ตอนที่ 169: สายลับ
ตอนที่ 169: สายลับ
ถึงแม้ว่ารถของพี่น้องตระกูลหลิงจะขับตามแบ็ตตี้ออกไปแต่คนในรถกลับเป็นคนอื่น เพราะพวกเขาถูกมอบภารกิจให้เฝ้ามองทะเลสาบจากระยะไกลในรถอีกคันที่จอดอยู่บนภูเขาห่างจากทะเลสาบแบล็ควอเตอร์มากกว่า 10 กิโลเมตร
โจวหยูฉิงขับเรือเหาะไปในทะเลสาบพร้อมกับใช้นิ้วแตะไปที่น้ำด้วยท่าทางแปลกประหลาดตลอดการเดินทาง
ท่าทางการเคาะนิ้วของหญิงสาวได้กระตุ้นความสงสัยของหลิงเซียวขึ้นมา เขาจึงทำการส่งเสียงจังหวะนิ้วแตะกระทบน้ำกลับไปที่ศูนย์บัญชาการที่เซี่ยเฟยกับหลิงหยุนประจำการอยู่
“นั่นมันสัญญาณลับ! เธอจะต้องกำลังส่งสัญญาณถึงใครบางคนแน่ ๆ” หลิงหยุนอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
ถึงแม้ว่าทีมติดตามจะจับตาดูโจวหยูฉิงอยู่ทุกวันแต่พวกเขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติใด ๆ ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ถ้าหากว่าเซี่ยเฟยไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างกะทันหันพวกเขาก็อาจจะไม่มีวันสังเกตเห็นถึงเรื่องนี้เลย
“บันทึกสัญญาณพวกนั้นเอาไว้ก่อน แล้วพวกเราค่อยไปถอดรหัสกันทีหลัง” เซี่ยเฟยสั่งด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“อือ” หลิงหยุนพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
หลังจากทำงานอย่างหนักมาเป็นเวลาหลายวันในที่สุดพวกเขาก็ได้เบาะแสเพิ่มเติม มันจึงทำให้หลิงหยุนรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะมันไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อนว่าความคืบหน้าของเบาะแสจะไม่ได้อยู่ที่แบ็ตตี้แต่อยู่กับหญิงสาวผู้เก่งการละครคนนี้!
“นี่เป็นวิธีที่แยบยลจริง ๆ ที่แท้เธอใช้เวลาระหว่างไปท่าเรือเพื่อแอบติดต่อกับคนนอกด้วยวิธีส่งสัญญาณผ่านคลื่นน้ำมาโดยตลอด ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคนของพวกเราถึงหาเบาะแสจากเธอไม่เจอ” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างจริงจัง การแสดงออกของโจวหยูฉิงแนบเนียนมากจนเกินไป มันจึงทำให้ไม่มีทีมตรวจสอบคนไหนติดตามดูการกระทำของเธออย่างใกล้ชิด เธอจึงสามารถใช้น้ำในทะเลสาบในการแอบติดต่อสื่อสารได้ทุกวัน และการที่เธอใช้วิธีการที่แยบยลแบบนี้ก็แสดงว่าภูมิหลังของเธอคงเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดา
ทันใดนั้นมันก็มีสัญญาณอื่นดังขึ้นมาอย่างปริศนาคล้ายกับว่ามันเป็นสัญญาณตอบสนองกลับมาหลังสัญญาณของโจวหยูฉิง
“มีคนอยู่ในทะเลสาบ!” เซี่ยเฟยอุทานอย่างตกใจก่อนที่เขาจะรีบติดต่อไปยังหลิงเซียว
หลักฐานชี้ชัดแล้วว่าโจวหยูฉิงใช้น้ำในทะเลสาบในการติดต่อกับคนนอก ซึ่งคนคนนั้นน่าจะซ่อนตัวอยู่ในทะเลสาบล่วงหน้าอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงใช้น้ำในทะเลสาบในการติดต่อสื่อสารกัน!
“พี่คอยดูดี ๆ ว่าเห็นใครซ่อนตัวอยู่ในน้ำหรือเปล่า? ถ้าหากว่าพี่ยังไม่มั่นใจอย่าเปิดเผยตัวออกมาอย่างเด็ดขาด ตอนนี้พวกเรายังมีหลักฐานอยู่น้อยจนเกินไป” เซี่ยเฟยสั่งการเสียงเข้ม
“เข้าใจแล้ว ฉันจะพยายามรวบรวมหลักฐานให้ได้มากที่สุด” หลิงเซียวตอบกลับมาจากเครื่องสื่อสารและเนื่องมาจากเขาซ่อนตัวอยู่ในมิติที่เขาสร้างขึ้นมาเอง เขาจึงไม่จำเป็นจะต้องกังวลเรื่องการพูดคุย
“ใช่แล้ว… พี่ลองตามคนในน้ำไปดูได้ไหม เขาอาจจะนำพวกเราไปถึงฐานลับของพวกมันก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฉันจะลองดู” หลิงเซียวตอบกลับมาก่อนที่เขาจะตัดการเชื่อมต่อไป
“เดี๋ยวผมจะลองไปหาร่องรอยแถวทะเลสาบดู หลังการสื่อสารของพวกเขาสิ้นสุดลงให้รีบส่งสัญญาณพวกนี้ไปที่ศูนย์ถอดรหัสทันที” เซี่ยเฟยสั่ง
“น้องสามกับเฟยลี่คอยตรวจสอบบริเวณแถว ๆ ทะเลสาบอยู่แล้ว พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้ใช้ความเร็วนายควรอยู่ที่นี่ดูภาพรวมของสถานการณ์ดีกว่า” หลิงหยุนกล่าว
น่าเสียดายที่เขาพูดช้าเกินไปหน่อยเพราะเซี่ยเฟยเปิดประตูรถและวิ่งออกไปเรียบร้อยแล้ว
ท้ายที่สุดการติดตามไม่สามารถใช้เพียงแต่ความเร็วได้เท่านั้น แต่มันจำเป็นจะต้องใช้ทักษะในการปกปิดตัวตนด้วย เซี่ยเฟยเคยได้ข้อสรุปแล้วว่าหลิงเฟิงยังไม่สามารถติดตามนักฆ่าพวกนั้นได้เพราะเขาไม่ได้มีวิชาปกปิดตัวตนอย่างวิชาพรางจิต
แม้ว่าในแง่ของความเร็วเซี่ยเฟยจะช้ากว่าหลิงเฟิงอยู่มาก แต่เขาก็มีวิชาพรางจิตที่ปกป้องตัวเอง ดังนั้นหากพูดถึงภารกิจแอบติดตามความสามารถของเขาจึงมีความเหมาะสมมากกว่าหลิงเฟิงที่มีแค่ความเร็ว
—
โจวหยูฉิงนอนอยู่บนที่นั่งอย่างเกียจคร้านพร้อมกับยื่นมือข้างหนึ่งลงไปในทะเลสาบ หากมองจากบุคคลภายนอกเธอก็เป็นเพียงแค่หญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังนอนแก้เบื่อ ซึ่งมันคงจะไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะมีคนบางคนซ่อนตัวส่งสัญญาณกับหญิงสาวคนนี้อยู่จริง ๆ
หญิงสาวสั่นนิ้วส่งสัญญาณอย่างรวดเร็ว เมื่อมีสัญญาณส่งตอบกลับมาเธอก็จะหลับตาเพื่อแปลความสัญญาณเหล่านั้นเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะทำการแตะนิ้วเพื่อทำการส่งสัญญาณอีกครั้ง
ทั้งสองฝ่ายสื่อสารกันไปมาอย่างคล่องแคล่วโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ก่อนที่หญิงสาวจะจอดเรือที่ท่าน้ำแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำออกจากนิ้วอย่างเบามือ แล้วเดินเข้าไปที่ตลาดปลาเหมือนกับคนทั่วไป
ในเวลาเดียวกันเงาในน้ำก็เคลื่อนที่ไปยังชายฝั่งอย่างรวดเร็วคล้ายกับเจ้าของร่างนี้เป็นปลาในทะเลสาบ
บริเวณปลายทะเลสาบมีแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่คอยระบายน้ำออกจากทะเลสาบแห่งนี้ เพราะท้ายที่สุดหากไม่มีการระบายน้ำออกไปสักวันหนึ่งอาจจะมีเหตุการณ์น้ำล้นทะเลสาบขึ้นมา หน่วยงานที่รับผิดชอบจึงทำการระบายน้ำส่วนเกินออกจากทะเลสาบอยู่เป็นประจำ
เงาดำปริศนาว่ายน้ำเข้าไปในแม่น้ำสายเล็ก ๆ นี้อย่างรวดเร็ว โดยมันเคลื่อนที่อยู่ใต้น้ำเป็นระยะทางมากกว่า 10 กิโลเมตรก่อนที่มันจะว่ายไปจนถึงปลายแม่น้ำที่ไม่สามารถว่ายต่อไปได้
เจ้าของร่างนี้โผล่หัวขึ้นมามองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง ก่อนที่มันจะรีบคลานขึ้นมาจากแม่น้ำและเข้าไปซ่อนตัวภายในป่าทางด้านขวา จากนั้นเขาก็ทำการถอดชุดดำน้ำและเครื่องช่วยหายใจเก็บลงไปในแหวนมิติ แล้วเขาก็ทำการสวมใส่เสื้อหนังสีดำที่ดูธรรมดาก่อนจะเดินออกมาจากป่าราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ต่อมาชายคนนี้ก็เดินไปยังกองใบไม้สีเหลืองที่ถูกซ้อนทับกันเป็นชั้น ๆ ก่อนที่เขาจะทำการปัดใบไม้พวกนี้ออกไปแล้วทำการเปิดประตูที่ถูกซ่อนไว้ภายในใบไม้และยกรถจักรยานยนต์ที่มีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 500 กิโลกรัมขึ้นมาด้วยมือเพียงข้างเดียว
ชายหนุ่มขับรถมอเตอร์ไซต์ไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยว ซึ่งหลังจากที่เขายืนยันได้แล้วว่าไม่มีใครตามหลังเขามา เขาก็ทำการขับมอเตอร์ไซต์ไปทางบ้านเก่า ๆ หลังหนึ่งตรงบริเวณชานเมือง
เซี่ยเฟยแอบตามชายคนนั้นไปโดยทิ้งระยะห่างหลายร้อยเมตร โดยชายคนนั้นกำลังจะเข้าไปในบ้านที่ทรุดโทรมและหน้าต่างทุกบานถูกปิดตาย ทำให้คนด้านนอกไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในบ้านได้
ปกติคนที่มีเงินมากพอซื้อบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ในเขตนครหลวงย่อมมีเงินมากพอที่จะปรับปรุงบ้านของพวกเขาเป็นประจำอยู่ทุกปี มันจึงเห็นบ้านที่เก่าทรุดโทรมขนาดนี้ได้น้อยมาก
หลังจากชายคนนั้นหยุดรถและรออยู่ที่ประตูครู่หนึ่ง ประตูที่มีสภาพทรุดโทรมก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ เมื่อชายคนนั้นได้ขับรถเข้าไปในบ้านประตูบานเก่า ๆ ก็ค่อย ๆ ปิดตัวลงอีกครั้ง
เซี่ยเฟยจุดบุหรี่ก่อนจะทำการติดต่อไปยังหลิงหยุนที่อยู่ในศูนย์บัญชาการ
“ผมขอข้อมูลบ้านเลขที่ 161 ถนนพอสติกเดี๋ยวนี้เลย ผมต้องการรู้ว่าใครเป็นเจ้าของบ้านและช่วยหาแบบแปลนบ้านให้กับผมด้วย” เซี่ยเฟยสั่งการ
หลิงหยุนพยักหน้ารับพร้อมกับใช้นิ้วจิ้มบนหน้าจอควบคุมอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดสมาพันธ์จัสทิสก็แข็งแกร่งมากพวกเขาจึงสามารถเข้าถึงข้อมูลทะเบียนราษฎร์ได้โดยไม่จำเป็นต้องขออนุมัติจากรัฐบาล
ในเวลาเพียงแค่ไม่นานข้อมูลของบ้านหลังนี้ก็ถูกส่งเข้าไปในไมโครคอมพิวเตอร์ของเซี่ยเฟย โดยข้อมูลแสดงให้เห็นว่าเจ้าของบ้านหลังนี้เป็นนักธุรกิจที่เข้าสู่สภาวะล้มละลาย สินทรัพย์ของเขาทั้งหมดจึงถูกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ที่เขาติดค้างเอาไว้
ด้วยเหตุนี้เองในปัจจุบันบ้านหลังนี้จึงเป็นของบริษัทประมูล แต่เนื่องจากตระกูลของนักธุรกิจคนนั้นฆ่าตัวตายภายในบ้านถึงเจ็ดคน มันจึงถูกเล่าขานว่าเป็นบ้านต้องสาบและไม่สามารถหาผู้ซื้อได้จนกระทั่งถึงปัจจุบัน
“เซี่ยเฟยให้ฉันติดต่อหลิงเฟิงไปเป็นกำลังสนับสนุนนายดีไหม?” หลิงหยุนถาม
“พี่สามเคยสู้กับพวกนักฆ่าพวกนี้มาก่อนผมเกรงว่าอีกฝ่ายจะจำพี่สามได้ ถ้าอย่างนั้นให้เฟยลี่มาสนับสนุนผมดีกว่าครับ ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นผมจะรีบติดต่อเขาทันที แต่ก่อนหน้านั้นให้เขารออยู่เฉย ๆ และคอยรับคำสั่งจากผม” เซี่ยเฟยกล่าว
“ได้” หลิงหยุนพยักหน้ารับ
เซี่ยเฟยทำการอ่านแผนผังบ้านหลังนี้ก่อนที่เขาจะหายเข้าไปในมุมของกำแพงและปรากฏตัวขึ้นมานอกกำแพงสวนที่หลังบ้าน
ความสูงของกำแพงท้ายสวนสูงขึ้นไปเพียงแค่ 4 เมตรและถูกปกคลุมไปด้วยวัชพืชสีเขียวที่เขาไม่รู้จัก แต่ความสูงเพียงแค่นี้ไม่ได้ถือว่าเป็นอุปสรรคสำหรับเขาเลย ดังนั้นหลังจากที่เขาสังเกตการเคลื่อนไหวและยืนยันความปลอดภัย ชายหนุ่มก็รีบปีนกำแพงเข้ามาภายในบ้าน
สวนหลังบ้านเต็มไปด้วยวัชพืชมากมาย ชายหนุ่มจึงซ่อนร่างกายเอาไว้ท่ามกลางวัชพืชเหล่านี้ จากนั้นเขาก็เดินไปทางหน้าต่างหลังห้องนั่งเล่น
หน้าต่างทุกบานถูกปิดเอาไว้ด้วยแผ่นไม้หนา เซี่ยเฟยจึงพยายามมองลอดช่องแผ่นไม้พวกนี้เพื่อสังเกตเหตุการณ์ทางด้านใน
ห้องนั่งเล่นตกอยู่ในความมืดมิดและไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมา เซี่ยเฟยจึงเตรียมที่จะหันหลังและเดินจากไป แต่จู่ ๆ มันก็มีเสียงประตูดังเอี๊ยดอ๊าดเข้ามาในหูของเขา
ชายหนุ่มมองเข้าไปในห้องนั่งเล่นอีกครั้งก่อนที่เขาจะได้มองเห็นร่าง ๆ หนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางห้องนั่งเล่นที่มืดสนิท แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าเขาจะฝึกฝนวิชามนตราอสูรและมีสายตาที่ไม่ธรรมดา แต่เขาก็ไม่สามารถมองเห็นเจ้าของร่างนี้อย่างชัดเจนได้
“กลับมาแล้วหรอ?” จู่ ๆ มันก็มีเสียงผู้ชายอันแหบแห้งดังขึ้นจากบริเวณมุมมืดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
“อือ” ชายหนุ่มที่เพิ่งขับรถมอเตอร์ไซต์เข้าไปภายในบ้านตอบรับพร้อมกับถอดเสื้อคลุมโยนลงบนพื้นและนั่งลงบนเก้าอี้
“ผีเสื้อเป็นยังไงบ้าง?”
“เธอสบายดี คนพวกนั้นคอยจับตาดูแต่แบ็ตตี้และยังไม่มีใครสังเกตเห็นเธอ เพียงแต่เธอกำลังกังวลว่าสถานการณ์อาจจะเปลี่ยนไปถ้าหากว่าทุกอย่างมันยังยืดเยื้อไปแบบนี้”
“ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้นล่ะ?”
“เธอบอกว่าแบ็ตตี้ไม่รู้เรื่องภายในมากนัก ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามอย่างเต็มที่แล้วแต่เธอก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเลย ผีเสื้อเดาว่าตระกูลเจี่ยนคงจะเริ่มปกปิดข้อมูลไม่ให้แบ็ตตี้รู้ ถ้าหากว่ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไปแบ็ตตี้ก็แทบที่จะไม่เหลือประโยชน์ให้ใช้งานแล้ว”
“ไม่เป็นไร พวกเรายังมีสายลับแฝงอยู่อีกสองคน ปล่อยให้ผีเสื้อทำหน้าที่ต่อไปพยายามสืบหาข้อมูลมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ แต่ต้องระวังไม่ให้เธอกระตุ้นความสงสัยของเขา”
บทสนทนาของชายทั้งสองคนทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกขนลุกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ท้ายที่สุดคนพวกนี้ย่อมเป็นนักฆ่าจากสำนักวิหคสังหารอย่างไม่ต้องสงสัย และมันก็ดูเหมือนกับว่าโจวหยูฉิงจะเป็นนักฆ่าเหมือนกับคนพวกนี้ด้วย!
สิ่งที่น่ากลัวมากกว่านั้นคือนอกจากโจวหยูฉิงแล้วพวกเขายังมีสายลับซ่อนตัวอยู่ในบ้านของตระกูลเจี่ยนอีก 2 คน!
บทสนทนาหลังจากนี้ไม่มีเรื่องที่สำคัญก่อนที่ภายในห้องจะตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
เซี่ยเฟยใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเลือกถอยห่างออกมา เพราะท้ายที่สุดเขาก็ได้พบเบาะแสที่สำคัญแล้วเขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเพิ่มเติม
หลังจากถอยไปอยู่ในระยะที่ปลอดภัย ชายหนุ่มก็ติดต่อไปยังทูรามด้วยสีหน้าอันเคร่งเครียด
“ดูเหมือนคนที่คุณส่งมาน่าจะไม่พอแล้วล่ะครับ”
“นายนี่เป็นพวกโลภมากจริง ๆ ฉันส่งนักสู้ชั้นยอดไปให้ตั้งเจ็ดคนมันยังไม่พออีกหรอ คราวนี้นายต้องการเพิ่มอีกกี่คนล่ะ?” ทูรามถามพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
“ขอเยอะ ๆ เลยครับ แบบเยอะที่สุดเท่าที่จะเยอะได้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 219
แสดงความคิดเห็น