ตอนที่ 50 โต้แย้งคมคาย (2)
ตอนที่ 50 โต้แย้งคมคาย (2)
หลินเสี่ยวยิ้มและกล่าว “คุณชายเย่ ท่านปู่สองของข้าค่อนข้างเป็นคนใจร้อน เขาไม่ได้จะด่าทอหรือสงสัย ข้าต้องขออภัยตระกูลเย่แทนท่านปู่สองของข้าด้วย แต่คนผู้นี้มาจากอาณาจักรต้าฟงที่คอยรุกรานเราชาวเทียนหลงตลอดมา นำความวิบัติมาสู่ประชาชนในทุกหย่อมหญ้า ดังนั้นกล่าวได้ว่าชาวต้าฟงทุกคนคือศัตรูของพวกเรา พวกเราไม่อาจยอมปล่อยให้เขาจากไปได้โดยง่าย”
“เจ้าเกรงกลัวผู้คนของอาณาจักรต้าฟงอย่างนั้นหรือ?” เย่หวูเฉินหันศีรษะมองแล้วถาม
“ข้ามีความภาคภูมิที่ได้เกิดเป็นชาวเทียนหลง เหตุใดข้าต้องกลัวแค่คนเล็กจ้อยจากอาณาจักรต้าฟงด้วย!” หลินเสี่ยวมุ่นหัวคิ้วกล่าว
“ถ้าเช่นนั้น คนผู้นี้ยังไม่ได้ทำความเสียหายใดๆต่ออาณาจักรเทียนหลงของเรา เหตุใดเราต้องจับตัวเขาด้วย? ประการแรก มันดูเหมือนกับพวกเราชาวเทียนหลงไม่อาจอดทนกับเรื่องเล็กน้อยของอาณาจักรฝ่ายตรงข้าม มองในอีกมุม ก็กลายเป็นว่าพวกเราหวาดกลัวผู้คนจากต้าฟง เราเห็นคนหนึ่งก็จับกุมคนหนึ่ง! ขอข้าได้บังอาจถาม เจ้าเคยได้ยินว่ามีชาวเทียนหลงคนใดไปยังอาณาจักรต้าฟงแล้วถูกจับตัวโดยไร้เหตุผลบ้าง?”
“ท่านกล่าวได้ถูกต้อง คุณชายเย่ แต่ท่านยังไม่ได้เห็นความสามารถผิดมนุษย์ของบุคคลผู้นี้ หากท่านรอจนกว่าเขาทำความผิดแล้วค่อยจับกุม ก็อาจเป็นการสายเกินไป และผู้คนย่อมจะหัวเราะเยาะเอาได้” หลินเสี่ยวตอบกลับไม่ยอมอ่อนข้อ
“เช่นนั้นคุณชายหลิน ท่านใช่บอกว่าท่านมีความสามารถเหนือล้ำกว่าเขา? หรือว่าพวกเราจำเป็นต้องจับกุมท่านด้วยเพื่อป้องกันหายนะที่อาจเกิดขึ้น?” เย่หวูเฉินกล่าวพร้อมหัวเราะ
หลินเสี่ยวท่าทางขัดข้องใจขณะที่ส่ายศีรษะ “ข้าเป็นชาวเทียนหลง และเขาเป็นศัตรูของชาวเทียนหลง เป็นคนที่มาจากอาณาจักรต้าฟง!”
“คุณชายหลิน ข้าขอบังอาจถาม ท่านมีข้อพิสูจณ์อันใดที่ยืนยันว่าเขามาจากอาณาจักรต้าฟง?”
“คุณชายเย่ ท่านสมควรได้ยินแล้ว กระบี่ในมือของเขาเรียกว่ากระบี่คร่าสายลม ซึ่งเคยเป็นของเทพสงคราม ฟงเฉาหยางแห่งอาณาจักรต้าฟง หากเขาไม่ได้มาจากอาณาจักรต้าฟง แล้วเขาจะได้อาวุธชิ้นนี้มาจากเทพสงครามฟงเฉาหยางได้อย่างไร?”
“โอ้ แบบนี้นี่เอง ข้าเข้าใจแล้ว!” เย่หวูเฉินพยักหน้าอย่างเจียมตัว ราวกับเขาเพิ่งจะเข้าใจความจริง จากนั้นเขาเดินตรงไปที่เล่งหยาที่นั่งอยู่กับพื้น เขาใช้มือซ้ายตบไหล่ของเล่งหยาเบาๆ ขณะที่มือขวาค่อยๆหยิบกระบี่คร่าสายลมออกมาจากมือเขา
“เอาละ ตอนนี้เขาไม่มีกระบี่คร่าสายลมแล้ว หมายความว่าเขาไม่ใช่คนของอาณาจักรต้าฟงอีกต่อไป เวลานี้กระบี่อยู่ในมือข้า คุณชายหลินจะมองว่าข้าเป็นชาวต้าฟง แล้วจับกุมข้าหรือไม่?” เย่หวูเฉินแกว่งกระบี่สีเขียวเล่นอยู่ในมือ ครุ่นคิดก่อนแล้วกล่าว
เล่งหยาเงยศีรษะขึ้นมองเย่หวูเฉินอย่างแปลกใจ ตรงไหล่ของเขาที่เย่หวูเฉินตบเบาๆมีกระแสอบอุ่มประหลาดไหลเวียน และทำให้เลือดที่ไหลออกมาตรงอกขวาหยุดลง
หลินเสี่ยวหยุดคำพูดลง ส่ายศีรษะและกล่าว “คุณชายเย่ ท่านกล่าวบิดพริ้วแล้ว”
“เพียงอาศัยอาวุธก็ด่วนกล่าวสรุปตัวตนของบุคคล พูดถึงเรื่องการกล่าวบิดพริ้ว ข้าคงต้องขอยอมแพ้ต่อคุณชายหลิน”
“คำกล่าวของคุณชายเย่นั้นไม่ผิด แต่สถานะของเขาสมควรไม่ธรรมดา เพราะอย่างไรเสียกระบี่คร่าสายลมก็เกี่ยวข้องกับฟงเฉาหยางแห่งต้าฟง”
“คุณชายหลิน งั้นข้าขอถาม ว่าฟงเฉาหยางเคยร่วมมือกับอาณาจักรต้าฟงหรือใช้วิธีอื่นใดรุกรานพวกเราหรือไม่?”
“เขาไม่เคยทำเช่นนั้น”
“ถ้าเช่นนั้น ฟงเฉาหยางและอาณาจักรเทียนหลงก็ไม่ได้มีความแค้นเคืองใดต่อกัน กล่าวได้ว่า เขาเพียงแค่อุทิศตนเพื่อปกป้องอาณาจักรต้าฟง โดยที่ไม่เคยใช้พลังของตนช่วยเหลืออาณาจักรต้าฟงรุกรานใคร ท่านคิดว่าเขาสมควรได้รับความเคารพหรือความเกลียดชัง? สมควรแล้วหรือที่พวกเราจะหันไปต่อต้านและกระตุ้นโทสะเขา?”
“....”
“ไม่เพียงแค่ท่านเท่านั้น คุณชายหลิน แต่ในที่นี้มีผู้อาวุโสจำนวนมากที่สามารถจับกุมตัวชายที่ชื่อเล่งหยาได้อย่างง่ายดาย หากว่าเขามีความคิดที่เป็นอันตรายจริงๆ เขาคงไม่เสี่ยงมายังที่แห่งนี้และแสดงกระบี่คร่าสายลมออกมาให้เห็นโดยง่าย เขาไม่ได้มีความคิดอื่นใดนอกเหนือจากเข้าร่วมการแข่งขันนี้เท่านั้น นี่ย่อมเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงใช้กระบี่คร่าสายลมออกมาโดยไม่ลังเล เขาทั้งเปิดเผยและตรงไปตรงมา หากพวกเราปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้แล้วข่าวแพร่กระจายออกไป ชาวเทียนหลงอย่างพวกเราจะถูกยกย่องหรือจะถูกหัวเราะเยาะ?”
บุรุษทั้งสองสวมชุดสีขาว บนใบหน้าปรากฎรอยยิ้ม พวกเขาโต้แย้งคัดค้านกันอย่างคมกล้าไม่มีใครยอมใคร ทั่วทั้งสนามประลองปรากฎเป็นเงียบงัน ทุกผู้คนต่างโง่งมยามฟังการโต้แย้ง พวกเขาอยากปฏิเสธไม่ยอมรับว่าตอนนี้หลินเสี่ยวกำลังเสียเปรียบต่อคำกล่าวคัดค้านไม่หยุดหย่อนของเย่หวูเฉิน
เขาคือนายน้อยตระกูลเย่ผู้ไม่มีอะไรดีคนนั้นจริงๆหรือ? หรือว่าเขาปกปิดตัวตนที่แท้จริงมาตลอดหลายปี ก็เพื่อเตรียมสร้างความตกตะลึงต่อโลกในคราเดียว
หวังเวิ่นชูขยี้ตาซ้ำแล้วซ้ำอีก ท่าทางยังตะลึงไม่หายและกล่าวกับตนเอง “นั่นใช่...ลูกชายของข้าจริงๆหรือ?”
“เล่งหยาผู้นั้นมาจากอาณาจักรต้าฟง ถูกรังเกียจโดยทุกผู้คน ข้ารู้สึกค่อนข้างเห็นด้วยที่จะจับกุมเขาก่อนหน้านี้ การปล่อยเขาไปจากสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดทั้งที่เขากำลังจะถูกทุกผู้คนรุมประณาม แต่อย่างไรก็ตาม เพราะเย่หวูเฉินที่มีฝีปากที่คมคาย ทุกถ้อยคำของเขากล่าวได้อย่างถูกต้องตรงประเด็น ทั้งยังหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้งระหว่างอาณาจักรเทียนหลงและอาณาจักรต้าฟง ชี้ทางให้ผู้คนเห็นตามได้สำเร็จ รวมไปถึงตัวหลินเสี่ยว กระทั่งข้ายังรู้สึกว่าจับกุมตัวเล่งหยาเป็นสิ่งผิดพลาดที่ไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง บุตรชายข้า เจ้าไม่ใช่หวูเฉินคนเดิมที่พวกเราเคยรู้จักอีกต่อไป” เย่เว่ยกล่าวราบเรียบ มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
เขาสูญเสียความทรงจำ แต่ได้รับพลังและชีวิตใหม่กลับมา บางทีนี่คงเป็นของขวัญจากสวรรค์มอบให้กับตระกูลเย่
นักเวทย์เพลิงนั้นมีอารมณ์คุร้อนรุนแรงเหมือนเปลวไฟ เขาถูกวิจารณ์โดยเย่หวูเฉินและต้องกดระงับยั้งความโกรธเอาไว้ เมื่อเห็นหลินเสี่ยวเป็นฝ่ายถูกรุกไล่ เขาจึงไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป ‘ควั่บ’ เขายืนขั้นชี้นิ้วไปที่เย่หวูเฉินแล้วกล่าวคำราม “เจ้าหนูตระกูลเย่! เจ้าคิดที่จะปกป้องคนของอาณาจักรต้าฟง เจ้ามีเจตนาแอบแฝงอันใดอยู่กันแน่! วันนี้ข้าจะจับตัวคนผู้นั้น แม้ว่าข้าจะกระตุ้นโทสะฟงเฉาหยางแล้วยังไง? ข้าไม่กลัวสุนัขหุบหางของอาณาจักรต้าฟง!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า....” เย่หวูเฉินหัวเราะร่วนเมื่อได้ยิน เขาสะบัดกางพัดหยกออกแล้วกล่าว “ประมุขหลิน ข้าคิดว่าท่านต้องชรามากแล้วแน่ๆ ไม่เพียงหูของท่านจะมีปัญหา แต่สมองของท่านยังคงเลอะเลือนอีกด้วย ข้าเกิดในตระกูลเย่แห่งเทียนหลง และข้าก็ไม่เคยไปอาณาจักรต้าฟง แล้วข้าจะปกป้องอาณาจักรต้าฟงไปเพื่ออะไร? ข้ากำลังปกป้องชื่อเสียงและเกียรติภูมิของอาณาจักรเทียนหลงของข้า! งั้นขอเปลี่ยนเป็นข้าถามท่านบ้าง ท่านบอกว่าไม่ลังเลที่จะกระตุ้นโทสะของฟงเฉาหยาง เขามีฉายาว่าเทพสงคราม พลังของเขาสามารถสะเทือนผืนปฐพี มีใครสามารถต่อกรเขาได้นอกจากเทพกระบี่ฉู่ชางหมิงแห่งเทียนหลง ท่านต่อต้านเขาได้รึ!? หากท่านกระตุ้นโทสะของฟงเฉาหยางในชื่อของเทียนหลง หากท่านตายแค่คนเดียวยังไม่นับว่าเป็นอันใด แต่ความปลอดภัยขององค์จักรพรรดิของพวกเราล่ะ! ความปลอดภัยของอาณาจักรเทียนหลงของพวกเรา? นี่ย่อมมีโอกาสที่อาณาจักรต้าฟงจะกรีฑาทัพเข้าสู่อาณาจักรเทียนหลง.... อย่าบอกข้านะว่า เพียงเพราะแค่ความโกรธชั่ววูบของท่านจะนำหายนะมาสู่อาณาจักรเทียนหลง!!”
“เจ้า”
“ยิ่งกว่านั้น ฟงเฉาหยางจงรักภักดีต่ออาณาจักรของตนเองและคู่ควรที่จะได้รับความเคารพ ตอนนี้ท่านกลับเรียกเขาว่าสุนัขหุบหาง หรือว่าท่านจะเรียกเหล่าขุนพลที่จงรักภักดีของอาณาจักรแห่งนี้ว่าสุนัขหุบหางด้วย!?”
ทีละคนๆ ใบหน้าจำนวนมากหันมามองที่หลินเหยียน หลินเหยียนแทบจะกระอักเลือด เขาชี้นิ้วไปที่เย่หวูเฉิน ร่างของเขาสั่นสะท้านไม่อาจคิดกล่าวคำใดๆออกมา ผมสีขาวลุกชูชันแปลบประกายเปลวเพลิง
บางคนก็มองหลินเหยียนด้วยสายตาตำหนิ บางคนก็เริ่มมีอารมณ์โมโห คุณชายเย่กล่าวได้ถูกต้อง แม้ว่าฟงเฉาหยางจะมาจากอาณาจักรต้าฟง แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่จะนับว่าผิดหรือถูก เขาจงรักภักดีต่อนายของตน ยิ่งกว่านั้น เขายังอุทิศทั้งชีวิตมอบให้อาณาจักรเป็นแบบอย่างที่ยอดเยี่ยมให้กับเหล่าขุนนางนายพล หากผู้น่าศรัทธาผู้นี้ถูกเรียกว่าสุนัขหุบหาง เช่นนั้นก็หมายความว่าเขาเหยียดหยันเหล่าขุนนางนายพลแห่งเทียนหลงว่าเป็นสุนัขหุบหางเช่นเดียวกัน ใช่หรือไม่?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 294
แสดงความคิดเห็น