ตอนที่ 55 ต้านทานโดยสมบูรณ์
ตอนที่ 55 ต้านทานโดยสมบูรณ์
สีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของเย่หวูเฉินทำให้หลินเหยียนลอบแค่นเสียง เขายิ้มและพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ดีมาก เจ้ากล่าวได้ดี ทำไมข้าจะไม่กล้ารับคำ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เมื่อเสียงรับคำของหลินเหยียนสิ้นสุดลง ผู้ชมต่างส่งเสียงเอะอะอึกทึกขึ้นมาทันที หลินเหยียนเป็นนักเวทย์ไฟที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรเทียนหลง ไม่มีทางที่ผู้เยาว์คนหนึ่งจะสามารถรับมือได้ ย่อมไม่เป็นไรหากนี่เป็นเพียงการแข่งขันธรรมดา อย่างมากเขาก็แค่พ่ายแพ้ต่อหลินเหยียนและถูกเผาหรือทุบตีบ้าง และไม่มีทางที่เขาจะถูกสังหารเพราะหลินเหยียนย่อมไม่กล้าทำ กระทั่งการเอาชนะคู่ต่อสู้ยังเป็นแค่เรื่องปกติประจำวันสำหรับหลินเหยียน ในทางตรงกันข้าม หลินเหยียนจะถูกผู้คนเหยียดหยามหากว่าเขาแพ้ เย่หวูเฉินได้คาดการณ์เรื่องพวกนี้เอาไว้แล้ว ไม่ว่ายังไงเขาก็จะต้องทนรับความเจ็บปวดกับผลลัพธ์ที่จะตามมา นั่นคือถูกสาปแช่งจากผู้คนตลอดไป
หรือว่าสุดยอดอัจฉริยะตระกูลเย่ผู้นี้จะต้องถูกทำลายภายใต้น้ำมือของหลินเหยียน? อย่างไรก็ตาม ตระกูลเย่ย่อมไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้น ไม่กี่ขณะนับจากนี้ ฉากต่อไปย่อมเกิดความจลาจลวุ่นวายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
เย่หวูเฉินหันร่างไปหาเย่หนู่และเย่เว่ย เขาเผยให้เห็นสีหน้าและรอยยิ้มผ่อนคลาย จากนั้นรีบกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว เย่หนู่และเย่เว่ยเข้าใจได้ในทันที และพวกเขาหันหน้ามามองกัน
อย่าบอกนะว่าเขากำลังล่อลวงหลินเหยียนให้ติดกับดักบางอย่าง?
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถบอกได้ว่าเย่หวูเฉินจะใช้วิธีการใด บุรุษทั้งสองนั่งลงอย่างสงบในที่สุด เย่เว่ยลูบปลอบหวังเวิ่นชูให้ระงับความกังวล และส่งสัญญาณให้นางว่าไม่ต้องกลัว
เย่หวูเฉินกัดฟันแน่นแล้วหันกลับมาเหมือนเขาไม่กลัวความตาย เผชิญหน้ากับองค์จักรพรรดิที่อยู่บนที่ประทับ เขาตะโกนด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “พวกเราตระกูลเย่ ย่อมไม่ใช่บุคคลที่จะกลับคำพูด ในเมื่อข้าเย่หวูเฉินได้ตกปากรับคำเดิมพันไปแล้ว ย่อมไม่มีวันที่ข้าจะกลับวาจา ฝ่าบาทและสหายทั้งหลายรวมทั้งผู้อาวุโสทุกท่านที่นั่งอยู่ในที่นี้ ได้โปรดเป็นสักขีพยาน หากข้าพ่ายแพ้ ข้าจะยอมรับการลงโทษจากประมุขหลินโดยไม่มีการอิดออด แต่หากข้าโชคดีเอาชนะประมุขหลินได้ เช่นนั้นเขาจะต้องเรียกข้าว่า ‘ท่านปู่’ สามคราในทุกครั้งที่เขาพบหน้าข้า”
ความเงียบผ่านไปชั่วขณะ เสียงราบเรียบทรงพลังก็ดังขึ้น “ประเสริฐ! ในเมื่อเจ้ายืนกรานเช่นนั้น ข้าก็จะเป็นสักขีพยานให้เจ้า เจ้าเป็นผู้ตั้งเดิมพัน เจ้าคิดรึยังว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรหากเจ้าพ่ายแพ้ขึ้นมา?”
“ยามพวกเราตระกูลเย่พ่ายแพ้ พวกเราแพ้อย่างภาคภูมิและยุติธรรม แน่นอนว่าพวกเราไม่ได้เติบโตมาเพราะกลืนกินถ้อยคำของตนเอง ไม่เช่นนั้นผู้คนคงต้องหัวเราะเยาะพวกเรา” เย่หวูเฉินกล่าวย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หลงหยินผงกศีรษะ “เช่นนั้นก็เริ่มเลย... แต่ว่า... ข้าเกลียดที่จะต้องเห็นคนหนุ่มมีพรสรรค์ต้องถูกทำลายเพราะเรื่องนี้ บางครั้งการยอมรับความพ่ายแพ้ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าละอาย การหลับหูหลับตาปกป้องเกียรติยศของตนเป็นอุปนิสัยของผู้ไม่มีความอดทน”
“หวูเฉินขอบพระทัยที่ฝ่าบาททรงห่วงใย”
เย่หวูเฉินหันไปเผชิญหน้ากับหลินเหยียน สีหน้าเขาสงบและเขาเผชิญหน้ากับความตายด้วยท่าทีที่เยือกเย็น “ประมุขหลินโปรดลงมือ ตามที่พวกเราตกลงกันไว้ ท่านสามารถใช้ได้เพียงเปลวเพลิงในการโจมตีเท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะถือว่าท่านแพ้ และหากว่าข้าหลบหลีก ก็จะถือว่าข้าแพ้เช่นกัน”
“ฮึ่ม! เจ้าไม่ต้องเตือนข้า!” หลินเหยียนกล่าวเย็นชาด้วยความไม่พอใจ จากนั้นสีหน้าของเขาทะมึนลง เขาเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมว่าพลังของเย่หวูเฉินไม่สามารถต้านทานพลังเพลิงของเขาได้ เขายกฝ่ามือทั้งสองขึ้น มีประกายไฟสีแดงลุกพรึ่บขึ้นมา สีของเปลวไฟเปลี่ยนจากสีเหลืองแดงกลายเป็นสีแดงเข้ม เปลวเพลิงเล็กๆเพิ่มทวีความร้อนแรง แผ่ความร้อนจากฝ่ามือกระจายไปทั่วทุกทิศทาง
ในเวลาเช่นนี้ ตระกูลเย่ที่มักหัวร้อนสมควรกล่าวตะโกนว่า ‘เฮ้ ตาเฒ่าหลินเหยียน หากเจ้ากล้าทำร้ายเฉินเอ๋อร์แม้แต่เพียงผมเส้นเดียว พวกเราตระกูลเย่จะต้องทำให้เจ้าชดใช้’ แต่กลับกลายเป็นว่า พวกเขายังคงนิ่งเงียบอยู่อย่างผิดความคาดหมายของทุกผู้คน มีเพียงเหงื่อเย็นเยียบผุดขึ้นที่หน้าผากของพวกเขาขณะกำลังกระวนกระวายอยู่ภายใน
หวังเวิ่นชูหัวใจแทบกระเด็นกระดอนออกจากปาก เย่เว่ยจับมือนางแล้วกล่าวปลอบโยน “จงเชื่อในตัวเฉินเอ๋อร์ พวกเราต้องเชื่อในตัวเฉินเอ๋อร์ หากพวกเราเข้าไปขัดจังหวะโดยไม่ระมัดระวัง ก็อาจทำให้เขาได้รับอันตรายได้”
หลินเหยียนจะใช้พลังของเขาสังหารเย่หวูเฉินจริงๆหรือ?
แน่นอนว่าไม่ ถึงแม้ว่าตระกูลเย่และตระกูลหลินจะไม่ลงรอยกัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีความแค้นร้ายแรงอันใดต่อกัน หากว่าหลินเหยียนทำให้เย่หวูเฉินพิการจริงๆ หรือแม้กระทั่งทำให้เขาตกตาย เช่นนั้นย่อมกลายเป็นความแค้นที่ไม่อาจไถ่ถอนระหว่างสองตระกูล ตระกูลเย่ย่อมหาทางแก้แค้นตระกูลหลินในทุกวิถีทาง และย่อมไม่มีความสนใจกับเดิมพันงี่เง่านี้อีกต่อไป เดิมพันแบบไหนกันที่มีค่าไปกว่าบุตรชายของพวกเขา ยิ่งกว่านั้นผู้คนย่อมประนามตระกูลหลินที่โหดเหี้ยมทารุณ และย่อมไม่มีการกล่าวตำหนิใดต่อตระกูลเย่
หลินเหยียนอย่างมากเพียงต้องการทำให้เย่หวูเฉินบาดเจ็บ บางทีอาจทำให้เขานอนเตียงสักเดือนสองเดือนถึงจะพอระบายโทสะในใจของเขาได้ ด้วยวิธีนี้ ผู้คนก็ไม่อาจตำหนิตระกูลหลินได้ และยังเป็นการเย้ยหยันเย่หวูเฉินที่ประเมินฝีมือตนเองสูงเกินไป จนถึงกับกล้าเดิมพันกับยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ทั้งที่ไม่ทราบถึงพื้นเพเบื้องหลังของฝ่ายตรงข้าม ในเมื่อเขาสมควรได้รับความเจ็บปวดที่คู่ควร จึงไม่มีใครสามารถตำหนิตระกูลหลินที่ช่วยสนองศรัทธา อีกทั้งตระกูลเย่ยังไม่อาจสืบสาวเอาความใดๆได้ อย่างน้อยก็ต่อหน้าพวกเขาในตอนนี้
ยิ่งกว่านั้น คำพูดของหลงหยินเมื่อครู่ที่ผ่านมา ที่เกลี้ยกล่อมเย่หวูเฉินไม่ให้ทำเรื่องโง่ๆ ให้ยอมแพ้เพื่อรักษาตนเอง และห้ามปรามเป็นนัยอย่างชัดเจน
ในฝั่งของผู้ชม ฮั่วฉุ่ยโหรวและผู้คนส่วนใหญ่ต่างเริ่มกังวล นางดึงเสื้อของฮั่วเจิ้นเทียนแล้วกล่าวเสียงเบา “ท่านพ่อ จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเขาไหม? ท่านปู่ชราคนนั้นท่าทางแข็งแกร่งกว่าเขามากนัก”
“หากข้าต้องเจอกับเขาก็มีแต่ต้องหนีเท่านั้น เจ้าหนุ่มนี่เล่นใหญ่เกินตัวไปแล้ว บางทีนี่อาจถึงคราวที่เขาย่อยยับลง” ฮั่วเจิ้นเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงสลด หากแต่ยังยิ้มเห็นไรฟัน
ตรงหัวมุม หลงเจิ้งหยางกระวนกระวายอยู่ในใจ เขาก้มศีรษะลงเพียงเพื่อเจอกับใบหน้าสงบของหนิงเสวี่ย มุมปากของนางยิ้มเล็กน้อยอย่างบ้าบอ เขาไม่อาจทนได้และถาม “น้องหญิงหนิงเสวี่ย เจ้าไม่เป็นห่วงพี่ชายของเจ้าหรือ?”
“ไม่เลย” หนิงเสวี่ยตอบ
“แต่ว่าปู่ของข้า.... หลินเหยียนคนนั้นเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรเทียนหลง หรือว่าเขามีวิธีรับการโจมตีโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ?”
“แน่นอน! เพราะว่าท่านพี่ไม่เคยกลัวไฟ” หนิงเสวี่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม
หลินเหยียนโบกมือทั้งสองข้าง เพลิงสองลูกที่มีขนาดเท่ากันก็พุ่งออกไปราวมังกรแดงบินมุ่งตรงไปยังหน้าอกของเย่หวูเฉิน ระหว่างที่เพลิงพุ่งหมุนเป็นเกลียวพัลวัน หลินเหยียนก็ยกยิ้มมุมปากและแค่นเสียง ด้วยการโจมตีนี้ เขาใช้พลังเพียงสองในสิบส่วน เขามั่นใจว่าเย่หวูเฉินจะต้านรับได้เพียงไม่กี่อึดใจและไม่บาดเจ็บร้ายแรง อย่างที่ทุกคนคาด เย่หวูเฉินไม่ได้ใช้พลังใดๆต้านทานหรือกระทั่งหลบหลีก เขาเพียงยืนอยู่เฉยๆไม่เคลื่อนไหว สีหน้าของเขาสงบอย่างประหลาด เขากระทั่งไม่ป้องกันหน้าอกที่กำลังจะถูกลูกเพลิงเข้าปะทะ
เพลิงทั้งสองเข้าปะทะร่างของเย่หวูเฉินพร้อมๆกัน.... เสียงกรีดร้องของเหล่าหญิงสาวดังมาจากผู้ชม สตรีบางคนยังหันศีรษะเบือนสายตาหนี แต่ถัดจากนั้นกลับตามมาด้วยเสียงร่ำร้องอย่างตกตะลึง
หลังจากถูกซัดด้วยเพลิงสองลูก พญามังกรไฟที่ปะทะร่างของเย่หวูเฉินกลับกลายเป็นเหมือนดวงเพลิงร่วงลงสู่ผืนน้ำ ไม่กี่ชั่วอึดใจกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีประกายเปลวไฟ ไม่มีควันขาวใด ราวกับเพียงหายไปในฉับพลัน ไม่เพียงร่างกายของเย่หวูเฉินจะไม่บาดเจ็บ กระทั่งเสื้อผ้าของเขายังไม่มีร่องรอยถูกทำลายเช่นกัน เย่หวูเฉินยังคงยืนอยู่ที่จุดเดิมอยู่เงียบๆ ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ด้วยความไม่อยากเชื่อ ผู้คนต่างขยี้ตาตนเองซ้ำแล้วซ้ำอีก พวกเขาจ้องมองที่ร่างของเย่หวูเฉินและพยายามมองหาร่องรอยถูกเผาหากแต่ก็ไม่พบรอยใดๆ พวกเขาไม่อาจอดคิดได้ว่า หลินเหยียนคงขู่ให้ฝ่ายตรงข้ามกลัวด้วยการโยนลูกเพลิงเข้าใส่แล้วดับมันลง หรือไม่เขาก็คงใช้เงาแสงที่คล้ายเปลวเพลิง? นอกเหนือจากเหตุผลสองข้อนี้แล้ว ก็ไม่อาจมีสิ่งใดสามารถใช้อธิบายเหตุการณ์น่าเหลือเชื่อนี้ได้
หากแต่สีหน้าที่ตกตะลึงอย่างยิ่งยวดที่ปรากฎบนใบหน้าของหลินเหยียนนั้นย่อมไม่อาจโกหก ถ้าเช่นนั้นเย่หวูเฉินเขาใช้วิธีการอันใดถึงสามารถต้านทานเปลวเพลิงเช่นนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 305
แสดงความคิดเห็น