ฉากหลังนักเขียน 5: จุดเริ่มต้นในสายเขียน
หลายคนที่ผ่านมาเจอเนื้อหานี้ เชื่อว่าคงต้องเคยผ่านหนังสือมาบ้างไม่มากก็น้อย ยิ่งเป็นสายนิยาย หรือสายเสพอักษรตัวยงแล้วล่ะก็ ประสบการณ์เกี่ยวกับสื่อบันเทิง และความรู้แบบนี้ย่อมโชกโชนแน่ๆ แต่บางคนจะรู้กันหรือยังน้า ว่านักเขียนแต่ละคนมีที่มาที่ไปยังไง ถึงได้เลือกมาเข้าวงการนี้ ถ้าใครยังไม่รู้จริงๆ เชิญเลยค่ะ มาเลย ด้านล่างนี้มีคำตอบให้
#เป็นคนจินตนาการสูง ก็อยากหาที่ระบาย
นักเขียนบางคนก็มีเหตุผลง่ายๆแค่ ตนเองชอบจินตนาการ มันมากมายไม่รู้จบ และสนุกมากด้วย เขาอยากให้คนอื่นได้รับรู้โลกในหัวของเขาบ้าง จึงตัดสินใจถ่ายทอดเรื่องราวออกมาให้คนทราบผ่านตัวอักษร สำหรับบางคนแล้ว แค่ได้ระบายมันออกมาให้จับต้องได้ แม้จะเป็นเพียงข้อความ เขาก็ปลื้มใจสุดๆเลยล่ะค่ะ เรื่องเงินมาทีหลัง ใครจะชอบเหมือนกันไหมไม่ได้สนใจเป็นอันดับแรก แต่ถ้ามีก็เยี่ยมน้า
#รู้เยอะ และชอบแบ่งปัน
เหตุผลข้อนี้ คาดว่าครูอาจารย์หลายคนต้องเป็นแน่ๆ หรือคนที่ชอบแบ่งปัน บางครั้งเขาก็เลือกออกมาเล่าเรื่องราวที่ตนรู้ ตนประสบให้คนทราบผ่านตัวอักษรเหมือนกัน เช่น นักเขียนสารคดี เป็นต้น นักเขียนกลุ่มนี้ มักมีความคิดอยากส่งต่อสิ่งที่พวกเขาคิดว่าดีให้กับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นข้อคิด ประสบการณ์ ศาสตร์ที่ค้นพบ หรือการเปิดเผยเรื่องราวที่น้อยคนจะรู้ก็ตาม การเขียนหนังสือออกมาสักเล่ม เป็นอีกทางเลือกที่ดี อันจะช่วยให้เรื่องราวทั้งหมดของเขาเข้าถึงคนได้มากขึ้น
#ดู อ่าน ฟัง มาเยอะ ไอเดียก็พุ่งพล่านเลยต้องขอมาเขียนบ้าง
นักเขียนกลุ่มนี้บางคนมีความคิดไม่แตกต่างจากกลุ่มแรกเท่าไรค่ะ หลายคนมักได้แรงบันดาลใจมาเขียนหนังสือของตนเองสักเล่ม จากการหลงใหลผลงานเขียนของใครสักคนที่ตามหนังสือเขามาตลอด จนอยากเขียนบ้าง นอกจากจะได้ระบายไอเดียในหัว ยังสามารถต่อยอดหาเงินเป็นล่ำเป็นสันได้อีก แหม แบบนี้ต้องจัดบ้างแล้วใช่ไหมเอ่ย
#ขัดใจกับเนื้อหาหนังสือที่อ่าน จึงตัดสินใจมาเขียนแก้เรื่องให้ตรงกับใจ
มีไม่น้อยนะคะ คนที่อ่านเรื่องนั้นเรื่องนี้ หรือเสพสื่อละคร ภาพยนตร์มาแล้วขัดใจกับเนื้อเรื่องจนต้องมาเขียนแก้ความคับข้องในใจ เป็นต้นว่า เรื่องนี้นางเอกยอมคนเอามากๆ ขี้ใจอ่อน พระเอกหูเบา ตะกะตัวละครเอกในเรื่องป่วยจนรับไม่ได้ กระทั่งเนื้อเรื่องไม่สมเหตุสมผลมากพอ อ่านแล้วไม่ชอบใจ แถมติดค้างในใจทำยังไงก็ไม่หาย นักเขียนประเภทนี้ก็จะสร้างเรื่องในแบบที่ตนต้องการขึ้นมาชดเชย บ้างเขียนเป็นแฟนฟิค บ้างก็สร้างเรื่องใหม่ ตัวละครใหม่ แต่เค้าโครงคล้ายกันขึ้นมา
#ไม่มีเรื่องที่ใช่ให้อ่านเลย งั้นก็เขียนเองละกัน
ดูเหมือนข้อนี้จะไม่มีอะไรผิดไปจากข้อก่อนหน้าใช่ไหมคะ ถ้าใครคิดเห็นอย่างนั้นส่วนหนึ่งก็ถูกค่ะ สำหรับเหตุผลนี้มีความต่างเพิ่มเติมมาแค่เล็กน้อย นั่นคือ นักเขียนที่เริ่มต้นจากการหาเรื่องที่ใช่ไม่ได้นั้น บางคนเป็นลักษณะของการอยากเห็นอะไรแปลกใหม่ หรือสิ่งที่ตนต้องการจะเห็น แต่กลับพบว่ายุคนี้คนเขียนน้อย กระทั่งหาอ่านไม่ได้เลย ที่เจอก็มีแต่โครงเรื่องซ้ำซาก แนวสมัยนิยม ทำให้นึกเบื่อหน่าย พวกเขาจึงเขียนงานที่อยากเห็นขึ้นมาเอง โดยไม่จำเป็นว่าจะคับข้องใจกับเนื้อหาใดมาก่อนหรือไม่ก็ได้นะคะ
#เห็นว่าเป็นช่องทางหารายได้ที่พอทำได้ และคงไม่ยากเกินกำลัง
บอกตรงๆว่าเหตุผลนี้มีในนักเขียนจำนวนไม่น้อยค่ะ และบทสรุปสุดท้ายของพวกเขาก็คือ ถ้างานไม่ปังสักทีก็มักจะล้มเลิกไปเลย ส่วนมากนักเขียนกลุ่มนี้เป็นคนที่ว่างงาน ตกงาน หรืออยากหารายได้เสริม คิดว่าการเขียนงานมันคงง่าย ต่อเมื่อลองมาจับทางนี้จริงๆ จึงรู้ว่าการเขียนดี เขียนให้สนุก และทำให้นักอ่านยอมเสียเงินไม่ใช่เรื่องจิ๊บๆอย่างคิดไว้เลยค่ะ
เหล่านี้คือ จุดเริ่มต้นในการเป็นนักเขียน ที่ชื่นสามารถรวบรวมมาได้นะคะ แต่ไม่ว่าใครจะมาเข้าวงการด้วยเหตุผลอะไร ถ้าอยากประสบความสำเร็จ ก็ต้องอดทนพยายาม พัฒนาฝีมือ และทำไปเรื่อยๆ เท่านั้นค่ะ มีเหมือนกันนะที่จังหวะได้ ดวงขาขึ้นพอดี แต่สักกี่คนจะได้รับโอกาสนั้นค่ะ ฝีมือ และความพยายามหาหนทางให้ทุกอย่างดีขึ้น จะไม่ทำให้เราเห็นความชัดเจนของปลายทางมากกว่าหรือ แต่ยังไงก็ตาม ชื่นก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 141
แสดงความคิดเห็น