ภูพิง-อิงธารา บทที่ 15
บ้านหลังใหญ่ที่เคยครึกครื้นบัดนี้กลับเงียบสงบ คนงานสองสามคนเดินลาดตระเวนดูแลความปลอดภัยในบริเวณบ้าน ไฟตามจุดต่างๆ ทำให้ไม่มีอุปสรรคในการมองเห็น แสงแลบแปลบปลาบท่ามกลางความมืด กอรปกับอากาศที่เย็นกว่าทุกคืนอีกไม่นานฝนหลงฤดูคงตกลงมา เจ้าของดวงตาสีสนิมชำเลืองดูเวลาจากนาฬิกาบนข้อมือก่อนจะออกจากรถแล้วเดินดุ่มตรงไปยังเรือนหลังน้อยที่อยู่ไม่ไกล
ไฟหน้าเรือนส่องแสงขับไล่ความมืดในยามราตรี ชายหนุ่มก้าวขึ้นบันไดหน้าเรือนแล้วยืนลังเลอยู่หน้าประตู อึดใจมือหนาก็เอื้อมไปกดกริ่ง ยืนรอสักพักก็ได้ยินเสียงกุกกักดังอยู่ภายใน ไม่นานประตูไม้ก็เปิดออกช้าๆ ชายหนุ่มไม่ได้ทักทายหญิงสาวผู้เปิดประตูหรือชวนสนทนา เขาเพียงก้าวเข้าไปภายในแล้วทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรงบนโซฟาที่เป็นมุมห้องรับแขก
ภูพิงรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวมาตั้งแต่บ่ายแล้ว แต่ก็ยังฝืนทำงานเพราะยังไม่อยากกลับบ้าน กะว่าจะรีบเคลียงานที่คีรีทิ้งไว้ให้เสร็จ เพราะรายนั้นลงไปเตรียมสถานที่บนเกาะรอเพื่อนชาวต่างชาติของลุงอรรถที่จะมาพักด้วย ตอนนี้เพื่อนของลุงอยู่ในระหว่างกักตัว พอพ้นระยะกักตัวก็คงจะตรงไปยังเกาะเลย ส่วนตัวลุงอรรถเองลากแคทริยาขึ้นเหนือเพื่อไปรับเพื่อนของลุงอีกคน กว่าภูพิงจะเคลียงานเวลาก็ปาไปสี่ทุ่มกว่าๆ แล้ว เขาจึงตั้งใจจะกลับบ้านเพื่อพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่พอถึงบ้านก็นึกได้ว่าลุงไม่อนุญาตให้เข้าบ้านใหญ่ จึงต้องลากสังขารมายังเรือนหอที่ไม่เคยย่างกรายเข้ามาเลยสักครั้ง
เจ้าของร่างบางหายไปจากคลองสายตา แต่เสียงเปิดปิดตู้เย็นในครัวทำให้เขาคิดว่าเธอคงไปเตรียมน้ำดื่มมาให้ ชายหนุ่มทิ้งตัวไปตามความยาวของโซฟาอย่างสิ้นแรง ยกมือก่ายหน้าผากแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเพราะอุณหภูมิที่สัมผัสหลังมือนั้นร้อนกว่าปกติ แต่ก็ไม่น่าหงุดหงิดเท่ากับพฤติกรรมของลุงอรรถในยามนี้
ภูพิงรู้ดีว่าที่ลุงอรรถลงทุนสร้างสถานการณ์ให้วุ่นวายอิลุงตุงนังอย่างนี้ เพื่อจะให้เขาและอิงธารามีโอกาสใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แล้วยังไงล่ะอยู่ด้วยกันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำอะไรต่ออะไรกับเจ้าหล่อนได้ เพราะลุงเล่นตั้งเงื่อนไขไว้ว่า ห้ามเขามีความสัมพันธ์ทางพฤตินัยกับเธอเป็นอันขาด ไม่งั้นเขาจะต้องรับผิดชอบชีวิตของเธอต่อไปและไม่สามารถหย่าขาดจากอิงธาราได้ แล้วเขาจะทำอะไรได้ เพราะลุงดันจับได้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นฝีมือของเขาเอง ดังนั้นภูพิงจึงยอมรับทุกข้อเสนอที่ลุงอรรถยื่นให้ ถ้าภายในหนึ่งปีนี้เขาทำตามเงื่อนไขที่ลุงกำหนดไว้ได้ ลุงอรรถก็จะยกบ้านของพ่อแม่ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาอย่างสมบูรณ์ ซึ่งก่อนหน้านั้นภูพิงเคยพยายามขอให้ลุงโอนเป็นชื่อเขา ก็ถูกบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา แต่บทจะง่ายก็ง่ายจนชายหนุ่มหวาดระแวง แต่ความอยากได้บ้านซึ่งเป็นพื้นที่ของความทรงจำก็ทำให้ชายหนุ่มยอมปฏิบัติตามทุกข้อเสนอ ที่สำคัญลุงอรรถประกาศว่าจะไม่เก้าก่ายในการเลือกคู่ชีวิตของเขา นั่นทำให้ภูพิงพอใจมาก
อันที่จริงเงื่อนไขที่ลุงกำหนดนั้นมันก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่ เพราะเขาเองก็ไม่คิดจะล่วงเกินหญิงสาวอยู่แล้ว และเหตุการณ์ระหว่างเขากับเธอช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันในคฤหาสน์กลางเกาะ มันก็เป็นเขาเองที่ตั้งใจให้มันเกิดอย่างนั้นเพื่อจะได้รูปภาพของเธอมาประจานให้อายก็เท่านั้น ไม่ได้เผลอไผลไปกับความเย้ายวนของแม่เจ้าพระคุณรุนช่องแม้แต่น้อย แต่เมื่อมีเหตุให้ต้องอยู่ด้วยกันแล้ว คนอย่างเขาไม่ปล่อยโอกาสดีๆ ไว้แน่ อย่างน้อยก็ต้องกลั่นแกล้งให้เธอรู้สึกหวาดกลัวเขาเสียบ้าง ขืนปล่อยให้ใช้ชีวิตสบายๆ ภายใต้จมูกอย่างนี้ ความแค้นที่สั่งสมไว้กว่าสิบปีของเขาคงได้ระเบิดพร่างเผาไหม้หัวใจเขาเป็นจุลแน่
เหมือนว่าลุงอรรถจะรู้ทันความคิดที่จะเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ ของเขา จึงเพิ่มเงื่อนไขอีกข้อขึ้นมา ห้ามให้เขามีพฤติกรรมใดๆ ที่เสี่ยงต่อการทำร้ายร่างกายหรือจิตใจอิงธาราโดยเด็ดขาด นั่นทำให้ภูพิงยอมไม่ได้ ชายหนุ่มร่ำๆ อยากจะทุบตู้เซปเอาเอกสารมาเปลี่ยนชื่อตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดไปเสีย ลุงอรรถเองก็ไม่อ่อนข้อเช่นกัน เพราะถ้าเขาไม่ยอมรับเงื่อนไขดังกล่าว ข้อตกลงทั้งหมดเป็นอันยกเลิก
'เฮ้อ!' ชายหนุ่มถอนใจอย่างเซ็งๆ
"คุณทานอะไรมาหรือยังคะ" เสียงของภรรยาหมาดๆ ดังขัดความคิดของเขา ชายหนุ่มลุกจากท่านอนมาเป็นนั่ง ดวงตาสีสนิมมองวงหน้าใสกระจ่างจนคนถูกมองผิวซับระเรื่อ
ส่วนโค้งส่วนเว้าที่อยู่ภายใต้ชุดนอนผ้าเรียบลื่นบนเรือนร่างทำให้ภูพิงยากจะละสายตาไปจากเธอได้ แม้ว่าชุดที่เธอสวมนั้นจะมิดชิดเพียงใด แต่เนื้อผ้าแนบตัวก็ส่งให้ร่างของเธอดูเซ็กซี่ ยิ่งยามร่างบางขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ส่วนที่นูนก็เด่นชัดจนอยากกระชากชุดที่ปกปิดไว้ออกให้หมด กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเครื่องประทินโฉมยามเธอเคลื่อนเข้าใกล้ กระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วอีกจังหวะ มือบางวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะเตี้ยตรงหน้าชายหนุ่มแล้วทำท่าจะขยับหนี ภูพิงจึงรั้งเธอด้วยบทสนทนา เพราะสังเกตุเห็นอาการประหม่าจึงอยากจะแกล้งหญิงสาวสักหน่อย
"ยังไม่ได้กินอะไรมาเลย แล้วเธอล่ะ..." เว้นระยะเพราะนึกได้ว่านี่ก็ปาไปห้าทุ่มกว่าแล้ว หญิงสาวคงเตรียมตัวเข้านอน
"เรียบร้อยแล้วค่ะ" เธอตอบและกำลังจะละมือจากแก้วน้ำ แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมือใหญ่แต่ร้อนจัดวางทาบทับลงบนมือบอบบางของเธอ แววไม่พอใจพาดผ่านดวงตาคมซึ้งก่อนที่เธอจะดึงมือออกจากใต้ฝ่ามือของเขา
"ช่วยสุภาพกับฉันหน่อยก็ดีนะคะ" เธอว่า เตรียมตัวจะผละจากเขาทันที ภูพิงข่มความไม่พอใจเอาไว้ เพราะอย่างน้อยตลอดระยะกักตัวเขาจะต้องพึ่งพิงเธอ
"วานเธอต้มมาม่าหรือโจ๊กสำเร็จรูปให้ฉันหน่อยได้ไหม
อิงธาราอยากจะปฏิเสธแต่พอเห็นสีหน้าอิดโรยของเขาแล้วเธอก็ไม่ใจร้ายพอที่จะปล่อยให้เขาทำเองจึงพยักหน้าเร็วๆ แล้วเดินเข้าครัวไป
หญิงสาวเปิดตู้เย็นแล้วดึงเอาวัตถุดิบสองสามอย่างออกมา โชคดีที่เธอให้เด็กเหมียวซื้อเตรียมไว้ให้ก่อนหน้านี้ ไม่งั้นคงต้องถ่อไปครัวของบ้านใหญ่ดึกดื่น และโชคดีอีกอย่างของเธอ คือเมื่อยามว่างหญิงสาวมักจะไปขลุกอยู่ในครัวเลยพอรู้จักการทำอาหารง่ายๆ จากแม่ครัวมาสองสามอย่าง เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เธอจึงลงมือทำข้าวต้มให้ชายหนุ่มแทนอาหารสำเร็จรูปที่เขาร้องขอ
อิงธารารู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้ภูพิงไม่พูดกระแนะกระแหนหรือเหน็บแนมเธอเหมือนเคย ยิ่งอาการอิดโรยเหมือนคนเป็นไข้ของเขามันทำให้เขาเซื่องซึม ซึ่งมันก็ดีไม่งั้นคงได้ปะทะคารมกันบ้าง แต่ความมือไวใจเร็วของเขาเมื่อครู่ยิ่งบอกให้เธอรู้ว่าจะต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวยามอยู่กับเขาให้มากกว่าเดิม โชคดีอีกอย่างที่หลังจากวันที่ลุงอรรถให้คนงานขนของของเขามาไว้ยังเรือนหอ เธอก็จัดการย้ายตัวเองมานอนยังห้องนอนเล็กทันที เพราะคิดว่ายังไงเสียเขาก็ต้องมานอนที่นี่สักวัน ดังนั้นวันนี้ที่เขากลับมาทุกอย่างจึงเข้าที่เข้าทาง
ไม่นานอิงธาราก็จัดการตักข้าวต้มหอมกรุ่นใส่ชามแล้วยกไปวางยังโต๊ะตัวเดิม เขาปรือตาก่อนที่จะขยับตัวพลางเอื้อมมือจับช้อนแล้วคนข้าวต้มเบาๆ รอยยิ้มพึงใจจุดบนริมฝีปากหนาใต้หนวดครึ้ม หญิงสาวหายไปสักพักก็วางยาแก้ไข้ลงข้างแก้วน้ำดื่ม ภูพิงเงยหน้าเพื่อที่จะสบตากับเธอ แต่เธอกลับไม่มองเขาด้วยซ้ำ ร่างบางหย่อนตัวลงนั่งห่างจากเขาเป็นโยตต์ แถมยังคว้าหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านเพื่อปิดกั้นบทสนทนาไปเสียเฉยๆ ชายหนุ่มจึงหันมาสนใจอาหารตรงหน้าแทน
ภายในห้องตกสู่ความเงียบ เสียงหรีดหริ่งเรไรกลบด้วยเสียงคำรามของฟ้า ไม่นานเสียงเปาะแปะจากฝนเม็ดแรกก็ดังถี่กระชั้นจนกลบทุกสรรพสิ่ง หญิงสาวลดหนังสือพิมพ์ลง แล้วลุกไปสำรวจประตูหน้าต่างด้วยความเคยชิน รู้สึกโล่งอกไม่น้อยที่ไม่ต้องทนนั่งเป็นเป้าสายตาของชายหนุ่ม เธอรู้สึกถึงสายตาที่คอยแต่จะวนเวียนจับจ้องยังร่างเธอเป็นระยะ แม้กระทั่งตอนนี้เองดวงตาสีสนิมยังคงมองตามความเคลื่อนไหวของเธออยู่ไม่วาง
ชายหนุ่มช้อนสายตามองตามร่างบางที่กำลังเดินสำรวจภายในบ้าน เงาโครงร่างภายใต้ชุดนอนแนบเนื้อยิ่งปั่นป่วนปุกเร้าความเป็นชายให้ขึงขัง อยากจะเขกกะโหลกตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ความต้องการให้อยู่ในที่ในทางได้ ยามสะโพกผายขยับตามจังหวะก้าวเดินด้วยแล้ว ยิ่งทวีความรุ่มร้อนในกายหนุ่ม ภูพิงกระแทกแก้วน้ำลงอย่างแรงก่อนจะลุกจากท่านั่ง
"ฉันอิ่มแล้ว" เขาประกาศก่อนที่จะปรี่ไปลากหญิงสาวมากดลงเพื่อปลดปล่อยความต้องการไว้ใต้ร่าง เจ้าของดวงตาซึ้งหันมาสนใจเขา เธอเดินช้าๆ ตรงมายังโซฟา เอื้อมมือยกชามข้าวต้มที่ว่างเปล่าขึ้น ตวัดตามองยาที่ยังคงวางอยู่ที่เดิม
"ไม่กินยาลดไข้หน่อยเหรอคะ" เธอถาม แต่ก็ไม่ได้หยิบยานั้นขึ้นมา
"เธอก็ช่วยเอาขึ้นมาให้บนห้องหน่อยก็แล้วกัน ฉันอยากจะอาบน้ำเต็มทีแล้ว" เขาตอบ จากนั้นก็เดินขึ้นห้องนอนไปไม่เหลียวหลัง
อิงธาราได้แต่ถอนใจอย่างหงุดหงิด ยกชามไปเก็บในครัว แล้วถือถาดแก้วน้ำและยาลดไข้ขึ้นตามชายหนุ่มไป
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 4641
แสดงความคิดเห็น