ตอนที่ 297 ชายหนุ่มผู้ซื่อสัตย์?
ตอนที่ 297 ชายหนุ่มผู้ซื่อสัตย์?
หลังจากได้เดินทางเข้ามาในกองบัญชาการกองทัพพันธมิตร เซี่ยเฟยก็ได้รู้แล้วว่าการป้องกันระดับสูงสุดของพันธมิตรมีหน้าตาเป็นยังไง เพราะตลอดการเดินทางเขาได้พบเห็นทหารเป็นจำนวนมากรวมถึงยานรบที่จอดอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
ขณะเดียวกันรถที่มารับเซี่ยเฟยก็ดูภายนอกเป็นเพียงแค่รถทหารที่ดูเทอะทะ ซึ่งถ้าหากคนหนุ่มสาวที่ชอบแฟชั่นได้มาเห็นรถคันนี้ พวกเขาก็คงจะส่ายหน้าไปมาเนื่องมาจากดีไซน์ที่ดูโบราณของมัน
อย่างไรก็ตามเมื่อชายหนุ่มได้เข้ามานั่งในรถเขาก็สามารถบอกได้เลยว่าเกราะของรถคันนี้หนากว่ารถถังหุ้มเกราะบนดาวโลกไม่น้อยไปกว่า 2 เท่า และระบบสื่อสารที่ใช้ในกองทัพพันธมิตรก็ยังเป็นสัญญาณเข้ารหัสที่เชื่อมต่อไปยังศูนย์บัญชาการต่าง ๆ หลายสิบแห่ง
การเดินทางในครั้งนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกประหม่าอยู่เล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดมันก็ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่จะสามารถเดินทางเข้ามาในกองบัญชาการของกองทัพพันธมิตรได้ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจถ้าหากว่าใครได้มาเห็นการป้องกันภายในฐานทัพแล้วพวกเขาจะรู้สึกตกตะลึง
โชคดีที่เซี่ยเฟยมีนิสัยที่สามารถปรับตัวได้อย่างว่องไว ซึ่งอันธก็คิดว่าถึงเซี่ยเฟยจะต้องเผชิญหน้ากับประธานาธิบดีของพันธมิตร แต่ชายหนุ่มคนนี้ก็ยังคงสามารถพูดจาได้ปกติโดยไม่รู้สึกประหม่าจากชื่อเสียงของอีกฝ่าย
ครู่ต่อมาเซี่ยเฟยก็ถูกล้อมด้วยทหาร 4 คนเดินนำเข้ามาภายในห้องทำงานของจอมพลเลย์ตัน โดยในก่อนหน้านั้นเขาได้ถูกตรวจสอบอาวุธและจำเป็นจะต้องฝากอาวุธเอาไว้กับเจ้าหน้าที่ทางด้านนอก
“พวกเรานำตัวเซี่ยเฟยมาตามคำสั่งแล้วครับ” ทหารยศพันตรีที่นำทางเซี่ยเฟยเปิดประตูพร้อมกับรายงานไปยังเลย์ตัน
“รีบเอาเขาเข้ามาข้างในเร็ว ๆ เข้า!” เลย์ตันกล่าว
ทหารที่อยู่ด้านหลังผลักให้เซี่ยเฟยเดินเข้าไปด้านหน้า ก่อนที่พวกเขาจะปิดประตูอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังขึ้นมารบกวนจอมพลของตัวเอง
“เจ้าหน้าที่พวกนั้นเก่งมากเลยนะครับ แต่เมื่อมาอยู่ในกองบัญชาการพวกเขาก็เป็นได้เพียงแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยงั้นเหรอครับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เลย์ตันจ้องมาทางเซี่ยเฟยอย่างเย็นชา ขณะที่วิลเลียมชี้นิ้วให้เซี่ยเฟยมานั่งที่โซฟาด้วยรอยยิ้ม
“มันเป็นเพราะว่าที่นี่คือกองบัญชาการของกองทัพยังไงล่ะ ระดับการรักษาความปลอดภัยของที่นี่จึงจำเป็นจะต้องเข้มงวดมาก อันที่จริงจอมพลเลย์ตันได้บอกกล่าวพวกเขาเอาไว้ล่วงหน้าแล้วนะ นายถึงไม่จำเป็นจะต้องได้รับการตรวจสอบตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น ไม่อย่างนั้นนายก็อาจจะต้องใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมงถึงจะเข้ามาในห้องนี้ได้” วิลเลียมกล่าวอธิบาย
เซี่ยเฟยเดินไปนั่งลงบนโซฟาที่วิลเลียมชี้บอกให้เขานั่ง ซึ่งเบาะของโซฟาค่อนข้างนุ่มมันจึงทำให้ทันทีที่เขานั่งร่างของเขาก็จมลงไปในโซฟาเล็กน้อย
“พวกเรามาเข้าประเด็นกันเลยดีกว่า พวกเราไม่ได้เรียกนายมาทำการสอบสวนอะไรหรอก ดังนั้นนายไม่จำเป็นจะต้องประหม่า แค่ฉันกับวิลเลียมมีคำถามอะไรบางอย่างที่รู้สึกสงสัยและฉันก็หวังว่านายจะตอบคำถามตามความเป็นจริง” เลย์ตันกล่าวอย่างจริงจัง
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับตอบกลับไปและถึงแม้ว่าจอมพลคนนี้จะบอกว่านี่ไม่ใช่การสอบปากคำ แต่เมื่อเขาได้อยู่ภายในสำนักงานของจอมพล เขาก็คงจะไม่มีทางอื่นนอกเสียจากจะต้องทำตามคำสั่งของสองชายชราตรงหน้า
“พวกเราชื่นชมผลงานการแข่งของนายในวันนี้มาก แต่พวกเราสงสัยว่าทำไมยานของนายถึงสามารถต้านทานการโจมตีของศัตรูได้นานขนาดนั้น ฉันคิดว่านายน่าจะติดตั้งระบบเสริมอื่นเข้าไปนอกเหนือจากการใช้ระเบิดโปรตอน นายช่วยบอกพวกเราหน่อยได้ไหมว่านายได้ติดตั้งอุปกรณ์เสริมอะไรเข้าไปกันแน่ ถึงทำให้เกราะพลังงานสามารถต้านทานการโจมตีได้นานขนาดนั้น” วิลเลียมกล่าวถามเข้าประเด็น
คำถามนี้ทำให้เซี่ยเฟยชะงักขึ้นมาเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดเหตุผลที่เขาเข้าร่วมการแข่งขันก็เพราะต้องการจะโฆษณาคุณสมบัติของมันให้ผู้คนทั่วทั้งพันธมิตรได้รู้จัก
แน่นอนว่าทางกองทัพย่อมเป็นหนึ่งในลูกค้าที่บริษัทควอนตัมต้องการเช่นเดียวกัน และการที่สองจอมพลได้มาถามเรื่องอุปกรณ์พิเศษแบบนี้ มันก็หมายความว่าพวกเขากำลังให้ความสนใจเครื่องเสริมพลังชาร์จของเขาอยู่ใช่ไหม
“ผมไม่มีสิทธิ์เปิดเผยรายละเอียดของยานอวกาศก่อนการแข่งขันจะสิ้นสุดลงครับ ดังนั้นผมต้องขอโทษด้วยครับที่ไม่สามารถตอบคำถามให้กับพวกคุณได้” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายวางใจได้เลย พวกเราไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครหรอก” เลย์ตันกล่าว
“พวกคุณทั้งสองคนเป็นบุคคลสำคัญในพันธมิตรแน่นอนว่าผมยอมเชื่อในสิ่งที่พวกคุณบอก แต่ผมก็กำลังอยู่ในการแข่งขัน ดังนั้นถ้าหากว่าผมพูดอะไรออกไปมันก็มีสิทธิ์ที่ผมจะถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขันในทันที” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ยานรบของนายได้รับความเสียหายอย่างหนักซึ่งตามกฎแล้วถึงแม้ว่านายจะได้รับชัยชนะในระหว่างการดวล แต่นายก็ยังเสียคุณสมบัติในการเข้าร่วมรอบชิงชนะเลิศของการแข่งขันรายการนี้อยู่ดี ฉันไม่คิดว่าเหตุผลที่แท้จริงของนายจะเป็นเรื่องการตัดสิทธิ์ใช่ไหม?” วิลเลียมกล่าวด้วยรอยยิ้มหลังจากกัดแอปเปิ้ลเข้าไปหนึ่งคำ
“ใช่ การแข่งขันโกลเดนฟิงเกอร์เหลืออยู่อีกเพียงแค่ไม่กี่รายการ และคะแนนของนายก็ตามหลังกลุ่มผู้นำอยู่อีกมาก ไม่ว่าจะมองยังไงนายก็คงจะไม่ได้กังวลเรื่องการตัดสิทธิ์จริง ๆ นั่นแหละ” เลย์ตันกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ถึงแม้ว่าผมจะไม่มีสิทธิ์ได้รับชัยชนะแต่ผมก็ยังคงเป็นนักสู้และนักธุรกิจ ในเมื่อผมได้ลงนามในข้อตกลงว่าจะไม่เปิดเผยข้อมูลก่อนที่การแข่งขันจะจบลง ผมก็ต้องปฏิบัติตามสัญญาที่ผมได้ลงนามเอาไว้อย่างเคร่งครัด เพราะถ้าหากว่าผมเป็นคนไม่รักษาคำพูดนักสู้คนอื่น ๆ จะยอมร่วมรบไปพร้อมกับผมได้ยังไง และถ้าหากว่าผมเป็นนักธุรกิจที่ไม่ซื่อสัตย์แล้วผมจะไปค้าขายกับใครได้ ใช่ไหมล่ะครับ?”
“นักรบที่ไม่มีสัจจะก็ไม่ต่างไปจากอันธพาลข้างถนน นักธุรกิจที่ไม่ซื่อสัตย์ก็ไม่ต่างไปจากนักต้มตุ๋น ดังนั้นผมขอให้ท่านจอมพลทั้งสองเข้าใจความยากลำบากของผมด้วย และถึงแม้ว่าพวกคุณจะเอาปืนมาจ่อหัวแต่มันก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงคำตอบของผมได้ครับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ซึ่งคำตอบของเขาก็ทำให้ทั้งเลย์ตันและวิลเลียมรู้สึกประหลาดใจในทันที
สิ่งที่ทำให้จอมพลทั้งสองรู้สึกประหลาดใจนั่นก็เพราะว่าเซี่ยเฟยให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์เป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากคนธรรมดาโดยทั่วไปก็คงจะหลุดพูดความลับต่อหน้าพวกเขาทั้งสองออกมาแล้ว
ท้ายที่สุดแม้แต่คนโง่ก็รู้ว่าการมีความสัมพันธ์อันดีกับสามจอมพลมีความหมายว่าอะไร เพราะด้วยคำพูดของพวกเขาเพียงแค่ไม่กี่คำ มันก็มากพอที่จะทำให้อนาคตของใครสักคนเต็มไปด้วยความรุ่งโรจน์
ถึงแม้จะมีสิ่งล่อตาล่อใจแบบนี้ปรากฏขึ้นตรงหน้า แต่เซี่ยเฟยก็ยังคงปฏิเสธคำขอของพวกเขาอยู่จริง ๆ
เลย์ตันรู้สึกหงุดหงิดอยู่เล็กน้อยแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะโกรธเซี่ยเฟยขึ้นมาได้ เพราะถึงอย่างไรชายหนุ่มคนนี้ก็ปฏิบัติตามสัญญาและเซี่ยเฟยก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิดไปเลย
“นายเป็นคนที่ซื่อสัตย์และไว้ใจได้จริง ๆ เอาล่ะในเมื่อนายไม่ต้องการจะตอบพวกเราก็จะไม่เซ้าซี้ตั้งคำถาม แต่ก่อนที่นายจะกลับออกไปนายช่วยบอกพวกเราหน่อยได้ไหมว่ายานของนายบังเอิญไปชนยานกู้ชีพของผู้เข้าแข่งขันอีกคนจริงหรือเปล่า?” วิลเลียมกล่าวด้วยรอยยิ้ม
‘ให้เขายอมรับว่าเขาฆ่าชายหัวโล้นงั้นเหรอ?’
‘ฝันไปเถอะ!!’
เซี่ยเฟยกล่าวปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงบ โดยย้ำว่ายานรบของเขาอยู่นอกเหนือการควบคุมและถึงแม้ว่าเขาจะพยายามเปลี่ยนทิศทางอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ยังไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุในครั้งนั้นได้
แน่นอนว่าวิลเลียมย่อมไม่ถกประเด็นนี้ต่อโดยไม่มีหลักฐาน เขาจึงเรียกให้เจ้าหน้าที่ด้านนอกมารับตัวเซี่ยเฟยออกไปโดยไม่ได้ตั้งคำถามต่อ
“นี่นายบ้าไปแล้วรึไง! สองคนนั้นคือ 2 ใน 3 จอมพลของกองทัพเชียวนะ ไม่ใช่ว่านายอยากขายอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จให้กับกรมทหารงั้นเหรอ แล้วทำไมจู่ ๆ ในช่วงสำคัญแบบนี้นายถึงได้พูดเรื่องความซื่อสัตย์ขึ้นมา?” อันธบ่นออกมาอย่างรำคาญใจ
“ทำไม? นายคิดว่าฉันไม่ใช่คนซื่อสัตย์งั้นเหรอ” เซี่ยเฟยถาม
“ฉันรู้แค่ว่านายไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล แต่ไม่ว่ามองยังไงนายก็ไม่ใช่คนที่สมควรจะถูกเรียกว่าคนซื่อสัตย์” อันธกล่าวพร้อมกับเบะริมฝีปาก
“ฉันไม่ได้สนใจเรื่องความซื่อสัตย์อะไรพวกนั้นหรอก ฉันแค่สนใจโอกาสทางธุรกิจที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของคำว่าซื่อสัตย์ต่างหาก คุณตาทูรามเคยเตือนฉันเอาไว้แล้วว่าการเป็นคู่ค้าของกองทัพไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพวกเขามีข้อกำหนดที่เข้มงวดเป็นอย่างมาก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“นี่นายจงใจไม่บอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จงั้นเหรอ?” อันธถาม
“อือ สมมตินะว่านายกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง นายจะรอให้คนอื่นมาตอบคำถามให้กับนายไหมหรือว่านายจะค้นหาคำตอบเรื่องนั้นด้วยตัวนายเอง”
“ด้วยอำนาจของพวกเขาทั้งสองคนพวกเขาก็คงจะเชื่อมโยงฉันเข้ากับบริษัทควอนตัมได้ในเวลาไม่ช้าก็เร็ว สิ่งที่ฉันได้ทำไปในก่อนหน้านี้ก็คือการพยายามสร้างภาพลักษณ์ของตัวเอง และทำให้พวกเขาไม่มีวันลืมอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จของพวกเรายังไงล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“อ๋อแบบนี้นี่เอง แทนที่นายจะให้คำตอบออกไปตรง ๆ นายก็ให้พวกเขาหาคำตอบด้วยตัวเองเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ลืมคำตอบที่พวกเขาพยายามค้นหามาสินะ” อันธชะงักไปเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำอธิบายของเซี่ยเฟย
“ประมาณนั้นแหล่ะ ท้ายที่สุดมนุษย์ก็มักจะลืมสิ่งที่คนอื่นพูดขึ้นมาแต่จะจำสิ่งที่ตัวเองค้นหาไปได้อีกนาน ฉันแค่ต้องการวางรากฐานในการร่วมมือกันในอนาคต ถึงยังไงพวกเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นฉันก็จำเป็นจะต้องใช้วิธีการโฆษณาที่ไม่ธรรมดากลับไปด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ตอนแรกฉันคิดว่านายบ้าไปแล้วฉันไม่คิดเลยว่านายจะได้วางกลยุทธ์ที่ซับซ้อนแบบนี้เอาไว้ สมมติว่าทางกองทัพตัดสินใจเซ็นสัญญาเป็นคู่ค้ากับบริษัทควอนตัมจริง ๆ ในเวลานั้นแม้แต่พ่อกับปู่ของแอวริลก็จะไม่สามารถดูถูกนายได้อีกต่อไป!!” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป เพราะท้ายที่สุดเขาก็พยายามทำทุกอย่างอย่างเต็มที่แล้ว และสิ่งที่เขาสามารถทำได้หลังจากนี้ก็แค่รอดูผลจากความพยายามที่เขาได้ทำลงไป
—
เมื่อเซี่ยเฟยสามารถรอดพ้นมาจากการแข่งขันในครั้งนี้ได้ มันก็ยิ่งทำให้หลี่โม่รู้สึกโกรธแค้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะถึงแม้ว่าท้ายที่สุดเขาจะได้เป็นแชมป์ในการแข่งขันโกลเดนฟิงเกอร์ประจำปีนี้ แต่ผู้ชมก็คงจะไม่มีวันลืมผู้ทำคะแนนดับเบิ้ลเพอร์เฟคและการต่อสู้แบบ 1 ต่อ 9 ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวก็มากพอที่จะทำให้ผู้ชมได้พูดถึงเรื่องนี้ไปอีกนาน
“นายน้อย…” พ่อบ้านมีหนวดเดินเข้ามาในห้องของหลี่โม่พร้อมกับก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด
“ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!” หลี่โม่กล่าวขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
“นายท่านต้องการพบกับนายน้อยครับ” พ่อบ้านกล่าว
“พ่ออยู่ไหน? เดี๋ยวฉันจะรีบไปทันที”
“ที่สุสานบรรพบุรุษครับ” พ่อบ้านกล่าวขึ้นมาเบา ๆ ราวกับเสียงกระซิบ
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 192
แสดงความคิดเห็น