บทที่ 10 ลักพาตัว 1/2

มนตราสะท้านโลกา
คุณกำลังอ่าน: มนตราสะท้านโลกา

-A A +A

บทที่ 10 ลักพาตัว 1/2

 

บทที่ 10 ลักพาตัว 1/2

จักรพรรดิหนุ่มกว่าตาอันแหลมคมมองรอบๆบริเวณ บนบัลลังก์ที่ประดับประดาด้วยเครื่องประดับอันวิจิตรงดงามตระการตา สายตาของชายหนุ่มจับจ้องไปยังทาสที่รับใช้ เขายกพระโอษฐ์ยิ้มสายตาทอดมองยังดวงดาราที่ทอแสงพร่างพราย ก่อนที่เขาจะกล่าว

“อีกไม่นาน อีกไม่นานข้าจะได้เจอกับเจ้า เมื่อถึงวันนั้นเจ้าจะต้องตกมาเป็นของข้าชั่วนิจนิรันดร์ 

เปลวเพลิงเผาผลาญรอบรอบบริเวณ เสียงร้องโหยหวนของสัตว์อสูรร้ายดังกึกก้อง ไฟสีแดงฉานเผาผลาญต้นไม้ใบหญ้า ทำให้พฤกษาต้องร่ำไห้ หากไม่ได้น้ำของเทวามาช่วยดับเกรงว่ะป่านนี้คงจะถูกเผาผลาญจนสิ้น สัตว์ป่ารั้วต้องล้มตายยังไม่มีทางหลีกเลี่ยง ระบบนิเวศในป่าแห่งนี้ต้องได้รับความเสียหาย 

หนึ่งหญิงหนึ่งชายมองสภาพเบื้องหน้าด้วยความงงงวย พวกเขาทั้งสองคนไม่คิดเลยว่าพลังเวทย์มนต์ของตนเองจะสร้างความเสียหายได้มากมายขนาดนี้ ทั้งนี้หากพวกเขาไม่สามารถหยุดยั้งและออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เด็กหญิงเด็กชายทั้งสองคนนี้ก็ต้องตกตายอยู่ในที่นี่อย่างแน่นอน หากถามว่าทำไมนั่นก็เพราะว่าพวกเขาทั้งสองคนคงจะถูกไฟจากพลังเวทย์เผาผลาญจนสิ้น 

“ทำไงดีล่ะเนี่ย” ไบรท์ถามขึ้น สำหรับเด็กหนุ่มแล้วเขาไม่มีวิธีการเอาตัวรอดในสถานการณ์เช่นนี้ หากถามว่าทำไมนั่งกับภาวะเด็กหนุ่มไม่สามารถใช้พลังเวทย์น้ำแข็งได้ ความหวังของเขาก็คือเด็กสาวตกน่าจะมีพลังธาตุน้ำเหลือน้ำแข็งหรือไม่ 

แต่เมื่อเขาพบว่าเด็กสาวข้างหน้าสั่งศีรษะเป็นการปฏิเสธ ทำให้เด็กหนุ่มเคร่งเครียดขึ้นในทันที 

“เธอไม่มีเวทมนตร์น้ำแข็งอย่างนั้นหรอ”

“ไม่มีหรอก ฉันมีเวทมนตร์ 2 ธาตุหลักๆก็คือธาตุลมกับเวทย์มนต์เสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย”

“ช่างเป็นพลังที่ไม่จำเป็นกับสถานการณ์แบบนี้เลยจริง ๆ แบบนี้พวกเราจะทำไงดีคืนปล่อยเอาไว้พวกเราทั้งสองคนต้องโดนย่างสดแน่ ๆ”

อาสึนะมองไปเบื้องหน้าที่กำลังโดนเผา วิวไฟล้อมรอบพวกเขาทั้งสองคนไว้เป็นวงกลม พวกเขาทั้งสองคนไม่สามารถหนีออกจากทางนี้ได้ 

เด็กน้อยขมวดคิ้วแน่น ในขณะเดียวกันในหัวของเด็กสาวก็พยายามหาทางเอาตัวรอด 

สายลมที่พัดอย่างไม่หยุดหย่อนทำให้เปลวไฟยิ่งโหมแรงขึ้น เสียง มอนเสตอร์ที่กรีดร้องประกอบกับสัตว์ป่าที่วิ่งหนีตอนนี้เป็นไฟสีแดงส่องสว่างไปรอบบริเวณ 

ไบรท์มองหน้าของอาสึนะก่อนที่จะกล่าว “ตอนนี้กำลังกงสุลก็ไม่เหลือมากนัก เลยไม่สามารถใช้พลังเวทลมผนึกไปที่ฝ่าเท้าได้ แล้วเธอละ ตอนนี้มีพลังเวทพอที่จะหนีออกไปได้หรือเปล่า”

“สามารถใช้พลังเวทย์ผนึกฝ่าเท้าแล้วก็ดีดตัวออกไปได้ แต่ถ้าจะให้ฉันพานายไปด้วยมันคงเป็นไปได้ยาก เพราะอย่างนี้ฉันเลยไม่หนีไปก่อน หาทางหนีทีไล่ทั้งสองคนดีกว่า แล้วอีกอย่างหนึ่งสัตว์อสูรที่เราโจมตีก็ยังไม่ได้ตายสนิท มันอาจจะฟื้นคืนชีพมาก็ได้ นี่แหละที่ฉันเป็นกังวล”

 “ทางที่สามารถหนีไปได้ก็คือทางที่มีเปลวไฟน้อยที่สุด” 

ไบรท์ชี้นิ้วไปยังทางซ้ายมือ เมื่อพวกเขาเห็นดังนั้นไบรท์กับอาสึนะจึงตัดสินใจเคลื่อนกายไปยังทิศทางนั้น เด็กทั้งสองใช่พลังเวทย์ลมผนึกเข้าไปยังเท้าเพื่อเพิ่มความเร็วให้กับท่าร่าง พวกเขาทั้งสองก้าวลัดเลาะเคลื่อนไหวอย่างเร่งรีบ แต่ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงจุดหมายก็มีบางสิ่งพุ่งมาขวางหน้า 

ทหารท่าทางกำยำในมือถือโล่ส่วนอีกฝั่งถือดาบยาว เสื้อผ้าที่ขัด กลิ่นเหม็นคละคลุ้งร่างที่ปราศจากวิญญาณ น้ำลายไหลยืดท่าทางดูร้ายก้าวสามขุมเข้ามา พวกมันไม่คิดจะเกรงกลัวเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำแม้เพียงนิด แตกต่างจาก 1.1 สตรีที่ยืนงงงวยอยู่เบื้องหน้า 

พวกเขามองท่าทางของสัตว์อสูรร้ายหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าผีดิบยามรัตติกาลมีความงงงวย 

ไบรท์หันมองหญิงสาวที่มีท่าทางวงข้างๆของตน เด็กหนุ่มไม่คิดจะกล่าวถามให้มากกว่าเขาตัดสินใจผลึกเวทย์ลมลงฝ่ามือ แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำไรเตรียมของเด็กสาวก็เก่าเป็นเชิงห้ามเสียก่อน 

“อย่า”

เด็กหญิงผมน้ำตาลชี้นิ้วไปเส้นทางที่เกิดเปลวเพลิงขนาดใหญ่ เพื่อให้ไบรท์ได้รู้ว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนอยู่ท่ามกลางเปลวไฟที่สามารถเผาพวกเขาได้ตลอดเวลา 

“อย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า คืนใช้พลังเวทย์ธาตุลมตอนนี้พวกเราจะโดนย่างสดเสียงเอง”

“แล้วจะให้ฉันทำยังไง พวกนั้นมันไม่ได้มาอย่างเป็นมิตรสักหน่อย ดูท่าทางของพวกมันก็รู้”

“ฉันรู้อยู่แล้ว ดูจากท่าทางพวกกูลพวกนี้น่าจะเกิดจากเวทย์อันเชิญที่มีใครบางคนอัญเชิญขึ้นมา แล้วดูจากการกระทำของพวกมัน เป้าหมายของพวกมันก็คือพวกเรา”

ดารุณีน้อยมองท่าทางของผีดิบพวกนั้นอย่างใคร่ครวญ แต่ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรมากมายเครดิตตัวหนึ่งก็ฟันดาบเข้ามาทำให้เด็กสาวต้องเคลื่อนร่างหลบหลีก

“เป็นบ้าอะไรวะ พวกเราไปทำอะไรให้พวกแก” ไบรท์สบด ก่อนที่จะทะยานร่างแล้วนนำหมดไปชกใส่ผีที่โจมตีเข้ามา 

เด็กหนุ่มผนึกเวทไฟไว้ที่หลังมือก่อนที่จะชกเข้าไปยังโล่ของผีร้ายอย่างจัง ทว่าเข้าก็ต้องกุมมือของตนเองอย่างเจ็บปวด

“บ้าหรือเปล่า ใครสั่งใครสอนให้หน่อยเอามือเปล่าไปต่อสู้แบบนั้นกัน ถ้าพลังเวทย์ยังไม่ถึงขั้นเรานั่นแหละจังได้รับความเสียหายเอง เรื่องนี้มันเป็นเรื่องพื้นฐานไม่รู้ได้ไง”

อาสึนะกล่าว ก่อนที่จะนำมีดสั้นไปฟันโล่อย่างจัง เสียงของโลหะกระทบกันตอนที่เด็กสาวจะทะยานตัวหลบอีกครั้งเมื่อพบว่ามีใบดาบใกล้เข้ามา ไบรท์มองเด็กสาวที่กล่าวยังไม่พึงพอใจนัก

“แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง จะรอให้มันมากระซวกไส้เรากินก่อนหรือไง”

“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นแต่สิ่งที่ฉันจะบอกก็คือทำอะไรมันต้องมีแผน ส่วนใหญ่พวกผีดิบพวกนี้แทบไม่มีจุดอ่อนเลยยิ่งนายไปโจมตีที่อาวุธของมันซึ่งก็เป็นโลหะทั้งคู่ ดังนั้นความเสียหายมันจะส่งผลมาที่นาย ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้พลังเวทย์ของนายยังอยู่ในระดับนักเวทฝึกหัดด้วยซ้ำไป แล้วตอนนี้พวกเราจะรวมกันทั้งสองคนก็คงไม่สามารถเอาชนะเจ้าพวกผีร้ายพวกนี้ได้อย่างแน่นอน เข้าใจสิ่งที่ฉันพูดหรือเปล่า”

ไบรท์พยักหน้ารับ “รู้แล้วน่ะไม่ต้องมาถามฉัน จะให้ฉันทำยังไงก็บอกมาตอนนี้ฉันไม่มีทางเลือกอะไรอยู่แล้ว”

 

กสาวกล่าวจบเธอหันมองซ้ายมองขวาก่อนที่จะนับจำนวนอย่างคร่าว ๆ 

“ฉันลองดูคร่าว ๆ แล้ว พวกผีดิบพวกนี้เป็นสายพันธุ์กูล ซึ่งสายพันธุ์นี้ไม่สามารถเกิดได้ตามธรรมชาติต้องมีนักเวทย์สร้างขึ้นมาอย่างแน่นอน เจ้าพวกนี้จะเกิดจากพวกซากศพที่ตายในสุสานแล้วไม่ได้ทำพิธี แล้วถูกนักเวทย์ใช้เวทย์บางอย่างควบคุมซากศพได้อยู่”

“ฉันไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร หรือต้องให้ฉันรู้ว่ามันเป็นสายพันธุ์แบบไหนเป็นชนิดอะไรแล้วมันจะช่วยอะไรได้ล่ะ สิ่งที่มันสำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือเราจะรอดไปจากที่นี่ได้ยังไง จากที่ฉันคาดคิด ทำไมใช้เวทย์มนต์ทำร้ายมันตรง ๆ เราก็คงไม่มีวิธีอื่นที่จะสามารถทำได้”

“สิ่งที่นายพูดมันก็ไม่ผิดสักทีเดียว แต่ว่านี่แหละคือประเด็นสำคัญพวกเราทั้งสองคนไม่มีพลังพอที่จะจัดการผีดิบจำนวนขนาดนี้ไหวหรอก ดูคร่าวๆแล้วพวกมันมีประมาณ 10 ถึง 20 ตัว พวกเราต้องพิจารณาเรื่องอื่นประกอบด้วยอย่างเช่นเปลวไฟที่ล้อมรอบพวกเราไว้อยู่ มันขึ้นอยู่กับเวลาแล้วว่าพวกเราจะถูกพวกผีดิบพวกนี้ฆ่าก่อน หรือว่าจะสามารถหนีออกไปจากที่นี่ได้หรือไม่อีกวิธีหนึ่งก็คือโดนเปลวไฟเผาทิ้งก่อน รู้จักวงล้อมของเปลวไฟแล้วก็ผีดิบมันจะค่อยๆบีบพวกเรามาเรื่อย ๆ สามทางของพวกเรามีเปลวไฟล้อมรอบส่วนอีกหนึ่งทางที่สามารถหนีออกไปตอนนี้ก็เต็มไปด้วยกองทัพอัศวินกูล”

อาสึนะกล่าวจบก่อนที่จะผนึกเวทมนตร์ลงไปที่มีดสั้นอีกครั้ง หญิงสาวหันไปมองเด็กหนุ่มยืนมองเธออย่างงงๆก่อนที่เธอจะตัดสินใจกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน 

“ถ้าให้เราชนะพวกมันทั้งหมดแล้วหนีมันคงเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าถ้าจะให้ฉันเปิดทางแล้วนายก็โจมตีตามแล้วพวกเราทั้งสองคนก็ค่อยพากันหนีมันยังมีโอกาสเป็นไปได้ ฉันจะบอกแผนให้ฟัง”

ไบรท์เสกไฟขึ้นมาบนฝ่ามือ ก่อนที่จะถามเด็กหญิงผมสีน้ำตาล “โจมตีภาษาเหมือนเดิมใช่ไหม”

อาสึนะพยักหน้ารับ “ถูกต้องแล้วแต่ว่าพวกเราจะต้องเลือกพลังด้วยเพื่อผนึกร่างกายส่วนที่สำคัญที่สุดไว้ ฉันจะใช้ความเร็วของเวทย์ธาตุลม พานายออกไปจากที่นี่โดยการที่ฉันจบสร้างปีกขึ้นมาบนหลัง ส่วนนายหลังจากที่ฉันไม่มีพลังเวทแล้วนายก็ต้องใช้พลังไฟของนายโจมตีไปยังพวกผีดิบให้พวกมันตกอยู่ในวงล้อมไฟอีกครั้ง หลังจากนั้นต่อให้พวกมันจะตายหรือไม่ตายก็ตามพวกเราก็ต้องหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ถ้าพลาดพวกเราเองนั่นแหละที่จะต้องตายอยู่ที่นี่ เพราะว่าพลังเวทย์ของพวกเราทั้งสองคนจะหมดพอดี”

“จากการคำนวณของเธอ ฉันจะขอเชื่อมันจนถึงที่สุดมาวัดดวงกันเลย” 

สิ้นคำกล่าวเด็กทั้งสองก็กระโจนเข้าหาผีดิบพร้อมกัน อาสึนะใช้มีดสั้นฟันลงไปยังผีตัวที่อยู่ใกล้หญิงสาวมากที่สุด เสียงโลหะกระทบกันอีกครั้งในขณะเดียวกัน หญิงสาวก็ร่ายเวทเพื่อสร้างเวทลมขึ้นมา ส่วนทางไบรท์เขามองท่าทางของหญิงสาวที่กำลังต่อสู้กับผีร้ายอย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะเดียวกันเด็กหนุ่มก็รวบรวมพลังเวทของตนเองให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ 

เดิมทีเขาคิดว่าตนเองจะได้บุกโจมตีเป็นแนวหน้า แต่จากการกระทำของหญิงสาวเขาพบว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นเป็นสิ่งที่ผิดพลาด ก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้รวบรวมบอลไฟเขาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่โผล่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน บางสิ่งจิกเข้ายังศีรษะของเขาอย่างแรง เด็กหนุ่มไม่ทันได้กระทำอะไรตัวของเขาก็ลอยขึ้นสูง เขาชำเลืองมองด้านบนแต่ทว่าจู่ๆหนังตาของเด็กหนุ่มก็หนักขึ้น หลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็สิ้นสติสมประดี 

 

เด็กสาวผมน้ำตาลสังเกตถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้อย่างกะทันหัน หล่อนมองชำเรืองขึ้นไปด้านบนก็พบกับร่างกายของชายหนุ่มตัวนี้น้อยๆที่กำลังโดนบางสิ่งก็ขึ้นไปบนฟ้า นกตัวสีดำขนาดใหญ่ยักษ์ในกรงเล็บของมันอีกหัวของเด็กหนุ่มแล้วกระชากขึ้นไป โดยที่มีคนบางคนกำลังยืนคุมเชิงอยู่บนตัวของนก ตอนนี้เด็กหนุ่มผมดำได้สิ้นสติสมประดีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้อาสึนะหน้าปากค้างด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

 

สวัสดีครับตอนนี้ภาค 2 ก็ได้เดินมาถึงตอนที่ 10 แล้วนะครับ หลังจากตอนที่ 11-20 ก็จะเข้าสูตรส่วนที่ 2 แล้วนะครับ หลังจากนี้เนื้อหาก็จะเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้วครับ ขอบคุณคนที่ตามอ่านนะครับ 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.