ตอนที่ 75 เจ้ายังไร้เดียงสาเกินไป

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)
คุณกำลังอ่าน: สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 75 เจ้ายังไร้เดียงสาเกินไป

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 75 เจ้ายังไร้เดียงสาเกินไป

 

“เจ้า...เจ้าทำเกินไปแล้ว!” ในที่สุดหลินเสี่ยวก็โกรธ กระทั่งองค์พระปฏิมายังมีขีดจำกัด เขายังคงอดกลั้นความโกรธเอาไว้...ถ้าไม่ใช่เขาสุขุมอย่างยิ่ง ก็คงเป็นเขาไม่ใช่ลูกผู้ชายพอ

 

 

“คุณชายหลิน หรือว่าท่านไม่มั่นใจในตัวเอง?” เย่หวูเฉินถามพลางหัวเราะ

 

“ไม่มั่นใจ? ฮึ่ม! ข้าหลินเสี่ยวหมั้นหมายกับฮั่วฉุ่ยโหรวมาหกปี ชาวเทียนหลงทั้งหมดต่างรู้เรื่องนี้ องค์จักรพรรดิยังยืนยันและเห็นชอบรวมทั้งตัวขุนพลฮั่ว นางจะเข้าสู่ตระกูลหลินและกลายเป็นภรรยาของข้าหลินเสี่ยว” หลินเสี่ยวกล่าวหนักแน่น

 

“โอ้ ในเมื่อท่านมีความมั่นใจว่าจะได้แต่งงานกับฮั่วฉุ่ยโหรว เช่นนั้นท่านก็ไม่จำเป็นต้องมาหาข้าเพราะเรื่องนี้ ท่านก็คิดเสียว่าข้าก็แค่ใครบางคนที่คิดปรารถนาไปเอง เป็นคนที่ไม่คู่ควรให้ท่านต้องใส่ใจ ถือซะว่าเป็นแค่เรื่องตลก น่าสนใจใช่หรือไม่? คุณชายหลิน ท่านไม่ควรกล่าวรับปากสิ่งหนึ่งแต่กลับหมายความอีกอย่างหนึ่ง ผู้คนจะดูแคลนท่านได้” เย่หวูเฉินทำท่าทางครุ่นคิด

 

ใบหน้าของหลินเสี่ยวหม่นลง เขาไม่อาจตอบคำ หากผู้ที่ทำแบบนี้เป็นคนอื่น เขาย่อมทำเหมือนที่เย่หวูเฉินบอก คือไม่ใส่ใจ....แต่คนที่กำลังรุกคืบเข้ามาคือเย่หวูเฉิน แรงคุกคามนั้นไม่ใช่สิ่งเล็กน้อย กระทั่งตอนนี้ ยามที่ยืนข้างเขาในฐานะผู้แพ้ เขายังคงรู้สึกถึงความกดดันหนักหน่วงที่ยังคงไม่สลายไป

 

เขากัดฟันและไม่เอ่ยคำใด จากนั้นหันหลังแล้วเดินจากไป

 

เมื่อเงาของเขาหายลับสายตา รอยยิ้มยั่วแหย่ก็หายไปจากใบหน้าเย่หวูเฉินทันที แทนที่ด้วยสีหน้าไม่ใยดีเหมือนเช่นเดิม ยามอยู่ต่อหน้าผู้คนเขาใส่หน้ากาก ทำให้เขาอึดอัดและไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาถามเสียงเบา “เสวี่ยเอ๋อร์ เขากับข้าไม่เคยมีความแค้นใดๆในอดีตต่อกัน ยิ่งกว่านั้นเขายังเป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริง ข้าทำกับเขาเลวร้ายเกินไปหรือปล่าว?”

 

หนิงเสวี่ยส่ายศีรษะของนางเบาๆ “ข้าไม่แน่ใจ ข้ารู้แต่เพียงว่าทุกอย่างที่ท่านพี่ทำนั้นถูกเสมอ และท่านพี่ย่อมมีเหตุผลของตัวเอง ข้าไม่อยากเห็นท่านพี่รู้สึกผิด”

 

เย่หวูเฉินย่อตัวลง แตะสัมผัสใบหน้านางและยิ้ม “ข้าไม่ได้รู้สึกผิด เพียงแค่มีปัญหาอยู่บ้างเพราะระหว่างพวกเราไม่มีเรื่องใดต่อกัน ปัญหาก็คือสถานะของเขากับสถานะของข้าในตอนนี้ ตระกูลของพวกเราถูกลิขิตมาให้เป็นศัตรูต่อกัน และข้าแค่เลือกเขาเป็นหินรองเท้าก้อนแรกเพื่อก้าวต่อ”

 

หนิงเสวี่ยพยักหน้าเหมือนเข้าใจ จากนั้นจับมือของเย่หวูเฉินแน่นแล้วกล่าวอย่างระวัง “ท่านพี่... ท่านชอบพี่สาวแสนสวยคนนั้นจริงๆหรือ? เพราะว่าท่าน ชอบแอบมองไปที่นาง และ...และ....”

 

“ถูกต้อง ข้าชอบนาง สตรีที่น่าหลงใหลเช่นนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้นางหลุดมือไปง่ายๆ นางถูกลิขิตให้เป็นของข้าเพียงคนเดียว” เย่หวูเฉินยิ้มกล่าว

 

“ถ้าอย่างนั้น...พอท่านพี่ได้พี่สาวแสนสวยคนนั้นมา ท่านจะยังมีข้าอยู่ไหม?” หนิงเสวี่ยถามอย่างกังวล ดวงตาดั่งแก้วใสของนางเริ่มเปียกชื้น

 

“เด็กโง่” เย่หวูเฉินลูบใบหน้าน้อยๆ หัวเราะกล่าวอย่างอ่อนโยน “ต่อให้ข้าเกลียดชังโลกนี้ทั้งใบ ข้าก็จะไม่มีวันทอดทิ้งเสวี่ยเอ๋อร์ของข้า อย่าถามคำถามโง่ๆแบบนี้อีก”

 

“เช่นนั้นก็หมายความว่า ข้ายังสามารถอาบน้ำกับท่านพี่และกอดท่านพี่ยามนอนหลับได้ใช่ไหม?”

 

“หากเสวี่ยเอ๋อร์ต้องการ เจ้าสามารถทำได้ตลอดไป”

 

ในที่สุดหนิงเสวี่ยก็เปลี่ยนจากมีน้ำตากลายเป็นเสียงหัวเราะ นางกอดคอของเย่หวูเฉินและหัวเราะอย่างมีความสุข “ข้ารู้ว่าท่านพี่ดีที่สุด... ข้ากลัวจริงๆ กลัวว่าเมื่อท่านพี่ได้ตัวพี่สาวแสนสวยคนนั้นมา ท่านจะไม่สนใจข้า”

 

“เจ้ายังจำได้รึปล่าว ที่ข้าเคยพูดถึงโฉมสะคราญ? พวกนางจะเป็นของข้า และบางทีอาจเป็นคนสำคัญที่ข้าต้องปกป้อง แต่สำหรับเจ้า เจ้าคืออีกครึ่งชีวิตของข้า”

 

เย่หวูเฉินกอดนางและฟังเสียงภายนอกที่ค่อยๆสงบลง ผู้คนในจัสตุรัสค่อยๆแยกย้ายกันไป เขากำลังรอคนๆหนึ่ง ถ้าหากคนๆนั้นทำเป็นเพิกเฉยหรือไม่คิดปรากฎตัวออกมา ก็แสดงว่าเขาประเมินคนผู้นั้นผิดไป

 

และแล้วเขาก็ไม่ผิดหวัง ใบหน้าเย็นชาปรากฎขึ้นที่มุมหนึ่ง เป็นเล่งหยาที่ค่อยๆเดินตรงมาที่เขา แต่ก่อนที่เขาจะเข้ามาใกล้ เย่หวูเฉินก็กล่าวออกไปเรียบๆ “เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ข้าเพียงแค่ใช้งานเจ้าเท่านั้น”

 

เล่งหยาหยุดฝีเท้าลงและตอบกลับอย่างเย็นชา “ข้ามาที่นี่เพื่อบอกเจ้าว่าอย่าหวังคำขอบคุณจากข้า ยิ่งกว่านั้น อย่าหวังว่าข้าจะไปเป็นคนเฝ้าสวนให้เจ้า เลิกแส่เรื่องของคนอื่นได้แล้ว!”

 

กล่าวจบเขาก็หันตัวกลับ เหยียบเท้าหนักแล้วก้าวออกไปอย่างเย็นชา

 

เย่หวูเฉินส่ายศีรษะด้วยความผิดหวัง พลางกล่าวพึมพำ “ทีแรกข้าวางแผนไว้ว่าจะรักษาดวงตาของแม่เจ้า แต่ในเมื่อเจ้าปฏิเสธความหวังดีของข้า เช่นนั้นก็ช่างมันเถอะ”

 

เล่งหยาหยุดเท้าในทันที เขาพลันพุ่งตัวกลับมาดั่งเสือชีตาร์คลั่ง กลับมาอยู่เบื้องหน้าเย่หวูเฉิน สายตาคมกล้าดุจดั่งคมมีด เขากล่าวถ้อยคำแหบห้าว “เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไร?”

 

“เจ้าชื่อว่าเล่งหยา?” เย่หวูเฉินไม่ตอบทั้งยังกลับเป็นฝ่ายถามแทน ไม่ใส่ใจด้วยซ้ำว่าเขาจะตอบหรือไม่

 

“ใช่”

 

“ชื่อจริงของเจ้าคือ?”

 

“เล่งหยา!”

 

“เจ้าต้องการเงินหรือไม่?”

 

“........”

 

เย่หวูเฉินมองตรงไปที่เขา “ขาดแคลนเงินใช้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย หากเจ้าไม่มีเงิน เจ้ากับแม่จะกินอะไรกัน จะสวมใส่หรืออาศัยอยู่ที่ไหน?! แล้วเจ้าจะเอาอะไรมารักษาโรคภัยของนาง? นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าละอาย เจ้าได้เปิดเผยตัวเองในการแข่งครั้งนี้ไปแล้ว ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เจ้าใช้ชีวิตในเมืองเทียนหลงยากลำบากขึ้นไปอีก เนื่องจากเจ้าไม่ใช่คนของอาณาจักรเทียนหลง เจ้าอาจไม่รู้เรื่องความเป็นปกปักษ์ระหว่างอาณาจักรเทียนหลงกับอาณาจักรต้าฟง แต่หากเวลานั้นมาถึง เจ้าจะทำอย่างไรได้นอกจากขโมยและปล้นชิง? หากเจ้ารับใช้ตระกูลของข้า อย่างน้อยข้าก็สามารถรับประกันความปลอดภัยของเจ้ากับแม่ของเจ้าได้ รวมถึงรักษาอาการเจ็บป่วยของนางจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป อย่าบอกข้านะว่าเพียงแค่ศักดิ์ศรีน่าหัวร่อ เจ้าถึงกับจะเพิกเฉยความปลอดภัยของมารดาตัวเอง? กระทั่งยอมทำเรื่องไม่ฉลาด!?”

 

เล่งหยาจมอยู่ในความเงียบและไม่พูดสิ่งใด หลังผ่านไปครู่ใหญ่เขาก็กล่าวเสียงเยียบเย็น “หากเจ้ารักษาแม่ของข้าได้จริงๆ เช่นนั้นในเวลาหนึ่งปี ข้าจะทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการ!”

 

“ดวงตาของแม่เจ้าแลกกับการรับใช้ได้หนึ่งปี แล้วถ้าเป็นชีวิตของนางล่ะ?”

 

เล่งหยาตกใจเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ดวงตาของเขาฉายแววโหดเหี้ยม แผ่รังสีอำหิตออกมา

 

เย่หวูเฉินหัวเราะเสียงเย็น “เก็บจิตสังหารของเจ้าซะ แม้ว่าข้าจะไม่คนดีเท่าใดนัก ข้าก็ไม่ชอบใช้วิธีน่ารังเกียจอย่างเช่นเอาแม่ของเจ้ามาขู่ ข้าขอถามเจ้าอย่างหนึ่ง หากข้าไม่ออกหน้าช่วยเจ้า จะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”

 

“.............”

 

“ในกรณีเลวร้ายที่สุด พวกเขาคงสอบสวนเจ้าเกี่ยวกับอดีต จากนั้นกำจัดเจ้าทิ้งในทันที อย่างดีสุด เจ้าก็คงถูกคุมขังไปตลอดชีวิต แน่นอนว่าพวกเขาย่อมสืบเรื่องของแม่เจ้าด้วยเช่นกัน เมื่อจักรพรรดิสั่งการ เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเจ้าจะหนีพ้น? หรือต่อให้เจ้าถูกคุมขังแค่เดือนสองเดือน ในระหว่างนั้นที่เจ้าไม่อาจทำสิ่งใด มารดาของเจ้าก็ไร้ผู้ใดให้พึ่งพา แล้วนางจะอาศัยสิ่งใดเพื่อมีชีวิตอยู่รอด?”

 

เล่งหยาตัวสั่นไปทั้งร่าง เหงื่อเย็นเยียบพลันผุดออกท่วมตัว เขากำมือแน่นขณะที่ร่างกายสั่นสะท้าน

 

“เจ้ายังไร้เดียงสาเกินไป เจ้ามีทักษะที่ดีและมีพลังที่แข็งแกร่ง ทำให้เจ้ารับมือกับเรื่องต่างๆด้วยความมุทะลุ ไม่สนใจกับผลลัพธ์ที่ตามมา ไม่ต้องกล่าวถึงเหตุการณ์ในวันนี้ การที่เจ้าพามารดามายังอาณาจักรเทียนหลงนับว่าเป็นเรื่องที่ผิดพลาด หากเจ้าต้องการไปจากอาณาจักรต้าฟง เจ้าสามารถไปยังอาณาจักรคุยชุยหรืออาณาจักรชางหลาน แต่ต้องไม่มาที่อาณาจักรเทียนหลง! ความบาดหมางระหว่างอาณาจักรเทียนหลงและต้าฟงไม่ใช่สิ่งที่จะลบเลือนได้ภายในเวลาแปดปีหรือสิบปี”

 

เล่งหยา “..........”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.