรีบเข้าไปช่วยอีกฝ่าย
อีกด้านหนึ่ง หูเจียวเจียวตื่นขึ้นมาเพราะได้กลิ่นเนื้อย่าง
เธอมองไปที่หลงหลิงเอ๋อซึ่งยังคงนอนหลับสนิท พอเธอแตะหน้าผากเด็กสาวก็พบว่านางยังคงมีอุณหภูมิร่างกายปกติ เธอจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้น
ทันทีที่หญิงสาวออกไปข้างนอก เธอเห็นหลงอวี้กำลังเหยียบอยู่บนหินที่วางต่อกันจนสูง ในขณะที่กวนของบางอย่างในหม้อ ส่วนหลงจงนั่งย่อตัวอยู่บนพื้นเพื่อใส่ฟืนลงในเตา ถัดมาใบหน้าที่เปื้อนฝุ่นและเถ้าถ่านนั้นก็เป่าลมเข้าไปในเตาไฟอย่างแรง
ทว่า…
“แค่ก ๆ! เจ้าสาม ไฟของเจ้าแรงเกินไป เจ้าคิดจะเผาหม้อหรือไง!”
หลงอวี้บ่นพร้อมกับสำลักควันไฟจนไอออกมา อีกทั้งแก้มของเขาก็แดงก่ำ
ขณะเดียวกัน เด็กหนุ่มที่ทำหน้าที่ควบคุมไฟขมวดคิ้วพูดด้วยความหงุดหงิด “พี่ใหญ่ ข้าก็ทำตามที่ท่านบอกแล้วนะ...”
หูเจียวเจียวที่มองดูภาพตรงหน้าอดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นเธอก็เดินไปตบไหล่ของลูกชายคนโตและพูดอย่างขบขันว่า “เดี๋ยวแม่ทำต่อเอง”
ต่อมา เธอย่อตัวลงไปหยิบไม้ในมือของหลงจง ก่อนจะใช้ที่คีบเพื่อหยิบไม้หนา 2 ท่อนที่กำลังลุกโชนอยู่ในเตาออกมา
หลังจากนั้นไม่นานไฟก็สงบลง
แต่พอหญิงสาวมองดูสิ่งที่อยู่ในหม้อก็เห็นว่าเนื้อข้างในดำจนเหมือนถ่านไปเสียแล้ว
เมื่อเด็กหนุ่มทั้ง 2 มองไปยังหูเจียวเจียวที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน พวกเขาก็หลบไปยืนตัวแข็งอยู่ด้านข้าง พร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง
ทำไมไฟนี้ถึงเชื่อฟังนางมาก?
ก่อนที่ทั้งคู่จะทันได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ พวกเขาก็ต้องหน้าซีดเมื่อเห็นเนื้อไหม้อยู่ในหม้อ
จบเห่แล้ว!
พวกเขาทำเนื้อไหม้ นางจะต้องโกรธมากแน่ ๆ
ทางด้านแม่จิ้งจอก เธอปัดฝุ่นที่เปื้อนมือออกเบา ๆ พอเธอลุกขึ้นยืน เธอก็เห็นลูกชายทั้ง 2 ยืนทำหน้าซีดเซียว ตัวแข็งทื่อ หญิงสาวจึงเหลือบมองก้นหม้อที่ดำเป็นตอตะโก
จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ ยกมือขยับเข้าไปใกล้พวกเด็กน้อย
นั่นทำให้หลงอวี้กับหลงจงหลับตาปี๋เพื่อรอถูกแม่ใจยักษ์ตี
อย่างไรก็ตาม ในวินาทีต่อมา สัมผัสอบอุ่นค่อย ๆ ประทับลงบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม 2 คนตามด้วยเสียงที่อ่อนโยน ”หน้าของเจ้าทั้งคู่มอมแมมไปหมดแล้ว ไปล้างหน้าก่อนเร็ว เดี๋ยวแม่จะทำอาหารให้กิน”
การกระทำของผู้เป็นแม่ส่งผลให้พวกเขาชะงักไปพร้อมกัน
“ท่านไม่โกรธพวกเราหรือ?” หลงจงถามออกมาแบบไม่ทันได้คิด
“ทำไมแม่ต้องโกรธด้วยล่ะ?” หูเจียวเจียวถามอย่างขบขัน เธอกลอกตาแล้วพูดต่อว่า “แม่รู้ว่าพวกเจ้าอยากช่วย แต่พวกเจ้ายังเด็ก เรื่องต่าง ๆ อย่างเช่นการทำอาหารไว้รอพวกเจ้าโตกว่านี้แล้วค่อยทำก็ได้”
แม่จิ้งจอกพูดจบแล้วก็หันไปล้างหม้อที่เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท
ในขณะที่เด็กน้อยทั้ง 2 นิ่งอึ้งไปกับคำพูดของอีกฝ่าย
หลังจากที่หญิงสาวทำอาหารเช้าเสร็จ หลงหลิงเอ๋อก็ตื่นขึ้นพอดี เธอเลยเรียกเด็ก ๆ ให้ออกมากินข้าวกัน ก่อนที่เธอจะยกถ้วยโจ๊กเข้าไปในบ้านเพื่อป้อนให้ลูกสาวตัวน้อย
แต่เหล่าพี่น้องยังคงกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของหลงหลิงเอ๋อ ดังนั้นพวกเขาจึงรีบกินข้าวของตัวเอง เสร็จแล้วก็วิ่งเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียงที่เด็กสาวกำลังนอนอยู่
เด็กที่เหลือคงจะไม่รู้สึกโล่งใจจนกระทั่งเห็นว่าหลงหลิงเอ๋อกินโจ๊กถ้วยใหญ่หมดภายในเวลาไม่กี่นาที รวมถึงต้องแน่ใจว่าสาวน้อยปลอดภัยดีแล้วเท่านั้น
ถ้าหากเป็นภูตที่กำลังจะตาย พวกเขามักจะกินอาหารไม่ลง
ทว่าหลิงเอ๋อกินได้ค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นนางต้องไม่เป็นอะไรแล้วแน่นอน
หลังจากที่ทุกคนทานอาหารเสร็จ เด็กทั้ง 4 คนก็มารวมตัวกันรอบ ๆ เด็กสาวเพียงหนึ่งเดียวพลางถามนางว่าเมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้น
ปัจจุบันใบหน้าของหลงหลิงเอ๋อยังคงซีดเซียวเหมือนกระดาษ น้ำเสียงที่แหลมเล็กของนางแฝงไปด้วยความกลัว “เมื่อวานข้าเดินตามหลังพวกท่านไป แต่จู่ ๆ ข้าก็ถูกปิดปากและสลบไป พอข้าลืมตาขึ้นมา ข้าก็อยู่ในถ้ำมืด ๆ แล้ว”
“ลู่หลีมัดข้า เขาบอกว่าจะปล่อยให้งูพิษกัดข้าจนตาย ที่นั่นมันมืดมากเลย ข้าได้ยินเสียงงูหลายตัวเลื้อยเข้ามา แต่ข้าขยับตัวไม่ได้ ฮือออ...”
เมื่อสาวน้อยนึกถึงประสบการณ์เลวร้ายตอนที่อยู่ในถ้ำ นางก็สะอื้นไห้ด้วยความกลัว
“ไอ้บ้าเอ๊ย! ไอ้สารเลวลู่หลี กล้าดียังไงมาทำกับหลิงเอ๋อแบบนี้ ข้าจะฆ่ามัน!”
ดวงตาของหลงจงแดงก่ำด้วยความโกรธ เขากำหมัดแน่นและกำลังจะพุ่งออกจากบ้านไปชำระแค้นกับลู่หลี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 238
แสดงความคิดเห็น