บทที่ 42: นางคิดถึงเจ้า
เหตุผลที่หญิงสาวถามออกไปแบบนั้นเพราะในหนังสือบอกเพียงว่าลูกของเจ้าของร่างเดิมมีคนหนึ่งเสียโฉมและอีกคนหนึ่งตาบอด แต่ไม่ได้บรรยายรายละเอียดเอาไว้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กทั้ง 2
สิ่งที่หูเจียวเจียวไม่คาดคิดก็คือแผลเป็นบนใบหน้าของหลงจงเกิดจากเจ้าของร่างเดิม ดังนั้นมีความเป็นไปได้ว่าดวงตาของหลงเซียวก็อาจจะมีสาเหตุมาจากคนเดียวกัน...
เด็กหนุ่มที่ตาบอดรู้ว่าหญิงสาวต้องการถามอะไร จึงปัดเป่าการคาดเดาของเธออย่างรวดเร็ว “ดวงตาของข้าเป็นแบบนี้มาตั้งแต่กำเนิด มันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับท่าน”
“เซียวเซียว...” แม่จิ้งจอกขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกอึดอัดยิ่งกว่าเดิม
หลงเซียวเป็นคนที่มีความคิดลึกซึ้งที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้ง 5 คน แต่ก็เป็นคนที่โดดเดี่ยวที่สุด ในนิยายเขาจะเป็นคนคอยวางแผนให้เด็กคนอื่น ๆ มาตลอด แต่เขาไม่เคยเห็นเลยว่าคนที่คอยปกป้องเขานั้นหน้าตาเป็นอย่างไร
หลังจากที่หนุ่มน้อยพูดจบ เขาก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้านไม้ตามปกติ ด้วยบรรยากาศที่บ่งบอกว่าความมืดมนที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้คือจุดหมายปลายทางของเขา
“เซียวเซียว แม่จะหาวิธีรักษาดวงตาของเจ้าและใบหน้าของจงเอ๋อให้ได้!”
เสียงของหูเจียวเจียวทำให้หลงเซียวหยุดชะงัก
เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แม่ได้ยินมาว่าหมอผีมีความสามารถในการชุบชีวิตภูตให้ฟื้นคืนชีพ การรักษาดวงตาและแผลเป็นคงจะไม่ใช่เรื่องยาก พวกเขาน่าจะทำได้เหมือนกัน แม่จะช่วยพวกเจ้าหาหมอผีเก่ง ๆ มารักษาพวกเจ้าให้ได้!”
เด็กหนุ่มที่ได้ยินคำพูดของแม่จิ้งจอกกำมือแน่น และเสียงแบบเด็ก ๆ ของเขาก็แหบแห้งลง “เราไม่ต้องการคำสัญญาจากท่าน”
“แม่รู้ว่าที่ผ่านมาแม่ทำผิดมามากมาย ต่อจากนี้ไป แม่จะไม่ให้ใครมาทำร้ายลูกอีก เชื่อใจแม่นะลูก” น้ำเสียงที่อ่อนโยนนั้นเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นโดยหวังว่าจะช่วยให้คนฟังมั่นใจมากขึ้น
หลงเซียวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ก้าวต่อไปพร้อมกับพูดอย่างเฉยเมย “แค่ลมปาก ใครก็สามารถพูดได้ทั้งนั้น”
เมื่อหูเจียวเจียวมองไปที่แผ่นหลังอันโดดเดี่ยวของลูกชายคนรอง เธอก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจมากขึ้น
แม้ว่าของทั้งหมดที่อยู่ในมิติจะถูกปลดล็อก แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ใช่หมอ เธอจึงไม่สามารถรักษาดวงตาหรือใบหน้าของเด็กทั้ง 2 ได้ด้วยตัวเอง แต่ในหนังสือนิยายเรื่องแดนปีศาจมหัศจรรย์ มีหมอผีที่มีความสามารถทำเช่นนี้ได้
เธอจำได้ว่าลู่เมี่ยนเอ๋อกับอิงหยวนได้พบกับหมอผีในเผ่าใหญ่อีกเผ่าหนึ่งหลังจากที่พวกเขาอพยพออกจากเผ่านี้ไป นั่นหมายความว่าพวกหมอผีมีอยู่จริง เธอจึงมีความหวังขึ้นมา
...
อีกด้านหนึ่ง
โหวเสี่ยวเตียวกลับมาถึงบ้านพร้อมกับเนื้อ
ในขณะเดียวกัน ‘โหวเซียง’ ภรรยาของเขากำลังพาลูกลิงน้อย 2 คนที่ยังไม่แปลงร่างไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าประตู พลางพูดคุยกับกลุ่มผู้หญิงที่มีลูกเหมือนกัน
เมื่อนางเห็นสามีกลับมา นางก็รู้สึกประหลาดใจจึงถามออกไปว่า “โหวเสี่ยวเตียว ทำไมวันนี้เจ้ากลับมาเร็ว?”
โดยปกติแล้ว ถ้าชายหนุ่มออกไปล่าสัตว์ เขาจะไม่กลับมาบ้านจนกว่าจะเลยเวลาเที่ยง บางทีก็กลับมามืดค่ำเลยด้วยซ้ำ
แต่เหตุใดวันนี้เขาถึงออกไปไม่นานแล้วก็กลับมา
“เซียงเซียง ข้า...”
โหวเสี่ยวเตียวกำลังจะอธิบาย แต่จู่ ๆ โหวเซียงก็เห็นเนื้อกวางชิ้นโต 2 ก้อนที่เขาถืออยู่ แล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ทำไมวันนี้เจ้าถึงล่าได้เร็วมากเลย นี่เจ้าจับเหยื่อตัวใหญ่ได้ตั้งแต่เช้าเลยหรือ โหวเสี่ยวเตียว เจ้าก้าวหน้าขึ้นนะ!”
ทันใดนั้น ผู้หญิงหลายคนที่อยู่ใต้ต้นตั๊กแตนเก่าแก่ก็ส่งสายตาอิจฉาริษยาไปให้ทั้ง 2
พวกนางไม่คาดคิดว่าสามีของโหวเซียงจะแข็งแกร่งถึงขั้นล่ากวางได้ตั้งแต่เช้า!
ถัดมา หญิงสาวช่วยผู้เป็นสามีเอาเนื้อออกมาถือไว้
แต่นางไม่ได้นำมันกลับบ้านทันที แต่แสร้งทำเป็นเขินอายพลางยิ้มให้กลุ่มผู้หญิงที่นั่งอยู่ใต้ต้นตั๊กแตนจนปากแทบจะฉีกไปถึงหู
“โหวเสี่ยวเตียวของข้าเอาเนื้อกลับมา ดูสิ มันใหญ่มาก ข้าเลยต้องเอามันกลับไปเก็บก่อน พวกเจ้าคุยกันไปก่อนนะ”
คนที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ทุกคนดูออกหมดว่าสิ่งที่ภูตลิงสาวทำนั้นมันเป็นการโอ้อวด
แต่ก่อนที่ผู้เป็นสามีจะมีเวลาอธิบาย โหวเซียงก็นำเนื้อกลับบ้านไปแล้ว
โหวเสี่ยวเตียวยกมือขึ้นเกาหูและแก้มอย่างกระวนกระวาย
ประกอบกับเวลาตอนนี้มันก็สายมากแล้ว ถ้าเขาเข้าไปในป่าเพื่อตามหาหลงโม่ เขาคงกลับมาถึงบ้านไม่ทันก่อนมืด ดังนั้นเขาจึงตะโกนเข้าไปในบ้านว่า “เซียงเซียง ข้าออกไปข้างนอกสักครู่นะ เดี๋ยวกลับมา”
เขารีบเดินทางเข้าไปในป่าแล้วตั้งใจว่าจะกลับมาอธิบายที่มาของเนื้อให้ภรรยาสาวฟังทีหลัง
โหวเซียงได้ยินเสียงตะโกนของสามี พอจะเดินออกมาหาอีกฝ่าย เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว
หญิงสาวจึงเดินกลับไปนั่งพูดคุยกับกลุ่มผู้หญิงด้วยความภาคภูมิใจว่า “โหวเสี่ยวเตียวเป็นคนขยันขันแข็งมาก นี่ขนาดว่าได้เนื้อมาแล้ว เขายังจะออกไปล่าต่อโดยไม่หยุดพักผ่อน”
แต่ในขณะนั้นใต้ต้นตั๊กแตนเก่าแก่ มีผู้หญิงคนหนึ่งที่กลับมาพร้อมกับโหวเสี่ยวเตียว
เมื่อนางเห็นโหวเซียงมีความสุขหน้าชื่นตาบาน นางจึงพูดด้วยน้ำเสียงอิจฉาว่า “หูเจียวเจียวให้เหยื่อแบบไหนกับเขา? วันนี้โหวเสี่ยวเตียวยังไม่ได้ออกจากเผ่าไปไหนเลย เจ้าโดนปิดหูปิดตาอยู่ที่บ้านไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิด!”
การนินทาเหมือนเป็นธรรมชาติของผู้หญิงไปแล้ว สาเหตุที่พวกนางจับกลุ่มกันก็เพื่อการนี้
เมื่อผู้หญิงข้าง ๆ ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจเสียงดัง
“เหอะ หูเจียวเจียวไม่ชอบอิงหยวนแล้วหรือ ทำไมจู่ ๆ นางถึงดีกับโหวเสี่ยวเตียวขนาดนั้น?”
“ตอนนี้นางเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายมาทางโหวเสี่ยวเตียว จุ๊ ๆ โหวเซียง เจ้าจะต้องดูแลสามีเจ้าให้ดีนะ อย่าปล่อยให้ลูกของเจ้าสูญเสียพ่อตั้งแต่อายุยังน้อยเพราะแลกกับเนื้อไม่กี่ชิ้น มันไม่คุ้มค่าหรอก”
ผู้หญิงไม่กี่คนที่รู้สึกอิจฉาโหวเซียงก่อนหน้านี้ได้เผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา
ตอนแรกพวกนางคิดว่าโหวเสี่ยวเตียวนั้นแข็งแกร่งมากที่ล่ากวางมาได้ตั้งแต่เช้า แต่ที่ไหนได้ กลับกลายเป็นว่าเนื้อพวกนั้นได้มาจากหูเจียวเจียว!
คำพูดของคนอื่นทำให้รอยยิ้มของโหวเซียงชะงักค้างอยู่บนใบหน้าของนาง
เสียงพูดจาถากถางของผู้หญิงเหล่านั้นแว่วเข้ามาในหูของนางอย่างต่อเนื่อง นางอับอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ต่อมา นางจึงอุ้มลูก 2 คนเดินกลับบ้านไปทันทีด้วยสีหน้าหมองมัว
...
ที่นอกเผ่าซึ่งเป็นป่าไม้และภูเขาสลับซับซ้อน
ในป่าทึบมีต้นไม้ขึ้นอุดมสมบูรณ์จนแสงแทบจะส่องลงมาไม่ถึงพื้น ทำให้พื้นที่โดยรอบทั้งอับชื้นและมืดมน มันเป็นไปได้ยากมากที่พวกภูตจะเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้
ขณะนี้โหวเสี่ยวเตียวรีบเร่งเดินไปจนถึงส่วนลึกของภูเขา ก่อนจะพบกับถ้ำที่มืดมิด
จากนั้นเขาตะโกนออกมาอย่างกล้าหาญว่า “หลงโม่ เจ้าอยู่ในนั้นหรือเปล่า? ข้า…ข้าคือโหวเสี่ยวเตียว ข้ามีอะไรจะบอกเจ้า...”
หลังจากที่เงียบลงก็เหลือเพียงเสียงสะท้อนของเขาอยู่ในถ้ำ
ชายหนุ่มรู้เพียงว่าหลงโม่อาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนี้ตลอดทั้งปี และทุกครั้งที่เขาจะออกไปจับเหยื่อ เขาก็มาที่นี่เพื่อตามหาอีกฝ่ายด้วย
แล้วหลงโม่มักจะวางเหยื่อไว้ที่ทางเข้าถ้ำล่วงหน้าทุกครั้ง ตั้งแต่ออกจากเผ่ามา ชายผู้นี้ไม่เคยโผล่หน้ามาให้ใครเห็นอีกเลย ซึ่งมันนานมากจนโหวเสี่ยวเตียวจำไม่ได้แล้วว่าอีกคนมีหน้าตาเป็นอย่างไร
หลังจากรออยู่สักพักก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ จากในถ้ำ ลิงหนุ่มจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย
จะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับหลงโม่หรือเปล่า?
เมื่อโหวเสี่ยวเตียวนึกถึงหูเจียวเจียวกับลูก ๆ ทั้ง 5 คน เขาก็ตะโกนเสียงดังขึ้นพลางเดินเข้าไปที่ปากถ้ำ “หลงโม่ ข้าคือโหวเสี่ยวเตียว ถ้าเจ้าไม่ตอบ ข้าจะเข้าไปแล้วนะ”
ก่อนที่ฝ่าเท้าจะก้าวต่อไปข้างหน้า เสียงทุ้มต่ำก็ดังมาจากข้างใน
“ว่าไง?”
ภูตลิงชะงักไปก่อนจะดึงเท้าข้างที่กำลังจะก้าวเข้าไปในถ้ำกลับมา เนื่องด้วยทางเข้าถ้ำมืดมากจนแทบมองไม่เห็นอะไร แค่ตอนที่เขาก้าวเท้าเข้าไป เขายังแทบไม่เห็นนิ้วเท้าของตัวเองเลย เพียงเท่านี้มันก็ทำให้เขารู้สึกไม่กล้าแล้ว
แม้ว่าโหวเสี่ยวเตียวจะไม่กลัวความมืด แต่ทุกครั้งที่เขาได้ยินเสียงของหลงโม่ดังมาจากข้างใน เขาก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งแผ่นหลัง
เขาตัวสั่นอยู่ครู่หนึ่งและรีบเปิดปากตอบว่า “คือหูเจียวเจียว...”
ทันทีที่ชายหนุ่มพูดออกไป เขาก็คิดถึงบางอย่างเพื่อรวบรวมกำลังใจให้ตัวเอง
เนื่องจากหลงโม่จับเหยื่อได้มากมาย และมันไม่ง่ายเลยที่หูเจียวเจียวที่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวจะเลี้ยงลูกที่บ้านได้ตามลำพัง ถ้ามังกรหนุ่มสามารถกลับไปช่วยนางดูแลลูกได้ นางจะไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอีก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ โหวเสี่ยวเตียวก็รู้สึกว่าเขาควรช่วยหูเจียวเจียว
นี่ถือว่าเป็นการตอบแทนพระคุณที่นางช่วยชีวิตเขาไว้!
“หูเจียวเจียว?” จู่ ๆ เสียงของหลงโม่ก็เย็นชา และอีกฝ่ายถามอย่างกระวนกระวายใจว่า “นางเป็นอะไร?”
เมื่อลิงหนุ่มได้ยินน้ำเสียงเย็นเยียบของหลงโม่ เขารู้ว่าอีกคนเข้าใจผิดและส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
“เปล่า ๆ…”
ขณะที่โหวเสี่ยวเตียวตอบ เขาจำได้ว่าคนที่อยู่ในถ้ำมองไม่เห็นตนเอง ดังนั้นเขาจึงรีบอธิบายว่า “หูเจียวเจียวเป็นคนบอกข้าว่าครั้งหน้านางหวังว่าเจ้าจะส่งเหยื่อกลับบ้านด้วยตัวเอง นางบอกว่า... นางคิดถึงเจ้า!”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: โหวเสี่ยวเตียวหางานให้แม่จิ้งจอกของเราอีกแล้วววว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 241
แสดงความคิดเห็น