บทที่ 8 ต้องการ 2
แสงสว่างจากหลังคาที่ส่องลงมาสลัวสลัว ทำให้สามารถมองเห็นภาพเบื้องหน้าได้อย่างไม่ยากมากนัก แต่ทว่าสายฝนที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าเรากับว่าต้องการชำระล้างสิ่งโสโครกของโลกนี้ได้บดบังทัศนวิสัยการมองของเด็กน้อย
เขานำมือเช็ดน้ำที่ไหลบังดวงตาเล็กๆ แม้ว่า ตอนนี้เขาจะไม่สามารถแยกออกว่าสิ่งใดที่เป็นน้ำฝนสิ่งใดที่เป็นน้ำที่ไหลหลั่งออกจากดวงตา ตอนนี้แผลทั่วตัวเริ่มแสบร้อนอย่างช้าๆแต่มันคงเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังได้รับ ความทุกข์อันแสนสาหัสของเด็กน้อยคนแรกที่ต้องทรมานด้วยพิษไข้ ความสุขของเด็กคนที่ 2 ที่ต้องทรมานด้วยความหิวทำให้เขาไม่คิดที่จะหยุด 9 ฝีเท้าแม้เพียงนิด
เขาทะยานร่างราวกับสายฟ้าแม้ว่ามันอาจจะไม่รวดเร็วในสายตาคนที่มีพื้นฐานพลังมานา แต่ว่าสำหรับเขาแล้วมันเป็นความเร็วที่เร็วที่สุดในชีวิต เขาเลี้ยวลัดเลาะเข้าไปยังตอกซอกซอยที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก ที่แห่งนั้นมันมีคนที่เขาต้องการพบในตอนนี้
แสงไฟที่ส่องตามทางเริ่มค่อยๆหายไปจากสายตาทำให้เขาตระหนักรู้ได้ทันทีว่าในขณะนี้เด็กน้อยใกล้ที่จะถึงจุดหมายเรียบร้อยแล้ว เพียงไม่นานบ้านไม้ที่ดูจะพังมิพังแหล่ก็ปรากฏขึ้นให้เห็นไกล ๆ เขารีบเคลื่อนร่างก่อนที่จะรีบจับลูกบิดแล้วเปิดประตูเข้าไปอย่างแรง โดยที่ไม่คิดจะเคาะประตูขออนุญาตแม้เพียงนิด
ผู้คนที่นั่งอยู่บ้างกำลังจิบสุราบ้างก็กำลังนำอาหารเข้าปากหันขวับมามองยังคนที่มิได้เคาะประตู เสียงที่พูดคุยกลับหยุดลง
ชายหน้าบากเคาดกดำอายุประมาณ 30 ต้นๆกล่าวขึ้น “มีธุระอะไรดึกๆป่านนี้รึ หรือว่าแกต้องการอะไรจากพวกข้าแต่ว่าหากแกไม่รับข้อเสนอพวกข้าคงไม่สามารถให้สิ่งที่แกต้องการได้”
เขาฉวยกาสุราข้างๆแล้วรินใส่จอกอย่างไม่ยั้ง ก่อนที่จะกระดกเข้าปากโดยที่คิดเกรงใจสหายที่นั่งอยู่ข้างๆ “ถ้าเกิดตกลงก็เข้ามาได้เลย“
เด็กน้อยกว่าตาสีแดงที่เกิดจากการร่ำไห้ต่อชะตากรรมของตน เบื้องหน้าของเขามีชายกลางคนจำนวน 3 คนและหญิงชราจำนวน 1 คน
ชายคนแรกมีเคราดกดำอายุประมาณ 30 ต้นๆเป็นหัวหน้ากลุ่มนามว่ายามิ มันเป็นหัวหน้ากลุ่มโจรที่ไล่ปล้นสังหารขุนนางหรือใครก็ตามที่ทำให้มันไม่พอใจโดยที่มิได้เกรงกลัวต่อกฎหมายและนักเวทย์ของราชอาณาจักร
ชายคนที่ 2 ใบหน้าเต็มไปด้วยแผลเป็นบนหลังสะพายดาบใหญ่ยักษ์ท่าทางเรียบนิ่งมีนามว่ามิงฉี เป็นบุรุษหนุ่มที่ผจญภัยแล้วมาอยู่กับยามิ ไม่มีใครรู้ว่าชายคนนี้มาจากที่แห่งไหน
ชายหนุ่มคนสุดท้ายเขื่อนมีรอยยิ้มที่ใบหน้าแสดงให้เห็นว่าเป็นคนกรอกปิ้งหรือจิ้งจอกนามของมันคือคิทสึเนะ เป็นผู้ที่มีความสามารถในการย่องเบาขโมยและลอบสังหารอย่างเงียบเชียบ
ส่วนคนสุดท้ายคือหญิงชราคนเดียวในกลุ่มเป็นหมอประจำกลุ่มที่มีฝีมือหาตัวจับได้ยาก ทว่ากลับถูกทางการไล่ล่าจึงต้องเข้าร่วมกลุ่มโจรนามของนางคืออามิน
เขามองบุคคลเบื้องหน้า ทว่าระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเองอยู่นั้น เสียงอัสนีที่ดังสนั่นกระชากให้เขาหลุดจากการคำนึงก่อนที่เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงกร้าว “ค่าตกลงต่อให้พวกแกจะให้เข้าไปทำอะไรก็ตาม ข้ายินยอมทำให้หมดทุกอย่าง”
ท่าทางกับแววตาที่เต็มไปด้วยความคั่งแค้นของเด็กหนุ่มเบื้องหน้าทำให้ยามิยิ้มออกมาอย่างพึงใจ ตอนแรกที่เขาเห็นท่าทางของเด็กหนุ่มคนนี้เขาก็รู้ได้ทันทีว่าอนาคตของ เด็กหนุ่มตรงหน้าย่อมมิธรรมดา เขาตบมือดังฉาดใหญ่ “ดีมากดีจริงๆ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะตัดสินใจได้เฉียบขาดขนาดนี้ แต่ว่าถ้าอยากรู้เหตุผลของเจ้า”
“ไม่ต้องถามมากสิ่งที่ข้าต้องการให้เจ้าช่วยนั้นมีแค่ 2 สิ่ง สิ่งแรกช่วยไปรักษาน้องสาวของข้าที่กำลังเจ็บป่วย ส่วนสิ่งที่ 2 ช่วยนำอาหารไปให้น้องของข้าได้หรือไม่ เจ้าทำให้ข้าได้ต่อให้พวกเจ้าจะให้ข้าเชื่อคอตายตรงนี้ข้าก็ยินยอม”
ยามิรูปเคาดกดำของตนก่อนที่จะถามขึ้น “เด็กทั้ง 2 ที่มาอยู่บ้านของเจ้านะหรือ หักค่าจำมิผิดเด็กทั้งสองนั้นไม่ได้เป็นอะไรกับเจ้ามิใช่รึ พี่ก็ไม่ใช่น้องสาวรึก็ไม่ใช่ แล้วเหตุใดเจ้าจึงต้องการไปช่วยพวกนางเหล้า ปล่อยให้ตายไปมีเป็นประโยชน์มากกว่าหรอกหรือ”
อย่ามิมองท่าทางของเด็กหนุ่มเบื้องหน้าที่ไม่มีแววลังเลแม้เพียงนิด คาออสตอบเสียงกร้าว “นั่นก็เพราะพวกนางคือครอบครัวของข้ายังไงล่ะ ต่อให้ข้าต้องตายข้าก็ต้องปกป้องพวกน้อง ๆ ให้ได้ นั่นคือเป้าหมายในการใช้ชีวิตของข้า”
“ต่อให้ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันอย่างงั้นรึ”
“ใช่สายเลือดเดียวกันแล้วอย่างไร ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันแล้วอย่างไร เรื่องพันนั้นข้าไม่สนใจ”
สิ้นคำของเด็กหนุ่ม ยามิจึงเงยหน้ามองท่าทางกับแววตาที่แสนแข็งกร้าว เขารู้ได้ทันทีว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เด็กตรงหน้ากล่าวมานั้นคือความจริง สายตาของคาออสสนั่นเป็นสายตาของคนที่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ถึงแม้ว่าเด็กตรงหน้าอายุยังไม่ถึงเลข 20 ดีนัก เขาว่าความคิดกับการตัดสินใจนั้นราวกับว่าเคยผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายมานับไม่ถ้วน
โลกใบนี้หากผู้ใดตัดสินใจเชื่องช้า หากผู้ใดมิมีความมั่นคงในการตัดสินใจย่อมต้องแพ้พ่ายและถูกสังหารอย่างโหดร้าย เรากลับว่าหากผู้ใดลังเลแม้เพียงนิดผู้นั้นก็ต้องถูกกลืนกิน เป็นโรคที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กเป็นโรคที่ผู้อ่อนแอต้องตกเป็นเหยื่อของผู้มีอำนาจ
“ดีดีมากถ้าเช่นนั้นข้าจะช่วยเหลือเจ้าอย่างสุดความสามารถ”
ยามิหันไปมองยังหญิงชราที่สุดในกลุ่มพลางกวักมือเรียกเด็กหนุ่มที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล “มาข้างในก่อนหลังจากนั้นเราค่อยมาคุยเรื่องแผนการกัน”
“ส่วนเจ้าอามินหลังจากที่รักษาบาดแผลให้เจ้าหนูนี่ ช่วยไปรักษาอาการบาดเจ็บให้กับน้องของมันได้หรือไม่ ถือว่าช่วยเหลือสมาชิกใหม่ในกลุ่มแมงป่องของพวกเรา”
หญิงนามว่าอามินพยักหน้ารับก่อนที่จะกินอาหารต่อไปอย่างไม่ยี่หระ หลังจากนั้นเด็กหนุ่มผมสีเงืนGoogle ขาเข้ามาในบ้านไม้ เขาถูกหญิงชราเช็ดผมเช็ดตัว แต่ก่อนที่หญิงชราจะทำการรักษาบาดแผลให้เขาเด็กหนุ่มจึงเอ่ยขัดขึ้น
“ได้โปรดช่วยเปิดรักษาน้องของข้าวก่อนได้หรือไม่ ถ้าจะนำทางท่านไปเองหลังจากนั้นหากท่านต้องการอะไรข้าก็ยินดีรับใช้”
“เอาอย่างไรดี” หญิงชราคนเดียวในกลุ่มปรึกษากับหัวหน้าของตนที่นั่งอย่างไม่ยี่หระ เพราะว่าก่อนที่เธอจะได้ตัดสินใจชายตรงหน้าก็โบกมือเป็นเชิงอนุญาต ประมาณว่าอยากจะทำอะไรก็ทำ
หลังจากนั้น 1 เด็ก 1 หญิงชรา Google ขาออกจากบ้านหลังเก่า เส้นทางที่แสนมืดมิดแต่ทว่าด้วยความชำนาญของเด็กน้อยทำให้การเดินทางนั้นมิได้ยากลำบากจนเกินไปนัก เถียงไม่นานพวกเขาก็มาถึงบ้านเก่าค่ำค่า
“พวกเจ้าอยู่ที่นี่อย่างงั้นหรือ”
คาออสพยักหน้ารับก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปอย่างเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสียงหอบหายใจของเด็กน้อยทั้งสองทำให้เด็กหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าน้องๆของตนนั้นยังไม่ตื่นจากห้วงนิทรา
ความมืดทำให้เด็กหนุ่มไม่ได้สังเกตแววตาที่อ่อนโยนลงช้าๆของหญิงชรา อามินรู้สึกว่าสภาพของเด็กน้อยตรงหน้านั้นช่างน่าสังเวช แต่พอเธอมองไปยังเด็กสาวทั้งสองที่นอนคุดคู้อยู่กับพื้นทำให้หล่อนจะหลับได้ทันทีว่าเป็นเพราะเหตุใดเด็กน้อยตรงหน้าถึงยอมทำทุกๆอย่าง
หญิงชรานามอามินเหลือบตามองอาการของเด็กทั้งสองเพียงไม่นาน หล่อนก็ไล่ให้เด็กน้อยออกจากบ้านแล้วทำการรักษาเด็กสาวทั้งสอง หลังจากเสียประตูได้ปิดลงหญิงชราก็มือมองภาพเบื้องหน้าด้วยความสังเวชใจ
สภาพแบบนี้มันช่างแสนโหดร้ายสำหรับเด็กๆทั้งสอง ไม่สิมึงจะพูดให้ถูกมันโหดร้ายสำหรับเด็กน้อยที่ออกไปด้วย น้ำตามหลังคาที่ค่อยหยดลงมาถึงแม้ว่าเด็กน้อยทั้งสองจะไม่ได้โดนน้ำที่หยดลงมาโดยตรง แต่ว่าอากาศที่เริ่มเย็นๆประกอบกับความชื้นในอากาศทำให้หญิงสาวที่เคยเป็นอดีตแพทหลวงตระหนักได้ทันทีว่า หากปล่อยไว้เพียงไม่นานเด็กน้อยทั้งสองคงทนไม่ไหวอย่างน้อยก็คงเป็นปอดบวมตายหรืออย่างมากก็คงอาจจะเป็นโรคแทรกซ้อนตายอย่างแน่นอน หากไม่มีหล่อนเกรงว่าเด็กทั้งสองคงอยู่ได้ไม่เกิน 7 วัน
หลังจากที่หล่อนคำนึงกับตนเองหญิงสาวก็เริ่มร่ายเวทย์รักษาในทันที
คาออสหวนนึกถึงวันแรกที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยทั้ง 2 มิได้ พวกเธอมีร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลซมซานเดินมาหาเขา เมื่อเขาเห็นดังนั้นเขาจึง รับพวกเธอเป็นน้องและช่วยพวกเธอตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาไม่เคยถามถึงอดีตของพวกเธอพวกเธอก็ไม่เคยสนใจอดีตของเขาเช่นเดียวกัน นี่เองคงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คาออสรู้สึกรักและผูกพันกับน้องสาวทั้งสองถึงแม้ว่าจะไม่ใช่น้องสาวที่ร่วมอุทรมาก็ตาม
‘ถึงแม้พี่จะไม่ใช่พี่ของพวกเธอแต่ว่าในวันที่พวกเราตัดสินใจอยู่ด้วยกัน พี่ก็ได้สาบานกับตัวเองแล้วลูกพี่จะต้องปกป้องพวกเธอให้ได้ส่งให้พี่ต้องทำสิ่งใดก็ตาม’
แสงไฟที่ส่องตามทางทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดหัวใจไม่ได้ เป็นเพราะเหตุใดทำไมเขากับน้องๆจึงต้องทนรับชะตากรรมอันโหดร้ายนี้ แต่ผู้อื่นนั้นกลับไม่ได้ทนทุกข์เหมือนกับตน ทุกครั้งที่เวลาผ่านไปเขาเฝ้าถามตนเองแต่กลับมิได้คำตอบ
เสียงประตูเปิดขึ้นอีกครั้งหญิงชราออกมาอย่างมั่นคงก่อนที่จะเอ่ย “เด็กทั้งสองปลอดภัยแล้ว แต่ว่าอาการที่เคยเป็นอยู่แล้วข้ามิสามารถรักษาได้ ก็ต้องขอโทษจริงๆ”
คาออสโค้งหัวคำนับหญิงชรา “ข้าขอขอบคุณท่านจากใจ ต่อให้ชาติหน้าข้าต้องเกิดเป็นอะไรข้าก็จะขอรับใช้ท่าน ไม่สิข้าจะรับใช้ท่านในชาตินี้ชาตินี้ข้าขอรับใช้ท่านและกลุ่มของท่าน”
“เจ้าหนูถ้ามีเรื่องจะกล่าวกับเจ้า”
อามินมองท่าทางที่กำลังตั้งใจฟังของเด็กน้อย แม้ว่าคนอื่นจะมองเด็กตกหน้าจะต่อไปยิ่งใหญ่หรือแข็งแกร่งสักแค่ไหน แต่ว่าสำหรับเธอเด็กตรงหน้านั้นก็เหมือนเด็กน้อยธรรมดาที่ช่างไร้เดียงสา และยังอ่อนต่อโลก หญิงชราค่อยๆ กลางอาณาเขตบางเบาโดยที่เด็กน้อยไม่รู้ตัว
“เจ้าจงหนีไปเสีย หากเจ้าหนีไปตอนนี้พวกกลุ่มโจรแมงป่องจะยังไม่รู้ตัว ขอใช้ทุกวิถีทางขัดขวางหรือไม่ข้าอาจจะเจรจาให้พวกมันละเว้นชีวิตของเจ้ากับน้องทั้งสอง ข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นเหมือนพวกมันและค่า”
คาออสสายหน้าปฏิเสธ “สิ่งที่เขาได้กล่าวไปแล้วนั้นต่อให้ข้าต้องตายข้าก็ต้องทำมันให้สำเร็จ หากไม่มีท่านถ้าไปคงไม่สามารถช่วยน้องทั้งสองของข้าได้ แล้วหากวันนั้นข้าไม่ได้เจอกับหัวหน้าของท่านมันก็คงไม่มีวันนี้”
ย้อนไป 3 ปีก่อน
นะป่าที่อุดมสมบูรณ์ฝนเม็ดโตเท่าไข่ห่าน ตกลงมาไม่ยั้ง ชายวัยกลางคนอายุประมาณ 20 ปลายๆ ร่างกายเต็มไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน ค่อยๆเดินตรงมาอย่างเชื่องช้า ข้างๆมีเด็กน้อยผมเงินที่ร่างกายสะบักสะบอมไม่ต่างกัน ชายหนุ่มก้มกระซิบถามเด็กน้อย
“ต่อแต่นี้เจ้าจะทำยังไง ทั้งครอบครัวของเจ้า ทั้งหมู่ญาติมิตรสหายของเจ้าก็ถูกพวกมันสังหารไปเสียสิ้น”
เด็กน้อยกัดฟันก่อนที่จะกล่าวความจริงให้ชายตรงหน้า “เดิมทีแล้วครอบครัวนั้นก็ไม่ใช่ครอบครัวที่แท้จริงของข้า แต่ว่าข้าก็ต้องขอบคุณพวกเขาที่รับเลี้ยงค่ามิเช่นนั้นข้าคงมิมีชีวิต มาอยู่จนถึงปัจจุบันนี้”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะไปอยู่กับข้าหรือไม่ ไปเป็นโจรเหมือนกับข้า ไปสังหารคนที่ทำให้พวกเราไม่สิแค่เจ้าคนเดียวที่ต้องมีชะตากรรมแบบนี้”
“ข้าขอปฏิเสธต่อให้ข้าจะต้องตายถ้าจะไม่เป็นเหมือนกับเจ้า เจ้าช่วยพาข้าไปทิ้งที่หมู่บ้านได้หรือไม่ หลังจากนั้นก็จะอยู่ในหมู่บ้านแห่งนั้นพ่อจะสร้างเนื้อสร้างตัวและใช้ชีวิตของข้า”
ยามิทำสีหน้าเห็นยันก่อนที่จะพูดเป็นเชิงสบประมาท “เด็กชื่อเจ้าหน้าที่หรือจะทำได้ แต่ว่าก็ดีนะจะได้ไม่ต้องมีภาระถ้าเช่นนั้นพอถึงหมู่บ้านข้างหน้าข้าจะทิ้งเจ้าไว้เสียที่นั่นก็แล้วกัน แต่ว่าหากวันใดเจ้าสนใจที่จะเป็นพรรคพวกของข้าเจ้าก็จงมาหาข้า “
อามินถอนหายใจอย่างสังเวชใจ เด็กน้อยคงไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนต้องเจอนั้นมันเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เขาต้องเสียสละไป หากเขารู้จักกับตนเองก่อนหน้านั้น เกรงว่าเรื่องต่างๆคงไม่ต้องจบเช่นนี้
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จงตามข้ามาเสีย”
“ทำไมหัวหน้าถึงรับส่งท่านมาร่วมกลุ่มเล่า ดูยังไงยังไงเด็กนั่นก็ไม่มีพลังอะไรแม้เพียงนิดไม่ใช่หรือ หรือว่าหัวหน้าจะนำมันมาเป็นคนรับใช้” ชายที่ดูท่าทางเจ้าเล่ห์เก่าขึ้นทางยิ้มใส่แล้วหัวเราะคิกคัก
“เรื่องนั้นไม่เห็นต้องใส่ใจเลยนี่คิสึเนะอย่างไรมันก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราอยู่แล้ว หากเด็กนั่นตายก็แค่หาคนมาใช้แทน ใช่ไหมหัวหน้า”
ทว่ายามิกลับไม่ได้ตอบคำถาม ‘ถึงแม้ว่าผู้อื่นจะมองไม่เห็นความสามารถอันล้ำค่าของเจ้า แต่ว่าถ้านั้นกลับมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน’
ยามิกระดกสุราเข้าปากฉาบใหญ่ก่อนที่ประตูจะเปิดขึ้นอีกครั้ง 1 หญิงชราก้าวขาเข้ามา ก่อนที่หญิงชราจ้ะเลิกผ้าคลุมหน้าออก “เรียบร้อยแล้วหลังจากนี้พวกเราจะเริ่มบุกกันเลยใช่หรือไม่”
คิสึเนะยิ้มเย็นก่อนที่จะกางแผนที่ออกมา “เอาละใกล้ได้เวลาแล้ว หลังจากนี้พวกเราจะเริ่มปล้นพวกมันคืน”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 174
แสดงความคิดเห็น