ภูพิง-อิงธารา บทที่ 14
เสียงของป้ามะลิที่พูดคุยกับคนของบ้านใหญ่อยู่หน้าบ้านดังมาได้สักระยะแล้ว ตอนแรกอิงธาราทำทีว่าจะไม่ใส่ใจ แต่พอจับใจความได้ว่ามันน่าจะเกียวกับเธอ หญิงสาวจึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนอนตัวบางเป็นชุดลำลองเดินออกมาเพื่อสอบถาม หญิงสาวแปลกใจที่เห็นคนงานหลายคนถือกระเป๋าสำภาระยืนอยู่หน้าบันได แต่ความแปลกใจก็ทบทวีเมื่อเห็นว่าเวลายังคงเช้าอยู่มาก
"มาทำอะไรกันแต่เช้าคะพี่กันตา" ใช่แล้ว...หัวหน้าแม่บ้านของครอบครัวพชรวกรคือกันตา คนเดียวกันกับแม่บ้านที่อยู่คฤหาสน์กลางเกาะนั่นเอง
"พอดีคุณท่านกับคุณแคทจะไปเยี่ยมเพื่อนที่เชียงใหม่ ท่านจึงให้ขนของของคุณภูมาไว้ที่...เอ่อ...ที่บ้านนี้ค่ะ" กันตาไขข้อข้องใจ เมื่อทราบเหตุผลของความวุ่นวายอิงธาราจึงพยักหน้าอนุญาตให้คนงานยกสัมภาระทั้งหมดเข้ามาเก็บไว้ยังห้องนอนของเธอ
หัวหน้าแม่บ้านแอบถอนใจ ตอนแรกนึกว่าสะใภ้คนโตของคุณท่านจะปฏิเสทเสียแล้ว อุตส่าห์คิดหาคำเพื่อหว่านล้อมเจ้าหล่อน สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้เสียนี่ อีกอย่างกันตาเองก็รู้สึกเอ็นดูหญิงสาวอยู่ไม่น้อย ทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำจากคนบ้านนี้แท้ๆ แต่เธอกลับแยกแยะได้ว่าไม่ควรโกรธเกลียดคนทั้งบ้าน เธอวางตัวเหมาะสม และดูจะให้ความเคารพคุณท่านอย่างจริงใจ
"เอ่อ...มีอีกเรื่องค่ะ..." กันตารีบแจ้งอีกเรื่อง กะว่าพูดจบก็จะผละจากไปทันที
"ยังมีอะไรอีกคะ" อิงธารารู้สึกสังหรณ์ไม่ดีอย่างไรบอกไม่ถูก
"คุณท่านจะให้คนงานหญิงรวมถึงป้ามะลิไปทำความสะอาดบ้านกลางเกาะค่ะ ท่านว่าจะไว้เตรียมต้อนรับเพื่อนที่มาจากต่างประเทศ" หญิงสาวพยักหน้ารับทราบ คิดว่าป้ามะลิและคนงานก็คงไปกันไม่กี่วัน
"ไปกี่วันล่ะแม่กันตา ป้าจะได้เตรียมเสื้อผ้าไปถูก" คนที่ถามคือหญิงสูงวัย
"น่าจะประมาณสามเดือนจ้ะป้า ไม่ต้องเตรียมไปเยอะก็ได้ เดี๋ยวฉันพาไปเดินดูที่ตลาด"
"ฮะ! อะไรนะ ไปกันตั้งสามเดือนเลยเหรอ" คนที่ตกใจไม่ใช่ป้ามะลิแต่เป็นอิงธารา นี่คงเป็นความคิดแผลงๆ ของนายเหนือหัวของบ้านแน่ๆ เขาคงตั้งใจจะให้เธอกับหลานชายใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันล่ะซิ ถึงได้สร้างสถานการณ์ขึ้นมาอย่างนี้ แต่อย่างน้อยก็ยังเหลือคีรีอีกคนที่เป็นที่พึ่งสุดท้าย
"ใช่ค่ะ เอาล่ะป้าประมาณเก้าโมงเช้ามารวมตัวที่หน้าบ้านใหญ่นะ อย่าเลสล่ะเพราะคุณคีจะไปด้วย"
"อะไรนะ คีรีไปด้วยเหรอ" เสียงอุทานของอิงธาราทำให้คนงานเดินก้มหน้างุดๆ รีบลงบันไดไปทันที ไม่ว่าใครก็มองออกว่าคุณท่านต้องการอะไร แต่คนงานอย่างพวกเขาจะไปใส่ใจทำไม เพราะมันเป็นเรื่องของเจ้านาย
'หมดกันที่พึ่งของเธอ' อิงธารานั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่หน้าบ้าน หลังจากไปส่งแคทริยากับลุงอรรถรวมถึงป้ามะลิขึ้นรถ หญิงสาวได้แต่หวังว่าภูพิงจะไม่อยากกลับบ้านในยามนี้ ไม่งั้นเธอคงลำบากแน่ๆ แต่อิงธาราไม่รู้ว่าความยุ่งยากของเธอได้เคลื่อนรถมาจอดยังหน้าประตูบ้านเสียแล้ว
"คุณน้ำอิงคะ มีแขกมาขอพบค่ะ" ลูกจ้างสาวที่ลุงอรรถทิ้งไว้ให้ดูแลบ้านใหญ่และอาหารการกินของเธอวิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดยืนที่หน้าเรือนหอของอิงธารา
"แขกมาขอพบฉันเหรอ" ลูกจ้างสาวพยักหน้าแรงๆ
"ใช่ค่ะ เหมียวเลยให้เขาไปรอที่ศาลาสระบัว"
"ผู้หญิงหรือผู้ชายจ๊ะ" หญิงสาวถามพลางสวมรองเท้าเดินนำหน้าลูกจ้างชื่อเหมียวไป
"ผู้ชายค่ะ" อิงธาราขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
"งั้นเหมียวเตรียมของว่างมารับแขกหน่อยแล้วกันนะจ๊ะ" เธอหันไปบอกเด็กเหมียวที่เดินตามหลังมาติดๆ
""เหมียวบอกป้าโสพาแล้วค่ะ เอ่อ! คุณน้ำอิงคะ เหมียวจะอยู่แถวนี้นะคะ ถ้ามีอะไรก็เรียกเหมียวดังๆเลยนะคะ" คำพูดของเด็กเหมียวทำให้อิงธารายิ่งแปลกใจ แต่ยังไม่ทันได้ถามให้หายสงสัยเด็กเหมียวก็เลี้ยวหายไปอีกทางทันที
ใครกันที่มาพบเธอในยามนี้ จะว่าเพื่อนชายสมัยเรียนก็ขาดการติดต่อไปนานแล้ว อีกอย่างเพื่อนผู้ชายของเธอแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ แต่อิงธาราก็ไม่ต้องเดานานนักเมื่อสองขาพาเธอก้าวเข้ามายังศาลาหลังน้อยที่อยู่ริมสระบัวซึ่งเป็นที่รับแขกของบ้านพชรวกร อดนึกถึงคำพูดของเด็กเหมียวก็รู้สึกอุ่นหัวใจ นี่คงเป็นคำสั่งของแคทริยาแน่ๆ
"สวัสดีค่ะพี่นาย ไปไงมาไงคะเนี่ย" อิงธาราส่งยิ้มบาง พลางผายมือให้ชายหนุ่มที่ยืนรับลมนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเธอ
กฤตดนัยกวาดตามองหญิงสาวตรงหน้าเพื่อหาร่องรอยความหม่นเศร้า แต่ก็ปราศจากร่องรอยใดๆ ทั้งจากสีหน้าและดวงตาคมซึ้งของเธอ ก็เขาได้ยินว่าเธอจำใจแต่งงานกับไอ้ภูพิงเพียงเพราะเพื่อจะกลบข่าวภาพอุบาดที่หลุดออกมา เขาคิดว่าเธอจะต้องทุกข์ระทมใจ แต่ทำไมหญิงสาวตรงหน้ากลับไม่มีอาการโศกเศร้าให้เขาเห็นเลย เธอน่าจะแสดงออกมาเพื่อขอความเห็นใจจากเขาไม่ใช่หรือไร
"เป็นยังไงบ้างคะ อยู่ที่นี่สะดวกสบายไหม" เขาหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามหญิงสาว
"ดีค่ะ คนที่นี่ดูแลน้ำอิงดีมากค่ะ ว่าแต่พี่นายมีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมถึงได้มาที่นี่ได้" อิงธาราถามถึงเหตุผลที่เขามาที่นี่ อีกอย่างก็จะหาวิธีจบบทสนทนาให้เร็วที่สุด ถ้าภูพิงกลับมาเห็นคงไม่เป็นผลดีต่อตัวเธอแน่ๆ
"พี่เป็นห่วงน้ำอิง อยากมาเห็นกับตาว่าไม่ถูกคนบ้านนี้รังแกเอา ใครๆ ก็รู้ว่าน้ำอิงไม่ได้เต็มใจแต่งงานกับไอ้ภูพิง" กฤตดนัยพูดอย่างเดือดดาล
"ทำไมถึงได้มีรูปนั้นหลุดออกมา น้ำอิงพอจะเล่าให้พี่ฟังได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น" กฤตดนัยเอื้อมมือไปกุมมือหญิงสาวที่วางซ็อนกันบนโต๊ะ
"เอ่อ! มันเป็นอุบัติเหตุค่ะ หญิงสาวตอบเลี่ยงๆ เมื่อเห็นว่าเด็กเหมียวยกถาดเครื่องดื่มมาอิงธาราจึงดึงมือที่ถูกกุมด้วยอาการสุภาพแล้วเดินไปรับถาดจากเด็กสาว
"อีกอย่างเรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว น้ำอิงเองก็ไม่ได้ลำบากใจอะไร ขอบคุณพี่นายที่เป็นห่วงนะคะ" เธอเลื่อนแก้วน้ำไปตรงหน้าเขา ชายหนุ่มเพียงมองหน้าเธอนิ่งนาน อิงธาราไม่ได้จ้องตากลับแต่หลุบตาลงมองแก้วน้ำในมือ ได้แต่ปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมันไป
"น้ำอิงยังไม่ถูกไอ้ภูพิงล่วงเกินใช่ไหม"
ในที่สุดกฤตดนัยก็ถามในสิ่งที่รบกวนจิตใจเขาตั้งแต่ได้เห็นภาพที่วีร์นัชชาเอามาให้เขาดูในวันนั้น ภาพของเธอที่ถูกตระกองกอดและจูบกับไอ้หมอนั่นอย่างดูดดื่ม จะมองมุมไหนก็ไม่เห็นเหลี่ยมมุมของกล้อง เขาอุตส่าห์ทะนุถนอมเธอมาหลายปี แต่จู่ๆ ก็ถูกไอ้ภูพิงคาบไปเสียได้ ถ้าเขารีบรวบรัดไม่มัวมาสร้างภาพเป็นคนดีป่านนี้เขาก็ได้ทั้งพี่ทั้งน้อง ไม่ต้องทนอยู่กับวีร์นัชชาผู้หญิงน่ารำคาญ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ แต่พอเห็นดวงตาคมซึ้งของหญิงสาวที่ช้อนขึ้นมอง กฤตดนัยก็หมายมาดอยู่ในใจว่าเขาจะต้องทำให้อิงธาราเชื่อมั่นในความรักของเขาอีกครั้งให้ได้ แม้ว่าเธอจะเคยตกเป็นของไอ้ภูพิงหรือไม่ก็ตามที
"เขาไม่ได้ทำอะไรน้ำอิงค่ะ เราถูกแอบถ่าย ดูก็รู้ว่าเป็นมุมกล้อง แต่ลุงอรรถกลัวน้ำอิงจะเสียหายเลยให้แต่งงานเพื่อกลบข่าว" หญิงสาวอธิบาย ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องอธิบายด้วย ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกันแล้ว หรือบางทีเธอยังคงอยากเป็นคนสำคัญของเขาอยู่กระมัง
"ดีแล้ว พี่เป็นห่วงน้ำอิงนะ วันไหนไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วก็บอกพี่นะ ถ้าไม่อยากกลับบ้านก็ไปอยู่กับแม่พี่ก่อนก็ได้" แววห่วงใยอย่างจริงใจทำให้อิงธารากล้ำกลืนน้ำตา ใจที่เจ็บปวดเหมือนถูกปลอบประโลม ลืมคำพูดตัดเยื่อขาดใยของเขาในวันนั้นไปเสียสนิท
"ขอบคุณพี่นายมากค่ะ น้ำอิงคิดว่าไม่น่ามีอะไรไปมากกว่านี้ อีกอย่างคุณภูเองก็รู้เหตุผลของการแต่งงานในครั้งนี้ดี ว่าแต่พี่นายมาที่นี่พี่วีร์รู้ไหมคะ" อิงธาราปัดความหม่นเศร้าส่งยิ้มสดใสให้ชายตรงหน้า
"ไม่รู้หรอก พี่ไม่อยากให้น้ำอิงเดือดร้อน พี่แค่...อยากมาดูให้เห็นกับตาว่าน้ำอิงสบายดี ไม่มีใครทำร้าย" ดวงตาหม่นหลุบลง อิงธราเห็นเงาน้ำจากนัยน์ตาของเขา อยากเชื่อเหลือเกินว่าวันที่เขาเลือกวีร์นัชชานั้นเป็นการถูกบีบบังคับมากกว่าความต้องการที่แท้จริงของเขาเอง แต่ใครกันล่ะที่บีบบังคับเขา
"น้ำอิงขอร้องพี่นายว่าอย่ามาที่นี่อีกเลยค่ะ เพราะมันไม่เหมาะสม อีกอย่างถ้าพี่วีร์รู้คงไม่เป็นผลดีกับพี่นายสักเท่าไหร่ ขอบคุณที่เป็นห่วงน้ำอิงนะคะ แต่ในเมื่อเราต่างก็มีเส้นทางแล้ว เราควรจะทำบัจจุบันให้ดีที่สุด น้ำอิงเองก็ไม่อยากให้คุณภูลำบากใจด้วยค่ะ แม้ว่าเขาจะเป็นแค่สามีในนาม อย่างไรก็ต้องให้เกียรติเขา ถ้าชาวบ้านเห็นแล้วเอาไปพูดกัน มันจะไม่ดีทั้งสองฝ่ายนะคะ" เธอขอร้องเขาอย่างจริงใจ พยายามแสดงให้เขาเห็นว่าตัวเองตัดขาดจากเขาได้แล้ว แต่หารู้ไม่ว่าคำพูดของเธอมันทำให้ชายหนุ่มอยากกระชากเธอขึ้นรถแล้วขับพาหนีไปจากที่นี่ เขารู้ว่าเธอยังรักและแคร์เขาอยู่ แม้ว่าจะพยายามแสดงอาการกลบเกลื่อน แต่คนอย่างกฤตดนัยเสียอย่างจะดูไม่ออกเลยหรือไร ดังนั้นเขาจึงแสร้งตีหน้าเศร้าเพื่อทำให้เธอรู้สึกแย่ขึ้นไปอีก
"พี่ขอโทษ พี่แค่เป็นห่วงน้ำอิงมากเลยลืมคิดไป ต่อไปนี้พี่จะไม่มาหาน้ำอิงอีก แต่ถ้าน้ำอิงเดือดร้อนพี่อยากจะให้น้ำอิงนึกถึงพี่เป็นคนแรก พี่อยากไถ่โทษที่เคยทำร้ายน้ำอิง" น้ำตาหยดหนึ่งกลิ้งลงจากหางตา เขาจงใจปล่อยให้มันค่อยๆไหลร่วงหายไปในความว่างเปล่า
"ขอบคุณที่เข้าใจค่ะ" เธอกลั้นใจพูดกับเขา
"ถ้าอย่างนั้นพี่ขอตัวกลับก่อนนะครับ" พูดจบชายหนุ่มก็ลุกจากที่นั่ง เดินช้าๆ ตรงไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล
อิงธารานั่งหันหลังให้เขาจึงไม่เห็นว่ากฤตดนัยหันกลับมามองเจ้าของไหล่บางที่กำลังสั่นน้อยๆ จากแรงสะอื้นก่อนที่จะผุดร้อยยิ้มพพึงใจแล้วหมุนตัวเดินจากไป แต่น่าเสียดายที่ทุกอากัปกิริยาของชายหนุ่มตกอยู่ในสายตาของเด็กเหมียวทั้งหมด
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 4430
แสดงความคิดเห็น