บทที่ 7 ขอเสี่ยง 2/2
บทที่ 7 ขอเสี่ยง 2/2
ณ สรวงสวรรค์ที่อยู่ห่างไกลจากพื้นโลก บุรุษหนุ่มนัยน์ตาสีทองกวาดมองไปยังภาพโฮโลแกรมของชายหนุ่มนัยน์ตาสีดำ เส้นผมยาวประบ่าที่กำลังมองมายังไม่พอใจนัก
“นี่มันนานเท่าไหร่แล้วที่พวกเราถูกกดขี่ข่มเหง จากพระเจ้า เทพเทพห่งความโกลาหล และมนุษย์ที่ก่อร่างสร้างตัวจนมาเป็นเทพเจ้า พูดที่ได้เศษเสี้ยวแห่งนิรันดร์”
“ถ้าจำไม่ผิดก็ประมาณ 200 ปีแล้วกระมัง ที่พวกเราถูกกดขี่ข่มเหง ไม่มีสิทธิ์และอิสระเสรี เผ่าพันธุ์ต่างๆเริ่มลืมเรื่องของพวกเราไปอย่างช้า ๆ”
ชายหนุ่มผมทองพยักหน้าเห็นพ้องกับคำกล่าว “ใช่แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้พลังอำนาจที่ได้รับ ความเชื่อก็จะลดน้อยถอยลง เมื่อความเคารพนับถือศรัทธาของมนุษย์ตกต่ำถึงที่สุด พลังอำนาจที่เคยมีก็จะหดหาย ถึงแม้ว่าตัวตนจะไม่ได้แตกสลาย แต่ถ้าจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ล่ะก็ พวกเราก็คงไม่มีจุดยืนในสังคมเป็นแน่”
ชายหนุ่มผมดำที่ปกครองโลกเบื้องล่างพยักหน้า “ใช่แล้ว อดีตกาลโลกทั้งสามเคยรวมกันเป็นหนึ่ง แล้วเพียงไม่นานก็ถูกชายหนุ่มที่มีนามว่าวินแบ่งแยกมันอีกครั้ง”
“ชายหนุ่มผู้นั้นเป็นบุคคลที่อันตราย พลังอำนาจและความรู้ของเขามันเป็นอันตรายต่อเผ่าพันธุ์ของพวกเรา วิทยาการอันล้ำหน้าในหัวสมองของเด็กหนุ่มผู้นั้น อาวุธต่างๆที่เกินความจำเป็น อดีตกาลพวกเราเคยใช้ดาบโล่ เพื่อต่อสู้ไล่ล่าสังหารกัน แต่ว่าเพียงไม่นานเด็กทั้งสามก็เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างไปจนสิ้น”
ชายหนุ่มผมดำมีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อกล่าวถึงบุคคลในตำนาน เขายกน้ำชาขึ้นมาจิบก่อนที่จะกล่าว
“หากถ้าจำไม่ผิดเด็กทั้ง 3 เป็นตัวอันตรายของโลกมนุษย์ หนึ่งในนั้นคนมีนามว่าจีน่า เด็กหญิงผิวสีแทนผมสีทองในตาสีฟ้า เป็นลูกครึ่งเทพมาร มีความเชี่ยวชาญใช้ศาสตราประเภทดาบ เมื่ออดีตการนานมาแล้วหญิงผู้นี้เคยถล่มกองทัพมารได้เพียง ลำพัง”
“แต่ว่าไม่ใช่เด็กพูดนั้นที่สามารถทำได้เพียงลำพังไม่ใช่หรือ ถ้าไม่ได้พูดพยากรณ์ที่มีนามว่าริรินที่เป็นลูกครึ่งเผ่าเทพ ที่มีความรู้เกี่ยวกับการพยากรณ์ และการทำนายอนาคต รวมไปถึงเด็กหนุ่มที่มีความรู้เกี่ยวกับวิทยาการที่สูญหาย เด็กหญิงที่มีนามว่าจีน่า ก็คงไม่สามารถดำเนินการได้เพียงลำพังหรอก” ชายผมทองกล่าวโต้แย้ง
“ถ้ามองแต่ความสามารถเมื่อสมัยพวกนั้นยังเป็นมนุษย์ก็นับว่ามองไม่ผิด แต่อย่าลืมสิว่าตอนนี้พวกนั้นไม่ได้เป็นมนุษย์แล้วแต่เป็นเทพสูงสุดที่ปกครองพวกเราอีกทีนึง พวกเราไม่สามารถขัดขืนได้ พันธสัญญาและด้วยคำสาปที่ตราตรึงเอาไว้ในรากเหง้าแห่งชีวิต แต่ว่ามันก็ยังไม่ได้ลงไปในจิตสำนึก หากพวกเราต้องการขัดขืนมันก็มีวิธีนั่นก็คือวิธีที่พวกเรากำลังใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ ถึงแม้ว่าพวกเราจะใช้ความคิดมากขนาดไหน แต่ถ้าฝั่งเทพก็ฝั่งปีศาจไม่ได้ร่วมมือกันการตอบโต้ก็คงไม่สามารถทำได้”
ชายหนุ่มผมดำพยักหน้ารับ “เหมือนสมัยก่อนที่โลกถูกแบ่งออกเป็น 3 มีการใช้เวทย์อาณาเขตเพื่อกลางบาเรียเพื่อแบ่งโลกนี้ มีโลกเบื้องล่างหรืออีกชื่อหนึ่งก็คือนรก ถึงแม้ว่าจะเป็นนรกจำลองก็ตาม มีโลกเบื้องบนที่เรียกว่าสวรรค์ และมีโลกที่อยู่กึ่งกลางที่เรียกว่าโลกมนุษย์ โลกทั้งสามถูกแบ่งและค้ำยันด้วยต้นไม้สูงสุด หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งก็คือต้นไม้โลก”
“และเผ่าพันธุ์ต่างๆก็ถูกแบ่งแยกย่อยออกไป โดยที่ไม่มีเผ่าเทพและเผ่ามารเป็นผู้ควบคุม มนุษย์เริ่มกำเริบเสิบสานคิดว่าตนเองมีพลังเหนือกว่าเทพ และเผ่ามาร อสูรอย่างเช่นยักษาที่มีระดับต่ำกว่าแรงค์ b สามารถข้ามอาณาเขตไปยังโลกมนุษย์ได้ นี่อาจจะเป็นจุดอ่อนอย่างเดียวของเพศอาณาเขต แต่ว่านี่ก็ทำให้พวกมนุษย์ที่พวกพระเจ้าปกป้อง ถูกทำร้าย”
“ก็เพราะอย่างนั้นแหละพวกเราในฐานะเทพและเผ่ามารจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อนำอำนาจของพวกเรากลับคืนมา”
ชายหนุ่มผมดำมีสีหน้ายิ้มย่อง ก่อนที่จะพูดคำๆหนึ่งที่ไม่มีใครคิดว่าจะมีคนกล้าพูดออกมา “เพราะฉะนั้น พวกเรา 2 เผ่าพันธุ์จำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อโค่นล้มพระเจ้าสูงสุด และนำอำนาจของพวกเรากลับคืนมา”
ทางฝั่งของดรเอ็ดเวิร์ด
ศาสตราจารย์หนุ่มมองร่างที่ไร้ซึ่งวิญญาณที่อยู่ในโลงแก้ว โดยที่มีบุรุษที่ได้ชื่อว่าแพทย์ที่เก่งอันดับ 1 แห่งยุคยืนมองอยู่ไม่ห่าง เขาตัดสินใจมาเยี่ยมอดีตลูกศิษย์ ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองจะไม่ค่อยดีนัก แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร
โชายหนุ่มทึ่งกับความสามารถของลูกศิษย์ของตนที่สามารถถนอมร่างสตรีอันเป็นที่รักไว้ในโลงแก้ว เครื่องในโลงแก้วมีน้ำแข็งพันปีตั้งตระหง่าน เพื่อทำให้ร่างกายไม่บุบสลายเน่าเปื่อยไปตามกระแสของเวลา การคืนชีพสิ่งมีชีวิตเป็นสิ่งต้องห้ามมานานแล้ว
ในโลกนี้นอกจากบุรุษหนุ่มผู้นั้นก็ไม่มีใครคิดจะคืนชีพมนุษย์ขึ้นมาอีก มันเป็นเพราะว่าการคืนชีพหรือการทดลองกับร่างกายมันผิดจารีตประเพณีที่พึงกระทำของสังคม
การคืนชีพแต่ละครั้ง จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบจำนวนมาก แล้วสิ่งที่เป็นวัตถุดิบนั่นก็คือร่างกายและวิญญาณของมนุษย์เป็นเป็น เพื่อสร้างศิลาแห่งชีวิตเราจำเป็นต้องใช้ร่างกายและวิญญาณของสิ่งมีชีวิต แล้วสิ่งมีชีวิตที่จะสร้างศิลาแห่งชีวิตก็คือมนุษย์ หรือไม่ก็สัตว์เทพในตำนาน
เอ็ดเวิร์ดยิ้มก่อนที่จะมองหน้าลูกศิษย์ของตนที่เต็มไปด้วยความหวัง เขายื่นมือก่อนที่จะกล่าวชักชวน “เจ้าจะมาร่วมมือกับข้าหรือไม่ ถ้าหากเจ้าร่วมมือกับพวกเราเจ้ามีโอกาสที่จะชุบชีวิตสตรีที่เป็นที่รักของเจ้ากลับคืนมา แต่หากว่าไม่ก็คงต้องอยู่แบบนี้ต่อไป เฝ้ารอความหวังที่มิอาจจะเป็นจริง”
ชายหนุ่มยิ้มก่อนที่จะพูดในสิ่งที่ทุกคนล้วนคิดไว้อยู่แล้ว “ต่อให้โลหิตสีแดงฉานจะย้อมท่วมพื้นแผ่นดิน ข้าก็ไม่คิดจะสนใจสิ่งใด ข้าไม่สนใจว่าข้าจะต้องละทิ้งสิ่งใด ถ้าไม่สนใจว่าข้าจะต้องใช้วิธีใด ข้ารู้เพียงว่าข้าต้องนำนางกลับคืนมา เอานางคืนจากมัจจุราชที่บังอาจภาคนางไปจากข้า”
“สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์ของข้า และเป็นเพื่อนสนิทของบุรุษหนุ่มผู้นั้น บุรุษหนุ่มผู้นั้นคงดีใจที่เจ้าเห็นด้วย กับแนวทางของพวกเรา”
“หลังจากสงครามครั้งสุดท้ายข้าก็เจ็บปวดใจมาตลอด สาเหตุที่ข้าเจ็บปวดใจก็คือในวันที่ข้าได้รู้จักกับชายผู้นั้น"
ในวันที่เมฆายังไม่ได้ถูกสังหาร ชายหนุ่มเป็นหนึ่งในผู้ที่ต่อต้านความคิดของเขา เมฆาเป็นชายหนุ่มที่มองโลกนี้ด้วยความจริง ใช้ดวงตาของเขามองโลกที่แสนน่าเบื่อ ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นแต่เขาก็ยังคิดถึงหัวอกของมนุษย์
“ทำไมพวกเราเกิดมาแล้วต้องตายจากกัน”
เป็นคำถามที่เมฆาถามข้าอยู่ตลอด”
เอ็ดเวิร์ดมองห้องที่เต็มไปด้วยความมืดมิด ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างปลื้มปิติเมื่อนึกถึงวันวาน
“วันแรกที่ข้าได้เจอกับชายหนุ่มคนนั้น ข้าก็รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าชายหนุ่มที่มีชื่อว่าเมฆานั้นเป็นบุรุษหนุ่มที่ไม่ธรรมดา ความคิดความอ่านของเขาราวกับเทพเจ้าที่ลงมาจุติบนโลกใบนี้ สิ่งที่เขาถามข้าก็คือ”
ดรเอ็ดเวิร์ดหยุดกล่าวไปสักพัก ก่อนที่จะพึมพำกับตนเอง ถึงแม้ว่าเสียงนั้นจะราวกับเสียงกระซิบ แต่สำหรับบุรุษหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆกลับได้ยินอย่างชัดเจน
“อยากได้ชีวิตอันเป็นนิจนิรันดร์เหมือนเทพเจ้าหรือไม่”
คำกล่าวของดรเอ็ดเวิร์ด ทำให้บุรุษหนุ่มนั้นตัวชา ขนของเขาลุกทั่วสรรพางค์กาย ความรู้สึกหนาวสั่นปะเดปะดังเข้าสู่ร่าง เพราะว่าคำถามที่เขาได้ยินเป็นคำถามที่เขาเคยได้ยินมาแล้ว
ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในอาณาจักรอันแสนกว้างใหญ่
ความร้อนของอากาศสายลมที่พัดพากลิ่นของใบไม้ใบหญ้า เด็กหนุ่มนัยน์ตาดุจโลหิตหน้าตาหล่อเหลาหาตัวจับได้ยาก กำลังนั่งมองภาพเบื้องหน้าอย่างทอดอะไรตายอยาก
บนมือของเด็กหนุ่มมีหนังสือหนาเตอะ แต่หน้าปกของหนังสือกลับไม่ถูกเปิด รอบรอบตัวของเขาผู้คนมากมายคร่ำเคร่ง ท่องทฤษฎีเวทมนตร์ บ้านก็กำลังพิกตำราแพทย์อย่างขะมักเขม้น ชายหนุ่มเห็นดังนั้นเขาจึงนำขาขึ้นมาพาดกับโต๊ะเรียนที่เก่าคร่ำคร่า ก่อนที่จะรำพึงรำพันโดยที่ไม่คิดจะแยแสสายตาของผู้อื่น
“ศึกษาทฤษฎีเวทมนตร์พวกนี้ไปแล้วจะได้อะไร เปิดตำราแพทย์ไปแล้วจะได้อะไร มนุษย์นั้นต้องบาดเจ็บต้องล้มตายจากภัยสงคราม ที่เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน ถึงแม้ว่าจะมี 3 อาณาจักรใหญ่คอยคานอำนาจ แต่ว่าพวกเจ้าเคยสงสัยกันหรือไม่ว่าแท้ที่จริงแล้วมนุษย์ต้องการอะไร ความสุขอย่างนั้นหรือ อำนาจ ความโลภ ความรู้ หรือความหวัง การที่ได้อยู่เหนือผู้คน”
คำกล่าวของเขาทำให้ทุกคนหยุดการกระทำ พวกเขาวางหนังสือแล้วจดจ้องมายังเด็กหนุ่มนัยน์ตาหดุจโลหิต ก่อนที่จะมีเสียงชายหนุ่มผู้หนึ่งกล่าวขึ้น
“พูดเหมือนกับว่าตัวเองรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าอย่างนั้นช่วยตอบคำถามหน่อยได้หรือเปล่าว่ามนุษย์จริงๆแล้วมีความต้องการอะไรกันแน่”
เมฆายิ้มหยันๆ “ขุนศึก ศักดินาชนชั้นสูงของโลกนี้ต้องการอะไร พวกเขามีเงินมีอำนาจมีความสุข มีทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการ แต่ถึงอย่างนั้นความโลภของเขาก็ยังไม่สิ้นสุด ความต้องการของคนพวกนั้นก็คือความไม่แก่ไม่ตาย เพราะไม่มีวันแก่ไม่มีวันตายความต้องการด้านอื่นๆก็จะสามารถมีไปได้เรื่อยๆ ดังนั้นพวกเขาทุกคนจึงต้องการความไม่แก่ไม่ตาย ความเป็นนิจนิรันดร์นี่แหละคือความต้องการที่แท้จริงของมนุษย์”
เด็กหนุ่มยื่นมือออกมา ก่อนที่จะกำมือแน่นและพูดเชิญชวน “ความต้องการของพวกเขาก็เหมือนกับฉัน ฉันต้องการความเป็นนิราศความไม่แก่ไม่ตาย พวกนายทุกคนก็ต้องการความเป็นนิจนิรันดร์เช่นเดียวกัน”
เด็กหนุ่มหันไปมองเด็กอีกคนที่มีท่าทางคงแก่เรียน “แล้วนายล่ะ สนใจที่จะมา หาวิธีเป็นนิจนิรันดร์กับฉันหรือเปล่า”
“อยากได้ชีวิตอันเป็นนิจนิรันดร์เหมือนเทพเจ้าหรือเปล่า”
สวัสดีนักอ่านที่กำลังติดตามผลงานทุกท่านนะครับ ผมจะทยอยอัพนิยาย 1 วันต่อตอน ถ้าใครสนใจก็ติดตามอ่านเรื่องนี้ไม่เทแน่นอนครับ ส่วนคนที่สงสัยว่าทำไมถึงไม่แต่งนิยายเรื่องเกิดใหม่เพื่อไปเปลี่ยนโลกต่อ มันก็เป็นเพราะว่าตอนนี้กำลังทำการแก้ไขและปรับปรุงเนิยายเรื่องเกิดใหม่เพื่อไปเปลี่ยนโลก
2 เนื่องจากการเขียนนิยายเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ 2 ทำให้สำนวนคงที่และไม่มีการเปลี่ยนแปลงสำนวนครับ แต่ว่าเนื่องจากดร๊าฟนี้เป็นดร๊าฟแรก หากมีคำผิดหรือคำตกหล่นประการใดผมก็ขอประทานอภัยมาณที่นี้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ
3 เนื่องจากผมต้องการหารายได้จากการเขียนนิยาย แต่ว่าก็ยังลังเลใจอยู่ว่าจะติดเรียนเลยดีไหม ดังนั้นผมเลยทำอย่างนี้ครับผมจะติดเหรียญจะลงตอน ให้อ่านก่อน 3 วัน หลังจากนั้นก็จะติ่งเหรียญ 2 เหรียญ จุดประสงค์ของผมก็คืออยากให้ทุกคนอ่านนิยายเรื่องนี้อย่างมีความสุข และไม่ต้องเสียตังค์ ดังนั้นถ้าใครอยากอ่านโดยที่ไม่ต้องกดซื้อก็อ่านก่อนเลยนะครับ แล้วช่วงนี้ผมต้องสอบเตรียมตัวสอบ จบ และสอบ toeic กับ jlpt และ shkk ดังนั้นผมจะเขียนน้อยแต่จะอัพสม่ำเสมอนะคครับ จะเขียนประมาณ 3 หน้า A4 ตัวอักษร 14 อยู่ใน Google doc
ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ติดตามนะครับ
4 เนื่องจากผมเป็นผู้ที่บกพร่องทางการเห็นดังนั้นถ้าการจัดหน้าไม่ถูกไม่ควรอย่างไร หรือเพื่อนๆมีความรู้สึกว่าอ่านยากกรุณา comment บอกได้เลยนะครับเดี๋ยวผมจะไปเปลี่ยนการจัดหน้าให้ เพราะว่าโปรแกรมอ่านหน้าจอของผมมันไม่แจ้งเตือนว่าการจัดหน้าเป็นอย่างไร แต่จากการที่ผมสันนิษฐานคิดว่าเว็บที่เอาไปลงน่าจะมีระบบจัดหน้าให้อัตโนมัติ ขอบคุณนักอ่านทุกคนอีกครั้งครับ
ตอนนี้เข้าสู่ช่วงกลางภาคสองแล้วนะครับ ภาคสองจะเขียนประมาณ 30 บท ตอนนี้ก็มาถึงบทที่เจ็ดแล้วววว เนื้อเรื่องจะดำเนินไปเร็วแล้วน้า ไม่ต้องห่วงนิยายเรื่องนี้ไม่ยาวแน่นอนแต่ยาวมากกๆๆๆ
ตอนจบมีแล้ว เขียนไม่ยืดเพราะไม่อยากเขียน อันที่จริงอยากเขียนเกิดใหม่ ฮ่าๆๆๆๆ แต่ว่าต้องเขียนเดี๋ยวนักอ่านบอกว่า นี่นิทราการเทฮ่าๆๆๆ
เจอกัน
ปล เกิดใหม่ภาคสองจะมีลงในเขียนกัน
นะ เพราะว่าผมเขียนภาคสองอยู่ส่วนภาคหนึ่ง rewrite ยาว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 291
แสดงความคิดเห็น