11 กำเนิดนักสู้-มังกรในเปลวเพลิง
แสงตะเกียงริบหรี่ถูกจุดขึ้นในกระท่อมโกโรโกโสของไผ่โล้ ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของกระท่อมนั่งอยู่ข้างเตากรุ่นและมองสหายที่มีร่างกายใหญ่โตไม่แพ้กันแขวนดวงตะเกียงไว้กับเสา
“เจ้าหลิวลู่หายไปไหนนะ? ป่านนี้ยังไม่กลับอีก” จับโปกควงบ่นและทรุดกายลงนั่งข้างสหายพลางซุกซีกฟืนเข้าไปในเตา “ช่างเหลวไหลจริง!”
“เดี๋ยวก็คงกลับ” ไผ่โล้ตอบและคว้าลูกประคบมากดร่างของตน “เวลานี้อาจจะอยู่ที่หอนางเกี้ยวก็เป็นได้”
“อ้อ! ข้าลืมไปว่าเจ้านั่นมีที่ให้ไป ไม่เหมือนเราสองคน” จับโปกควงตอบพลางลอบมองสหายผู้สุขุมและรักษาทีท่าอย่างเคร่งครัด หากไม่เคยเกิดเรื่องอย่างครั้งก่อน จับโปกควงจะคิดว่าสหายของตนแอบฝึกฌาณจนบรรลุขั้นเซียนไปแล้วและไม่ต้องการความสุขทางร่างกายอีกต่อไป แต่ครั้นพบว่าที่จริงแล้วไผ่โล้ก็ยังเป็นบุรุษธรรมดาและพึงพอใจที่จะกอดก่ายหาความสุขกับตนด้วยแล้ว จับโปกควงก็อดเหยียดยิ้มไม่ได้
“ไม่ต้องมองข้าแบบนั้นเลย หากเจ้าทำอุตริกับข้าอีก ข้าจะเตะส่งเจ้ากลับกระท่อมรูหนูของเจ้าทันที” ไผ่โล้เอ่ย “อย่าหวังว่าจะได้ค้างอีก”
“ไม่เอาน่าพี่ก้าน! ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” จับโปกควงบ่น “ข้าแค่ยิ้มของข้า แต่ท่านกลับพูดเองทั้งหมด ท่านคิดเรื่องนั้นอยู่ใช่ไหม?”
“เจ้าจับ!” ไผ่โล้ตวาดเสียงเรียบ สหายผู้รื่นเริงจึงยอมสงบปากและนั่งเงียบในที่สุด
บุรุษแซ่กงหวนกลับมาที่กระโจมอีกครั้งเมื่อความมืดปกคลุมทั่วลานกว้างแล้ว เขาประคองซองยาสมุนไพรมาด้วย แต่เมื่อถึงกระโจมก็ต้องถอนใจอย่างระอาเมื่อพบว่าเจ้าหนุ่มทาสหายไปเสียแล้ว อีกทั้งกระบี่สั้นที่พาดบนราวก็หายไปด้วยเช่นกัน
หากบุรุษแซ่กงจะปล่อยเจ้าหนุ่มไปตามยถากรรมก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องไร้คุณธรรมแต่อย่างใด แต่เพราะเสียดายฝีมือที่เจ้าหนุ่มมี บุรุษแซ่กงจึงตัดใจทะยานออกจากกระโจมและมุ่งสู่ทางเดิน
หลิวลู่พาร่างกายอ่อนล้าเดินไปตามถนนที่เริ่มร้างผู้คนสัญจร เมื่อออกจากย่านร้านค้า ทิวทัศน์สองข้างทางก็ดูมืดดำและบิดเบี้ยว บางครั้งก็มีลมเย็นวูบผ่าน บางขณะก็มีเปลวสีแดงวูบขึ้นพร้อมรสหวานฉ่ำในปาก สัมผัสอ่อนพริ้วของลิ้นหนากวาดคว้านไปทั่ว แม้จะรู้ว่าลิ้นกระหายที่ลุกล้ำเข้ามาในสำนึกนั้นเป็นของบุรุษ แต่หลิวลู่ก็หาได้รู้สึกรังเกียจไม่
“เจ้าอยู่นี่เอง!”
เสียงทุ้มทว่าห้วนดุดังขึ้นบนทางที่หลิวลู่เดินผ่านมา มังกรหนุ่มจึงหันไปหาและพบโครงร่างของนักสู้ที่ใหญ่โตยืนนิ่งใต้แสงเงินยวงแลดูลึกลับ กระบี่ยาวสะท้อนวาบวับอยู่ในแสงสลัวซึ่งหลิวลู่รู้ดีว่ามันจะไม่ถูกชักออกมาเข่นฆ่าตนแน่นอน
“ท่าน!”
“ตามข้ากลับไปที่เรือนเถอะ คืนนี้ข้าจะดูแลเจ้าเอง” เสียงทุ้มเอ่ยชวนพร้อมกับทะยานเข้าประชิด มือข้างที่ถือกระบี่คว้ารวบเอวแกร่งของหลิวลู่ไว้ อีกมือแนบลงข้างลำคอและอ่านชีพจร เมื่อพบว่าหลิวลู่อยู่ในสภาวะปกติ เขาก็พ่นลมหายใจออกมา “เจ้าบุรุษแซกงนั่นช่างแส่เสียจริง!”
“ปล่อยข้าเถอะท่านลำ ข้าต้องกลับไปดูแลพี่ชาย!” หลิวลู่ร้องอ้อนวอนพลางขัดขืน แต่การดิ้นรนนั้นดูเหมือนจะไม่เกิดผลใดๆ เพราะวงแขนแกร่งยังคงรัดแน่น
“ไปกับข้าเถอะ ข้าอยากดูแลเจ้า”
“แต่ว่า—” หลิวลู่อยากจะเอ่ยต้าน แต่ริมฝีปากก็ถูกทาบแน่นและถูกลิ้นหนาตะหวัดรุกไล่จนร่างกายสั่นเทิ้ม เปลวสีแดงในดวงตาลุกโชนราวกับยินดีที่ร่างกายถูกล่วงเกิน
“ปล่อยเจ้าหนุ่มนั่นซะ!”
จู่ๆ เสียงตวาดก็ดังมาจากอีกทิศทางหนึ่ง ร่างใหญ่โตของจอมกระบี่จึงผละออกห่างและฉวยผ้าขึ้นปกปิดใบหน้าของตนไว้
“เจ้าบุรุษวิปริต เจ้ากำลังล่อลวงเจ้าหนุ่มนั่นใช่ไหม?” บุรุษแซ่กงปรากฏตัวขึ้นพร้อมตั้งข้อกล่าวหาที่หลิวลู่เองก็ยืนยันได้ว่ามันคือเรื่องจริง แต่ดูคล้ายว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมถูกตราหน้าแต่เพียงฝ่ายเดียว
“เจ้าเองก็ไม่ต่างหรอก เจ้าหน้าที่กงแห่งบ้านคุ้มภัย” จอมกระบี่โต้ “เจ้าเองก็รับจูบเจ้าหนุ่มนี่อย่างดูดดื่มเช่นกันนี่ เจ้าคงไม่ปฏิเสธว่ารสชาดลิ้นของเจ้าหนุ่มผู้นี้ช่างหวานนัก ข้ากล่าวถูกต้องใช่ไหม? กงเต็กไห้เตี่ย!”
“หุบปากของเจ้าซะบุรุษโพกผ้า!”
บุรุษแซ่กงหรือที่จอมกระบี่เรียกนามเต็มว่า กงเต็กไห้เตี่ย ตวาดและทะยานร่างเข้าหาจอมดาบและสะบัดมือจู่โจมอย่างรวดเร็ว เสียงฝ่ามือทะลวงอากาศดังต่อเนื่องนับครั้งไม่ถ้วน ประเดี๋ยวจู่โจมด้านบน ประเดี๋ยววกลงจ้วงด้านล่าง จอมกระบี่ได้แต่ตั้งรับอย่างจวนเจียน ส่วนหลิวลู่เองก็ได้แต่มองอย่างตื่นเพริดและยอมรับกับตนเองว่า ต่อให้เป็นยามปกติตนก็คงมองสองมือนั้นไม่ทัน
แต่หาใช่ว่าจอมกระบี่จะตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน มันไม่เป็นเช่นนั้นเลย เพราะบุรุษผู้นั้นหลบหลีกได้ทุกฝ่ามือพร้อมกับวกกลับมาหาหลิวลู่อีกจนได้
และทันทีเขาที่วกเข้าด้านหลังมังกรหนุ่มได้สำเร็จ จอมกระบี่ก็คว้าจับมือขวาของหลิวลู่ขึ้นป้องกันการจู่โจมของบุรุษแซ่กงไม่ต่างจากหุ่นเชิด แม้กระบี่สั้นจะยังอยู่ในฝัก แต่เสียงกระบี่ก็ดังหวีดหวิวขึ้นอีกหลายครั้ง
บุรุษแซ่กงจำต้องยอมรามือเมื่อเห็นว่าจะเป็นผลร้ายกับเจ้าทาสหนุ่มมากกว่าจะเป็นผลดี
“เจ้าปีศาจชั่ว! ปล่อยเจ้าหนุ่มนั่นซะ!”
“ยอมรามือรึ? ดูท่าเจ้าจะรู้เรื่องกระบี่นี้ดี สมกับเป็นเอกด้านบุ๋นและบู๊” เสียงทุ้มที่แฝงความรื่นรมณ์ดังอยู่ข้างหูของหลิวลู่ “แต่ข้าไม่หยุดหรอกนะ”
จอมกระบี่เสือกกระบี่ในมือของหลิวลู่ออกไปด้านหน้าเพื่อหวังท้าดวล แต่ยังมิทันที่จะตวัดมือ ร่างของหลิวลู่ก็ถูกชิงมาจากการควบคุมของจอมกระบี่เสียก่อน
ทั้งหลิวหลู่และจอมกระบี่ต่างไม่มีใครรู้เลยว่าบุรุษแซ่กงได้ถีบตัวขึ้นบนอากาศตั้งแต่เมื่อใด แต่เขาทิ้งตัวลงแทรกและกระชากหลิวลู่ออกจากเงื้อมมือของจอมกระบี่พร้อมกับซัดฝ่ามือไปที่อกของจอมกระบี่ได้สำเร็จ หลังจากนั้นเขาก็หอบร่างหลิวลู่ทะยานสู่ความมืดมิดและทิ้งจอมกระบี่ไว้ลำพังอีกครั้ง
“รับยานี่ไปและรีบตรงกลับที่พักของเจ้าให้เร็วที่สุด” หลิวลู่ถูกกำชับเสียงเฉียบ บุรุษแซ่กงพาหลิวลู่ทะยานมาไกลจนเกือบถึงทางเข้าหมู่บ้านกรรมกรเพียงแค่ชั่วอึดใจ “อย่าไปที่ลานประลองอีกจนกว่าเจ้าจะหายดี”
ร่างใหญ่ในชุดเทาสั่งและก้าวทะยานออกไปในความมืดมิดโดยไม่หันหลังกลับมาอีกเลย
หลิวลู่พาร่างอ่อนปวกเปียกของตนมาถึงกระท่อมในที่สุด มังกรหนุ่มพลิกประตูกระท่อมอย่างเบามือและแทรกกายเข้าสู่ความมืดและอบอุ่นของกระท่อม กลิ่นฟืนไหม้ยังคงลอยวนเวียนรอบตัว สมุนไพรบางอย่างยังคงถูกเคี่ยวค้างอยู่ในหม้อดินควันกรุ่น
หลิวลู่พาร่างไปยังตั่งไม้ที่มีร่างตะคุ่มของไผ่โล้นอนหงายเหยียดยาวอยู่และทรุดกายลงนั่ง กระบี่สั้นถูกวางลงข้างตั่ง หลังจากนั้นหลิวลู่ก็ส่งมือไปจับต้นขาไผ่โล้และดันให้หุบลง
“ท่านพี่ ท่านนอนกินที่ข้าอยู่นะ” หลิวลู่ตำหนิและดันขาของไผ่โล้อีกครั้ง ต้นขาแข็งและหนักของไผ่โล้แทบไม่ขยับ หากไม่ใช่เพราะเจ้าตัวดึงกลับไปเองพร้อมเสียงครางงึมงำ หลิวลู่ก็คงแบ่งที่นอนให้ตนเองไม่ได้ “คืนนี้ท่านพี่ขี้เซาจัง”
หลิวลู่ทิ้งกายลงนอนบนพื้นที่คับแคบอย่างไม่สบายตัว สภาวะร้อนรุ่มที่ถูกบุรุษแซ่กงกดจุดยับยั้งไว้เริ่มกระพือโหมขึ้นอีกครั้งเมื่อทิ้งร่างลงนอนแนบร่างกายแข็งแกร่ง เปลวเพลิงสีแดงลุกโหมสะบัดเมื่อได้ยินเสียงครางงึมงำจากลำคอหนาของบุรุษ มังกรหนุ่มตัดสินใจพลิกตะแคงกายเข้าหาบุรุษผู้จมอยู่ในห้วงนิทรา เสียงลมหายใจหนักและสม่ำเสมอและหน้าอกที่ขยายพองทำให้หลิวลู่เพลิดเพลิน
หลิวลู่ยกชายผ้าบางที่เขาและพี่ชายให้ต่างผ้าห่มขึ้นและดึงมันออกพ้นร่าง ร่างกายเปล่าเปลือยของบุรุษวัยสามสิบสามเผยอยู่ในแสงซีดจางของค่ำคืน เครื่องเพศยาวซุกอยู่ในกลุ่มขนดกดำ มันพาดเอียงขึ้นมาทางขวาของสะดือและทิ้งปลายลงข้างเอว
เปลวเร่าร้อนสีแดงพุ่งวาบผ่านดวงตาหลิวลู่อีกหลายคราและทำให้ตื้อไป หลิวลู่รู้ดีว่ามันคือภาพลวงที่สมองคิดไปเอง แต่พอมังกรหนุ่มรู้ตัว เขาก็พบว่ามือข้างหนึ่งได้วางลงบนเครื่องเพศยาวของบุรุษข้างกายเสียแล้ว
สัมผัสนุ่มหยุ่นของลำเนื้ออวบยาว ผิวหนังยับยู่ตามปลายนิ้วที่ลากผ่าน ก้อนกลมในถุงหนังย่นที่ห้อยอยู่ใต้โคน ขนหยาบที่ล้อปลายนิ้ว ทุกสัมผัสคือเครื่องเคราของบุรุษที่หลิวลู่เองก็มี
หากแต่คืนนี้ หลิวลู่อยากค้นหาว่ามันจะแข็งแกร่งกว่าของตนเพียงใด
“อื้ม!”
บุรุษหนุ่มร่างใหญ่ครางขึ้นมาเมื่อส่วนปลายของเครื่องเพศถูกมือของหลิวลู่รูดถอก เขาขยับร่างอยู่หลายครั้งกว่าจะหยุดลงในท่าเดิม หลิวลู่ต้องหยุดมือที่กำรูดเครื่องเพศของบุรุษข้างกายไว้ชั่วขณะ แต่ปลายนิ้วก็ปาดผ่านรอยแยกและเคล้นคลึงน้ำเหนียวอย่างสนุกมือ จนท่อนลำนั้นแข็งตัวและยกลำขึ้นสูงอยู่ในแสงสลัวซีด
หลิวลู่ผู้ที่ตอนนี้ร้อนรุ่มไปทั่วกายทำตัวไม่ถูก ใจหนึ่งก็อยากหยุด แต่ความเร่าร้อนก็ผลักดันให้มือยังคงเคลื่อนไหวต่อไป
จนในที่สุด เหตุการณ์ที่หลิวลู่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ร่างเปลือยของมังกรหนุ่มผู้รุ่มร้อนถูกจับพลิกคว่ำด้วยกำลังมหาศาล มังกรหนุ่มเผลอร้องอย่างลิงโลดในใจที่ถูกร่างกายหนาหนักทิ้งลงทับแผ่นหลัง ต้นขาแน่นและหนักของบุรุษผู้นอนร่วมตั่งวางทับสะโพกเปลือยเปล่าของมังกรหนุ่ม ตูดเปล่าเปลือยถูกส่วนปลายของท่อนแข็งลื่นเยิ้มทิ่มแทงอย่างก้าวร้าวก่อนที่มันจะชำแรกลงในช่องทางรุ่มร้อนของหลิวลู่
หลิวลู่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอและนอนนิ่งอย่างหวาดหวั่นอยู่ในความเงียบ แม้อยากจะรู้ว่าบุรุษที่นอนทับร่างกายตนนั้นมีสติขึ้นมาจากห้วงหลับไหลหรือไม่ เขาก็ยังไม่กล้าหันไปดู ทำได้เพียงนอนนิ่งและรอคอย
จนกระทั่งสะโพกของหลิวลู่ถูกมือหยาบหนาคว้าจับและดึงรั้งเข้าออกเป็นจังหวะเนิบช้า มังกรหนุ่มจึงรับรู้ถึงการบุกรุกที่เบื้องต่ำ เปลวสีแดงลุกโหมเริงร่าอยู่ในหัวพร้อมความเจ็บแปลบที่ร่างกายถูกชำแรกด้วยท่อนแข็งขนาดใหญ่ แต่เพียงไม่นานหลังจากที่ช่องทางถูกบดจนชุ่มแฉะและการต่อต้านของช่องทางคับแคบลดลง มังกรหนุ่มวัยยี่สิบหกที่นอนคว่ำหน้ากับท่อนแขนและยกตูดสูงรับการสอดอัดที่หนักหน่วงและแทงลึกก็ปล่อยเสียงครางออกมาด้วยความหฤหรรษ์
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 401
แสดงความคิดเห็น