วิถีธาตุออนไลน์ : บทที่ 14 ลอง
บทที่ 14 ลอง
ใช้เวลาไปราวๆ สิบกว่านาที กรกชก็กลับมาถึงห้องพัก ชายหนุ่มเคาะประตูเพียงสองสามครั้ง เฟนริลก็เดินมาเปิดให้ เสียงปี่รวมกับเสียงกลองอันคุ้นเคยที่ดังออกมาจากทีวี ทันให้เขาหันหน้าไปมองทางโทรทัศน์ที่ถูกเปิดเอาไว้ ภาพชายหนุ่มสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่บนเวธีที่ล้อมเชือกเอาไว้อย่างอุดตะหลุด ทำให้กรกชงงไม่น้อย
“นายดูมวยไทยเป็นด้วยเหรอเนี่ย?” กรกชเอ่ยถาม
เฟนริลเดินกลับไปนอนบนเตียง แล้วมองดูทีวีอย่างสบายอารมณ์
“ก็ข้าอยู่ห้องว่างๆ ไม่มีอะไรทำ เลยหาเปิดดูอะไรไปเรื่อย ก็เจอไอ้นี่เข้าพอดี ข้าว่ามันสนุกดีนะ ถ้าดูแล้วจดจำท่วงท่าต่างๆ ไว้ ก็อาจนำมาใช้ในการต่อสู้จริงได้ด้วย ว่าแต่เจ้าเถอะ ไปอาคารระบบกับสถาบันธาตุเรียบร้อยดีหรือเปล่า?”
“ก็ไม่มีปัญหาอะไร แล้วอาการนายเป็นไงบ้าง?” กรกชเอ่ยถาม
“ก็ดีกว่าเมื่อเช้า แต่ก็ยังเพลียๆ นิดหน่อย ถ้ากินรอบหน้าข้าไม่เป็นแบบนี้แน่” เฟนริลตอบไว้ท่า
“ขอให้จริงเถอะ” กรกชพูด “นายจะดูอะไรก็ดูไปแล้วกัน เดี๋ยวฉันขอทำความคุ้นเคยกับพลังธาตุในตัวก่อน”
ชายหนุ่มเลิกสนใจคู่หูของตัวเอง เขาขึ้นไปนอนบนเตียงอีกเตียงที่ว่างอยู่ ตามด้วยจัดท่าทางให้สบายตัวที่สุด ก่อนจะรวบรวมจิตทำสมาธิให้นิ่ง ด้วยอาชีพที่ต้องใช้สมาธิค่อนข้างมาก ทำให้เขาเข้าสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว
ระบบของเกมไม่ทำให้กรกชผิดหวังเลย เพราะหลังจากที่เขานอนหลับตาทำสมาธิอยู่ไม่นานมากนัก จุดแสงเล็กๆ สิบจุดก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นในห้วงจิต
กรกชลองคิดว่าอยากจะเห็นภาพนั้นให้ชัดๆ กลุ่มแสงดังกล่าวก็เคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทว่าพอสังเกตให้ดีอีกที ดูคล้ายว่าจิตของเขาจะเป็นฝ่ายขยับเข้าไปหากลุ่มแสงเสียมากกว่า
แสงสีม่วงและสีส้มสดดูจะเป็นแสงที่เห็นได้แจ่มชัดที่สุดในตอนนี้ ส่วนกลุ่มแสงอีกแปดจุดที่เหลือ ได้รายล้อมเอาแสงทั้งสองเอาไว้ตรงกลางในลักษณะแปดเหลี่ยม
กรกชเคลื่อนจิตถอยห่างออกมาจนหลงเหลือแต่ความืด ชายหนุ่มใช้ความคิดให้พลังที่มีโคจรไปตามร่างกาย โดยเริ่มเคลื่อนจากท้องน้อยไปตามจุดต่างๆ ของร่างกายที่เคร็ดวิชาธาตุร้อยวิถีได้กำหนดเอาไว้
ครั้นพอนั่งโคจรพลังไปได้รอบหนึ่งกรกชจึงเพิ่งนึกบางอย่างออก ตอนที่เขาไปรับธาตุจากสถาบันธาตุนั้นทางพนักงานหนุ่มไม่ได้มอบคำภีร์โคจรพลังของระบบให้มา หรือว่าเขาจะเช็กดูจากประวัติการเล่นของเขาแล้วรู้ว่าเขามีเคร็ดวิชาที่ดีกว่าอยู่กับตัวแล้ว จึงไม่ได้มอบคัมภีร์อันนั้นให้
คิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ดังนั้นกรกชจึงปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปในทันที เขาโคจรพลังไปตามเส้นชีพจรรอบแล้วรอบเล่า พลางจับสังเกตดูการเคลื่อนที่ของพลังธาตุต่างๆ ไปในตัว กรกชพบว่าหากเราไม่ได้กำหนดให้ชัดเจนว่าจะให้ธาตุไหนโคจรบ้าง ธาตุต่างๆ ที่เรามีก็จะโคจรไปในทางเดียวกันทั้งหมด ซึ่งในตอนนี้ก็คือโคจรไปตามเคร็ดวิชา ‘ธาตุร้อยวิถี’ ซึ่งเป็นเคร็ดวิชาเดียวที่เขามีติดตัวในเวลานี้
อีกข้อที่เขาเพิ่งสังเกตออกเพียงไม่นานก็คือ ในการโคจรพลังธาตุ ธาตุสายฟ้าที่เขาได้มาก่อนใครเพื่อน จะเคลื่อนที่ออกหน้าธาตุอื่นเสมอ ตามมาติดๆ ด้วยธาตุลมซึ่งเป็นธาตุหลักที่เพิ่งได้มา แล้วค่อยเป็นธาตุรองที่เหลือตามลำดับ
...ดูไปดูมา ก็ชั่งคล้ายกับการเคลื่อนขบวนรถไฟไม่มีผิด กล่าวคือเคลื่อนที่ตามกันไปเป็นแถว โดยที่มีธาตุหลักทั้งสองเป็นผู้นำ
กรกชทดลองโคจรพลังธาตุสายฟ้าเพียงธาตุเดียว ชายหนุ่มพบว่ามันรวดเร็วขึ้นมาก ครั้นพอเพิ่มธาตุลมเข้าไปอีก ความเร็วในการโคจรก็เริ่มตกลง
‘มิน่า ทำไมการโคจรพลังในรอบแรกถึงดูเหมือนนานนัก ที่แท้ยิ่งโคจรพลังพร้อมกันหลายธาตุ เวลาที่ใช้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น’ กรกชคิดกับตัวเองเงียบๆ
‘จะว่าไป ถ้าเราโคจรพลังเข้าไปในผลึกธาตุสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์มันจะเป็นยังไงนะ จะเหมือนพวกนิยายกำลังภายในที่เคยอ่านหรือเปล่า ที่คนเรา สามารถดึงดูดพลังออกมาใช้ได้...แบบนี้ไอ้กชต้องลองดูซะแล้ว’
กรกชเคลื่อนพลังเข้าไปจัดเก็บไว้บริเวณท้องน้อย ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น
เขานำผลึกธาตุสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์จากกระเป๋ากางเกงออกมากำไว้ในมือแล้วลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ จากนั้นก็วางมือข้างขวาที่กำผลึกอยู่เอาไว้บนตัก โดยให้ส่วนในของมือหงายขึ้น ต่อมาก็วางมือซ้ายประกบลงไป โดยที่มีผลึกวางไว้ตรงกางระหว่างมือทั้งสองข้าง
กรกชมองไปทางเฟนริลก็พบว่าหมาป่าหนุ่มนอนหลับไปแล้ว เหลือทิ้งเอาไว้แต่โทรทัศน์ที่เปิดอยู่ ชายหนุ่มคิดว่าการทดลองในครั้งนี้ไม่น่ามีอันตราย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปลุกอีกฝ่ายให้รู้ตัว
กรกชหลับตาลงช้าๆ ชักนำจิตใจให้ก่อเกิดสมาธิ เขาเริ่มโคจรพลังไปทั่วร่างกายรอบหนึ่ง ก่อนจะบังคับพลังธาตุสายฟ้าวิ่งผ่านท่อนแขนขวาลงไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงมือที่กุมก้อนผลึกเอาไว้หลวมๆ
กรกชค่อยๆ ถ่ายเทพลังเข้าไปในผลึกทีละน้อย เมื่อเห็นว่าผลึกไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย เขาจึงอัดธาตุสายฟ้าเข้าไปเพิ่มอีก ด้วยหวังว่ามันอาจจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
...เงียบ
ผ่านไปหลายนาธีแล้ว ตั้งแต่เขาใส่ธาตุสายฟ้าเข้าไปในผลึก...แต่ทว่าก็ยังเงียบ?
ปริมาณธาตุที่สูญเสียไปไม่ใช่จำนวนน้อยๆ หากแต่ทำไมถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย หรือว่าผลึกก้อนนี้จะต้องใช้ผ่านอาวุธเท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้ด้วยวิธีอื่นอีก
กรกชเม้มปาก เมื่อลองทำไปแล้ว มันจะต้องทำให้ถึงที่สุด อย่างน้อยถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาก็ยังได้บอกตัวเองว่าได้ทำสุดความสามารถแล้ว
กรกชรวบรวมพลังธาตุสายฟ้าที่เหลืออยู่ทั้งหมดส่งเข้าไปในผลึกอย่างต่อเนื่อง รอบนี้ชายหนุ่มไม่คิดกั๊กพลังเอาไว้อีก มีเท่าไหร่ เขาจะอัดเข้าไปทั้งหมด...ให้มันรู้ไปเลยว่า ผลึกนี้จะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่
ธาตุสายฟ้าในร่างกายลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว กรกชยังคงกัดฟันรีดเร้นส่งมันเข้าไปในก้อนผลึกอย่างไม่หยุดยั้ง ถึงแม้ในเวลานี้ มันจะเหลือน้อยจนแทบสัมผัสไม่ได้ก็ตามที
ธาตุสายฟ้าหยดสุดท้ายหายลับเข้าไปในก้อนผลึก ความผิดหวังท้อแท้ ประกอบกับความเหนื่อยล้าจากการใช้พลังธาตุหนึ่งธาตุใดในร่างกายไปจนไม่เหลือ พุ่งเข้าโจมตีทั้งสมองและร่างกายของกรกชอย่างไม่มีความปราณีให้กับผู้แพ้แม้เพียงนิด
บ่าไหล่ทั้งสองข้างเริ่มลดระดับต่ำลงตามกำลังใจที่เหือดหาย...ถึงแม้นี่จะเป็นแค่การทดลอง ซึ่งก็ไม่ควรหวังไว้มาก แต่หากยังพอเป็นไปได้ มันก็ห้ามความคิดที่มีความหวังได้ยาก ดังนั้นพอผลออกมาในทางแย่ เขาเลยทำใจยากสักหน่อย
กรกชถอนหายใจอย่างหนักหน่วง เขาคิดจะคลายมือออกจากผลึก หากทว่าทันใดนั้น...เรื่องไม่คาดฝันพลันอุบัด!
เริ่มต้นจากก้อนผลึกค่อยๆ สั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มือที่จับผลึกเอาไว้เริ่มมีอาการชา แรงสั่นที่เกิดจากผลึกไม่มีท่าทีลดลงแม้เพียงนิด กลับกัน มันยิ่งเพิ่มความรุนแรงขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป กรกชแทบโห่ร้องเพราะเก็บความยินดีเอาไว้ไม่อยู่ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวลกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ตอนนี้เขาไม่ทราบเลยว่า ความรู้สึกไหนกันแน่ที่มีมากกว่ากัน
ความร้อนเริ่มแผ่กระจายออกจากตัวของผลึกจนกรกชรู้สึกทรมาน ผิวหนังบริเวณมือทั้งสองเต็มไปด้วยความแสดร้อนเกินบรรยาย เขาขบฟันเบิกตามองดูเนื้อที่เริ่มไหม้ พยายามกระชากมือออกก็ไม่หลุด ราวกับถูกกาวชั้นดียึดติดเอาไว้ ความร้อนยังเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด กระทั่งถึงจุดที่ชายหนุ่มอดทนไม่ไหวอีกต่อไป
“อ๊ากกก!”
กรกชแผดร้องลั่นห้องด้วยความเจ็บปวดถึงกระดูก เขาคิดว่ามือของเขาคงพิการไปแล้วอย่างแน่นอน ความเจ็บนั้นวิ่งไล่มาตามท่อนแขนทั้งสองข้าง ความรู้สึกไม่ต่างจากตกนรกทั้งเป็น
เสียงลั่นเปรี๊ยะดังขึ้นมาพร้อมกับประกายสายฟ้าแว่บหนึ่ง ก่อนพลังธาตุสายฟ้าอันมหาศาลจะไหลทะลักผ่านมือที่กุมก้อนผลึกอยู่ กระแสพลังวิ่งไปตามท่อนแขนทั้งสองข้างราวกับเขื่อนแตก เกินกว่าที่ชีพจรของผู้เล่นใหม่คนหนึ่งจะรองรับไหว เมื่อพลังธาตุสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์วิ่งไปถึงจุดไหน มันก็กระแทกกระทั้นเอาชีพจรตรงจุดนั้นพังทลายตามไปด้วย
ทว่าไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของกรกช เพราะธาตุสายฟ้าที่ถูกเก็บไว้ในผลึก ดันไม่ใช่พลังธาตุสายฟ้าธรรมดา หากแต่เป็นธาตุสายฟ้าที่มาจากเทพ ดังนั้นจึงมีคุณสมบัติรักษาของธาตุแสงอยู่ด้วย ถึงแม้ว่ากระแสพลังจะทำลายชีพจรของเขาไป...หากแต่ก็รักษาเส้นชีพจรของเขาไปด้วยในเวลาเดียวกัน นั่นทำให้ชายหนุ่มต้องทนทุกทรมานอย่างไม่จบไม่สิ้น
...ถ้าคนอื่นมองดูกรกชในยามนี้ ก็จะเห็นกระแสไฟฟ้าวิ่งไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างน่ากลัว ผิวหนังเริ่มดำเกรียม ส่งควันที่เกิดจากการเผาไหม้ออกมาเต็มไปหมด ถึงเวลานี้ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดที่เคยมีในตอนแรก มันเหลือเพียงเสียงแหบแห้งจนแทบไม่ได้ยินเสียแล้ว
เพราะเสียงร้องของกรกช ทำให้เฟนริลสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ หมาป่าหนุ่มมองไปรอบตัวอย่างตระนก เมื่อพบเห็นสถานการณ์อันย่ำแย่ของคู่หูตน เขาจึงเร่งกระโจนเข้าหา หวังช่วยเหลือในทันที
เปรี้ยง!
“อัก!”
ขณะที่มือของเฟนริลเกือบจะสัมผัสถูกตัวของกรกช กระแสพลังธาตุสายฟ้าซึ่งวิ่งวนอยู่รอบร่างของชายหนุ่มก็ปะทุขึ้นอย่างรุนแรง ดีดสะท้อนหมาป่าหนุ่มให้กระเด็นห่างออกไป
“อะ...อะไรเนี่ย?” เฟนริลจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่กช?”
“ยะ...อย่า เข้า มา!” กรกชกัดฟันฝืนเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก
เฟนริลไม่เชื่อในสิ่งที่คู่หูเอ่ยบอก เขายังพยายามลองเข้าไปใกล้ร่างของกรกชอยู่อีกหลายครั้ง ทว่าเมื่อเกือบจะแตะตัวของอีกฝ่ายได้ กระแสพลังรอบๆ ก็จะผลักดันเขาให้ออกห่างอยู่เสมอ
เฟนริลเกาหัวจนผมยุ่งไปหมด ในช่วงที่เขาหลับ กรกชทำอะไรกันแน่ เหตุใดถึงมีสภาพน่าอนาถ อาการเจียนอยู่เจียนไปขนาดนี้ ทว่าพอตั้งสติได้แล้วมองดูให้ดีอีกรอบ ก็มองเห็นมือของคู่หูกุมของบางอย่างอยู่ เขาก็เริ่มตระหนักอะไรได้ขึ้นมาบ้าง
“นี่...อย่าบอกนะว่าเจ้าดูดซับพลังจากผลึกนั่นโดยตรงน่ะ?” เฟนริลอุทาน “บ้า นี่มันบ้าชัดๆ ตั้งแต่ข้าเกิดมา ก็เพิ่งเคยเห็นเจ้านี่หละทำเป็นคนแรก คนอื่นๆ ก็มีแต่นำไปผนึกลงอาวุธก่อน แล้วค่อยดูดซับทีละนิดกันทั้งนั้น ดูดซับตรงๆ แบบนี้มีแต่ตายกับตาย พอตายแล้วก็จะไม่เหลืออะไรอีก”
ไม่มีเสียงตอบรับจากกรกช เพราะในเวลานี้ ตัวผู้ก่อเหตุทนรับความเจ็บปวดไม่ไหวสลบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เฟนริลทำได้เพียงถอนใจ พลางภาวนาขอให้คู่หูของเขาไม่ตายไปเสียก่อน ไม่อย่างงั้น ทุกอย่างที่ทำมาจะสูญเปล่าทั้งหมด
กระแสพลังธาตุสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ จางลงมากแล้ว เฟนริลคิดว่าอีกไม่นานมันก็คงไหลเข้าไปในร่างกรกชจนหมด เขามองร่างกายที่เริ่มฟื้นตัวของคู่หูอย่างโล่งอกขึ้นมาบ้าง ยังดีที่คุณสมบัติธาตุแสงที่แฝงมากับธาตุสายฟ้ามีมากพอ มิฉะนั้นชายหนุ่มคนนี้คงไม่รอดอย่างแน่นอน
กรกชเริ่มรู้สึกตัวอย่างช้าๆ สิ่งแรกที่เขารับรู้ได้คือพลังธาตุอันมหาศาลที่วิ่งพล่านไปทั่วร่างกาย ทว่าน่าแปลกที่ความเจ็บปวดที่ได้รับก่อนที่เขาจะสลบไปกลับมะลายหายสิ้น
ชายหนุ่มลืมตาขึ้น พร้อมกับลองขยับตัวอย่างช้าๆ ก็พบว่าสามารถทำได้โดยไม่ติดขัดอะไร นี่เป็นการบอกให้รู้ว่า การทดลองของเขาสำเร็จลุล่วงด้วยดี ถึงแม้จะมีอะไรที่เกินคาดอยู่บ้างก็ตาม
“เจ้าเป็นไงบ้าง ยังเจ็บตรงไหนบ้างมั้ย?” เฟนริลที่เฝ้าดูอาการอยู่อีกเตียงรีบลุกเดินมาถามใกล้ๆ “รอบนี้เจ้าโชคดีมากเลยนะที่คุณสมบัติของธาตุแสงที่แฝงมามีมากพอ ไม่งั้นเจ้าได้ตายเกิดใหม่ไปแล้ว”
“ฉันโอเค” กรกชตอบ โดยทำเมินประโยคท้ายๆ ของเฟนริลไปอย่างไม่สนใจ “แล้วฉันสลบไปนานหรือเปล่า?”
เฟนริลถอนหายใจอย่างระอานิดๆ ที่อีกฝ่ายไม่ค่อยตระหนักในความปลอดภัยของตนสักเท่าไหร่ “ประมาณหกชั่วโมงกว่าๆ ได้ละมั้ง”
“นานขนาดนั้นเลยเหรอ?” กรกชเอ่ยถามพลางลุกขึ้นนั่ง
ทีแรกเฟนริลทำท่าจะช่วยพยุง แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังมีสีหน้าปรกติไม่ได้ดูเจ็บปวดอะไร เขาจึงถอยหลังกลับไปนั่งตรงเตียง
“เจ้าว่านานเหรอ?” เฟนริลพูด “อาการขนาดนี้ ใช้เวลาเท่านี้หายดีก็ถือว่าบุญแล้ว นี่ถ้าเกิดเป็นผลึกสายฟ้าธรรมดาที่ไม่ใช่สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่มีคุณสมบัติของธาตุแสงแฝงอยู่ เจ้าได้ตายไปตั้งแต่สิบนาทีแรกแล้ว”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 744
แสดงความคิดเห็น