ตอนที่ 230 หอชมสมุทร
ตอนที่ 230 หอชมสมุทร
“แบบนี้มันก็หมายความว่าผมเป็นศิษย์ของสำนักอย่างนั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามเพื่อพยายามหาทางออกให้ตัวเอง ส่วนเงาโลหิตจะเป็นใครเขาก็ไม่ต้องการที่จะรู้เรื่องของคน ๆ นั้นเลย
“อือ ดูเหมือนว่านายจะเป็นทายาทของศิษย์ในสำนักเราจริง ๆ ตระกูลของนายเคยเล่าถึงเรื่องนี้ให้นายฟังบ้างไหม?” เงากระเรียนถาม
“ผมถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวตั้งแต่ยังเด็กและผมก็ไม่เคยได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้มาก่อนครับ” เซี่ยเฟยส่ายหัวพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ขมขื่น
เงากระเรียนพยักหน้ารับและการแสดงของชายหนุ่มก็ทำให้ชายชราหลงเชื่อว่าเขาเป็นเด็กอนาถาที่ถูกทิ้งให้เติบโตขึ้นมาคนเดียวจริง ๆ
“คิดซะว่าเรื่องนี้มันคือโชคชะตา ในเมื่อนายได้รู้ถึงตัวตนบรรพบุรุษของนายแล้วนายสนใจจะเข้าร่วมกับสำนักของเราหรือเปล่า?” เงากระเรียนถาม
เซี่ยเฟยพยักหน้าอย่างเร่งรีบก่อนที่เขาจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“สนใจครับ ในเมื่อต้นกำเนิดวิชาที่ผมฝึกฝนมาจากสำนักแห่งนี้ ผมก็ต้องการที่จะรับใช้สำนักแต่ผมไม่รู้ว่าเจ้าสำนักจะยินดีรับผมเข้าเป็นศิษย์หรือเปล่า?”
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังพูดอยู่เงากระเรียนก็แอบส่องสายตามองไปทางเงาประกายเงิน เนื่องมาจากเหตุการณ์ในก่อนหน้านี้ชายหนุ่มได้สังหารศิษย์สายตรงของผู้อาวุโสคนนี้ไป
ขณะเดียวกันอันธก็ถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะทักษะในการแสดงของเซี่ยเฟยจัดอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ เขากำลังทำตัวเหมือนเด็กจรจัดที่ได้พบบ้านและไม่ว่าจะเป็นคำพูด, การเคลื่อนไหว, สีหน้าหรือท่าทางของชายหนุ่มก็สามารถแสดงออกมาได้อย่างละเอียดอ่อน ทำให้ผู้พบเห็นไม่ได้รู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้กำลังแสดงละครอยู่เลย
เงาประกายเงินมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาอันเคียดแค้น ก่อนหน้านี้ที่เงากระเรียนเสนอให้ไว้ชีวิตเซี่ยเฟยมันก็ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจมากแล้ว ตอนนี้เงากระเรียนกลับต้องการที่จะดึงตัวเซี่ยเฟยเข้าสำนัก ซึ่งเงาประกายเงินก็พยายามจะคัดค้านทุกวิถีทางเท่าที่เขาจะทำได้
หลังจากได้สังเกตการแสดงออกของเงาประกายเงินอยู่ครู่หนึ่ง เงากระเรียนก็ถอนหายใจก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า
“เซี่ยเฟยถึงแม้ว่านายจะมีความสัมพันธ์กับสำนักของเรา แต่นายก็ไม่เคยอยู่ภายใต้กฎของสำนักเรามาก่อนเลย จะเป็นอะไรไหมถ้าฉันจะยอมรับนายเข้ามาในฐานะตัวแทนของสำนัก”
“ตัวแทนของสำนัก?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัย
หลังจากนั้นเงากระเรียนก็อธิบายหน้าที่ของตัวแทนของสำนักอย่างอดทน ซึ่งในระหว่างคำอธิบายเขาก็พูดเกินจริงไปเล็กน้อยว่าเขาต้องการจะนำตัวเซี่ยเฟยเข้าสู่สำนักจริง ๆ เพียงแต่เขาไม่สามารถที่จะรับชายหนุ่มเข้ามาในฐานะศิษย์ของสำนักได้
แต่ใครจะไปรู้ว่ายิ่งเซี่ยเฟยได้ฟังคำอธิบายเขายิ่งรู้สึกมีความสุข เพราะถ้าเขาได้เป็นตัวแทนของสำนัก มันก็หมายความว่าเขาไม่ต้องดักดานอยู่ในภูเขาลูกนี้ แต่การแสดงออกภายนอกกลับกลายเป็นเขาแสดงความหดหู่ออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกับว่าเขาไม่เต็มใจที่จะได้รับตำแหน่งเพียงแค่นี้เลย
“เรียนเจ้าสำนักในเมื่อตอนนี้สำนักของเรากำลังอยู่ในระหว่างการปฏิรูป ผมคิดว่าพวกเราควรละทิ้งธรรมเนียมปฏิบัติเดิม ๆ ของพวกเราไปบ้าง ถึงยังไงความผิดที่เกิดขึ้นก็เป็นความผิดของบรรพบุรุษของเขา และเขาก็ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับความผิดที่บรรพบุรุษได้ก่อขึ้นมาเลย พวกเราควรใช้โอกาสนี้ในการเริ่มต้นการปฏิรูปและรับตัวของเซี่ยเฟยเข้ามาในฐานะศิษย์ของสำนัก” เงาจันทร์กล่าวแสดงความคิดเห็น
เดิมทีอันธแอบสาปแช่งเซี่ยเฟยภายในใจที่ชายหนุ่มกำลังหลอกลวงเหล่าบรรดาอาจารย์ของเขาอยู่ แต่เมื่อเงาจันทร์ได้พูดประโยคนี้ขึ้นมาอันธก็รู้สึกว่ามันคงจะเป็นเรื่องที่ดีหากเซี่ยเฟยได้เข้าร่วมกลายเป็นศิษย์ของสำนักจริง ๆ
เพราะท้ายที่สุดเมื่อเซี่ยเฟยได้กลายเป็นศิษย์ภายในของสำนัก เขาก็จะสามารถตอบแทนบุญคุณอาจารย์ของเขาได้ แต่ทุกที่ที่ชายหนุ่มไปมักจะเต็มไปด้วยปัญหา อันธจึงแอบกังวลว่าเซี่ยเฟยอาจจะนำปัญหามาให้กับสำนักของเขาได้
“ศิษย์น้องถึงยังไงเซี่ยเฟยก็สังหารศิษย์ของสำนักเราไปถึงสองคน มันดีแค่ไหนแล้วที่เราไม่เรียกร้องขอชีวิตเขาเป็นการลงโทษ ถ้าหากชายคนนี้ได้รับอนุญาตให้เข้ามาเป็นศิษย์ของสำนัก ฉันก็เกรงว่าศิษย์คนอื่นคงจะรู้สึกไม่พอใจการตัดสินใจของพวกเรา” เงาประกายเงินกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา
“ศิษย์พี่ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เชื่อแต่เรื่องความลับของเงาประกายเขียวกับเงาสายลมได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งสำนักอยู่แล้ว ในความคิดของผมเซี่ยเฟยเพียงแค่ลงโทษพวกคนชั่วพวกนี้อย่างที่ควรจะเป็นเท่านั้น ซึ่งพวกเราก็ควรจะต้องขอบคุณที่เขาช่วยรักษาเกียรติให้กับสำนักของพวกเราด้วย แล้วทำไมผู้มีบุญคุณของสำนักถึงจะเข้าร่วมกับสำนักในฐานะของศิษย์ไม่ได้” เงาจันทร์กล่าวโต้ตอบกลับไป
ปัง!
เงาประกายเงินตบเก้าอี้อย่างรุนแรง ก่อนที่เขาจะพูดออกไปด้วยความโกรธว่า
“น้องสาม! นี่นายกำลังบอกว่าฉันไม่รู้วิธีการลงโทษศิษย์ของตัวเองอย่างนั้นเหรอ!!”
“ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรแบบนั้นออกมาเลย” เงาจันทร์กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็กำลังอยู่ในอาการที่ร้อนรน เพราะเขาไม่ได้อยากเป็นศิษย์ภายในของสำนักจริง ๆ และเขายังต้องรีบกลับไปยังดาวโลกให้เร็วที่สุด ไม่ว่ายังไงมันก็มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาจะต้องกลับไปทำ โดยเฉพาะการแข่งขันรายการโกลเดนฟิงเกอร์ที่จะเริ่มต้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
“ทุกคนเลิกทะเลาะกันเถอะครับ ผมจะเชื่อฟังคำตัดสินจากเจ้าสำนัก” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เงากระเรียนคิดว่าเซี่ยเฟยไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งในสำนักโดยมีตัวเองเป็นต้นเหตุ เขาจึงแอบชื่นชมชายหนุ่มคนนี้ภายในใจ
“เอาล่ะฉันขอตัดสินตรงนี้เลยว่าเซี่ยเฟยจะได้รับตำแหน่งเป็นตัวแทนของสำนักตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตามกฎแล้วนายจะได้รับตำรา 1 เล่มเป็นของตอบแทน ดังนั้นนายสามารถเข้าไปเลือกตำราในหอชมสมุทรได้เลย” เงากระเรียนกล่าวสรุปเพื่อระงับความขัดแย้งของทุกคน
เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงกับคำตัดสินอยู่เล็กน้อย เพราะคำตัดสินนี้ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ถูกลงโทษแต่เขายังจะได้รับผลประโยชน์กลับไปอีกด้วย
ว่าแต่หอชมสมุทรมันคืออะไร?
“ดูเหมือนท่านเจ้าสำนักจะชอบนายมาก ปกติเจ้าสำนักจะเลือกตำรามาแบบสุ่ม ๆ ก่อนที่จะส่งไปให้ตัวแทนของสำนัก แต่เขากลับปล่อยให้นายเป็นคนเลือกตำราของนายด้วยตัวเอง” อันธกล่าว
“ท่านเจ้าสำนักแบบนั้นมันผิดกฎไม่ใช่เหรอครับ?” เงาประกายเงินกล่าวถามขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด
“ถึงเวลาที่กฎจะต้องเปลี่ยนบ้างแล้ว” เงากระเรียนกล่าวด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม
ถึงแม้เงาประกายเงินจะเกลียดเซี่ยเฟยแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าสำนัก ดังนั้นเขาจึงแอบเก็บเรื่องนี้เอาไว้ภายในใจแต่จะพยายามขัดขวางเซี่ยเฟยทุกวิถีทาง
—
เช้าวันต่อมาเซี่ยเฟยก็ออกไปเดินชมสวนดอกไม้หลังจากที่เขาได้รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว
“สบายใจจังนะ ไม่ใช่ว่านายจะรีบกลับไปหรือยังไง” อันธถาม
“ไม่ต้องห่วง หลังจากที่ฉันได้รับตำราจากหอชมสมุทรแล้วฉันจะหาโอกาสกลับไปในทันที” เซี่ยเฟยกล่าว
อันธเม้มริมฝีปากเล็กน้อย เพราะจากคำพูดของอาจารย์มันก็ดูเหมือนกับว่าภายในสำนักกำลังจะเกิดการปฏิรูป ซึ่งเรื่องนี้มันก็ทำให้อันธรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย
ถ้าวิญญาณตนนี้ได้รู้ว่าเงากระเรียนต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงกฎส่วนใหญ่ของสำนัก มันก็คงจะทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมากขึ้นกว่าเดิม เพราะท้ายที่สุดเขาก็คุ้นชินกับกฏดั้งเดิมมาตั้งนานแล้ว และการปรับไปใช้กฎแบบใหม่ก็คงจะสร้างความลำบากใจให้กับศิษย์ในสำนักอยู่ไม่น้อย
“ว่าแต่หอชมสมุทรมันคืออะไร?” เซี่ยเฟยถาม
“หอชมสมุทรเป็นหนึ่งในอาคารเก็บตำราของสำนักซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 11 และถึงแม้ว่าภายในหอชมสมุทรจะมีตำราอยู่ไม่มากนัก แต่ตำราพวกนั้นก็ตกทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ”
“เคยมีเรื่องเล่าจากศิษย์ภายในสำนักว่ามีใครบางคนได้รับตำราระดับสวรรค์มาจากหอแห่งนั้น แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันคือเรื่องจริงหรือเปล่า” อันธกล่าว
ตำราต่อสู้ในจักรวาลถูกแบ่งออกเป็น 5 ระดับนับตั้งแต่ระดับมนุษย์, ดิน, ฟ้า, สวรรค์และจักรวาล ซึ่งถ้าหากว่าใครได้ครอบครองตำราการต่อสู้ระดับสวรรค์จริง ๆ มันก็มากพอที่จะทำให้พวกเขาพัฒนาจนกลายเป็นนักสู้ระดับแนวหน้าของจักรวาล
สำนักเงาสังหารมีความเก่าแก่มากกว่า 1,000 ชั่วอายุคน ทำให้มันมีตำราถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในสำนักอย่างมากมาย แม้แต่ผู้ที่คอยดูแลหอตำราในปัจจุบันก็ไม่รู้ว่าภายในหอมีตำราซุกซ่อนอยู่ทั้งหมดกี่เล่มกันแน่ ดังนั้นเซี่ยเฟยก็จำเป็นจะต้องพึ่งดวงหากว่าเขาต้องการที่จะได้รับตำราระดับสูงจริง ๆ
แต่สำหรับเซี่ยเฟยเขาจะได้รับตำราระดับสูงหรือไม่มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะเรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้คือเขาต้องการกลับไปยังดาวโลกให้เร็วที่สุด
ท้ายที่สุดแล้วบริษัทควอนตัมก็กำลังจะเผชิญหน้ากับโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ที่บริษัทได้ก่อตั้งขึ้นมา และบริษัทจะพัฒนาเป็นบริษัทชั้นนำได้หรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับผลงานในช่วงไม่กี่เดือนต่อจากนี้ ด้วยเหตุนี้เซี่ยเฟยจึงไม่ต้องการให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
หลังจากเดินรออยู่นานกว่า 1 ชั่วโมงชายสูงอายุคนหนึ่งก็เดินมารับเซี่ยเฟยแล้วพาเขาขึ้นไปบนภูเขา
พื้นดินของดาวดวงนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนักและตราบใดก็ตามที่ใครขึ้นมาจนถึงชั้นที่ 6 ของหุบเขา พวกเขาก็จะสามารถมองเห็นทะเลด้านล่างได้อย่างชัดเจน และนี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้หอเก็บตำราที่เซี่ยเฟยกำลังจะไปมีชื่อว่าหอชมสมุทร
ภูเขาซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของสำนักก็มีชื่อว่าภูเขานิรนามเช่นเดียวกันกับชื่อของดาวเคราะห์ดวงนี้เลย คล้ายกับว่าผู้ก่อตั้งตั้งใจจะเตือนเหล่าลูกศิษย์ว่านักฆ่าจะต้องทำตัวเป็นผู้ไร้นามและไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเองออกไป
ด้านหน้าของพวกเขาถูกสาดส่องด้วยแสงแดดพร้อมกับวิวทิวทัศน์ของป่าอันเขียวขจีอันกว้างไกล ส่วนด้านหลังเป็นหน้าผาที่สูงชันโดยด้านล่างเต็มไปด้วยเกลียวคลื่นอันบ้าคลั่งจากท้องทะเล
หลังจากเดินไปตามถนนชายหนุ่มก็ได้พบกับอาคารสูง 5 ชั้นที่อยู่ใกล้ ๆ กับขอบเหว โดยอาคารแห่งนี้ได้ใช้ประโยชน์จากเหลี่ยมมุมของภูเขา ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะเป็นอาคารสูงแต่ฝนหิมะทางด้านบนก็ไม่ตกลงมากระทบกับอาคารแห่งนี้เลย
ชายชราพาเซี่ยเฟยไปส่งไว้ที่ด้านหน้าของหอชมสมุทรก่อนที่เขาจะชี้ไปที่บานประตู จากนั้นเขาก็หันหลังแล้วเดินจากไป
เซี่ยเฟยยังไม่รีบร้อนที่จะเคาะประตูแต่เลือกที่จะยืนอยู่บนหน้าผาสูงแล้วมองลงไปยังทะเลด้านล่าง
ตูม!
คลื่นลูกใหญ่สาดกระทบเข้ากับกำแพงหิน ซึ่งการปะทะกันในแต่ละครั้งก่อให้เกิดเสียงระเบิดที่ดังกึกก้องอยู่ภายในหู
‘คลื่นแรงดีจริง ๆ’ เซี่ยเฟยพูดกับตัวเองภายในใจ
จากนั้นเขาก็หันกลับไปยังหน้าประตูก่อนจะใช้วงแหวนที่ประตูในการเคาะประตูบานนี้ให้เกิดเสียงดัง
ปัง ปัง ปัง!
ชายหนุ่มเคาะประตูไป 3 ครั้งก่อนที่เขาจะเดินถอยหลังไป 2 ก้าวเพื่อรอให้ใครสักคนมาเปิดประตู
หลังจากรออยู่ครู่หนึ่งประตูก็ค่อย ๆ ถูกเปิดออกพร้อมกับชายชราหลังค่อมที่โผล่หัวออกมามองชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า
ต่อมาชายชราก็ได้นำเซี่ยเฟยเดินเข้าไปในอาคารที่มืดสนิท ก่อนที่เขาจะนำพาชายหนุ่มไปยังชั้นใต้ดินโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
“ตำราทั้งหมดถูกเก็บเอาไว้ในห้องใต้ดินงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ฉันจะไปรู้ได้ไง นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เข้ามาในหอชมสมุทรเหมือนกัน” อันธกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
ชายชราเปิดห้องใต้ดินให้เซี่ยเฟยอย่างช้า ๆ ก่อนที่เขาจะรอให้ชายหนุ่มเดินเข้าไปและทำการปิดประตู
หลังเซี่ยเฟยเดินเข้าไปในประตูห้องใต้ดินเงาประกายเงินที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดก็ปรากฏตัวขึ้นมาพยักหน้าให้กับชายชราหลังค่อมเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเดินออกจากอาคารแห่งนี้ไปด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจบนใบหน้า
***************
สกิลดึงดูดศัตรูของพี่เฟยทำงานได้ดีจริงๆ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 136
แสดงความคิดเห็น