ตอนที่ 144: ทุ่งดาวแห่งความตาย

-A A +A

ตอนที่ 144: ทุ่งดาวแห่งความตาย

เปิดขาย

ตอนที่ 144: ทุ่งดาวแห่งความตาย

เครื่องรับสัญญาณที่พอตเตอร์ได้ทิ้งเอาไว้กำลังส่องแสงกระพริบออกมาอย่างต่อเนื่อง

ตลอดปีที่ผ่านมาเครื่องรับสัญญาณนี้ไม่เคยมีปฏิกิริยาใด ๆ แต่ในตอนนี้มันกลับส่องแสงออกมาหรือว่าพอตเตอร์กำลังส่งข้อความมาถึงเขา?

ในความคิดของชายหนุ่มพอตเตอร์เป็นคนที่มีภูมิหลังลึกลับมาก เพราะไม่เพียงแต่ชายชราคนนี้จะมีทักษะการช่างที่ยอดเยี่ยม แต่เขายังได้มอบเครื่องรับสัญญาณจากอารยธรรมโบราณและชิพโอเวอร์โหลดให้กับเซี่ยเฟย

ช่างธรรมดาจะมีของล้ำค่ามากมายขนาดนี้ได้ยังไง?

ที่แปลกไปกว่านั้นคือพอตเตอร์สามารถเขียนตัวอักษรดาวตกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลอันยิ่งใหญ่ในพันธมิตรได้ทั้ง ๆ ที่อักษรชนิดนี้จำเป็นจะต้องทำการเรียนรู้ไม่น้อยกว่า 10 ปี ซึ่งมันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าภูมิหลังของชายชราย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างแน่นอน

เซี่ยเฟยหยิบเครื่องรับสัญญาณขึ้นมาถือไว้ในมือก่อนที่มันจะมีหน้าจอโฮโลแกรห์มปรากฏขึ้นมาพร้อมตัวอักษร

“ไปที่ดาว DLC-113 ในภูมิภาคดาวมฤตยูแล้วตามหาวินด์ไชม์”

“ภูมิภาคดาวมฤตยู!” อันธอุทานด้วยตาเบิกกว้างราวกับว่าเขารู้สึกหวาดกลัวชื่อนี้มาก

“ภูมิภาคดาวมฤตยูมันทำไม?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ภูมิภาคดาวมฤตยูไม่ใช่สถานที่ที่ดีนักนายลองดูแผนที่ดาวแล้วจะเข้าใจเอง ว่าแต่ทำไมตาลุงพอตเตอร์ถึงไปที่ภูมิภาคดาวมฤตยูคนเดียว” อันธกล่าวตอบพร้อมกับตั้งคำถาม

เมื่อดูวันที่ในจดหมายแล้วพอตเตอร์ก็ได้ส่งข้อความนี้มาตั้งแต่เมื่อ 2 เดือนก่อน ส่วนสาเหตุที่เขาเพิ่งได้รับข้อความมันก็อาจจะเป็นเพราะดาวมรดกเป็นดาวที่ตัดขาดจากโลกภายนอก

“เวลาผ่านมานานพอสมควรแล้ว มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับลุงพอตเตอร์ใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างกังวล

หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เปิดไมโครคอมพิวเตอร์เพื่อทำการตรวจสอบแผนที่ดาว ท้ายที่สุดภายในระบบก็มีข้อมูลแผนที่ภูมิภาคดาวทั้งหมดที่มนุษย์รู้จัก

เพียงแค่ภูมิภาคดาวภายในเขตพันธมิตรก็มีอยู่มากกว่า 300 แห่ง ขณะที่ภูมิภาคดาวนอกอาณาเขตพันธมิตรมนุษย์ก็มีอยู่มากกว่า 300 แห่งเช่นเดียวกัน แต่ภูมิภาคดาวที่อยู่นอกเขตแดนพันธมิตรเป็นพื้นที่ที่มนุษย์ยังมีข้อมูลไม่มากนัก มันจึงทำให้ภูมิภาคดาวเหล่านี้ไม่ได้ถูกรวมเอาไว้ในแผนที่ดาว

หลังจากที่เซี่ยเฟยทำการค้นหาคำว่าภูมิภาคดาวมฤตยูเข้าไป มันก็ทำให้เขาเผลอสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ อย่างไม่รู้ตัว

ภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่อยู่บริเวณใกล้เกือบจะเป็นชายแดนของพันธมิตรมนุษย์และอยู่ใกล้กับเขตแดนของพวกเซิร์ก 

ขณะเดียวกันการเดินทางจากภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ไปยังภูมิภาคดาวมฤตยูก็จำเป็นจะต้องเดินทางผ่านเขตแดนของพันธมิตรไปทั้งหมด ซึ่งสิริรวมระยะทางเป็นจำนวนหลายสิบล้านปีแสง!!

ที่สำคัญกว่านั้นถึงแม้ว่าภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่จะอยู่ห่างไกลแต่มันก็ยังอยู่ในขอบเขตของแผนที่ดาว แต่ภูมิภาคดาวมฤตยูเป็นสิ่งที่มีความแตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะเส้นทางก่อนไปถึงภูมิภาคดาวแห่งนี้เป็นเส้นทางที่มนุษย์ยังไม่รู้จักทำให้มันเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยอันตราย

เพียงแค่ดูชื่อภูมิภาคดาวบริเวณนั้นไม่ว่าจะเป็นภูมิภาคดาวมฤตยู, ภูมิภาคดาวอ่าวปีศาจหรือภูมิภาคดาวเหวทมิฬ ต่างก็เป็นชื่อที่แสดงให้เห็นว่าพื้นที่บริเวณนั้นมีอันตรายมากแค่ไหน

หากเปรียบพื้นที่ส่วนใหญ่ของพันธมิตรมนุษย์เป็นดาวโลก ภูมิภาคดาวมฤตยู, ภูมิภาคดาวอ่าวปีศาจและภูมิภาคดาวเหวทมิฬก็อยู่ห่างไกลจนเป็นเหมือนกับดวงจันทร์ พวกเขาจึงเป็นมนุษย์ที่อยู่ห่างจากสังคมมนุษย์โดยส่วนใหญ่ไปอย่างแท้จริง

“ทำไมเขตดาวมฤตยูถึงอยู่ห่างจากพันธมิตรไปไกลขนาดนั้น” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“3 ภูมิภาคดาวนี้ถูกเรียกรวมกันว่าทุ่งดาวแห่งความตาย ส่วนสาเหตุที่มันอยู่ไกลขนาดนั้นนั่นก็เพราะว่าเมื่อนานมาแล้วมันเคยมีรูหนอนที่เสถียรมากเชื่อมต่อ 3 ภูมิภาคดาวนั้นเข้ากับพื้นที่ใกล้ ๆ กลุ่มดาวนครหลวงโดยตรง แต่คนที่ถูกส่งไปอาศัยอยู่ใน 3 ภูมิภาคดาวนั้นกลับเป็นพวกคนที่ถูกเนรเทศ”

“อย่างไรก็ตามเมื่อประมาณ 400 ปีก่อนรูหนอนแห่งนี้กลับพังทลายลงอย่างกะทันหันทำให้ทุ่งดาวแห่งความตายกลายเป็นพื้นที่ห่างไกลพันธมิตรมนุษย์ในทันที และถึงแม้ว่าในนามมันจะอยู่ในเขตพันธมิตรมนุษย์ แต่มันก็มีระบบการปกครองอย่างอิสระไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของพันธมิตรอย่างที่ควรจะเป็น”

ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ โดยหลังจากที่เขาให้ระบบคำนวณเส้นทางแม้แต่เส้นทางที่ใกล้ที่สุดก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาเดินทางนานถึง 2 เดือนครึ่ง ซึ่งในช่วงเวลานี้มันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลานานกว่า 1 เดือนครึ่งในการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ที่มนุษย์ไม่รู้จัก

ในยุคสมัยที่ยานอวกาศสามารถใช้การวาร์ปได้อย่างอิสระ การเดินทางที่ต้องใช้เวลามากกว่า 2 เดือนมันจึงเป็นการเดินทางที่มีระยะไกลอย่างที่ใครบางคนยังไม่อาจจะสามารถจินตนาการได้

“มันมีคนอาศัยอยู่ในภูมิภาคดาวพวกนั้นได้ยังไง แล้วมันมีกองทัพคอยปกป้องภูมิภาคดาวพวกนั้นหรือเปล่า” เซี่ยเฟยถาม

“พื้นที่แถวนั้นเคยมีทหารจากกองทัพประจำการอยู่บ้าง แต่หลังจากที่รูหนอนได้สลายหายไปทหารที่อยู่ที่นั่นก็เริ่มตั้งตัวเป็นอิสระแยกระบบการปกครองออกจากกัน และทำการเกณฑ์ทหารเข้ามาฝึกเองทุก ๆ 6 เดือน”

“ด้วยการที่ภูมิภาคดาวทั้งสามได้ตั้งระบบการปกครองตัวเองขึ้นมาแบบนี้นี่เอง มันจึงทำให้เสบียงที่เคยส่งไปจากพันธมิตรลดน้อยลงเรื่อย ๆ และกลายเป็นพื้นที่ที่วุ่นวายที่ไม่มีใครสามารถรวบรวมพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวได้ ซึ่งการใช้ชีวิตของผู้คนในภูมิภาคดาวพวกนั้นก็มีสภาพที่แร้นแค้นมาก” อันธกล่าว

“แบบนี้ทุ่งดาวแห่งความตายมันก็เหมือนกับเขตดาววิลเดอร์เนสน่ะสิ” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากคิดพิจารณา

“มันไม่เหมือนกัน ในเขตดาววิลเดอร์เนสเต็มไปด้วยพวกโจรสลัดเป็นจำนวนมากและไม่มีกองทหารคอยคุ้มครอง แต่ในทุ่งดาวแห่งความตายมีกองยานคอยประจำการหลายร้อยกองและทหารรับจ้างในพื้นที่บริเวณนั้นก็ดุร้ายมากยิ่งกว่าโจรสลัดเสียอีก แต่ถึงยังไงพื้นที่บริเวณนั้นมันก็ยังคงมีพวกโจรสลัดอยู่ดีทำให้มันมีสถานการณ์อยู่ในความโกลาหลถึงขีดสุด” อันธอธิบาย

“ทำไมพันธมิตรถึงไม่เข้าไปจัดการเรื่องพวกนี้ล่ะ ด้วยความแข็งแกร่งที่พันธมิตรมีพวกเขาก็น่าจะทำได้ไม่ใช่หรอ” เซี่ยเฟยถามอีกครั้ง

“พันธมิตรมนุษย์เป็นเพียงองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นมาอย่างหลวม ๆ กองยานของพันธมิตรจริง ๆ มีอยู่เพียงแค่ไม่กี่กอง เพราะกองกำลังที่แข็งแกร่งอยู่ภายใต้กลุ่มดาวที่มีอำนาจเพียงแค่ไม่กี่กลุ่ม”

“แน่นอนว่าถ้าหากกลุ่มดาวที่มีอำนาจพวกนี้ไม่สนใจจะจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นในทุ่งดาวแห่งความตาย พันธมิตรก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้แม้ว่าพวกเขาจะต้องการก็ตาม”

“แม้ว่าในความเป็นจริงภูมิภาคดาวในทุ่งดาวแห่งความตายจะแยกตัวเป็นอิสระ แต่ภายในนามพวกเขาก็ยังคงอยู่ภายใต้เขตแดนของพันธมิตร ดังนั้นตราบใดที่พวกเขาไม่ทำอะไรที่เป็นการดูถูกพันธมิตรมากเกินไป พวกนักการเมืองพวกนั้นก็ไม่สนใจชีวิตของประชาชนบนภูมิภาคดาวบ้านนอกแบบนั้นหรอก”

เซี่ยเฟยเริ่มค่อย ๆ เข้าใจว่าภายในทุ่งดาวแห่งความตายมี 3 ภูมิภาคดาวที่แยกการปกครองออกเป็นอิสระซึ่งกันและกัน พวกเขาจึงมีกฎหมายและวัฒนธรรมเป็นของตัวเองเพียงแต่ว่าพวกเขายังคงใช้ชื่อของพันธมิตรคอยคุ้มครองความปลอดภัย

“โอ้ยปวดหัวจริง ๆ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมลุงพอตเตอร์ถึงอยากให้ฉันไปที่แบบนั้นด้วย” เซี่ยเฟยพูดกับตัวเองขณะที่เขานอนอยู่บนเตียง ซึ่งในระหว่างนั้นยานเดรสทรอยเยอร์ของค่ายฝึกก็ค่อย ๆ มุ่งหน้ากลับไปยังค่ายฝึกจัสทิสลีก

ทันทีที่ยานรบเคลื่อนที่ออกมาจากเขตของดาว YZZ-7526 ไมโครคอมพิวเตอร์ของเซี่ยเฟยก็เชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายสตาร์เน็ตเวิร์กโดยอัตโนมัติทันที ทันใดนั้นมันก็มีอีเมลเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนถาโถมเข้ามาและจำนวนของอีเมลพวกนี้ก็มีมากกว่าในตอนที่เขาหลงเข้าไปภายในเขตดาววิลเดอร์เนสเสียอีก

ตอนที่เขาหายตัวเข้าไปในเขตดาววิลเดอร์เนสใช้เวลาไปเพียงแค่ไม่กี่เดือน แต่ในคราวนี้วิธีการหายตัวไปของเขาก็เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดและระยะเวลาที่เขาหายตัวไปก็กินเวลานานถึงหนึ่งปี

เซี่ยเฟยทำการปิดอีเมลทั้งหมดและรอคอยอย่างอดทน เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าอีกไม่นานแอวริลจะต้องติดต่อเขาเข้ามาแน่นอน

ตราบใดก็ตามที่คอมพิวเตอร์ของเขาเชื่อมต่อเข้ากับสกายเน็ตเวิร์ก เด็กสาวคนนี้ก็จะสามารถหาตัวเขาเจอได้เสมอไม่ว่าเขาจะพยายามซ่อนตัวมากแค่ไหนก็ตาม

แต่หลังจากรอไปเป็นเวลากว่า 10 นาทีแอวริลก็ยังไม่ติดต่อเข้ามา

เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนมาก ก่อนที่ความรู้สึกสับสนจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นอารมณ์ที่ไม่สบายใจ

“มีอะไรเกิดขึ้นกับแอวริลหรือเปล่า?”

นอกจากชื่อของแอวริลแล้วเขาก็ไม่รู้อะไรอื่นเกี่ยวกับเด็กสาวคนนี้เลย เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าเธออยู่ที่ไหนและชื่อที่เธอใช้เป็นชื่อจริง ๆ หรือเปล่า

ในเมื่อเด็กสาวไม่ติดต่อเข้ามาเซี่ยเฟยจึงเขียนอีเมลไปหาแอวริลก่อน โดยระบุว่าเขากลับมาแล้วและถามไถ่ว่าหญิงสาวเป็นยังไงบ้าง

อีเมลเป็นช่องทางเดียวที่เขาสามารถติดต่อแอวริลได้ ซึ่งถ้าหากวิธีการนี้ไม่ได้ผลเขาก็คงจะไม่มีทางหาตัวเด็กสาวเจอ

ก่อนหน้านี้เมื่อไหร่ก็ตามที่แอวริลต้องการเธอจะสามารถติดต่อมาหาเซี่ยเฟยได้ทุกเวลา และถ้าหากว่าเธอไม่มีอะไรทำเธอก็จะเชื่อมต่อสัญญาณวิดีโอกับเซี่ยเฟยด้วยความรวดเร็ว ซึ่งแม้ว่าเธอจะยังไม่สะดวกพูดในช่วงเวลานั้นแต่เธอก็จะให้เวลานัดที่แน่นอนกับเขาเสมอ

แต่ในครั้งนี้อีเมลของเซี่ยเฟยคล้ายกับหายเข้าไปในทะเล เพราะไม่เพียงแต่แอวริลจะไม่เชื่อมต่อวิดีโอมาแต่เธอยังไม่ตอบอีเมลเขาด้วยซ้ำ

เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยเริ่มรู้สึกหดหู่ใจ เพราะแอวริลถือได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเขาเลยและถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีโอกาสพูดคุยกันไม่บ่อยนัก แต่พวกเขาก็มักจะคิดถึงกันและกันอยู่เสมอ

เซี่ยเฟยใช้นิ้วจิ้มหน้าจอเพื่อทำการส่งอีเมลถึงแอวริลอีกหนึ่งฉบับ แต่เขาก็หยุดพิมพ์ไประหว่างทาง

ความเป็นจริงในอดีตได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าตราบใดก็ตามที่แอวริลต้องการจะติดต่อมาเธอก็สามารถจะหาตัวเซี่ยเฟยได้ตลอดเวลา แต่ถ้าหากว่าเธอไม่ต้องการแม้ว่าเขาจะส่งอีเมลไปเป็นล้านฉบับแต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร

สิ่งเดียวที่เซี่ยเฟยรู้สึกกังวลมากที่สุดในตอนนี้คือมันมีอะไรเกิดขึ้นกับแอวริลหรือเปล่า ส่วนเรื่องอื่นเขาไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย

“โอ้ยสถานการณ์ของลุงพอตเตอร์เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ แล้วตอนนี้ฉันยังไม่รู้ข่าวของแอวริลอีก!” เซี่ยเฟยบ่นกับตัวเองอยู่บนเตียง

ที่นอนนุ่ม ๆ มักจะช่วยให้การนอนหลับเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ดังนั้นในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังคิดเรื่องต่าง ๆ อยู่บนเตียงเขาก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว

ในเวลาเดียวกันอันธก็ยืนจ้องมองไปยังแผนที่ดาวเป็นเวลานาน แล้วมันก็ดูเหมือนกับว่าเขาจะกำลังพึมพำอะไรบางอย่าง แต่เซี่ยเฟยที่กำลังหลับอยู่ไม่ได้รับรู้ถึงเหตุการณ์พวกนี้เลย

***************

 

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ พิทักษ์ภัยภูมิ

สงสัยจะโดนงอนขนาดหนักแล้วละ

จริงๆ อย่างเซี่ยเฟยไม่ควรจะมีเพื่อนด้วยซ้ำ เพราะชอบทำอะไรเสี่ยงๆ โดยไม่นึกถึงคนข้างหลังเลย

รูปภาพของ Xianaan_Stone

จริงค่ะ แต่อาจจะเป็นเพราะอยู่ตัวคนเดียวมาตลอดน่าจะเคยชิน คงต้องใช้เวลาปรับตัวอีกเยอะเลย

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.