ตอนที่ 54 สหายน้อย เจ้ามีอนาคต!
ตอนที่ 54 สหายน้อย เจ้ามีอนาคต!
“ฮี่ ฮี่ ขุนพลฮั่ว คุณชายเย่เมื่อครู่กล่าวว่าผู้ชนะต้องยอมรับเงื่อนไขสามข้อของผู้แพ้ ไม่ใช่ผู้แพ้ต้องยอมรับเงื่อนไขของผู้ชนะ” ขุนนางชราผู้หนึ่งกล่าว
“ขุนนางหลี่กล่าวได้ถูกแล้ว” หลงหยินกล่าว
กระทั่งองค์จักรพรรดิยังกล่าวย้ำเป็นคนที่สอง ดังนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะผิดพลาด ผู้คนส่วนใหญ่ยังยอมรับว่าตนเองฟังผิดกลับหัวกลับหางเช่นเดียวกัน กระทั่งเกิดความไม่แน่ใจไม่อาจยืนยันในสิ่งที่ได้ยิน มีเพียงคนจำนวนน้อยที่ได้ยินอย่างชัดเจน และพวกเขาเห็นข้อยืนยันได้จากสีหน้าตะลึงลานของฮั่วเจิ้นเทียน
“ท่านพ่อ....ที่เขาพูด....เป็นเช่นนั้นจริงๆ” น้ำเสียงอ่อนหวานและเหนียมอายเอ่ยขึ้นมา แม้ว่าจะเป็นเสียงที่เบามาก แต่ฮั่วเจิ้นเทียนก็สามารถได้ยินอย่างชัดเจน
กระทั่งลูกสาวของเขายังกล่าวไปในทางเดียวกัน ยังจะมีอะไรต้องสงสัยอีก?
ฮั่วเจิ้นเทียนเปลี่ยนสีหน้าของตนเอง จากนั้นหัวเราะลั่นราวกับคนบ้าแล้วเดินไปอยู่เบื้องหน้าเย่หวูเฉิน เขาใช้มือเข้มคล้ำตบบ่าเย่หวูเฉินและหัวเราะเสียงดัง เขาหัวเราะยิงฟันจนน้ำตาแทบเล็ด
“เยี่ยม! เยี่ยม! เยี่ยม! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! สหายน้อย เจ้ามาไกลมากถึงขนาดหลอกตาเฒ่าผู้นี้ได้ ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ตลอดหลายปีมานี้ เจ้าเป็นคนแรกที่กล้าหลอกข้า ยอดเยี่ยมมาก! เจ้ามีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า..... ข้าแพ้แล้วจริงๆ เอาละ เงื่อนไขใดที่เจ้าต้องการให้ข้ายอมรับ ข้าจะรับปากโดยไม่กระพริบตา ไม่เช่นนั้นข้าจะเขียนชื่อตนเองกลับหลัง!”
เย่หวูเฉินถอยออกจากแขนที่หนักเหมือนค้อนแล้วกล่าว “เงื่อนไขแรกคือขอให้ผู้อาวุโสฮั่วล้มเลิกการติดใจเอาความกับเรื่องที่ผ่านมา”
“ตกลง แน่นอนว่าข้าไม่มีแผนขุดคุ้ยเรื่องที่ผ่านมาอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับคนที่สามารถหลอกข้าได้เช่นเจ้า เรื่องของบุตรชายตระกูลหลินจะนับเป็นอันใด ย่อมเป็นเรื่องปกติที่เขาจะได้บาดแผล เจ้าเหลืออีกสองเงื่อนไข” ฮั่วเจิ้นเทียนกล่าวเข้าประเด็น
เย่หวูเฉินเม็ดเหงื่อผุดบนศีรษะ..... ตรรกะอะไรของเขากันเนี่ย?
“อีกสองเงื่อนไขผู้เยาว์ยังไม่ได้คิดเอาไว้”
“เช่นนั้นมาหาข้าได้เมื่อเจ้านึกเงื่อนไขออก.... สหายน้อย เจ้าคู่ควรกับคำเรียกว่านายน้อยแห่งตระกูลเย่ ข้าให้ราคาเจ้าไว้สูงมาก! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ฮั่วเจิ้นเทียนหมุนตัวแล้วเดินอาดๆกลับไปยังที่นั่ง โทสะของเขาหายไปหมดสิ้น แทนที่ด้วยสีหน้าพึงพอใจ ราวกับหนุ่มเจ้าสำราญเพิ่งเดินออกจากหอนางโลม
“ในที่สุดบิดาก็ถูกหลอกหัวทิ่มหัวตำ ยอดเยี่ยม! มารดามันเถอะ นี่มันโคตรยอดเยี่ยม!”
รู้สึกดีที่ถูกหลอก? ประสาทแล้ว.... อยู่ดีๆก็กลายเป็นบ้าหรือยังไง? ผู้คนส่วนใหญ่ต่างคิดในทำนองเดียวกัน
เยหนู่ที่ระเบิดโทสะก่อนหน้า ก็นั่งลงกับที่ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ท่านพ่อ... ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?” ฮั่วฉุ่ยโหรวถามด้วยน้ำเสียงกังวล เพราะฮั่วเจิ้นเทียนกลับมายังที่นั่งด้วยท่าทีที่ประหลาด
“ฮึ่มม... สหายน้อยผู้นั้นยอดเยี่ยมเลยทีเดียว รูปร่างหน้าตาก็ดีกว่าพ่อหนุ่มตระกูลหลิน ทั้งทักษะวิชายุทธก็ยังดีกว่าเขา ยิ่งกว่านั้นยังกล้าหลอกลวงข้า... ทำไมตอนนั้นข้าถึงปฏิเสธการหมั้นหมายของตระกูลเย่ ข้าต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ” ฮั่วเจิ้นเทียนลูบศีรษะตนเองอย่างหัวเสียขณะมองไปที่เย่หวูเฉิน แววตาเห็นได้ชัดเจนว่าไม่ต้องการจากเขาไป เกิดความปรารถนาประหลาดอยากถูกเย่หวูเฉินหลอกลวงอีกครั้ง
“......”
ฮั่วฉุ่ยโหรวลอบมองเย่หวูเฉิน ฉับพลันนางรีบก้มศีรษะลง หัวใจเต้นสั่นระรัว
เย่หวูเฉินทำให้ฮั่วเจิ้นเทียนต้องเผยธาตุแท้นิสัยเดิมของตนเองออกมา ทั้งยังจู่โจมเข้าไปอย่างตรงจุด ผลที่ตามมาคือ ฮั่วเจิ้นเทียนพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์
โดยปกติแล้วงานแข่งขันครั้งนี้ควรเป็นการแสดงที่น่าดูชม หากแต่สถานการณ์กลับกลายมาถึงยังจุดนี้ ซึ่งบทสรุปไม่ใครสามารถคาดเดาได้ ฮั่วเจิ้นเทียนไม่เพียงจะโชคร้ายเท่านั้น แต่ทั้งตระกูลเย่ยังได้รับข้อต่อรองใหญ่มาถึงสองเงื่อนไข! เมื่อพิจารณาจากอุปนิสัยของฮั่วเจิ้นเทียน เขาย่อมรักษาคำพูดซึ่งทำให้สองเงื่อนไขกลายเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างยิ่ง
ทุกอย่างสมควรดำเนินมาถึงตอนจบ แต่ตรงกันข้าม บางคนยังคงไม่ปรารถนาให้เรื่องนี้จบลง
ยังมีบุรุษอีกผู้หนึ่งกระโดดขึ้นไปบนเวที ชี้นิ้วไปที่เย่หวูเฉินโดยไม่สนมารยาทและตะโกน “เจ้าหนูตระกูลเย่ เจ้าไม่เพียงปกป้องคนจากอาณาจักรต้าฟง แต่เจ้ายังใช้วิธีการน่ารังเกียจและไร้ยางอายต่อหน้าองค์จักรพรรดิและผู้คนทั้งปวง หลอกลวงขุนพลฮั่วราวกับเขาเป็นคนโง่เง่า! เจ้ามันตัวบัดซบ เจ้าไม่เคารพองค์จักรพรรดิและผู้ใต้บัญชาของพระองค์!”
หลินเหยียนพลุ่งพล่านไปด้วยเพลิงโทสะ และยิ่งอัดแน่นรุนแรงขึ้นจนดูคล้ายพร้อมระเบิดได้ทุกเวลา เย่หวูเฉินทำถึงเพียงนี้เขาจะยอมปล่อยไปง่ายๆได้อย่างไร แต่กลายเป็นว่า การกล่าวหาของเขาทำให้ผู้คนต่างเบ้ปาก.... ท่านก็กล่าวออกไปตรงๆสิ หากท่านมีความแค้นเคืองส่วนตัว เหตุใดท่านต้องลากเอาพวกเราและองค์จักรพรรดิเข้าไปเกี่ยวด้วย
เย่หวูเฉินไม่ทันได้ตอบกลับ ฮั่วเจิ้นเทียนก็ขัดขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว ยืนขึ้นชี้หน้าด่าออกไป “ตาเฒ่าหลิน เจ้าหมายความเช่นไร! ข้ายอมรับความพ่ายแพ้อย่างเต็มใจ ข้ายอมรับตรงไปตรงมาอย่างลูกผู้ชาย! เจ้าหนูเย่เอาชนะข้าได้ด้วยความสามารถ เอาชนะอย่างยุติธรรมและเท่าเทียม นี่ไม่ใช่ธุระอันใดของเจ้า เจ้าบัดซบเอ้ย เจ้ากล้าดียังไงถึงเรียกข้าว่าคนโง่เง่า เชื่อเถอะว่าบิดาผู้นี้จะไปเผาบ้านเจ้าทิ้งวันพรุ่งนี้!”
แม้ว่าหลินเหยียนจะยกชื่อฮั่วเจิ้นเทียนขึ้นมาอ้าง เพื่อหาเหตุผลไม่ปล่อยตัวเย่หวูเฉินไป แต่เขาไม่คาดคิดว่ากลับไปกระตุ้นโทสะของคนที่ลิ้นไม่มีหูรูดผู้นี้ได้ เส้นเลือดปูดบนลำคอของหลินเหยียนเป็นสีแดง เย่หวูเฉินโบกมือไปทางฮั่วเจิ้นเทียนแล้วกล่าว “ผู้อาวุโสฮั่ว โปรดอย่าได้มีโทสะ นี่เป็นเรื่องของผู้เยาว์ มีเพียงผู้เยาว์สามารถแก้ไขได้”
ฮั่วเจิ้นเทียนไม่คัดค้านและนั่งลง เพียงคำเดียวก็ไม่กล่าวอีกเลย ผู้คนต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น
“ถูกต้อง เจ้าทำร้ายเสี่ยวเอ๋อร์ของข้า และเอาชนะขุนพลฮั่วได้ มาดูกันว่าเจ้ามีความสามารถพอที่จะเอาชนะข้าได้หรือไม่ ถ้าหากเจ้าเป็นฝ่ายชนะ ไม่เพียงข้าจะไม่สืบสาวเอาความที่เจ้าทำร้ายเสี่ยวเอ๋อร์ แต่ข้ายังจะโขกศีรษะกับพื้นคำนับเจ้าสามครั้ง เจ้ากล้าหรือไม่!?”
คลื่นเสียงแค่นแคะเบาบางดังสะท้อนมา หนึ่งในเจ็ดยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์แห่งเทียนหลงกลับกล้าท้าประลองกับรุ่นเยาว์พลังเพียงระดับ10 ทั้งยังถามเน้นคู่ต่อสู้ถึงความกล้ารับคำท้า นี่เขาไม่มีความละอายเลยหรือ?
แต่คำของเขาไม่มีใครกล้าเอ่ยถาม เพราะเบื้องหลังของหลินเหยียนไม่ใช่แค่ตระกูลหลิน แต่เขายังเป็นประมุขราชวิทยาลัยเทียนหลง ซึ่งเหล่าลูกหลานของผู้มีอิทธิพลทั้งหลายต่างเล่าเรียนอยู่ในที่แห่งนั้น
กระทั่งคนโง่ยังมองออกว่า การท้าประลองอย่างหน้าด้านของหลินเหยียนเป็นเพียงข้ออ้าง เหตุผลหลักคือเขาต้องการระบายความแค้น ด้วยสถานะที่สูงส่งบางทีเขาอาจไม่เคยต้องอารมณ์บูดบึ้งเช่นนี้มาก่อน แม้กระทั่ง.... องค์จักรพรรดิยังไม่ห้ามเขา พระองค์กลับมีสีหน้าพึงพอใจ ผู้คนจำนวนมากยังไม่รู้ตัวว่าวันนี้องค์จักรพรรดิพูดเพียงไม่กี่คำ และทำแค่เพียงมองอยู่อย่างเงียบๆ ราวกับว่ากำลังเพลิดเพลินกับการแสดงน่าดูชมตรงหน้า
เย่หนู่ลุกยืนขึ้นพรวดพราด และกำลังจะระดมคำสาปส่ง แต่เขากลับได้ยินเสียงของเย่หวูเฉินแค่นเสียงเอ่ยขึ้นมา “ทำไมข้าจะไม่กล้า?”
เย่หนู่พลันจ้องมองตะลึงค้าง ไม่อาจกล่าวคำพูดใดออกไป
“ดูจากวัยที่ชราและร่างกายที่อ่อนแอของท่าน ข้าเกรงว่าจะไม่อาจควบคุมพลังของข้าได้ หากพลั้งเผลอฆ่าประมุขหลินไปย่อมต้องกลายเป็นเรื่องสะเทือนขวัญ.... เอาแบบนี้เป็นอย่างไร ข้าจะยืนอยู่ตรงนี้ให้ท่านล้มข้าให้ได้ ข้าได้ยินว่าท่านชอบเล่นกับไฟถูกต้องมั้ย? เช่นนั้นข้าจะยืนอยู่ตรงนี้แล้วให้ท่านล้มข้าด้วยไฟให้ได้ในสามครั้ง หากท่านสามารถทำให้ข้าบาดเจ็บได้ เช่นนั้นถือว่าข้าแพ้ และข้าจะทำทุกอย่างตามที่ท่านต้องการ แต่หากใช้เพลิงครบสามครั้งแล้วยังไม่อาจทำร้ายข้าได้ เช่นนั้นถือว่าตระกูลหลินของท่านแพ้ โขกคำนับนั้นถือว่าไม่จำเป็น เพราะสำหรับข้าถือว่าไร้สาระ หากท่านแพ้ เพียงทุกครั้งที่เห็นข้าให้ท่านเรียกข้าว่า ‘ท่านปู่’ สามครา ท่านกล้าหรือไม่?”
ผู้ชมทั้งหมดเงียบเสียงลงทันที เวลานี้พวกเขาได้ร่วมเป็นสักขีพยานต่อเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดในโลก เย่หนู่และเย่เว่ยสีหน้าเปลี่ยนไป เย่หนู่ยืนขึ้นและคำราม “เฉินเอ๋อร์ อย่าได้สร้างปัญหา! ถึงแม้เขาดูเหมือนคนชราใกล้ตาย แต่เขาก็ยังมีระดับพลังขอบเขตสวรรค์! เพลิงของเขาหลอมละลายได้แม้กระทั่งเหล็กกล้า!”
“อะไรนะ!?” เย่หวูเฉินขวัญฝ่อทันทีที่ได้ยิน ในที่สุดสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป เขามองที่หลินเหยียนด้วยสายตาหวาดกลัว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 236
แสดงความคิดเห็น