ตอนที่ 1: ค่าชดเชย
ตอนที่ 1: ค่าชดเชย
ตั้งแต่สมัยโบราณมันได้มีผู้คนที่ถูกจำคุกอยู่เป็นจำนวนมากแต่มันก็สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าเซี่ยเฟยน่าจะเป็นมนุษย์โลกคนแรกที่ถูกจับไปขังภายในคุกของมนุษย์ต่างดาว
แน่นอนว่าทุกคนที่ถูกจับขังคุกต่างก็หวังอยากจะให้ประตูของห้องขังได้เปิดออก แต่สำหรับเซี่ยเฟยที่อยู่ภายในห้องอย่างสะดวกสบายแล้ว เขาก็ไม่ต้องการที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้เลยจริงๆ
ปัจจุบันเป็นเวลา 6 โมงเช้าและเซี่ยเฟยก็กำลังนอนขดตัวอยู่บนเตียงเดี่ยวแคบ ๆ พร้อมซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มสีเขียวขี้ม้าขณะที่ยังคงนอนหลับสนิท
ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ! ปี๊บ!
แต่ในทันใดนั้นมันก็มีเสียงนาฬิกาปลุกราคาถูกอันน่าสยดสยองแทรกผ่านหูเข้ามา มันจึงทำให้เขาต้องฝืนตื่นขึ้นมาจากการหลับไหล
เมื่อเซี่ยเฟยตื่นแล้วเขาก็กดปุ่มปิดเสียงบนนาฬิกาก่อนที่จะค่อย ๆ ลุกขึ้นมาด้วยความสะลึมสะลือ จากนั้นเขาก็นับ 1-3 ภายในใจก่อนที่จะลืมตาของตนเองขึ้นมา
ไม่กี่วินาทีต่อมาเซี่ยเฟยก็ได้พบว่าเขายังคงอยู่ในห้องขังจริง ๆ เขาจึงเผยรอยยิ้มด้วยความพอใจ
ห้องขังแห่งนี้สบายกว่าห้องของเขาเสียอีก เพราะท้ายที่สุดถึงแม้ว่าห้องขังแห่งนี้จะมีพื้นที่อยู่น้อยกว่า 10 ตารางเมตร แต่มันก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ทุกประเภท นอกจากนี้สภาพอุณหภูมิภายในห้องขังยังอบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อและมันยังมีห้องอาบน้ำแยกออกไปต่างหากอีกด้วย
หลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้วเซี่ยเฟยก็อาบน้ำอุ่นภายในห้องอาบน้ำก่อนที่เขาจะดึงเสื้อผ้าของเขาออกมาจากเครื่องซักผ้าอัจฉริยะ
เซี่ยเฟยไม่สามารถที่จะบรรยายถึงความหลงใหลและความรักที่เขามีต่อเครื่องซักผ้าอัจฉริยะเครื่องนี้ได้ เพราะมันสามารถที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าอันสกปรกให้กลายเป็นเสื้อผ้าอันสะอาดเอี่ยมอ่องได้ในเวลาไม่ถึง 5 นาทีและเสื้อผ้าเหล่านี้ยังเรียบเนียนราวกับถูกรีดมาอย่างพิถีพิถันอีกด้วย
เครื่องซักผ้าเครื่องนี้ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือสวรรค์สำหรับหนุ่มโสดอย่างแท้จริง เพราะพวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาเสื้อผ้าที่มีกลิ่นอับและความยุ่งยากในการซักผ้าอีกต่อไป
หลังจากเซี่ยเฟยได้รับประทานอาหารเช้าที่มีรสชาติเหมือนกับยาสีฟัน เขาก็นั่งลงไปบนเตียงพร้อมกับจ้องมองไปยังอวกาศอันว่างเปล่า
ถ้าหากว่าเขายังคงอยู่บนโลกในตอนนี้เขาก็คงจะขี่จักรยานไปยังบริษัทเพื่อทำการรับพัสดุก่อนที่จะนำไปส่งให้กับลูกค้าตามสถานที่ต่าง ๆ
คนปั่นจักรยานส่งของค่อนข้างที่จะเป็นงานที่ได้รับความนิยมเพราะในช่วงเวลานี้มันไม่มีเมืองใดที่ไม่มีรถติด ดังนั้นรถจักรยานจึงได้กลายเป็นยานพาหนะสำหรับการส่งพัสดุที่เร็วที่สุด
เซี่ยเฟยจะได้รับรายได้จากการจัดส่งพัสดุแต่ละครั้งอยู่ที่ 5 แอลไลคอยน์และรายได้ที่เขาได้ประจำต่อเดือนที่ 6,000 แอลไลคอยน์นั้นก็ถือได้ว่าเป็นรายได้ที่ค่อนข้างดี เพราะมันเป็นเงินจำนวนมากเกินพอที่จะทำให้เขาเข้าไปดูหนังพร้อมกับดื่มโค้กและกินป๊อบคอร์นภายในเมืองขนาดใหญ่อย่างเมืองปักกิ่งได้ทุกสัปดาห์
หลังจากถอนหายใจออกมาเบา ๆ เซี่ยเฟยก็ตัดสินใจวิดพื้นเพื่อฆ่าเวลาโดยการวางขาเอาไว้บนเตียงและวางฝ่ามือเอาไว้บนพื้น
“1, 2, 3, 4…”
ในทุก ๆ ครั้งที่เขาได้ออกกำลังกายมันก็จะมีเม็ดเหงื่อที่ค่อย ๆ ไหลออกมาจากศีรษะและทุก ๆ ครั้งที่เขาได้วิดพื้นลงมามันก็จะเพิ่มความยากลำบากมากยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่เซี่ยเฟยก็ไม่ได้มีความคิดที่จะยอมแพ้แม้แต่นิดเดียว
หลังจากที่เขาได้วิดพื้นจนเสร็จแล้วเขาก็หยุดพักเล็กน้อยก่อนที่จะทำการวิดพื้นอีกเซ็ต
เมื่อความเหนื่อยล้าได้เข้ามาปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย เซี่ยเฟยก็นอนลงบนเตียงและนำผ้าห่มมาคลุมศีรษะ หลังจากนั้นเขาก็ทำกิจวัตรประจำวันเหล่านี้ซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ตื่นนอน, อาบน้ำ, กินข้าว, วิดพื้นและเข้านอน
นี่เป็นกิจวัตรประจำวันที่เซี่ยเฟยได้ทำซ้ำ ๆ มาเป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือนแล้วและแน่นอนว่าในช่วงหนึ่งสัปดาห์เขาก็ต้องออกไปรับการสอบปากคำจากเจ้าอ้วนคอนเนอร์ด้วยเช่นกัน
หลังจากที่ไม่รู้ว่ากาลเวลาได้ผ่านพ้นไปนานเท่าไหร่ มันก็ได้มีเสียงฝีเท้าหลายก้าวเดินเข้ามาใกล้ห้องขังของเขา
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้ เซี่ยเฟยที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง เพราะโดยปกติฝีเท้าของเจ้าอ้วนคอนเนอร์จะทั้งหนักแน่นและเชื่องช้า แต่เสียงฝีเท้าอีกชุดหนึ่งกลับเป็นเสียงฝีเท้าที่เขาไม่คุ้นเคยและเมื่อพิจารณาจากเสียงแหลมที่กระทบกับพื้นแล้วมันก็น่าจะเป็นฝีเท้าของผู้ที่ใส่รองเท้าส้นสูง
“ผู้หญิง? ทำไมมันถึงมีผู้หญิงเข้ามาในคุก? ช่างมันเถอะฉันคงจะคิดมากเกินไปเอง” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองพร้อมกับล้มเลิกความคิดนี้ไปอย่างรวดเร็ว
ตึง ๆ ๆ!!
เอี๊ยด!!
ทันใดนั้นมันก็ได้มีเสียงของประตูโลหะได้เปิดออกพร้อมกับคนสองคนที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาภายในห้องทีละคน
เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่เซี่ยเฟยคุ้นเคยดีอยู่แล้วเพราะเขาจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปยังห้องสอบสวนก่อนที่จะต้องถูกถามด้วยคำถามหลายคำถามที่เขาไม่เคยเข้าใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“เฮ้!! จะถามผมอีกสักกี่ครั้งมันก็ไม่สำคัญหรอก ผมขอยืนยันเหมือนเดิมว่าผมชื่อเซี่ยเฟยอายุ 17 ปีเป็นชาวโลกที่มีเลขบัตรประชาชน ESS370402… ผมไม่มีเงิน, ไม่มีรถ, ไม่มีมีบ้าน, ไม่มีแฟนเฟินอะไรทั้งนั้นและผมก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณเรียกว่า ‘เงาอันธการ’ ด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยความหงุดหงิด
หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ลุกขึ้นจากเตียงเขาก็ค่อย ๆ ขยี้ดวงตาของเขาพร้อมกับกล่าวออกมาว่า
“ก็ได้ ๆ ผมจะตามคุณไปก็ได้ แต่คุณเข้าใจไหมว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่คือการละเมิดสิทธิมนุษยชนและถึงแม้ว่าดาวโลกจะเป็นดาวเคราะห์ที่ยังไม่ค่อยพัฒนา แต่ท้ายที่สุดพวกเราก็ยังคงเป็นมนุษย์”
อย่างไรก็ตามทันทีที่เซี่ยเฟยได้ลืมตาขึ้นมาเขาก็ต้องหยุดการเคลื่อนไหวไปอย่างกระทันหัน นั่นก็เพราะว่ามันได้มีผู้หญิงอันไม่คุ้นตามาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเขา
เธอคนนี้เป็นหญิงสาวที่มีส่วนสูงประมาณ 175 เซนติเมตร เธอมีรูปร่างค่อนข้างดีและเธอก็เป็นหญิงสาวที่มีผมสีแดง นอกจากนี้เมื่อพิจารณาจากรูปร่างลักษณะของเธอแล้วเธอก็น่าจะมีอายุอยู่ที่ประมาณ 27-28 ปีเท่านั้นและเธอยังเป็นสาวงามตามธรรมชาติที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้เครื่องสำอางในการตกแต่งใด ๆ อีกด้วย
หญิงสาวคนนี้ได้สวมใส่ชุดสูทสีเขียวที่มีตราสัญลักษณ์ดาวสีเงินติดอยู่ตรงบริเวณหน้าอกและตราสัญลักษณ์นั้นก็มีดาวระยิบระยับประดับอยู่ทั้งสิ้นสามดวง
ในเวลาเดียวกันหญิงสาวผมแดงก็จ้องมองมายังเซี่ยเฟยด้วยดวงตาอันเปล่งประกายจนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว ทันใดนั้นเธอก็หัวเราะออกมาซึ่งเซี่ยเฟยก็สังเกตเห็นลักยิ้มอันซุกซนตรงบริเวณแก้มซ้ายของเธอได้อย่างชัดเจน
“นี่น่ะหรอ ‘เงาอันธการ’ ที่คุณจับได้?”
‘เงาอันธการ’ เป็นนักฆ่าลึกลับที่โชคร้ายที่สุดในจักรวาลแห่งนี้ เพราะมันมีข่าวลือว่าเขาได้ลงมือไปเพียงแค่ครั้งเดียวแต่เขากลับได้กลายเป็นอาชญากรที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในจักรวาล
“เอ่อ… ผมคิดว่า…” เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวคอนเนอร์ก็เริ่มพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก
“ฉันไม่รู้นะว่าพวกคุณคิดยังไงและฉันก็ไม่อยากจะรู้ด้วย พวกคุณเป็นถึงหน่วยสืบลับแต่พวกคุณกลับปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างไร้ประสิทธิภาพ จู่ ๆ คุณก็จับมนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่ยังไม่ได้ปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 มาแล้วรายงานพวกเราว่าเขาคือเงาอันธการเนี่ยนะ?! คุณช่วยปฏิบัติงานแบบมืออาชีพหน่อยจะได้ไหม อย่างน้อยถ้าคุณต้องการจะจับ ‘แพะ’ คุณก็สมควรหา ‘แพะ’ ที่ดูน่าเชื่อมากกว่านี้!” หญิงสาวผมแดงกล่าวออกมาอย่างฉุนเฉียว
คำพูดเหล่านี้ได้ทำให้บนหน้าผากของคอร์เนอร์เริ่มเต็มไปด้วยหยดน้ำใส ๆ ดังนั้นเขาจึงได้หยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาทำการซับเหงื่อพร้อมกับพูดว่า
“ตอนที่พวกเรากำลังเข้าไปลาดตระเวนในดาวโลกพวกเราก็สังเกตเห็นว่าเขาได้สวมใส่สร้อยที่ทำขึ้นมาจากหินมัวร์ ซึ่งมันเป็นสร้อยหินชนิดเดียวกันกับที่เงาอันธการมักสวมใส่อยู่เป็นประจำครับ”
หลังจากกล่าวจบคอนเนอร์ก็ได้หยิบสร้อยสีแดงออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับยื่นให้กับสาวงามผมแดง โดยสร้อยนี้มีรูปร่างเหมือนกับหยดเลือดสดและบนสร้อยก็มีป้ายสีเหลืองที่มีคำว่า ‘หลักฐาน’ ติดอยู่
เมื่อหญิงสาวผมแดงได้เหลือบตามองสร้อยสีแดง มือของเธอก็เริ่มสั่นขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวโกรธ หลังจากนั้นเธอก็ขว้างสร้อยนี้ไปที่เซี่ยเฟย
‘เฮ้พี่สาว! ฉันถูกขโมยสร้อยไปแถมยังโดนจับมาขังคุกกว่าครึ่งเดือน แล้วพี่สาวยังจะมาขว้างสร้อยใส่ฉันอยู่อีกหรอ!’ ชายหนุ่มชาวโลกบ่นในใจ
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปก่อนที่เขาจะทำการฉีกป้ายหลักฐานบนสร้อยออกและทำการสวมใส่มันเข้าไปที่คอของเขาอีกครั้ง
“สร้อยแบบนี้มันมีวางขายตามตลาดนัดดวงดาวทุกที่นั่นแหละและถ้าหากว่าคุณมีเงินมากพอคุณก็สามารถที่จะซื้อสร้อยพวกนี้ได้เป็นร้อย ๆ เส้น แต่คุณกลับบอกว่ามนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่สวมใส่สร้อยเส้นนี้เป็นเงาอันธการเนี่ยนะ! ยิ่งไปกว่านั้นถึงมันจะมีข่าวลือว่าเงาอันธการได้สวมใส่สร้อยหินมัวร์ที่มีรูปร่างเหมือนหยดเลือด แต่มันก็ไม่มีใครรู้ว่าสร้อยเส้นนั้นหน้าตาเป็นยังไง” สาวผมแดงกล่าวออกมาด้วยความรังเกียจ
“แต่เขาเป็นแค่มนุษย์ดึกดำบรรพ์นะครับ? ทำไมเขาถึงมีสร้อยหินมัวร์ได้ล่ะ มันไม่น่าสงสัยไปหน่อยหรอ” คอนเนอร์พยายามหาเหตุผลให้กับตัวเอง
“แล้วทำไมมนุษย์ดึกดำบรรพ์จะมีสร้อยหินมัวร์ไม่ได้ คุณเคยไปสำรวจดาวเคราะห์ของพวกเขาอย่างจริงจังหรือเปล่า แล้วมันจะใช่เรื่องแปลกไหมถ้าหากว่าบนดาวเคราะห์ของพวกเขามันมีหินชนิดนี้อยู่” สาวผมแดงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
เมื่อได้ยินเช่นนั้นคอนเนอร์ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแต่ใช้ผ้าเช็ดหน้าคอยซับเหงื่อบนหน้าผาก โดยในตอนนี้เขากำลังรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมากและรู้สึกราวกับว่าสาวผมแดงคนนี้พร้อมจะฆ่าเขาได้ทุกเมื่อ
“ขอโทษด้วยนะพี่สาวคนสวย ผมไม่ได้ตั้งใจจะขัดจังหวะพวกคุณหรอกนะแต่ชื่อของผมคือเซี่ยเฟยและผมก็เป็นชาวโลกไม่ใช่มนุษย์ดึกดำบรรพ์” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย
“พี่สาวคนสวย? ช่างเป็นคำพูดที่ไม่เลวเลยจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่ในสายตาของฉันคุณก็ยังคงเป็นมนุษย์ดึกดำบรรพ์อยู่ดี แล้วมันก็คงเป็นเรื่องจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” สาวผมแดงหันกลับไปมองเซี่ยเฟยด้วยความประหลาดใจ
สายตาของสาวผมแดงในขณะนี้มันคล้ายกับมนุษย์ที่กำลังจ้องมองไปยังลิงชิมแพนซีแล้วมันก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
“พี่สาวผมเป็นมนุษย์จริง ๆ ไม่ใช่มนุษย์ดึกดำบรรพ์และผมก็ไม่ได้ใช้หินในการล่าสัตว์ด้วย” เซี่ยเฟยพยายามเผยรอยยิ้มที่เปล่งประกายราวกับดวงอาทิตย์
“อะไรกัน! นี่คุณคิดว่าการคุณไม่ได้ใช้หินในการล่าสัตว์ทำให้คุณไม่ใช่มนุษย์ดึกดำบรรพ์อย่างนั้นหรอ?” สาวผมแดงกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ หลังจากนั้นเธอก็หยิบเครื่องมือขนาดเล็กประมาณกล่องบุหรี่ออกมาก่อนที่เธอจะจิ้มลงไปบนเครื่องมือนี้เบา ๆ
ติ๊ด ๆ ๆ ๆ!!
ทันใดนั้นมันก็มีหน้าจอโฮโลแกรมฉายขึ้นมาบนอากาศและสาวผมแดงคนนี้ก็ทำการค้นหาข้อมูลคำว่า ‘โลก’ อย่างรวดเร็ว
“โลกถูกค้นพบโดยนักสำรวจอวกาศมาดอฟเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน โดยดาวเคราะห์ดวงนี้มีระดับอารยธรรมอยู่ระหว่างดาวเคราะห์ดึกดำบรรพ์กับดาวเคราะห์อารยธรรมระดับ 1 ซึ่งบนดาวโลกได้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 224 ประเทศและมีชาวโลกอาศัยอยู่ประมาณ 7,000 ล้านคน”
“โอกาสที่มนุษย์โลกจะปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 มีเพียง 1 ใน 100 ล้านคนเท่านั้นและพันธมิตรมนุษย์ระหว่างดวงดาวก็ได้กำหนดให้ดาวเคราะห์แห่งนี้มีระดับอารยธรรมอยู่ที่ 0.5” สาวผมแดงอ่านข้อมูลของดาวโลกที่แสดงอยู่บนหน้าจอโดยไม่ได้พยายามปกปิดน้ำเสียงอันเยาะเย้ยของเธอเลย
“มันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจจริง ๆ ที่ดาวโลกเป็นเพียงแค่ดาวเคราะห์ที่มีระดับอารยธรรมอยู่ที่ 0.5 เท่านั้นและเมื่อนำมันมาเทียบกับดาวเคราะห์เป็นจำนวนมากที่อยู่ภายในอวกาศ คุณก็เป็นเพียงแค่มนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่เพิ่งเรียนรู้วิธีการมองดูดวงดาวบนท้องฟ้า”
คำพูดของหญิงสาวได้ทำให้คอนเนอร์ส่งเสียงหัวเราะออกมาแล้วมันก็ทำให้พุงขนาดใหญ่ของเขากระเพื่อมขึ้นลงไปตามเสียงหัวเราะอีกด้วย
“นี่คุณยังกล้าที่จะหัวเราะออกมาอยู่อีกหรอ!! หน่วยสืบลับดาวบลูซีของคุณแย่กว่ามนุษย์ดึกดำบรรพ์พวกนี้เสียอีก!” สาวผมแดงกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปยังคอนเนอร์ด้วยสายตาอันเย็นชา
เมื่อได้ยินเช่นนั้นคอนเนอร์ก็ระงับเสียงหัวเราะของตัวเองอย่างฉับพลันพร้อมกับเกาศีรษะของเขาด้วยความขุ่นเคือง แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดจาตอบโต้อะไรกลับไป
แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้ทำให้เซี่ยเฟยถึงกับพูดไม่ออกและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอกับปัญหาในการพิสูจน์ว่าตัวเองคือมนุษย์
“เอาล่ะพี่สาวฟังผมนะ เรื่องแรกรัฐบาลของสหพันธ์โลกได้จัดตั้งอาคารสมาพันธ์ตามคำร้องขอของพันธมิตรมนุษย์ระหว่างดวงดาวแล้ว ส่วนเรื่องที่สองโอกาสในการปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของมนุษย์โลกก็ไม่ใช่ 1 ใน 100 ล้านคนแต่เป็น 1 ใน 1 ล้านคนต่างหาก ส่วนเรื่องที่สาม…”
เซี่ยเฟยจ้องมองไปยังความว่างเปล่าชั่วครู่ก่อนที่เขาจะถอนหายใจแล้วกล่าวออกมาว่า
“ช่างมันเถอะ! ทำไมผมจะต้องมาอธิบายให้พี่สาวฟังด้วย ท้ายที่สุดถึงแม้ว่าดาวโลกจะไม่ใช่ดาวเคราะห์ที่มีอารยธรรมสูงแล้วเรื่องนี้มันจะเกี่ยวอะไรกับผม”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นสาวผมแดงก็ส่งเสียงหัวเราะและกล่าวออกมาว่า
“คุณจะบอกว่ามันไม่เกี่ยวกับคุณได้ยังไง ท้ายที่สุดดาวโลกก็เป็นดาวบ้านเกิดของคุณ ถึงแม้ว่ามันจะค่อนข้างเป็นดาวดึกดำบรรพ์ก็ตาม”
“ดาวโลกเป็นดาวอารยธรรมชั้นต่ำแล้วยังไงล่ะ ท้ายที่สุดเรื่องนี้มันก็ไม่เกี่ยวกับผมและผมก็ยังต้องออกไปทำงานทุกวันพร้อมกับต้องจ่ายภาษีให้กับพวกรัฐบาลอยู่ดี” เซี่ยเฟยยืนขึ้นพร้อมกับกล่าวออกมา หลังจากนั้นเขาก็ได้จ้องมองไปยังตราสัญลักษณ์ตรงบริเวณหน้าอกของสาวงามอย่างใกล้ชิดก่อนที่จะอุทานออกมาว่า
“เอ๊ะ! นั่นมันเครื่องหมายของจัสทิสใช่ไหม คุณคือจัสทิสสินะ! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าอ้วนคอนเนอร์ถึงรู้สึกกลัวคุณมากขนาดนั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นคอนเนอร์ก็ได้จ้องมองไปยังเซี่ยเฟยแต่เขาก็ไม่ได้พูดจาคัดค้านออกมาแต่อย่างใด เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่เซี่ยเฟยพูดออกมาก็เป็นเรื่องจริง
เขาเป็นเพียงแค่หัวหน้าหน่วยสืบลับของดาวเคราะห์อารยธรรมระดับ 1 เท่านั้น มันจึงทำให้เขาเป็นเพียงแค่มดแมลงตัวน้อย ๆ ต่อหน้าจัสทิส ยิ่งไปกว่านั้นหญิงสาวคนนี้ยังเป็นถึงจัสทิสระดับ 3 ดาวเงินอีกด้วย
“อะไรกันมนุษย์ดึกดำบรรพ์อย่างคุณรู้จักจัสทิสด้วยงั้นหรอ” สาวสวยผมแดงกล่าวขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
“เมื่อปีที่แล้วมันมีสมาพันธ์จัสทิสจัดตั้งขึ้นบนโลกมนุษย์และผมก็ได้ยินมาว่าจัสทิสเป็นหนึ่งในอาชีพที่มีเกียรติมากที่สุดในจักรวาล ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่ามันเป็นอาชีพที่มีเกียรติมากแค่ไหนแต่ผมก็รู้ว่าจัสทิสทุกคนต่างก็รวยมาก!”
“สมกับเป็นมนุษย์ดึกดำบรรพ์จากดาวเคราะห์ที่ไร้อารยธรรมจริง ๆ จัสทิสเป็นอาชีพอันยิ่งใหญ่แล้วคุณเอาพวกเขามาวัดค่าจากเงินได้ยังไง” คอนเนอร์กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ หลังจากนั้นเขาก็ได้คิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะได้ประจบประแจงเอาใจหญิงสาวคนนี้
“จัสทิสกับเฮอร์มิทเป็นสองอาชีพที่สุดยอดที่สุดภายในจักรวาล พวกเขาสามารถที่จะเข้าสู่พื้นที่ลับของดาวเคราะห์ส่วนใหญ่ได้อย่างอิสระ นอกจากนี้พวกเขายังสามารถกู้เงินปลอดดอกเบี้ยจำนวน 1 ล้านสตาร์คอยน์ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้หลักประกันใด ๆ อีกด้วย”
“ขณะเดียวกันเมื่อมันมีบุคคลใดได้รับการประกาศให้เป็นอาชญากรจากสมาพันธ์จัสทิส เหล่าบรรดาจัสทิสก็จะมีสิทธิ์ทำการพิพากษาอาชญากรเหล่านี้ได้โดยไม่ถูกจำกัดโดยกฎหมายใด ๆ และคำตัดสินของพวกเขาก็ถือได้ว่ามีอำนาจสูงสุด ดังนั้นถึงแม้ว่าจัสทิสจะตัดสินผิดไปประหารชีวิตประธานาธิบดีบนดาวโกโรโกโสของคุณแต่พวกจัสทิสก็จะไม่ถูกดำเนินคดีใด ๆ”
“ในขณะเดียวกันเจตนาใด ๆ ที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อจัสทิสจะถือว่าเป็นการประกาศสงครามกับสมาพันธ์จัสทิสทั้งหมดและผู้กระทำความผิดจะถูกจดชื่อเอาไว้ภายในบัญชีดำและจะถูกไล่ล่าไปตลอดชีวิต” คอนเนอร์กล่าวอธิบาย
“เข้าใจแล้ว! พวกจัสทิสคือพวกคนรวยที่อยู่เหนือกฎหมายสินะ! ช่วยบอกผมทีว่าผมจะเป็นจัสทิสได้ยังไง”
สิทธิพิเศษอันน่าสะพรึงกลัวของจัสทิสทำให้ดวงตาของเซี่ยเฟยเปล่งประกายออกมาด้วยความตื่นเต้น
“ฮ่า ๆ ๆ คุณเป็นเพียงแค่มนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่ยังไม่ได้ปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ด้วยซ้ำ แต่คุณกลับบอกว่าต้องการจะเป็นจัสทิสอย่างนั้นหรอ? เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ตลกที่สุดในชีวิตเท่าที่ฉันเคยได้ยินมาเลย”
“เอาล่ะ ฉันยังมีธุระที่ต้องกลับไปจัดการ เอาไว้เจอกันใหม่แล้วกันนะหนุ่มน้อย” หญิงสาวกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเย่อหยิ่ง
หลังจากกล่าวจบสาวผมแดงก็หันหลังและเตรียมตัวจะจากไปซึ่งเจ้าอ้วนคอนเนอร์ก็รีบวิ่งไปเปิดประตูให้กับเธออย่างสุภาพ
อย่างไรก็ตามเมื่อสาวผมแดงได้เดินไปจนถึงบริเวณประตูเธอก็หยุดอยู่ที่เดิมอย่างฉับพลันก่อนที่เธอจะหันกลับมาที่เซี่ยเฟยและกล่าวออกมาว่า
“ไม่สิ..ฉันลืมไปว่าคุณเป็นเพียงแค่มนุษย์ดึกดำบรรพ์ ดังนั้นพวกเราไม่จำเป็นที่จะต้องพบกันอีก”
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็ไม่ได้สนใจคำพูดอันเย่อหยิ่งของสาวงามคนนี้เลย แต่สมองของเขากลับกำลังประมวลความคิดอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวก่อน! พวกคุณจะเอายังไงกับผมต่อกันแน่” เซี่ยเฟยกล่าวถามออกไปอย่างใจเย็น
“มันก็เป็นเรื่องปกตินี่ที่พวกเราจะต้องทำการส่งตัวคุณกลับไป คุณคิดว่าพวกเราจะเลี้ยงดูคุณไปตลอดชีวิตหรือยังไง” คอนเนอร์กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันไม่พอใจ
“ผมถูกพวกคุณจับมาขังที่นี่ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นคนบริสุทธิ์และผมก็ต้องเสียเวลาไป 15 วันกับอีก 8 ชั่วโมงในการถูกขังอยู่ที่นี่ ดังนั้นพวกคุณจะต้องจ่ายค่าชดเชยมาให้กับผมด้วย” เซี่ยเฟยยื่นมือออกไปพร้อมกับเผยรอยยิ้มอันชั่วร้าย
“ค่าชดเชย?”
“นี่คุณ!”
“คุณอย่าลืมว่าพวกเราได้ทำการฝังไมโครชิพแปลภาษาไว้ในตัวคุณแล้ว ไม่อย่างนั้นคุณก็ไม่มีทางเข้าใจภาษาของพวกเราด้วยซ้ำ คุณรู้หรือเปล่าว่าราคาของไมโครชิพแปลภาษาแพงแค่ไหนและในฐานะที่คุณเป็นเพียงแค่มนุษย์ในดาวเคราะห์ไร้อารยธรรม ต่อให้คุณทำงานไปชั่วชีวิตแต่คุณก็ไม่มีทางที่จะจ่ายเงินค่าไมโครชิพแปลภาษาได้!” คอนเนอร์กล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าอันซีดเผือด
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยเฟยก็เหมือนกับนึกอะไรได้บางอย่างและเขาก็ได้เอื้อมมือไปยังหลังคอของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ปัจจุบันตรงบริเวณหลังคอของเขามีรอยแผลสีแดงประดับอยู่ซึ่งมันเป็นรอยแผลที่เกิดขึ้นมาจากการถูกฝังไมโครชิพแปลภาษา
“ขอบคุณสำหรับคำเตือน ผมเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้วนะเนี่ย! ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็จะต้องชดเชยการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนในเรื่องนี้ด้วย ผมไม่ได้ขอให้คุณทำการฝังไมโครชิพภายในตัวของผมด้วยซ้ำ คุณรู้ไหมว่าผมรู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหนในตอนที่ถูกฝังไมโครชิพอันนี้เอาไว้ในร่างกาย”
คำพูดของเซี่ยเฟยทำให้คอนเนอร์รู้สึกไม่พอใจอย่างแท้จริงและถ้าหากว่าเป็นไปได้เขาก็อยากจะบีบคอเซี่ยเฟยให้ตายไปในตอนนี้เลย อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้มีเพียงแค่การหันไปถามหญิงสาวผมแดงว่า
“ไม่ทราบว่าคุณคิดพิจารณาเรื่องนี้ว่ายังไงบ้าง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวผมแดงก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มและคำพูดของเซี่ยเฟยก็ทำให้เธอรู้สึกอารมณ์ดีอย่างแท้จริง
“นี่มันเป็นเรื่องของพวกคุณ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน? แต่เนื่องมาจากว่าเรื่องนี้มันเริ่มต้นขึ้นมาจากความผิดพลาดของคุณ ดังนั้นมันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลถ้าหากว่าคุณจะต้องจ่ายค่าชดเชย”
“นั่นสินะ องค์กรตำรวจของพวกเราเป็นองค์กรที่ยุติธรรมอยู่เสมอและการจ่ายค่าชดเชยก็เป็นเรื่องที่พวกเราทำเป็นประจำอยู่แล้ว” คอนเนอร์กล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“พวกเราจะให้ค่าชดเชยสำหรับการถูกจับขังอยู่ที่นี่วันละ 300 สตาร์คอยน์และการที่คุณได้อยู่ที่นี่เป็นเวลา 16 วัน มันก็หมายความว่าพวกเราจะให้เงินชดเชยกับคุณทั้งสิ้น 4,800 สตาร์คอยน์ หวังว่าค่าชดเชยพวกนี้จะทำให้คุณรู้สึกพึงพอใจ” คอนเนอร์กัดฟันพร้อมกับกล่าวกับเซี่ยเฟย
หากได้นำเงินจำนวน 4,800 สตาร์คอยน์ไปแปลงเป็นสกุลเงินของโลกมันก็จะกลายเป็นเงินจำนวนมหาศาล เพราะท้ายที่สุดสตาร์คอยน์ก็เป็นหนึ่งในสกุลเงินสากลของจักรวาลมันจึงมีค่ามากกว่าแอลไลคอยน์ของโลกอย่างไม่สามารถจะนำมาเปรียบเทียบกันได้ แล้วมันก็คงจะไม่มีคนโง่ที่ไหนนำสตาร์คอยน์ไปแลกเปลี่ยนกับเงินบนดาวเคราะห์อารยธรรมระดับ 0.5
“ไม่! ผมคิดว่ามันจะสมเหตุสมผลมากกว่าถ้าหากว่าคุณจะจ่ายค่าชดเชยให้กับผมเป็นน้ำยาปรับสภาพยีน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“อะไรนะ?! ทำไมคุณถึงไม่ขอยานอวกาศไปเลยล่ะ” คำขอของเซี่ยเฟยทำให้สีหน้าของคอนเนอร์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ในขณะเดียวกันสาวผมแดงก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาแล้วเธอก็อดที่จะชื่นชมความเจ้าเล่ห์ของเซี่ยเฟยขึ้นมาไม่ได้
“นี่ช่างเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ การจ่ายค่าชดเชยเป็นน้ำยาปรับสภาพยีนถือได้ว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วและถ้าหากว่าคุณโชคดีมากพอคุณก็อาจจะสามารถปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ขึ้นมาก็ได้ ซึ่งมันจะทำให้คุณได้กลายเป็นคนที่มีพลังพิเศษ!!”
“แต่ที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือบนดาวเคราะห์อารยธรรมระดับ 0.5 ไม่สามารถที่จะหาซื้อน้ำยาปรับสภาพยีนได้แม้ว่าจะมีเงินเป็นจำนวนมหาศาลก็ตาม มนุษย์ดึกดำบรรพ์ฉันต้องขอยอมรับว่าคุณค่อนข้างจะเป็นคนที่ฉลาดพอสมควรเลยทีเดียว” สาวผมแดงกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“หัวหน้าคอนเนอร์ไม่ทราบว่าคุณกำลังคิดที่จะทำตามคำขอของเขาอยู่หรือเปล่า”
คำขอของเซี่ยเฟยในครั้งนี้ได้ทำให้คอนเนอร์รู้สึกโกรธจนใบหน้าถึงกับบิดเบี้ยว แต่ในทันใดนั้นเขาก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้
“ไม่มีปัญหาครับ เรื่องแค่นี้ถือได้ว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยอยู่แล้ว ท้ายที่สุดมันก็แค่น้ำยาปรับสภาพยีนเพียงขวดเดียว ผมจะนำมันมามอบให้กับเขาในภายหลัง” คอนเนอร์กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยเฟยก็แทบที่จะไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง แต่กว่าที่เขาจะคิดอะไรบางอย่างได้ร่างของคอนเนอร์และหญิงสาวผมแดงก็ได้หายออกไปจากห้องขังแห่งนี้แล้ว
“โถ่เว้ย! ดูเหมือนว่าน้ำยาปรับสภาพยีนจะเป็นของถูกของที่นี่สินะ รู้งี้ฉันน่าจะขอน้ำยาเพิ่มไปอีกสองขวด!” เซี่ยเฟยกล่าวกับตัวเองด้วยความไม่พอใจ
—
ในขณะเดียวกันคอนเนอร์ก็ส่งสาวผมแดงออกจากกองบัญชาการหน่วยสืบลับด้วยความเคารพ
“คุณจะให้น้ำยาปรับสภาพยีนกับเขาจริง ๆ หรอ? คุณก็น่าจะรู้ว่าแม้แต่น้ำยาปรับสภาพยีนที่ถูกที่สุดก็มีราคาอยู่ไม่น้อยกว่า 50,000 สตาร์คอยน์” สาวผมแดงกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นคอนเนอร์ก็ตบท้องของตัวเองอย่างแรง ซึ่งในความเป็นจริงเขาก็อยากจะตบไปที่หน้าอกแต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างที่อยู่ใต้ศีรษะของเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นพุงทั้งหมด
“พวกเราคือหน่วยสืบลับและการจ่ายค่าชดเชยจำนวนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินกว่าความสามารถของพวกเราครับ นอกจากนี้พวกเรายังจำคุกเขาเอาไว้โดยไม่มีความผิดเป็นเวลานาน ดังนั้นมันเป็นเรื่องปกติที่พวกเราจะต้องจ่ายค่าชดเชย” คอนเนอร์กล่าวโอ้อวดอย่างไร้ยางอาย
เมื่อได้ยินเช่นนั้นสาวผมแดงก็เผยรอยยิ้มออกมาเป็นคำตอบ จากนั้นเธอก็เดินขึ้นไปบนรถโฮเวอร์สีแดงเปิดประทุนก่อนที่จะหายตัวออกไปจากสถานที่แห่งนี้โดยไม่หันหลังกลับมาเลยแม้แต่นิดเดียว
*รถโฮเวอร์ คือ รถลอยได้
หลังจากนั้นคอนเนอร์ก็ได้กลับมายังห้องทำงานของเขาบนชั้น 26 ก่อนที่เขาจะได้นั่งลงบนเก้าอี้ขนาดใหญ่และได้เผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา
ต่อมาเขาก็ได้ใช้นิ้วอันอ้วนกลมกดลงบนโต๊ะก่อนที่มันจะได้มีหน้าจอโฮโลแกรมปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลัน โดยภาพบนหน้าจอนั้นมีชายชุดดำที่ดูมีอายุราว ๆ 30 ปีปรากฏตัวขึ้นมา ซึ่งชายคนนี้มีรูปร่างผอมแห้งเหมือนกับไม้เสียบผี
“หัวหน้ามีอะไรหรือเปล่าครับ” ชายคนนั้นกล่าวถาม
“เฮ่ยหนาน ฉันจำได้ว่าเมื่อวานพวกเรากำลังตรวจสอบชุดน้ำยาปรับสภาพยีนที่ลักลอบนำเข้ามาใช่ไหม?”
“ใช่แล้วครับ มันมีน้ำยาปรับสภาพยีนถูกลักลอบนำเข้ามาทั้งหมด 74 ขวด แล้วมันก็ไม่มีน้ำยาขวดไหนสักขวดที่ติดฉลาก ผมกำลังสงสัยว่าน้ำยาพวกนี้น่าจะเป็นของปลอม”
“ดีมาก! ถ้าอย่างนั้นเอาน้ำยาไม่มีฉลากไปมอบให้กับเจ้าเด็กดาวโลกในชั้นใต้ดินชั้นที่ 7 ขวดนึง จำเอาไว้ว่าไม่ต้องอธิบายอะไรและขอให้มันกินน้ำยาเข้าไปหลังจากที่ได้กลับไปยังดาวโลกแล้วเท่านั้น” คอนเนอร์กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
“หัวหน้า! น้ำยาพวกนั้นยังไม่สามารถระบุที่มาได้เลยนะครับ นอกจากนี้รายงานการตรวจสอบของน้ำยาก็ยังไม่ออกมา ถ้าหากว่ามันมีใครสักคนได้ดื่มน้ำยาพวกนี้ไปมันก็อาจจะทำให้เขาตายได้เลย” เฮ่ยหนานกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
ปัง!!
“ทำตามคำสั่งไปซะ! ไม่ต้องตั้งคำถาม!!” คอนเนอร์กล่าวพร้อมกับเอามือกระแทกโต๊ะด้วยท่าทางอันโกรธเกรี้ยวและก่อนที่เฮ่ยหนานจะได้ตอบอะไรกลับไปคอนเนอร์ก็ปิดหน้าจอสื่อสารไปแล้ว
“ไอ้หนูเอ็งเป็นคนขอน้ำยานั่นเองนะ” คอนเนอร์พึมพำกับตัวเองพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างโหดเหี้ยม
—
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเซี่ยเฟยก็ได้รับกล่องที่บรรจุน้ำยาปรับสภาพยีนและเขาก็กำลังนั่งยานอวกาศเพื่อกลับไปยังโลกมนุษย์
ในเวลาเดียวกันหน้าจอสื่อสารของคอนเนอร์ก็ได้ถูกเปิดขึ้นอย่างฉับพลันเนื่องมาจากเขาได้รับการติดต่อมาอย่างเร่งด่วน
“หัวหน้า! แย่แล้ว! ผลการตรวจสอบได้รายงานออกมาว่าน้ำยาปรับสภาพยีนพวกนั้นคือน้ำยาหยกม่วง!!” เฮ่ยหนานกล่าวขึ้นมาอย่างเร่งรีบ
“น้ำยาหยกม่วง? มันคืออะไร?” คอนเนอร์กล่าวถามด้วยความสับสนเล็กน้อย
“หัวหน้า! น้ำยาหยกม่วงเป็นน้ำยาปรับสภาพยีนระดับสูงที่ถูกคิดค้นโดยดร.แฮร์ริส ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าตั้งแต่เมื่อ 13 ปีก่อน ว่ากันว่าเขาได้ใช้เวลาในการค้นคว้าก่อนที่จะทำการผลิตน้ำยาชนิดนี้มาเป็นเวลานานกว่า 60 ปี แต่ในระหว่างการทดลองผู้เข้าร่วมการทดสอบทั้ง 179 คนต่างก็เสียชีวิตทั้งหมด ส่วนตัวแฮร์ริสก็หนีไปเพราะกลัวว่าจะโดนลงโทษ มันจึงทำให้น้ำยาปรับสภาพยีนพวกนั้นมันไม่ใช่น้ำยาปรับสภาพยีนอีกต่อไป แต่มันเป็นยาพิษที่ร้ายแรงถึงชีวิต!” เฮ่ยหนานกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าอันกังวล
“อ๋อ! ฉันจำได้แล้ว! มันใช่น้ำยาปรับสภาพยีนที่ถูกระบุประเภทว่าเป็นน้ำยาต้องห้ามระดับจักรวาลใช่ไหม? แล้วทำไมมันถึงถูกเอามาวางขายในตลาดได้? เจ้าพวกนั้นจะต้องได้รับโทษประหารชีวิต!” คอนเนอร์กล่าวพร้อมกับพยักหน้าหลังจากที่เขาได้ตระหนักว่าน้ำยาพวกนั้นคืออะไร
“เข้าใจแล้วครับ ว่าแต่..เราจะทำยังไงเรื่องชายหนุ่มคนนั้นดีล่ะครับ?” เฮ่ยหนานกล่าวถามอย่างลังเล
“ชายหนุ่มคนไหน? พวกเราไม่ได้ทำอะไรลงไปสักหน่อย” คอนเนอร์กล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าอันไม่แยแส
***************
เอาแล้ว!! ถ้าเซี่ยเฟยได้ดื่มน้ำยาหยกม่วงเข้าไปมันจะเป็นยังไงกันน๊อ…
ปล. ทางเพจสนพ.เซียนอ่านเปิดตัวกลุ่มเฟสพี่เฟยน๊า ใครสนใจติดต่อสอบถามได้ทางเพจเลยจ้า
https://www.facebook.com/xianaan.th/
ปล.เรื่องนี้มี E-Book แล้วน๊า สามารถซื้อสะสมหรืออ่านกันได้ทาง meb และปิ่นโตได้เลยนะคะและขอบคุณที่ติดตามผลงานกันน๊า
meb https://bit.ly/3NZ3Qca ปิ่นโต https://bit.ly/3M9vXUI
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 847
แสดงความคิดเห็น