ภูพิง-อิงธารา บทนำ
กระจกบานใหญ่สะท้อนภาพหญิงสาวสวมชุดเดรทเกาะอกสีเหลืองงาช้าง ไหล่เปลือยใต้ผ้าคลุมไหล่ผืนบางเพิ่มความเซ็กซี่ให้ร่างโปร่งระหง ดวงตากลมซึ้งใต้แพขนตายาวในกระจกมองตอบกลับมา ผมยาวรวบมัดขึ้นสูง ขับเน้นวงหน้ารูปไข่ให้โดดเด่น ริมฝีปากระเรื่อคลี่ยิ้ม เผยให้เห็นฟันซี่เล็กเรียงสวยเป็นระเบียบ ถึงแม้รูปลักษณ์ของเจ้าตัวจะงดงามเพียงใด แต่ดวงตากลับเจือแววหม่นเศร้าจนยายมะลิที่เป็นทั้งแม่นมและพี่เลี้ยงอดเป็นห่วงหญิงสาวในความดูแลไม่ได้
"คุณหนูคะ ไม่สบายดีกว่านะคะ เดี๋ยวป้าบอกคุณผู้ชายให้" มือเหี่ยวย่นวางบนต้นแขนของหญิงสาวอย่างเป็นห่วง
อิงธาราส่ายหน้าน้อยๆ แทนการปฏิเสธ "ไม่ได้หรอกคะป้า วันนี้เป็นวันมงคลนะคะ เจ็บป่วยได้ที่ไหนกัน"
หญิงสาวส่งยิ้มสดใสให้กับพี่เลี้ยงสูงวัย แม้ในใจจะกำลังร้องไห้ก็ตามที ป้ามะลิเองก็ไม่เซ้าซี้เพราะรู้ดีว่าคุณหนูของนางนั้นบทจะดื้อก็ฟังใครเสียที่ไหน นางจึงหยิบสร้อยไข่มุกออกมาจากกล่องส่งให้หญิงสาว
"ของคุณวีร์ให้คุณหนูค่ะ"
"เอาไว้ก่อนดีกว่าค่ะ" หญิงสาวไม่รับแต่ผละจากกระจกตรงไปยังโต๊ะหัวเตียง เปิดริ้นชักหยิบสร้อยเส้นเล็กที่มีล็อกเกตรูปของแม่ที่อยู่ข้างในสวมลงบนลำคอระหงแทน ป้ามะลิเห็นดังนั้นก็วางสร้อยไขมุกลงในกล่องตามเดิม
ปลายนิ้วไล้บนตัวล็อกเกตอย่างเหม่อลอย สิบกว่าปีแล้วที่แม่อัมพรจากเธอไปด้วยโรคร้าย อ้อมกอดของแม่ที่เคยได้รับเมื่อยามเยาว์ บัดนี้ต้องหลับฝันเท่านั้นถึงจะได้สัมผัส เงาของแม่ตามมุมของบ้านก็ค่อยๆ จางหายเมื่อพ่อแต่งงานอีกครั้งกับน้าว่านหรือวาสนาซึ่งเป็นน้าสาวแท้ๆ ของอิงธารา ภรรยาใหม่ของพ่อเข้ามาพร้อมกับลูกสาวคนโตของบ้าน จากคุณหนูเพียงหนึ่งเดียวเพียงข้ามคืนอิงธาราก็กลายเป็นทายาทคนเล็กของอดีตภรรยาที่ไม่มีใครรู้จัก
วีร์นัชชาไม่ใช่ลูกติดของวาสนาอย่างที่อิงธาราเข้าใจ แต่เป็นลูกสาวอีกคนของพ่อ พ่อที่เธอเชื่อมั่นมาตลอดว่ารักเพียงแม่อัมพรของเธอเท่านั้น พ่อที่เธอภูมิใจหนักหนาว่าไม่เคยนอกใจแม่เลย แต่ทุกอย่างก็พังพินเมื่อความจริงจากปากปองพลผู้เป็นพ่อกระแทกใจอย่างแรง สิ่งที่ทำให้อิงธาราแทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ฟัง นั่นคือทั้งปองพลและวาสนาเคยเป็นคนรักกันมาก่อน แต่ด้วยคำสัญญาระหว่างครอบครัวทำให้ปองพลจำยอมแต่งงานกับอัมพร นับแต่นั้นมาความสัมพันธ์ระหว่างปองพลและวาสนาจึงปิดฉากลง เรื่องราวความรักของปองพลกับวาสนาเป็นสิ่งที่ครอบครัวทั้งสองฝ่ายไม่เคยรู้เลย และทุกอย่างเปิดเผยเมื่อปองพลประกาศแต่งงานกับวาสนาเมื่อแม่อัมพรจากไปไม่ถึงปีด้วยซ้ำ ทั้งยังเปิดตัววีร์นัชชาพี่สาวร่วมสายเลือด พี่สาวที่อิงธาราคิดมาตลอดว่ามีศักดิ์เป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องของเธอเท่านั้น
ความเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่าที่ประเดประดังเข้ามาในชีวิต ทำให้อิงธาราในวัยสิบสามปีทนแบกรับไม่ไหว จากที่เคยเป็นเด็กร่าเริงแจ่มใสกลายเป็นคนเก็บตัว พูดน้อย ตกกลางคืนก็กรีดร้องจนทำให้วาสนาต้องขอให้ปองพลย้ายเด็กหญิงไปอยู่กับป้ามะลิที่เรือนหลังเล็กแทน นับแต่นั้นเป็นต้นมาอิงธาราก็ไม่ได้ย่างกรายขึ้นไปยังคฤหาสน์ที่ซึ่งเป็นบ้านของเธออีกเลย
"คุณหนูคะ" เสียงป้ามะลิปลุกหญิงสาวให้หลุดจากอดีตที่ขมขื่น เธอกระพริบตาถี่ๆ เพื่อเรียกสติ ปรายตาไปยังกระจกเพื่อสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง แล้วพยักหน้าอย่างพึงใจ
"ไปแล้วนะคะ งานคงใกล้เริ่มเต็มทีแล้ว ถ้าสายกว่านี้พี่วีร์คงหงุดหงิดแย่" พูดจบหญิงสาวก็เดินนำหญิงสูงวัยออกจากห้อง
"น้ำอิงไปคนเดียวได้ค่ะ ป้าไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่กี่ชั่วโมงงานก็เลิกแล้ว" เธอหันมาบอกหญิงสูงวัยที่เดินตามหลังมา อีกฝ่ายเหมือนจะไม่เต็มใจนัก แต่หญิงสาวยิ้มประจบแล้วเข้าไปกอดแขนออดอ้อนจนป้ามะลิต้องส่ายหน้าอย่างระอา
"อย่าไปนานนะคะ" ป้ามะลิยังไม่วายกำชับ หญิงสาวพยักหน้ารับแข็งขัน ก่อนที่เธอจะเดินลัดเลาะตรงไปยังบ้านใหญ่ที่ประดับประดาด้วยไฟหลากสีที่เห็นวับแวม หญิงสูงวัยมองแผ่นหลังบอบบางที่ทิ้งห่างออกไปจนกลืนหายไปกับความมืด แกถอนใจด้วยความสงสารและเห็นใจให้กับคุณหนูของตน แล้วหับประตูรั้วเดินขึ้นเรือนไป
ร่างโปร่งก้าวเข้าสู่ลานหน้าบ้าน ซึ่งตอนนี้กลายเป็นลานจัดเลี้ยงสำหรับแขกเหรื่อที่เป็นเพื่อนสนิทและบรรดาญาติๆ ของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว เมื่อเสร็จพิธีมงคลสมรสในช่วงเช้าแล้ว ทางฝ่ายผู้จัดงานก็จะมีจัดอาฟเตอร์ปาร์ตี้เพื่อสังสรรค์ในหมู่เพื่อนๆ เพื่อเป็นการขอบคุณ อิงธาราเอื้อมมือหยิบไวน์จากถาดของบริกรที่เดินให้บริการบรรดาแขกเหรื่อ หญิงสาวไม่แปลกใจที่เห็นเครื่องแบบของบริกร เพราะนั่นเป็นเครื่องแบบของโรงแรมในเครือครอบครัวเธอ ฝ่ายนั้นเพียงส่งยิ้มสุภาพ คงคิดว่าเธอคงเป็นหนึ่งในบรรดาแขกของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้เป็นแน่ หญิงสาวเองก็ชินกับสภาพของตัวเองนานแล้ว จึงไม่ได้เก็บมาเป็นอารมณ์
อิงธารายกแก้วในมือขึ้นจิบด้วยท่าทางเหม่อลอย ดวงตาจับจ้องไปยังเวทียกพื้นที่ประดับประดาด้วยดอกไม้และไฟหลากสี บนเวทีมีหญิงชายคู่หนึ่งยืนคู่กัน เจ้าสาวในค่ำคืนนี้คือวีร์นัชชาพี่สาวของเธอนั่นเอง ดวงหน้ารูปไข่ล้อมกรอบด้วยผมยาวดำขลับที่เจ้าตัวจงใจปล่อย และยังเครื่องหน้าที่รับกันทุกสัดส่วน กอรปกับชุดราตรีกรอมเท้าสีเปลือกไข่บนเรือนร่างช่วยขับผิวช่วงไหล่เปลือยให้น่ามอง แสงวิบวับจากคริสตัลที่ปักเรียงตัวเป็นรูปหัวใจบนเกาะอกส่งผลทำให้เธอเลอค่า ทุกขณะการเคลื่อนไหวของวีร์นัชชาทำให้เห็นเนินอกรำไรและเรียวขาขาวตามรอยผ่าของตัวชุด ยิ่งสร้างความฮือฮาให้บรรดาผู้ชายในงานไม่น้อย
ส่วนเจ้าบ่าวคืออดีตคนรักของเธอนั่นเอง หญิงสาวมองเขานิ่งนาน ภาพลักษณ์ของเขาบนเวทีและภาพจำในหัวใจยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แต่ที่เปลี่ยนคือวันนี้เขาไม่ใช่ของเธออีกแล้ว อิงธาราได้แต่ทอดถอนใจ กล้ำกลืนความเจ็บปวดลงในอก เอื้อมมือคว้าไวน์อีกแก้วจากบริกร แล้วยกแก้วจรดริมฝีปาก ปล่อยให้ของเหลวไหลลงคอเพื่อดับความเจ็บปวดในจิตใจ ถึงช่วงเจ้าบ่าวและเจ้าสาวกล่าวความในใจ หญิงสาวแทบจะไม่อยากอยู่ฟังด้วยซ้ำ ที่จริงแล้วมันควรจะเป็นเธอต่างหาก เจ้าสาวควรจะเป็นเธอไม่ใช่วีร์นัชชา แต่ความเป็นจริงเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกกฤตดนัยกลับเลือกที่จะแต่งงานกับพี่สาวของเธอแทน ในเมื่อฝ่ายชายเลือกแล้วเธอจะทำอะไรได้กันเล่า
"อุ๊ย!" อิงธาราอุทานอย่างตกใจเมื่อร่างของเธอถูกกระแทกอย่างแรงจนเครื่องดื่มในแก้วกระฉอกหกรดเสื้อผ้า หญิงสาวหันมองคนชน แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ใส่ใจเธอด้วยซ้ำ คู่กรณีของเธอกำลังเดินเร็วๆ เพื่อให้ทันชายหนุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้า ฝ่ายหญิงพยายามเข้าหา แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายชายจะไม่ใส่ใจ เขาตรงไปนั่งยังที่นั่งวีไอพีที่ใกล้เวทีที่สุด เพื่อนของกฤตดนัยที่อิงธาราคุ้นหน้าคุ้นตาหลายคนเข้ามาทักทาย เธอคิดว่าชายหนุ่มแปลกหน้าคงเป็นเพื่อนอีกคนของกฤตดนัยจึงละความใส่ใจ
อิงธาราสอดส่ายสายตาหาคู่บ่าวสาวที่ลงจากเวทีไปแล้ว ตั้งใจจะไปแสดงความยินดีเพื่อให้วีร์นัชชาสบายใจว่าระหว่างน้องสาวกับว่าที่สามีหมาดๆ ของเธอไร้เยื่อขาดใยกันอย่างถาวร เมื่อเห็นว่าทั้งคู่กำลังสนทนาร่วมโต๊ะกับชายหนุ่มผู้มาใหม่และหญิงสาวคู่กรณีที่ชนเธอไปเมื่อครู่นี้ เธอจึงตรงเข้าไปหาทันที
"อ้าว! น้ำอิง" วีร์นัชชาร้องทักเมื่อเห็นอิงธาราเดินตรงเข้ามา หญิงสาวส่งยิ้มน่ารักให้คู่บ่าวสาว ก่อนจะชูแก้วในมือขึ้น
"ยินดีกับพี่วีร์และพี่นายด้วยนะคะ พอดีมีอุบัติเหตุนิดหน่อย น้ำอิงคงอยู่ไม่ดึกนะคะ" เธอก้มมองชุดที่มีคราบเครื่องดื่มบนตัว แล้วส่งยิ้มขออภัยให้กับทั้งคู่
"ไม่เป็นไรจ้ะ ขอบใจที่มานะ กลับไปเปลี่ยนชุดเถอะ" วีร์นัชชาลุกจากที่นั่งมาจับต้นแขนของอิงธาราอย่างปลอบโยน หญิงสาวส่งยิ้มจริงใจให้พี่สาวก่อนจะกระดกเครื่องดื่มในแก้วจนหมด
"ยินดีด้วยนะคะ" อิงธาราแสดงความยินดีอีกครั้ง อดไม่ได้ที่จะแอบสังเกตสีหน้าท่าทางของอดีตคนรัก และก็ยิ่งทำให้เธอเจ็บปวดใจ เพราะแววตาของเขาว่างเปล่า มันว่างเปล่าจนเธอคิดไปว่าที่ผ่านมามีเพียงเธอเท่านั้นที่จำความรักระหว่างกันได้ หญิงสาวกลืนความเจ็บปวดลงในอก พอกันทีสำหรับความเศร้าบ้าบอ เธอยิ้มให้กับคนทั้งคู่ก่อนจะขอตัวจากมา
ค้อยหลังหญิงสาวไปไม่นาน ชายหนุ่มที่นั่งเงียบๆ หยัดร่างขึ้นจากที่นั่ง ก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ หญิงสาวที่นั่งข้างๆ ตั้งท่าจะลุกตามแต่ถูกเขาโบกมือปฏิเสธ
อิงธาราเดินเอื่อยเฉื่อยออกจากบริเวณจัดงาน ในมือถือถาดที่มีไวน์อยู่สี่ห้าแก้ว ซึ่งหญิงสาวขอจากบริกรออกมาด้วย จุดหมายคือศาลาเปิดโล่งซึ่งอยู่ระหว่างทางกลับเรือน เธอวางถาดเครื่องดื่มลงบนโต๊ะไม้ ปลดผ้าคลุมไหล่ออก เผยให้เห็นลาดไหล่ขาวเนียน แสงไฟจากด้านนอกส่องลอดเข้ามาทำให้ภายในสว่างพอสมควร เธอหยิบแก้วหนึ่งในถาดขึ้นมากระดกของเหลวลงคอ อาการร้อนวูบวาบไล่ลามสู่ร่างกาย เธอเพียงอยากดื่มให้เมาเพื่อลืมความเจ็บปวด อย่างน้อยถ้าเมาคืนนี้คงนอนหลับสนิทกว่าทุกคืน
"ขอนั่งด้วยนะครับ" เสียงหนึ่งดังแทรกความเงียบขึ้นมา เธอหันไปมองยังต้นเสียงที่ยืนอยู่นอกศาลา ยังไม่ทันที่เธอจะตอบรับหรือปฏิเสธบุรุษร่างโปร่งก็ถือวิสาสะเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามเธอเสียแล้ว จะด้วยแสงในศาลาไม่เพียงพอหรืออาการตาพร่าจากแอลกอร์ฮอลจึงทำให้หญิงสาวมองเห็นแต่เค้าโครงหน้าของเขาเท่านั้น
เธอเลื่อนแก้วเครื่องดื่มให้เขาเงียบๆ แล้วก็จมจ่อมอยู่กับความคิดของตัวเอง ไม่คิดที่จะเปิดบทสนทนาใดๆ ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้เซ้าซี้ เขาเพียงจิบเครื่องดื่มในมือเงียบๆ ไม่ได้ทำให้หญิงสาวอึดอัดแต่อย่างไร เวลาล่วงไปเรื่อยๆ จนเหลือเพียงแก้วเปล่า เสียงอึกทึกบริเวณงานเมื่อหัวค่ำค่อยเบาลง ผู้ร่วมงานคงทยอยกลับกันบ้างแล้ว อิงธาราปรือตามองชายหนุ่มตรงหน้า เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิม แม้ว่าดวงตาจะไม่ได้มองมาที่เธอก็ตาม แต่เขาจะไม่เตรียมตัวกลับบ้างเลยหรือไรกัน
"คุณว่าฉันสวยไหม" นี่เป็นบทสนทนาแรกจากปากอิงธารา เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงถามเขาอย่างนั้น อาจเป็นเพราะตัวเองเพิ่งถูกคนรักปฏิเสธ บางทีที่กิจดนัยไม่เลือกเธอ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นที่รูปลักษณ์ด้วยก็ได้ อีกอย่างชายตรงหน้าก็เป็นคนแปลกหน้า เจอกันวันนี้ก็คงไม่ได้เจอกันอีก แล้วเธอจะไปใส่ใจทำไม มันก็แค่คำถาม ถ้าเขาไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ เธอก็ใช่จะอยากรู้เสียเมื่อไหร่
"ก็ไม่น่าเกลียด" คำตอบที่ไม่คาดคิดของคนตรงหน้าทำให้อิงธาราถึงกับส่างเมาเลยทีเดียว หญิงสาวจ้องคนตรงหน้าเขม็ง เขายังคงทอดสายตาไปไกล ไม่ได้สนใจมองเธอด้วยซ้ำ
"หมายความว่ายังไง ที่บอกว่าไม่น่าเกลียด" จากที่ไม่คิดว่าจะสนใจคำตอบ หญิงสาวกลับตั้งใจฟังหลังจบคำถามของตัวเอง
"ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ถ้าเธอแต่งสวยมันก็สวย ไม่เห็นจะเข้าใจยากตรงไหน" เสียงตอบเรื่อยๆ ไม่ได้ทำให้อิงธาราพอใจ แต่กลับยิ่งทำให้เธอหงุดหงิด คิดผิดจริงๆ ที่เริ่มบทสนทนา บางทีเธอควรจะจากไปเงียบๆ ปล่อยให้ผู้ชายบ้าคนนี้อยู่เพียงลำพังไปซะ
หญิงสาวลุกจากที่นั่ง ตั้งใจว่าจะกลับบ้านไปนอนดีกว่า เธอคงลุกเร็วเกินไปจึงเกิดอาการวิงเวียนทำให้เธอเสียหลักจะล้มไม่ล้มแหล่มือยื่นออกไปหมายจะคว้าโต๊ะเพื่อพยุงตัว กลับคว้าได้แต่ความว่างเปล่า เธอใจหายวาบ คิดว่าครั้งนี้คงล้มก้นจ้ำเบ้าแน่ๆ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเอวคอดถูกลำแขนแข็งแรงรวบไว้ได้ทันท่วงที
"ระวังหน่อยซิ" เสียงดุดังอยู่ข้างหูทำให้อิงธาราต้องเงยหน้ามองเจ้าของวงแขน แต่ก็ไม่เห็นอะไรไปมากกว่าเค้าโครงหน้าของบุรุษเท่านั้น ไหล่เปลือยเบียดเข้ากับต้นแขนกำยำอย่างไม่ตั้งใจทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ก้มมองตามสายตาก็เห็นว่าเขากำลังมองรอยเปื้อนบริเวณช่วงอกบนชุดของเธอ หญิงสาวช้อนตามองก็สบเข้ากับเจ้าของดวงตา ประกายแปลกๆจากตาคู่นั้นทำให้เธอพูดอย่างที่ใจคิด
"ฉันสวยไหม" เธอไม่รู้ว่าผีตนไหนที่ทำให้เธอถามคำถามโง่ๆ ออกไปอีก คราวนี้เธอไม่ได้รับคำตอบ แต่กลับถูกมนต์สะกดจากเจ้าของดวงตาคม ยามเมื่อเธอสานสบ เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้หญิงสาวละจากตาคู่นั้นไม่ได้ ลมหายใจผ่าวร้อนตกต้องใบหน้ายามใบหน้าของเขาเคลื่อนมาใกล้
อิงธาราได้แต่ยืนนิ่งเหมือนหุ่นปั้นเมื่อริมฝีปากอุ่นประทับลงบนกลีบปากอิ่มที่เผลอเผยอออกของเธอ รถหวานของไวน์อวลอยู่ในปาก เธอไม่รู้ว่าจากปากของเธอเองหรือจากปากของเขา หญิงสาวจำไม่ได้ว่าได้เผลอจูบตอบเขาไปหรือไม่ ไม่แน่ใจว่าเสียงคลางที่ได้ยินมันเป็นเสียงของเธอหรือว่าเสียงของเขากันแน่ จำไม่ได้อีกเหมือนกันว่ามือของเธอนั้นผลักไสหรือลูบไล้บนแผงอกของเขาไหม ทุกอย่างดูเลือนลางล่องลอยไปหมด จนบางทีมันอาจจะเป็นแค่ฝันตื่นหนึ่งของเธอเองก็เป็นได้
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 624
ความคิดเห็น
น่าติดตามมากครับ
แสดงความคิดเห็น