ตอนที่ 53: คู่ต่อสู้รอบถัดไป
ตอนที่ 53: คู่ต่อสู้รอบถัดไป
ก็อก! ก็อก! ก็อก!
ทันทีที่การประเมินในรอบแรกสิ้นสุดลงชิวเชียงจี่ก็เคาะประตูห้องทำงานของเย่จิ่งชานอีกครั้ง
"เข้ามา!" เย่จิ่งชานส่งเสียงตะโกนอนุญาตให้เข้ามา
เมื่อได้รับอนุญาตชิวเชียงจี่ก็เดินเข้ามาภายในห้องพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ โดยในปัจจุบันเก้าอี้สองในสามหน้าโต๊ะของเย่จิ่งชานถูกหม่าเจี้ยนและโฮ่วไป๋ชานจับจองเอาไว้แล้ว เขาจึงมุ่งหน้าตรงไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ 3
“สวัสดีตอนบ่ายครับผู้บัญชาการเย่” ชิวเชียงจี่กล่าวทักทายขึ้นมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับนั่งลงไปบนเก้าอี้ที่เตรียมพร้อมเอาไว้สำหรับเขา
“พวกคุณทั้งสามคนยังคิดที่จะลงทะเบียนเซี่ยเฟยในโควตาพิเศษของพวกคุณอยู่ใช่ไหม” เย่จิ่งชานกล่าวถามด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง
“ผู้บัญชาการเย่การประเมินในรอบแรกได้จบลงไปแล้วและเซี่ยเฟยก็ผ่านการประเมินอย่างที่พวกเราได้คาดการณ์เอาไว้ จากศักยภาพที่เขาได้แสดงออกมามันเห็นได้ชัดเลยว่าเขามีความเหมาะสมที่จะเข้ารับการฝึกในแผนกกลยุทธ์” ชิวเชียงจี่กล่าวพร้อมรอยยิ้มอันสดใส
อย่างไรก็ตามเมื่อชิวเชียงจี่กล่าวจบหม่าเจี้ยนก็รีบขัดจังหวะและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันเกรี้ยวกราดตามปกติของเขาว่า
“ผู้บัญชาการเย่! เซี่ยเฟยสามารถสยบฝูงแมงป่องพวกนั้นได้เพียงแค่การจ้องมองเรื่องนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นเป็นอย่างดีว่าเขามีศักยภาพเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรที่ดีขนาดไหน แผนกสัตว์อสูรของพวกเราไม่เพียงแต่จะต้องคอยดูแลสัตว์อสูรเท่านั้น แต่พวกเรายังจำเป็นที่จะต้องคอยกำราบสัตว์อสูรให้อยู่ในการควบคุมของพวกเราด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงต้องการให้เซี่ยเฟยเข้าร่วมกับแผนกสัตว์อสูรของพวกเรา เพราะเขามีความสามารถในการกำราบสัตว์อสูรได้อย่างอยู่หมัด”
หลังกล่าวจบหม่าเจี้ยนก็ค่อนข้างรู้สึกพึงพอใจในตนเอง เพราะเขาต้องใช้เวลาถึงสามวันในการประดิษฐ์คำพูดอันสวยหรูเหล่านั้นโดยเชื่อว่าเย่จิ่งชานจะต้องคล้อยตามเหตุผลทั้งหมดที่เขาได้ยกมา
ขณะเดียวกันโฮ่วไป๋ชานยังคงเม้มริมฝีปากโดยไม่พูดอะไร เพราะเมื่อพิจารณาจากการที่เย่จิ่งชานวางเก้าอี้รอต้อนรับพวกเขาเอาไว้แล้วมันก็แสดงว่าผู้บัญชาการคนนี้ได้ตัดสินเรื่องราวเอาไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นไม่ว่าเขาจะพูดอะไรเขาก็คงไม่สามารถโน้มน้าวความคิดของชายชราได้ เขาจึงตัดสินใจนั่งเงียบ ๆ เพื่อรอรับฟังคำตัดสิน
เย่จิ่งชานพยักหน้ารับคำโน้มน้าวโดยไม่พูดอะไรแต่ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดกับหัวหน้าแผนกทั้งสาม มันก็มีสายจากเย่เสี่ยวหานผู้ซึ่งเป็นลูกสาวของเขาดังขึ้นมาเสียก่อน
“เสี่ยวหานมีอะไร? ทำไมถึงติดต่อพ่อมาในช่วงเวลางาน”
เย่จิ่งชานเป็นคนที่เลี้ยงลูกอย่างเข้มงวดมาโดยตลอดและถึงแม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะมีการพูดคุยกันบ้างแต่มันก็ต้องรอจนถึงช่วงเวลาหลังเลิกงาน ด้วยเหตุนี้เองมันจึงทำให้เย่เสี่ยวหานโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่ไร้อารมณ์ เพราะครึ่งหนึ่งเธอได้รับพันธุกรรมมาจากชายชราคนนี้ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นเพราะการอบรมเลี้ยงดูจากผู้เป็นพ่อ
“แค่นี้ก่อนนะ พ่อกำลังคุยธุระสำคัญอยู่” เย่จิ่งชานตอบกลับก่อนที่เขาจะวางสายไป จากนั้นเขาก็ส่งเสียงกระแอมขึ้นมาสองครั้งและเริ่มพูดคุยกับหัวหน้าแผนกทั้งสามคน
“ฉันตัดสินใจแล้วว่าทางค่ายฝึกจัสทิสลีกจะไม่ให้โควตาพิเศษกับเซี่ยเฟย”
“ผมขอเหตุผลด้วยผู้บัญชาการเย่!” หม่าเจี้ยนลุกขึ้นจากที่นั่งและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
ขณะเดียวกันโฮ่วไป๋ชานและชิวเชียงจี่ต่างก็ส่ายหัวไปมา เนื่องมาจากพวกเขาทั้งสองยังพอมีเหตุผลอยู่บ้าง พวกเขาจึงพอคาดเดาการกระทำของผู้บัญชาการเย่ได้บ้างแล้ว
มันไม่มีประโยชน์อะไรที่หัวหน้าแผนกทั้งสามคนจะทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงผู้สมัครเพียงแค่คนเดียวและในฐานะของผู้บัญชาการค่ายฝึก เย่จิ่งชานย่อมต้องทำการตัดสินใจเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาภายในที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“ในเมื่อพวกคุณทุกคนต่างก็บอกว่าเขาเป็นอัจฉริยะ เขาก็สมควรที่จะสอบเข้าค่ายฝึกของพวกเราได้โดยไม่จำเป็นจะต้องใช้โควตาพิเศษ ฉันขอจบเรื่องของเซี่ยเฟยเอาไว้เพียงเท่านี้เชิญพวกคุณกลับไปทำหน้าที่ต่อได้แล้ว” เย่จิ่งชานกล่าวอธิบายออกมาด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม
หลังถูกไล่เป็นนัย ๆ หม่าเจี้ยนก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับเดินออกจากห้องทำงานของเย่จิ่งชานอย่างฉุนเฉียว ในขณะที่หัวหน้าแผนกที่เหลือทั้งสองทำความเคารพผู้บัญชาการอย่างสุภาพก่อนที่พวกเขาจะเดินออกจากห้องไป
เย่จิ่งชานถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกก่อนที่เขาจะเปิดเครื่องสื่อสารขึ้นมาอีกครั้งและมีภาพของเย่เสี่ยวหานปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
“พ่อหนูว่ามันมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นในการประเมิน หนูลองตรวจสอบดูแล้วในครั้งนี้มีผู้สมัครหายตัวไปอย่างลึกลับทั้งหมด 32 คนแล้วมันก็ไม่เคยมีการประเมินครั้งไหนที่มีผู้สมัครหายไปพร้อมกันมากขนาดนี้เลย” เย่เสี่ยวหานกล่าว
ในบรรดาผู้สมัครทั้ง 12 คนที่หายตัวไปต่างก็ล้วนแล้วแต่มีอายุยังน้อยและมีพลังพิเศษที่โดดเด่น หากสมาพันธ์ได้ประกาศเรื่องนี้ออกไปย่อมก่อให้เกิดความสงสัยขึ้นมาอย่างแน่นอน เพราะเมื่อพิจารณาจากลักษณะของผู้สมัครที่หายตัวไปแล้วพวกเขาก็มีความคล้ายคลึงกันมากกว่าที่มันจะเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ
ด้วยเหตุนี้เองโรเบิร์ตจึงจงใจเปลี่ยนจำนวนของผู้สมัครที่หายตัวไปจาก 12 คนเป็น 32 คน โดยเพิ่มรายชื่อของผู้สมัครที่เสียชีวิตเข้าไปอีก 20 คนเพื่ออำพรางความจริงในเรื่องนี้เอาไว้
การถูกลักพาตัวและการหายตัวไปเป็นสองเรื่องที่มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะการหายตัวไปอาจจะเกิดขึ้นจากการที่ศพของผู้สมัครถูกทำลายซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ในการควบคุมของสมาพันธ์จัสทิสอยู่แล้ว
แต่ในกรณีของการลักพาตัวเป็นการท้าทายชื่อเสียงของสมาพันธ์โดยตรงเพราะหากมันมีการลักพาตัวเกิดขึ้นจริง ๆ มันก็หมายความว่าคนร้ายได้เข้ามาลักพาตัวผู้สมัครภายใต้จมูกของพวกเขาเลย
“32 คน? จำนวนของผู้สูญหายในครั้งนี้ค่อนข้างจะสูงมากจริง ๆ ลูกได้ส่งรายงานไปให้กับผู้อำนวยการโรเบิร์ตหรือยัง ขอบเขตความรับผิดชอบของเรื่องนี้อยู่ที่แผนกประเมินและแผนกสอบสวน” เย่จิ่งชานกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
เย่เสี่ยวหานพยักหน้ารับก่อนที่เธอจะกล่าวต่อไปว่า
“ผู้อำนวยการโรเบิร์ตได้เดินทางมายังสถานที่ประเมินเป็นการส่วนตัวแล้วและหนูก็รายงานเรื่องนี้ให้กับเขาโดยตรง หลังจากนั้นเขาก็บอกกับหนูว่าทางสมาพันธ์เริ่มทำการสอบสวนแล้วค่ะ แต่สิ่งที่หนูรู้สึกแปลกใจก็คือหนูไม่สามารถเข้าถึงวิดีโอของผู้สมัครที่หายตัวไปได้เพราะพวกมันถูกเข้ารหัสความลับระดับ 7”
“เข้ารหัสความลับระดับ 7?” เย่จิ่งชานอุทานพร้อมกับย่นหน้าผาก
การเข้ารหัสความลับระดับ 7 หมายความว่านอกจากทีมสืบสวนของสมาพันธ์และตัวของโรเบิร์ตแล้วมันไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ดูวิดีโอเหล่านี้และเมื่อพิจารณาจากการที่กรณีนี้เป็นเพียงแค่การสูญหายของผู้สมัคร มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้ารหัสความลับถึงระดับ 7 เลย
หรือว่ามันจะมีความลับอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถนำออกมาเปิดเผยได้จริง ๆ?
“นอกจากนี้ยังมีผู้สมัครที่มีชื่อว่าเซี่ยเฟยได้รายงานเรื่องเกี่ยวกับการหายตัวไปให้กับหนูฟัง ตามข้อมูลที่เขาได้บอกไว้คนร้ายที่บุกเข้ามาลักพาตัวเพื่อนของเขาไปน่าจะมีระดับความแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับสตาร์ริเวอร์ หนูได้ลองพิจารณาถึงข้อสันนิษฐานของเขาแล้ว หนูคิดว่าข้อมูลที่เขาให้มามีเปอร์เซ็นต์การถูกต้องที่สูงมาก” เย่เสี่ยวหานกล่าวรายงานออกไปเบา ๆ
“เซี่ยเฟย? ผู้สมัครหมายเลข 70563 ที่มาจากดาวโลกใช่ไหม” เย่จิ่งชานกล่าวถามออกไปด้วยความสงสัย
“พ่อรู้จักกับผู้สมัครคนนี้หรอ” เย่เสี่ยวหานอุทานออกไปด้วยความประหลาดใจ
เย่จิ่งชานพยักหน้ารับเพราะเขาไม่เพียงแค่รู้จักผู้สมัครคนนี้แต่เขารู้ข้อมูลของเซี่ยเฟยเป็นอย่างดี เนื่องมาจากผู้สมัครคนนี้เกือบจะเป็นตัวชนวนให้หัวหน้าแผนกทั้งสามคนเปิดสงครามแย่งชิงตัว ดังนั้นสำหรับตัวของเขาแล้วเซี่ยเฟยก็ไม่ต่างไปจากตัวปัญหา
“โรเบิร์ตเป็นคนที่มีฝีมือและมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน พ่อเชื่อว่าอีกไม่นานเขาจะจัดการกับเรื่องนี้ได้เอง ลูกไม่จำเป็นต้องตั้งข้อสงสัยเรื่องนี้อีกแล้ว ปล่อยให้ทีมสืบสวนทำหน้าที่ของพวกเขาไป” เย่จิ่งชานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่คล้ายกับการสั่งการ จากนั้นเขาก็กล่าวเสริมต่อไปอีกว่า
“จำไว้ว่าเรื่องนี้มีความสำคัญมาก ลูกต้องห้ามเอาเรื่องนี้ไปพูดกับใครอีกเด็ดขาด”
เย่เสี่ยวหานยังต้องการที่จะพูดต่อแต่เมื่อเธอได้เห็นท่าทางอันแข็งกร้าวของบิดาเธอก็ทำได้เพียงแต่กลืนคำพูดของเธอลงไป
หลังวางสายเย่เสี่ยวหานก็เอนหลังพิงเก้าอี้ขณะที่นำมือทั้งสองมาวางด้านหลังศีรษะ
“เซี่ยเฟยคนนี้เป็นคนที่สร้างปัญหาอย่างไม่รู้จบจริง ๆ”
—
กลับมาบนโลก
ในขณะนี้เซี่ยเฟยยังคงเฝ้าดูแอวริลร้องไห้อยู่ตรงหน้าอย่างไม่สามารถที่จะทำอะไรได้
ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนที่ทำอะไรไม่ถูกตอนที่เห็นผู้หญิงร้องไห้ แต่เขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะทำให้ผู้หญิงร้องไห้ด้วยความสนุกด้วยเช่นกัน
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเซี่ยเฟยก็กล่าวขอโทษออกไปด้วยความรู้สึกผิด
“ฉันขอโทษที่ทำให้เธอร้องไห้ ก่อนหน้านี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีแต่ฉันก็ไม่ควรพูดแบบนั้นกับเธอออกไป”
แอวริลเช็ดน้ำตาก่อนที่จะกล่าวออกไปอย่างดื้อรั้นว่า
“ใครร้องไห้? ฉันแค่… ฉันแค่…”
“เธอจะบอกว่าเธอแค่น้ำตาไหลเพราะฝุ่นเข้าตาหรอ” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ใช่! น้ำตาฉันไหลเพราะแค่ฝุ่นมันเข้าตา” แอวริลยังคงยืนกรานอย่างดื้อรั้นต่อไป
“เอาล่ะ ๆ ฝุ่นเข้าตาก็ฝุ่นเข้าตา” เซี่ยเฟยกล่าวโดยไม่ต้องการที่จะต่อล้อต่อเถียงขณะที่เขาหยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาสูบ
“นายเชื่อฉันแล้วใช่ไหมล่ะ!” สีหน้าอันบูดบึ้งของแอวริลกลับมาร่าเริงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นข้อดีของเธอที่ไม่ใช่คนประเภทที่ชอบคิดมากและสามารถถูกหวานล้อมได้ง่าย ๆ
“ก่อนหน้านี้นายอารมณ์เสียเรื่องอะไรหรอ?” แอวริลกล่าวถามพร้อมกับเอียงศีรษะไปด้านข้าง จากนั้นเธอก็ดึงผ้าเช็ดหน้าสีชมพูออกมาเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของเธอ
“ไม่มีอะไรหรอก เรื่องนั้นมันกลายเป็นเพียงแค่อดีตไปแล้ว” เซี่ยเฟยพยายามบ่ายเบี่ยงเพราะเขาไม่ต้องการที่จะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเซียวรั่วหยู
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าก่อนหน้านี้นายเจอปัญหาอะไร แต่ฉันรู้ว่าอีกไม่นานนายจะต้องเจอกับปัญหาใหญ่แน่ ๆ” แอวริลกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“ปัญหาอะไร?”
“นายรู้ไหมว่ารอบที่ 2 ของการคัดเลือกจัสทิสเป็นการประเมินแบบไหน”
เซี่ยเฟยส่ายหัวเป็นคำตอบ แต่ในทันใดนั้นเขาก็พบกับเรื่องแปลกประหลาดบางอย่าง
“เธอรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้ฉันกำลังเข้าร่วมการประเมินของสมาพันธ์จัสทิส?”
“นายคิดว่าการที่ฉันสามารถหาบัญชีลับของนายได้แล้วฉันจะไม่รู้ว่านายกำลังทำอะไรอยู่อย่างนั้นหรอ ชื่อของนายคือเซี่ยเฟยอายุ 17 ปี ตอนนี้นายกำลังเข้าร่วมการประเมินของสมาพันธ์จัสทิสบนดาวโลก นอกจากนี้นายยังเพิ่งผ่านการประเมินในรอบแรกมาได้ใช่ไหมล่ะ” แอวริลร่ายข้อมูลออกมายาวคล้ายกับว่าเธอเป็นคนที่ฉลาดปราดเปรื่อง
ในทางกลับกันข้อมูลเหล่านั้นกลับทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึง เพราะเขาไม่รู้ว่าเด็กสาวคนนี้เป็นแม่หมอหรือยังไง เธอถึงสามารถระบุข้อมูลของเขาได้อย่างละเอียดมากขนาดนั้น
มันเป็นไปได้ไหมที่เธอจะรู้เลขบัญชีธนาคารของเขาด้วย?
“การประเมินในรอบที่ 2 จะเป็นการประเมินในระบบการประลอง ซึ่งมันก็หมายความว่าผู้เข้ารอบ 2 คนจะต้องขึ้นไปทำการต่อสู้ตัวต่อตัวบนสังเวียน”
“จำนวนของผู้เข้ารอบในครั้งนี้มีทั้งสิ้น 723 คน โดยที่นายมีรายชื่อในการผ่านเข้ารอบอยู่ในอันดับสุดท้ายและคู่ต่อสู้ที่นายจะต้องเผชิญหน้าคือผู้เข้ารอบที่ได้รับอันดับ 1”
“จัดอันดับ? แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับฉัน” เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเพราะเขาไม่เคยได้ยินว่าการผ่านมาสู่รอบที่ 2 จะมีการจัดอันดับด้วย
“นายนี่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยจริง ๆ ในการประเมินทุกครั้งจะมีการจัดอันดับของผู้ผ่านเข้ารอบเพื่อที่บริษัทรับพนันจะได้กำหนดอัตราส่วนการเดิมพันได้อย่างเหมาะสม แล้วนายรู้ไหมว่าเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีของนายด้วย”
“โอกาสที่ดี? โอกาสอะไร”
“คู่ต่อสู้ในรอบต่อไปของนายคือเฉินตงและทุกคนต่างก็มั่นใจว่านายจะพ่ายแพ้ ดังนั้นอัตราส่วนการต่อรองของนายกับเฉินตงจึงอยู่ที่ 1:1,000!”
“เธอบอกว่าคู่ต่อสู้ของฉันชื่ออะไรนะ!?” หัวใจของเซี่ยเฟยเริ่มเต้นระรัวเมื่อเขาได้คิดถึงไอ้บ้าที่ใส่กางเกงตัวเดียว
“คู่ต่อสู้ของนายชื่อเฉินตงมาจากอาณาจักรเหมันต์มีพลังพิเศษเกี่ยวกับน้ำแข็งและเขาก็เป็นพวกบ้าการต่อสู้แบบ 100% ดังนั้นนายควรระวังตัวให้ดี ไม่อย่างนั้น... ฮิฮิฮิ” แอวริลกล่าวด้วยแววตาอันเจ้าเล่ห์
“เป็นไอ้บ้าคนนั้นจริง ๆ หรอ!?” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเอง
ทันใดนั้นแอวริลก็ลดเสียงและพูดออกมาอย่างมีเลศนัยว่า
“เอาล่ะใกล้ถึงเวลาเรียนวิชาดนตรีของฉันแล้ว ฉันต้องรีบกลับไปแกล้งป่วยอยู่บนเตียงไม่อย่างนั้นฉันจะต้องใช้เวลาทั้งบ่ายไปกับเจ้าแก่น่าขยะแขยงนั่น”
“เดี๋ยวก่อน! เธอรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับฉันแต่ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเธอเลย บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่าฉันจะพบเธอได้ยังไง” เซี่ยเฟยรีบหยุดเด็กสาวเอาไว้ก่อน
“จุ๊ ๆ เรื่องนี้เป็นความลับนะจ๊ะ รอนายเลี้ยงไอติมฉันก่อนแล้วฉันจะบอกนายก็แล้วกัน” แอวริลวางนิ้วชี้เอาไว้บนริมฝีปากก่อนที่เธอจะส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างน่ารัก
ทันทีที่เธอพูดจบภาพหน้าจอของเธอก็หายไปก่อนที่มันจะมีรายชื่อของผู้สมัครเป็นจำนวนมากปรากฏขึ้นต่อหน้าของเซี่ยเฟยอีกครั้ง
หลังจากการขัดจังหวะของแอวริลเซี่ยเฟยก็มีอารมณ์ที่ดีมากขึ้นกว่าเดิม เพราะท้ายที่สุดถึงแม้ว่าคุณหนูคนนี้จะเสียมารยาทไปสักหน่อย แต่เธอก็เป็นเหมือนเทพธิดาที่ร่าเริงที่กระจายความสุขไปทั่วทุกที่
“เฉินตง... ใครจะไปคิดว่าพวกเราจะต้องเผชิญหน้ากันเร็วขนาดนี้” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองก่อนที่เขาจะสงบสติอารมณ์และค้นหาชื่อของเซียวรั่วหยูต่อไป
***************
โอ้โหโดนผู้หญิงสปอยล์คู่ต่อสู้รอบต่อไปด้วย!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 223
แสดงความคิดเห็น