ตอนที่ 62 ประชันอักษร – ทักษะการวาดขั้นสูงสุด
ตอนที่ 62 ประชันอักษร – ทักษะการวาดขั้นสูงสุด
เสียงอุทานด้วยความชื่นชมดังต่อเนื่องไปทั่วสนาม หลินเสี่ยวแม้ยังมีสีหน้าสงบแต่ดูจากคิ้วก็รู้ว่าเขาพึงพอใจแค่ไหน สำหรับภาพวาดนี้เขาไม่ได้ออมฝีมือแม้แต่น้อย ตั้งใจว่ายิ่งใช้ภาพธรรมดา ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงทักษะฝีมือการวาดของบุคคล
หลงหยินผงกศีรษะอย่างพอใจ จากนั้นจึงเอ่ยถาม “หวูเฉินแห่งตระกูลเย่ เจ้าคิดว่าภาพวาดนี้เป็นอย่างไร?”
ผู้คนเงียบเสียงลง สายตาทุกคู่จับจ้องไป รอคอยให้เขากล่าว ‘ยอมรับความพ่ายแพ้’
เย่หวูเฉินกวาดตามองผ่าน ‘สระกระจ่างวารี’ ปราดหนึ่งแล้วกล่าว “ก็ไม่เลว...แต่ถ้าคุณชายหลินมีพรสวรรค์เพียงเท่านี้ เขาก็ยังไม่อาจเปรียบเทียบกับข้าได้”
เมื่อถ้อยคำอวดดีอย่างที่สุดถูกกล่าวออกมา ผู้คนต่างตกอยู่ในความโง่งม กระทั่งองค์จักรพรรดิยังมีสีหน้าประหลาดใจอยู่ครู่ใหญ่ ฉับพลันเสียงสับสนก็ดังมาจากกลุ่นชน บ้างก็วิจารณ์ บ้างก็ดูถูก บ้างก็แค่นเสียง ไม่มีผู้ใดคิดหวังอะไร ในความเห็นของพวกเขา เย่หวูเฉินเพียงกล่าววาจาอวดดีเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตน มีชายคนหนึ่งแต่งกายคล้ายนักศึกษาชั้นสูงก้าวออกมาและตะโกน “เจ้ากล้าดูถูกผลงานมหัศจรรย์เช่นนี้ได้อย่างไร ช่างหน้าไม่อาย!!”
เย่หวูเฉินเหลือบมองชายคนนั้นแล้วกล่าว “หากภาพนี้ในสายตาเจ้าเรียกว่าผลงานมหัศจรรย์ แสดงว่าเจ้ายังไม่เคยเห็นสุดยอดภาพวาดที่แท้จริง ภาพวาดนี้ในสายตาข้า ไม่ว่าจะเป็นฝีมือการวาดหรือทัศนียภาพเพียงนับได้ว่าเป็นงานศิลปะดาดๆธรรมดาทั่วไป!”
คำพูดนี้อวดดียิ่งกว่าคำพูดเมื่อครู่อย่างไม่ต้องสงสัย กระทั่งยังเยาะเย้ยหยาบคายใส่หลินเสี่ยว ใบหน้าหลินเสี่ยวเขียวคล้ำ แต่เพียงชั่วขณะเขาก็กลับมาสงบและกล่าว “ภาพวาดข้ากลับไม่เป็นที่น่ามองต่อสายตาวิเศษของท่าน ขอคุณชายเย่ได้โปรดชี้แนะเปิดหูเปิดตา”
“ท่านยกย่องข้าเกินไปแล้ว ในเมื่อคุณชายหลินขอร้องรับคำแนะนำ เช่นนั้นข้าก็จะช่วยชี้แนะให้”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของหลินเสี่ยวกระตุกเล็กน้อย ผู้คนมองตากว้าง รอดูว่านายน้อยเย่ผู้โอหังจะกล่าวแนะนำอย่างไร
เย่หวูเฉินเดินไปอยู่เบื้องหน้าภาพ ‘สระกระจ่างวารี’ ชำเลืองมองแล้วถาม “ข้าขอบังอาจถามว่าคุณชายหลินเคยไปยังทะเลสาบน้ำใสมาก่อนหรือไม่?”
“แน่นอน ข้าเคยไป”
“ถ้าอย่างนั้นภาพทิวทัศน์ของทะเลสาบน้ำใสนี้อยู่ในฤดูกาลใด?”
“ฤดูใบไม้ร่วง”
“งั้นเหรอ? ถ้าเช่นนั้น...สายลมฤดูใบไม้ร่วงอยู่ไหน?”
“...สายลมฤดูใบไม้ร่วง?”
เย่หวูเฉินส่ายศีรษะด้วยสีหน้าผิดหวัง “ท่านไม่รู้สึกเลยหรือ? ว่าภาพวาดของท่านนั้นขาดจิตวิญญาณและไร้ชิวิตชีวา สถานที่ในภาพจึงดูน่าอนาถา ต้องจำใส่ใจไว้เสมอว่าต้นหลิวริมทะเลสาบ หากปราศจากสายลมทะเลสาบย่อมเงียบเหงา ไร้สายลมย่อมเป็นต้นหลิวที่ตาย กระทั่งสายลมเย็นบนผิวน้ำก็ไม่ปรากฎในภาพนี้แม้แต่น้อย สรุปแล้วภาพวาดนี้จึงเป็นเพียงผลงานธรรมดาพบได้ทั่วไป”
ก่อนที่หลินเสี่ยวจะได้กล่าวตอบ นักศึกษาคนเมื่อกี้ก็ตะโกนขึ้นอีกครั้ง “เจ้าพูดเหมือนง่าย! สายลมฤดูใบไม้ร่วงนั้นไม่อาจมองเห็น กระทั่งยังไม่อาจจับต้อง แล้วจะวาดออกมาได้อย่างไร หากเจ้ามีความสามารถทำไมจึงไม่แสดงให้พวกดู!”
หลินเสี่ยวเองก็พยักหน้ายิ้มเช่นกัน “ตามที่ท่านกล่าว คุณชายเย่โปรดแสดงให้พวกเราดูว่าจะวาดสายลมตามที่ท่านพูดถึงได้เช่นไร”
เย่หวูเฉินยังคงมีรอยยิ้มไม่เปลี่ยนแปลง “เช่นนั้นก็จงดูให้ดี!”
เย่หวูเฉินจับพู่กันขึ้น จุ่มลงไปในหมึกเล็กน้อย จากนั้นวาดริ้วกิ่งเอียงให้ต้นหลิว เติมแต่งใบหลิวที่พริ้วปลิว
“การที่ ‘ใบหลิวพริ้วบนกิ่ง ลู่ลิ่วจากตะวันตกสู่ตะวันออก’ แม้สายลมไม่อาจวาดลงบนกระดาษได้โดยตรง แต่หากใช้กิ่งหลิวแทนการอธิบาย ต้นหลิวบ่งบอกสายลม สายลมไม่อาจมองเห็น แต่สายลมที่พัดต้นหลิวนั้นมองเห็นได้อย่างชัดเจน!”
ปาดพู่กันอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ขยับไปที่พื้นผิวทะเลสาบ ตวัดสร้างริ้วระลอกบนผืนน้ำ
“ส่วนนี่เป็นการใช้ผิวน้ำบรรยายสายลม หากไร้สายลมย่อมไร้ระลอกคลื่น ใช้ระรอกน้ำเพื่อแสดงทิศทางของสายลมเย็น คุณชายหลินไม่ทราบกระทั่งเรื่องง่ายๆเช่นนี้หรือ?”
“.......”
สุดท้าย เย่หวูเฉินย้ายพู่กันไปยังหญิงสาวใต้ต้นหลิว ขยับปลายพู่กันวาดเติมผมพริ้วไหว จากนั้นเขาหยุดพู่กันแล้วหันร่างไป
“เส้นผมก็เช่นเดียวกับใบหลิว ล้วนใช้บรรยายถึงสายลมได้ มีสิ่งมากมายที่สามารถอธิบายถึงสายลม คุณชายหลินช่างขาดจิตวิญญาณ มีหลายสิ่งที่ภาพนี้ขาดหายไป” เขาส่ายศีรษะเบาๆ พร้อมทอดถอนใจ
เกิดความเงียบงันในชั่วขณะ ตกตะลึงจนพูดไม่ออก เย่หวูเฉินเคลื่อนพู่กันด้วยความเร็วไม่ด้อยไปกว่าหลินเสี่ยว ยิ่งกว่านั้นเพียงตวัดไม่กี่ครั้ง ในไม่กี่อึดใจ ความแตกต่างอย่างมหาศาลก็ปรากฎขึ้นมาทันที ยามนี้เมื่อมองยังภาพวาด ผู้คนต่างรู้สึกได้อย่างชัดเจนราวกำลังอยู่ในภาพวาด คล้ายกับเห็นสายลมพัดผ่านต้นหลิว ผ่านผิวระลอกน้ำ กระทั่งจินตนาการถึงความรู้สึกยามถูกสายลมโชยพัดผ่านใบหน้า ที่นำพาความสดชื่นมากับสายลม
ตะลึงจนไม่อาจตะลึง เพียงตวัดพู่กันไม่กี่ครั้ง ภาพวาดพิเศษเปลี่ยนเป็นภาพวิเศษที่สูงชั้นกว่า จากภาพ ‘สระกระจ่างวารี’ ตรงหน้า ผู้คนต่างเริ่มเข้าใจว่าเมื่อครู่เย่หวูเฉินหลายถึงสิ่งใด
นักศึกษาวัยกลางคนมองภาพวาดอย่างโง่งม เขารู้สึกละอายและประสานมือคารวะและกล่าวอย่างเคารพ “ข้ารู้สึกละอายยิ่งนัก ข้าขอนับถือ!”
“ยอดเยี่ยม! แม้ตวัดปลายพู่กันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่กลับทำให้ภาพวาดมีชีวิตขึ้นมาได้ ข้าไม่คิดเลยว่าทักษะการวาดของเจ้าจะเหนือล้ำได้ถึงเพียงนี้ ข้าขอยอมรับ!!” หลงหยินอุทานอย่างตื่นเต้น
ไม่เพียงเฉพาะผู้คนทั้งหลาย กระทั่งตระกูลเย่ทั้งหมด เว้นแต่เย่ฉุ่ยเหยาแล้ว เย่หนู่ , เย่เว่ย, หวังเวิ่นชู ต่างก็มีสีหน้าตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่หวูเฉินจะสร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่โดยไม่มีคำเตือนใดๆ เย่เว่ยกระซิบกับตนเอง “อย่าบอกข้านะว่าเทพกระบี่นอกจากจะบรรลุฝีมือกระบี่ขั้นสูงสุดแล้ว เขายังบรรลุฝีมือการวาดด้วย?”
หลงหยินกล่าวต่อ “ภาพวาดทะเลสาบน้ำใสนี้สมบูรณ์ด้วยสองสุดยอดอัจฉริยะ ข้าจะเก็บไว้เป็นสมบัติสะสมส่วนตัว แม้ว่าหลินเสี่ยวจะไม่สามารถวาดสายลมได้ แต่ฝีมือการวาดของเขาก็นับว่าเกือบสมบูรณ์แบบ ทุกคนต่างเห็นด้วยตาตนเองแล้ว เช่นเดียวกับอีกฝั่งหนึ่ง หวูเฉินเพียงวาดแต่งเติมเข้าไปเพียงเล็กน้อย ก็สามารถยกระดับภาพวาดขึ้นมาได้ ช่างน่าประทับใจนัก!”
“ฝ่าบาท!” เย่หวูเฉินหันกายมา จากนั้นเหลือบมองหลินเสี่ยวด้วยสายตาซับซ้อน “ข้าไม่อาจหลับตาเห็นด้วยกับฝ่าบาทได้ แม้ว่าฝีมือการวาดของคุณชายหลินจะยอดเยี่ยม แต่ก็ยังนับว่าห่างไกลกับข้า”
“นี่....” หลงหยินขมวดคิ้ว ดูคล้ายพูดไม่ออก
“ข้าขอบังอาจถามคุณชายหลิน ว่าอะไรคือทักษะการวาดภาพขั้นสูงสุด?” เย่หวูเฉินถาม
“ทักษะการวาดภาพขั้นสูงสุด แน่นอนว่าคือการวาดภาพได้เสมือนของจริง ไร้ความแตกต่างกันแม้เพียงนิดน้อย!” หลินเสี่ยวตอบ
“โอ้....” เย่หวูเฉินเดินไปอยู่เบื้องหน้าภาพวาด มองสำรวจครู่หนึ่งแล้วใช้ปลายพู่กันชี้ไปที่หนอนตัวเขียวที่อยู่บนกิ่งหลิว “ข้าขอถามหน่อย ว่าเจ้าหนอนน้อยในรูปนี้ท่านพอใจแล้วหรือยัง?”
หลินเสี่ยวกวาดตามอง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงยโส “แม้ว่าข้าจะมีพรสวรรค์ต่ำต้อย แต่เรื่องวาดภาพนั้นข้าคู่ควรผยองในฝีมือ หนอนสีเขียวตัวนี้วาดจนเหมือนจริงที่สุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้”
“โอ้ จริงหรือ?” เย่หวูเฉินยิ้มแต่ไม่คล้อยตาม จากนั้นจุ่มพู่กันลงในน้ำหมึกสีเขียว เขาแตะปลายพู่กันวาดหนอนขนาดตัวเท่ากันไว้บนอีกกิ่งหนึ่ง เมื่อเขาขยับร่างออก มุมปากเขาเผยรอยยิ้ม หากแต่ไม่ได้กล่าวคำใดออกมา
หนอนตัวเขียวพึ่งถูกแต้มน้ำหมึกจึงยังไม่ทันแห้ง มันสะท้อนแสงตะวันวิบวับ ก่อนที่ทุกคนจะรู้ตัว ก็มีเสียงร้องดังขึ้นมา ตามมาด้วยเสียงอ่อนหวานของหญิงสาว “เสี่ยวชิง!”
นกสีเขียวบินลงมาที่กลางเวทีอย่างรวดเร็ว มันพุ่งลงจากฟ้า จิกจะงอยปากลงที่ภาพ ‘สระกระจ่างวารี’ อย่างรุนแรง
เสียงร้องดังขึ้นเบาๆ แผนกระดานวาดแกว่งอยู่ครู่หนึ่ง นกขนเขียวร่วงลงบนพื้นจากแรงกระแทก มันพยายามกระพือปีกบินขึ้น เย่หวูเฉินอุ้มมันขึ้นมา แผ่พลังรักษาการบาดเจ็บให้มันเงียบๆ
ภาพ ‘สระกระจ่างวารี’ ยามนี้มีรูถูกจิกเล็กๆ ตรงตำแหน่งที่เย่หวูเฉินวาดรูปหนอนสีเขียว เขาปลอบนกเขียวที่เชื่องมือ และกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “หากคุณชายหลินมีทักษะการวาดบรรลุถึงขั้นเสมือนจริง เช่นนั้นของข้าควรเรียกว่าอะไร?”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 342
แสดงความคิดเห็น