บทที่7 นัดตรวจติดตามอาการ#2
ครืด ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายใบเล็กดังขึ้นเมื่อมีเสียงเรียกเข้า
“ฮัลโหลครับ” กองทัพกดรับสายเมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โทรเข้ามานั้นเป็นเชอรี่เพื่อนของรดา
“ฉันกดเบอร์ผิดเหรอ ก็เป็นเบอร์รดานี่”
“ไม่ผิดหรอกครับ นี่โทรศัพท์ของรดา”
“แล้วคุณเป็นใครคะ มารับโทรศัพท์เพื่อนหนูได้ยังไง”
“ผมหมอเธียรวิชญ์ครับ”
“แล้วตอนนี้รดาอยู่ที่ไหนคะ ทำไมคุณหมอถึงมารับโทรศัพท์แทนได้”
“รดาหลับอยู่ครับ ไว้เธอตื่นแล้วผมจะให้โทรกลับนะครับ”
“อ้อค่ะ ขอบคุณค่ะ” เชอรี่กดวางสายอย่างงงๆ พยายามไม่คิดอะไรมากเพราะเพื่อนตนไม่ได้เป็นเด็กใจแตกที่ไปนอนกับผู้ชายง่ายๆ แบบนี้
“เป็นอะไรยัยเชอ ทำไมทำหน้าแบบนั้น แล้วนี่รดามันกลับมาหรือยัง”
“ยังไม่กลับมา รดามันหลับอยู่”
“มันยังไม่กลับมา แล้วมันจะหลับอยู่ได้ไง สรุปตอนนี้มันอยู่ไหน อยู่ที่โรงพยาบาลหรือหลับอยู่ที่ห้อง”
“หลับ..อยู่ที่โรงพยาบาล”
“อีเชอ กูถามว่ารดามันอยู่ที่โรงพยาบาลหรือหลับอยู่ที่ห้อง”
“ก็บอกว่าตอนนี้มันหลับอยู่ที่โรงพยาบาล กูโทรหามันเมื่อกี้หมอเธียรวิชญ์เป็นคนรับสาย”
“ฮะ!” ทุกคนร้องขึ้นด้วยความตกใจ
“เออ..ตอนนี้รดาหลับอยู่ที่โรงพยาบาล” เชอรี่ตอบย้ำอีกครั้งเสียงดังให้ได้ยินกันชัดเจนทุกคน
“แล้วทำไมมันไปหลับอยู่ที่โรงพยาบาลได้ล่ะ”
“กูจะรู้ไหม กูก็นั่งอยู่กับพวกมึง”
“แล้วทำไมมึงไม่ถามคุณหมอล่ะ มึงก็วางสายเลยเนี่ยนะทั้งๆ ที่เพื่อนมึงกำลังนอนหลับอยู่กับผู้ชายแปลกหน้าสองต่อสองเนี่ยนะ”
“ถ้าเป็นคนอื่นกูคงถามไปแล้วแหละ แต่นี่เป็นหมอเธียรวิชญ์กูโอเค” รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นมุมปาก แก้วกาแฟถูกยกขึ้นดูดจนเกือบหมดแก้ว
“เออ..กูก็โอเคคนนี้เลิศ”
โรงพยาบาล
เวลาผ่านไปเกือบ 3 ชั่วโมงรดายังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ที่นอนนุ่มๆ บวกกับอากาศเย็นๆ ทำให้นอนสบายและหลับลึก กองทัพที่ทำงานเสร็จเรียบร้อยก็เดินมาเลือกหนังสือที่ชั้นหนังสือ 3-4เล่มสำหรับทำรายงานที่รดาบอกเมื่อตอนกลางวัน เมื่อได้หนังสือที่ต้องการครบแล้วจัดการเก็บใส่กระเป๋าผ้าเตรียมไว้เรียบร้อยก่อนจะเดินเข้าห้องเพื่อไปปลุกคนตัวเล็กที่นอนขี้เซาอยู่บนเตียง
“รดา ตื่นได้แล้ว” เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหู ไอร้อนเป่ารดต้นคอขาว
“อือ..ขออีก10นาทีนะคะ” ร่างบางพลิกตัวหลบไปอีกฝั่ง
“รดา ถ้าไม่ยอมตื่นผมจะปลุกคุณด้วยวิธีของผมนะ” แผนการอันร้ายกาจผุดขึ้นในหัว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นมุมปาก
“ตื่นแล้วค่ะ” ร่างบางดีดตัวลุกขึ้นทันที ดวงตาเบิกกว้างผมเผ้ายุ่งเหยิง
“หึ! ลุกไปล้างหน้าเดี๋ยวผมจะไปส่งที่ห้อง” เท้าเล็กกระโจนลงจากเตียงวิ่งหายแว็ปเข้าไปในห้องน้ำ
“โตจนป่านนี้ยังทำตัวเป็นเด็กเหมือน5ปีก่อนอีก” กองทัพได้แต่ส่ายหัวและยืนบ่นให้ได้ยินเพียงคนเดียว ก่อนจะเก็บที่นอนให้เรียบร้อยและเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กออกมาจากในตู้
“เช็ดหน้าให้เรียบร้อย” ผ้าขนหนูสีขาวถูกส่งให้เด็กสาว ร่างสูงหุ่นนายแบบยืนพิงตู้เสื้อผ้ามองเด็กสาวไม่วางตา
“คุณหมอออกไปรอหนูด้านนอกก็ได้ค่ะ ไม่ต้องยืนเฝ้าขนาดนี้ก็ได้หนูไม่ขโมยของของคุณหมอหรอกค่ะ” รดาพูดขึ้นเสียงอ่อยทำตัวไม่ถูก หยดน้ำที่เกาะอยู่บนใบหน้าถูกเช็ดออกจนแห้งสนิท ใบหน้าที่พึ่งผ่านการล้างทำความสะอาดไร้เครื่องสำอางเผยให้เห็นผิวขาวเนียนใสไร้จุดด่างดำส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง
“ผมไม่มั่นใจ เผื่อคุณติดใจที่นอนนุ่มๆ ของผมแล้วขโมยกลับบ้านด้วยจะทำไง”
“ที่นอนใหญ่ขนาดนี้ หนูคงพับยัดใส่กระเป๋าได้หรอกนะคะ”
“เสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วก็กลับกันได้แล้ว ผมจองร้านอาหารไว้ตอนหนึ่งทุ่ม..เดี๋ยวไม่ทัน”
“อ๊ะ! คุณหมอเป็นคนเก็บที่นอนนี่เหรอคะ”
“อยู่กันในห้องแค่สองคน คิดว่าไงล่ะ” ชายหนุ่มพูดจบเอามือล้วงกระเป๋าเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางสบาย
บนรถ
ระหว่างทางนั่งรถกลับบ้าน การจราจรค่อนข้างติดขัดกว่าทุกวันเพราะก่อนหน้านี้ฝนตกหนักส่งผลให้รถเกิดการชะลอตัว สองฝั่งถนนเต็มไปด้วยน้ำขังบริเวณที่เป็นหลุมเป็นบ่อ
“นี่ไม่ใช่ทางกลับห้องหนูนี่คะ” เมื่อมองสองฝั่งถนนไม่ใช่เส้นทางกลับบ้าน ใบหน้าเรียวเล็กหันมองหน้าชายหนุ่มตั้งคำถามขึ้นเสียงแข็ง
“ผมจองร้านไว้ตอนหนึ่งทุ่ม และจำได้ว่าบอกคุณไปแล้วเมื่อ54,000 วินาทีที่แล้ว” ตอบกลับเสียงเรียบขณะที่สายตายังจดจ้องการจราจรข้างหน้า
“หนูไม่ได้รับปากว่าจะไปกับคุณซะหน่อย” รดาแย้งขึ้นทันควัน ปั้นหน้าบึ้งเหมือนกับเด็กโดนบังคับ
“ตอนแรกก็ไม่เห็นปฏิเสธ มาจนถึงครึ่งทางแล้วผมไม่เลี้ยวรถกลับหรอกนะ”
“ถ้างั้นก็จอดตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้า หนูกลับเองก็ได้”
“กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ที่สั่งไว้ คงต้องเททิ้งสินะ”
“ปะ..ไปก็ได้ค่ะ” รดาร้องขึ้นเสียงดังเมื่อได้ยินเมนูอาหารที่กองทัพสั่งไว้นั้นเป็นของโปรดของเธอ ขณะที่รถยนต์คันหรูกำลังชะลอความเร็วลง เปิดไฟเลี้ยวกะพริบมือเรียวยาวกำลังหักพวงมาลัยรถเข้าข้างทาง
“หึ”
ทั้งสองใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงร้านอาหารชื่อดังที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ บรรยากาศเป็นลานเปิดโล่งประดับด้วยไฟสีส้มดวงเล็ก ตกแต่งเข้ากับบรรยากาศที่มีลมพัดเย็นสบายมีเสียงคลื่นกระทบผนังปูนกั้นริมฝั่ง ให้บรรยากาศเหมือนกำลังนั่งอยู่ริมทะเล
“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ” พนักงานเข็นอาหารมาเสิร์ฟ ทั้งรถเต็มไปด้วยอาหารซีฟู้ดหลายอย่าง กุ้ง หอย ปู ปลา อาหารทะเลมาครบทุกอย่างยกเว้นปะการัง
“คุณหมอสั่งมาเยอะจังคะ เราจะทานกันหมดเหรอ”
“ได้ข่าวว่าเด็กแถวนี้กินจุ” สิ้นประโยคกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ที่แกะเปลือกมาพร้อมรับประทานถูกตักไปวางใส่จานตรงหน้าเด็กสาว
“ขะ..ขอบคุณค่ะ” รอยยิ้มบางมุมปากถูกส่งกลับไปพร้อมคำขอบคุณ สายลมเบาๆ พัดปอยผมปกคลุมใบหน้า
“จะกินผมเข้าไปด้วยอยู่แล้ว” มือเรียวยาวยื่นมาเขี่ยปอยผมไปทัดไว้ที่ใบหู แก้มเนียนใสตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตก้มลงมองกุ้งตัวโตในจานไม่กล้ามองสบตากับชายหนุ่ม
“ก็ลมมันพัดแรงนี่คะ”
มือหนายื่นมาตรงหน้าเด็กสาว ฝ่ามือใหญ่ถูกแบออกยื่นไปตรงหน้ารดา
“อะไรคะ?”
“ยางรัดผม” จากตอนแรกที่งงว่าชายหนุ่มตรงหน้านั้นต้องการอะไรพอได้ยินคำตอบยิ่งงงเข้าไปใหญ่ แต่ก็ล้วงหยิบยางรัดผมรูปหัวใจสีชมพูในกระเป๋าส่งให้ชายหนุ่ม
“อ๊ะ! คุณหมอจะทำอะไรคะ” รดาร้องขึ้นเสียงหลงเมื่อกองทัพลุกขึ้นเต็มความสูงเดินอ้อมมาทางด้านหลังที่เธอนั่งอยู่ มือเรียวยาวจัดการรวบผมของคนตัวเล็กไปไว้ด้านหลังและใช้ยางรัดไว้อย่างเป็นระเบียบ
“รีบกิน ถ้าเย็นแล้วจะไม่อร่อย” สิ้นประโยคมือเรียวยาวก็ถูกดึงกลับโดยไม่ตอบคำถามของเด็กสาว เดินกลับมาหย่อนสะโพกหนานั่งลงเก้าอี้ตัวเดิม ปลากะพงทอดกระเทียมชิ้นโตถูกตักเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย
ทั้งสองใช้เวลาทานข้าวกันเกือบหนึ่งชั่วโมง กุ้ง หอย ปู ปลา ที่วางเรียงรายอยู่ในจานก่อนหน้า บัดนี้เหลือเพียงจานเปล่าและผักตกแต่งสามสี่ชิ้น
“อิ่มหรือยัง สั่งของหวานเพิ่มไหม” เสียงทุ้มถามขึ้นเหมือนประชด ปริมาณอาหารที่รดาทานเข้าไปก่อนหน้าเท่ากับสามคนปกติทานกัน ขืนเธอสั่งของหวานมาอีกรับรองคืนนี้เธอได้เปลี่ยนที่นอนไปนอนค้างที่โรงพยาบาลอีกคืนสองคืนเป็นแน่
“หนูรู้ค่ะว่าคุณรวย แต่ตอนนี้หนูอิ่มจนท้องจะแตกแล้ว” รดาได้แต่ประชดกลับเบาๆ ลำพังอาหารบนโต๊ะเธอก็ฝืนกินจนแน่นท้องเพราะเสียดาย
“แล้วกินเข้าไปทำไมตั้งเยอะ”
“คุณนั่นแหละค่ะ สั่งมาซะเยอะหนูเสียดายก็เลยต้องฝืนกินให้หมด” รดาบ่นอุบอิบ นั่งเอนหลังพิงเก้าอี้เพราะตอนนี้จะนั่งตัวตรงรักษามารยาทต่อไปไม่ไหว
“หึ..เสียดายของ เลยต้องมานั่งแน่นท้องอยู่แบบนี้” กองทัพส่ายหัวได้แต่คิดในใจ กินเก่งขนาดนี้ตัวยังเล็กเท่าเดิมอยู่เลย
ระหว่างทางนั่งรถกลับบ้าน
“ง่วงก็ปรับเบาะเอนหลังลงนิดหน่อยแล้วนอน ถึงแล้วจะปลุก” หลังจากขึ้นรถมาได้สักพักรดาก็หาวหวอดๆ สองรอบสามรอบเพราะกรดอะมิโนทริปโตเฟน (Tryptophan) เริ่มทำงาน
เมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของรถ รดาไม่รอช้าฝืนทรมานตัวเองต่อไป มือเล็กเอื้อมไปปรับเบาะนั่งให้เอนลงเล็กน้อย ขยับตัวเอนหลังในท่าสบายและผล็อยหลับในเวลาต่อมาไม่นาน
ครืด ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์ชายหนุ่มดังขึ้น
[เออ..มีอะไร] กองทัพกดรับสายเมื่อชื่อที่กำลังโทรเข้ามานั้นคือน่านฟ้า
{คืนนี้มึงจะมาหาพวกกูที่ผับไหม ไอ้หมอ}
[ไปก็เจอ] เสียงทุ้มตอบกลับเสียงห้วน
“หนูจะนอน ทำไมต้องเสียงดังด้วยคะ” เมื่อการสนทนาของกองทัพดังรบกวนคนที่กำลังหลับอยู่ จึงโดนเอ็ดขึ้นเสียงดัง
{เสียงใครวะไอ้หมอ มึงอยู่กับสาวที่ไหน คืนนี้พามาด้วยสิวะพามาแนะนำให้พวกกูรู้จักหน่อย}
“ชู่นอนซะ” มือเรียวยาวยื่นไปลูบหัวกล่อมคนตัวเล็กให้หลับอีกครั้ง โดยไม่ได้สนใจปลายสายว่ากำลังพูดอะไร
{ไอ้หมอ สรุปมึงอยู่กับใครเดี๋ยวนี้แอบซุกหญิงเหรอวะ}
[ไม่เสือก เอาเวลาไปตามหาเมียมึงให้เจอโน่น ดีกว่ามาเสือกเรื่องชาวบ้าน..ตู๊ด] เมื่อพูดจบกองทัพก็กดตัดสายทันที
ทางด้านน่านฟ้า
“ไอ้ห่า ปากอย่างนี้ไม่น่าเป็นหมอ” น่านฟ้าบ่นกับโทรศัพท์อย่างหัวเสียหลังจากโดนด่าแล้วถูกตัดสายไป
“สรุปไอ้กองทัพมันจะมาไหมคืนนี้” ดินเอ่ยถามขึ้น
“ไม่รู้โว้ย”
“อะไรของมึง แล้วเมื่อกี้มันบอกว่าไงละ”
“เสือก”
“ไอ้ห่าพวกกูถามดีๆ”
“กูก็ตอบดีๆ”
“ดีพ่องมึงสิ”
“ก็ไอ้กองทัพมันตอบกูว่าเสือก แล้วกูตอบไม่ดีตรงไหน ไอ้ห่าเอ้ยกูถามดีๆ เสือกมาตอกย้ำเรื่องเมียกู พวกมึงไม่มีเมียจะเข้าใจอะไรวะ”ประโยคแรกตอบกลับดินและนที ประโยคหลังเหมือนบ่นพึมพำกับตัวเองมากกว่า
“อะไรของมึง โรคคิดถึงเมียกำเริบอีกแล้วเหรอวะ เดี๋ยวนิสามันก็กลับมามันห่างมึงได้ไม่นานหรอก..ถ้าลีลามึงเด็ดจริง แต่ถ้าหายไปนานนั่นแสดงว่ามึงมันไม่เร้าใจไม่ได้เรื่อง..อย่าคิดมาก” ดินพูดปลอบใจเพื่อนออกไปถึงอาจจะฟังดูแล้วเหมือนตอกย้ำมากกว่าก็ตาม
คอนโด RM
“รดา ถึงห้องแล้ว” มือหนาสะกิดเข้าที่ไหล่บางเพื่อปลุกคนที่หลับอยู่ให้ตื่น
“อือ..ถึงแล้วเหรอคะ ฮ้าวว..วว..วว” ลืมตาเปิดเปลือกตาขึ้นท่าทางงัวเงียปากยังหาวหวอดๆ ไม่ยอมหยุด
“ถึงตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแล้ว คนอะไรนอนขี้เซาชะมัด”
“คุณอย่ามาหลอกหนูเลย หนูพึ่งหลับไปแป๊บเดียวเอง” รดาแย้งกลับทันควัน ทำแก้มป่องหน้างอเล็กน้อย
“หึ! ขึ้นห้องอาบน้ำนอนได้แล้ว”
“ค่ะ ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ” รดายกมือไหว้อย่างนอบน้อมก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ
“รดา” มือนาคว้าเข้าที่แขนเล็ก ร่างบางหยุดชะงักทันทีขณะกำลังจะก้าวขาลงจากรถ
“คะ?” เอี้ยวตัวหันกลับมาเล็กน้อย คิ้วเรียวเลิ่กขึ้นเป็นคำถาม
“ยาลดกรด ทานก่อนนอนจะได้ไม่ปวดท้องตอนกลางคืน” ซองยาสีขาวถูกยื่นไปตรงหน้าเด็กสาว สายตาคมเข้มจ้องใบหน้าเรียวเล็กไม่วางตา
“ขอบคุณค่ะ หนูขอตัวขึ้นห้องก่อนนะคะ”
“อือ..ฝันดีนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้” รดาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถเดินตรงดิ่งขึ้นห้องทันที
ผับ KK
ตึก ตึก ตึก เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นทางเดินตามจังหวะการเดิน
“แดกแต่หัววัน แดกจนระบบร่างกายรวน” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายเพื่อนเมื่อกระแทกสะโพกหนาลงโซฟาอีกตัวที่ว่างอยู่ แก้วเหล้าที่รินไว้ถูกยกขึ้นกระดกเกือบครึ่งแก้ว
“แล้วที่กระดกเข้าไปเมื่อกี้ น้ำเปล่าหรือไง” น่านฟ้าสวนกลับทันที
“162,000 วินาทีที่แล้วกูกินข้าวมาแล้ว 20 คำ” คำตอบของกองทัพทุกคนต่างส่ายหัว
“45 นาทีไอ้ห่า จะพูดให้ยาวทำไม”
“อ้อ..ก่อนหน้าที่วางสายใส่กู มึงพาผู้หญิงไปกินข้าวสินะ”
“ไม่เสือก”
เจ้าของคำถามยักไหล่เบาๆ อย่างไม่ใส่ใจนักด้วยความเคยชิน นั่งเอนหลังพิงโซฟาด้วยท่าทางสบาย แก้วเหล้าถูกยกกระดกรวดเดียวจนหมด
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 633
แสดงความคิดเห็น