STARCIN ภาคที่ 3 Yan Festival ตอนที่ 4 ป่วงวาย
" เด็ก ๆ อย่าออกไปนอกเขตบ้านนะจ๊ะ " เสียงแหบ ๆ แต่ก็ยังฟังได้ชัดจากหญิงสูงวัย เธอมองเหล่าเด็กตัวเล็กตัวน้อยเล่นกันไปตามประสาเด็กก่อนจะเปิดประตูเข้าบ้านไป
" คุณแม่ไม่เห็นจำเป็นต้องมาทำอะไรเป็นพิธีแบบนี้เลยนะคะ " เสียงของสาวน้อยผมสีน้ำตาลอ่อนที่มัดรวบอยู่ด้านหลัง เธอนั่งอยู่ที่เก้าอี้เก่า ๆ ภายในห้องนอนของใครสักคน
" พิธงพิธีอะไรกันแค่ให้พวกเด็ก ๆ ออกไปข้างนอกจะได้ไม่มารบกวนหนูฟรานไง แล้ววันนี้มีเรื่องอะไรจะมาคุยเหรอจ๊ะ " หญิงสูงวัยคนนั้นเลื่อนเก้าอี้โยกอีกตัวเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะนั่งลงจิบชาอุ่น ๆ สีหน้าเคลิบเคลิ้มผ่อนคลายเมื่อได้ลิ้มรสชา
" คือหนูเห็นที่นี่มันโทรมมากแล้วเลยมาสมทบทุนให้ค่ะ " เธอหยิบแก้วชาตรงหน้าขึ้นมาดื่มบ้างสีหน้าเคลิบเคลิ้มผ่อนคลายเหมือนกับหญิงสูงวัยไม่มีผิด
" จะสมทบทุนมันก็ได้อยู่หรอกแต่หนูต้องประมาณตนไว้ด้วย บริจาคพอเท่าที่ตัวเองคิดว่าไหวแม่ไม่อยากให้มันกระทบตัวหนู "
" ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะหนูไม่รู้จะเอาเงินไปใช้ทำอะไรได้แค่เก็บไว้เรื่อย ๆ ตอนนี้ก็มีอยู่ประมาณสี่สิบเหรียญทองแล้วค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูจะให้ก่อนสิบเหรียญทองเพื่อปรับปรุงบ้านใหม่แล้วก็อีกห้าเหรียญทองใช้สำหรับเสบียงให้เด็ก ๆ "
" มากขนาดนั้นเลยเหรอ ? " ฟรานหยิบถุงเงินออกมาวางตรงหน้าหญิงสูงวัยเธอตกใจเล็กน้อยขณะที่ถุงเปิดออกเผยให้เห็นเหรียญสีทองมากมายภายในนั้น
" งั้นเธออยู่คอยดูแลพวกเด็ก ๆ กันไปก่อนนะ แม่จะไปซื้อของแล้วก็จ้างคนด้วย "
" เดี๋ยวหนูไปเป็นเพื่อนนะคะ "
" ต-แต่พวกเด็ก ๆ ล่ะหนูเผื่อพวกเขาเจอปัญหาอะไรจะได้ช่วยได้ทันถ่วงที " เธอตอบกลับทันทีอย่างร้อนรน
" รออีกสักเดี๋ยวเพื่อนหนูกำลังมาค่ะ เขาจะอยู่ดูแลที่นี่ให้ระหว่างที่เราไปซื้อของ " ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงกริ่งจากประตูทางเข้าที่มีกำแพงล้อมรอบอยู่
" สวัสดีครับ ! " เสียงของชายหนุ่มรูปงามตะโกนส่งเสียงทำให้พวกเด็ก ๆ ที่อยู่ด้านนอกมองมากันหมด
" นั่นไงเขามาแล้ว " ฟรานวางแก้วชาลงบนโต๊ะก่อนจะลุกออกไปเปิดประตู หญิงสูงวัยก็เดินตามออกไปดูด้วยเช่นกัน
" เขาชื่อซากิเป็นเพื่อนของหนูเอง " ชายหนุ่มผมสีเงินรูปลักษณ์ดั่งเจ้าชายในฝันของใครหลาย ๆ คนช่างแตกต่างกับเจ้าชายอย่างโยไปมากโข ซากิก้มโค้งและกล่าวสวัสดีต่อหน้าเด็ก ๆ และพวกเธอแสดงความเป็นมิตรโดยไม่มีสิ่งใดปกปิด
" พ่อหนุ่มเป็นเจ้าชายจากที่ใดหรือเปล่าทำไมถึงสง่างามเช่นนี้ได้ "
" ผมไม่ได้เป็นเจ้าชายอะไรทั้งนั้นแหละครับ เป็นเพียงเพื่อนของฟรานเท่านั้นเพราะฉะนั้นไม่ต้องเกรงใจหรือกลัวอะไรครับ " เขาเดินเข้ามาประชิดเอื้อมแขนมาจับมือของหญิงสูงวัยแสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยนกับรอยยิ้มที่ดูจริงใจนั่น
" พวกเรากำลังจะออกไปซื้อของกัน ฝากนายดูแลที่นี่สักพักหนึ่งจะได้ไหม ? "
" ได้อยู่แล้วยังไงช่วงนี้มันก็ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ " เขาตอบกลับทันทีแทบจะไม่คิดอะไรเลย
" งั้นฝากด้วยนะ " ฟรานโบกมือพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะเดินออกไปกับหญิงคนนั้น
หลังจากเดินมาได้สักพักจนถึงเขตการค้าที่มีการซื้อขายคับคั่ง ผู้คนมากมายจับจ่ายใช้สอยกันปกติสุขเหมือนกับตลาดบางจุดก็จะเป็นร้านขายผ้าอยู่เรียง ๆ กัน บางจุดก็เป็นร้านขายเนื้อพวกเขาจัดตำแหน่งของร้านค้าเพื่อให้ง่ายต่อการเลือกซื้อ หากต้องการสิ่งใดก็สามารถเดินไปดูตามจุดต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องมาเดินสุ่ม
" อ้าว ๆ นั่นป้าศรีนี่...ไม่เห็นออกมาจากบ้านนานเลยวันนี้ลมอะไรหอบมาซะไกลเลยล่ะ ? " พ่อค้าขายอุปกรณ์ที่อยู่ตรงทางผ่านทักทายด้วยรอยยิ้ม
" ฉันมาเพื่อซื้อวัสดุสำหรับปรับปรุงบ้านแล้วก็หาจ้างแรงงานด้วย "
" โอ้ มีคนมาบริจาคเพิ่มยังงั้นเหรอ...ดีแล้วเพราะที่พวกเราให้ทุกเดือนมันก็น้อยจริง ๆนั่นแหละแค่พอให้เลี้ยงดูเด็ก ๆ ได้...แล้วมีเศรษฐีที่ไหนมาบริจาคล่ะ ? " ป้าศรีเหลือบตาบอกเป็นนัย ๆ หันไปมองฟรานที่อยู่ข้าง ๆ
" เด็กคนนี้เหรอดูจากชุดคงเป็นนักเรียนหลวงสินะมาจากตระกูลอะไรล่ะแล้วที่บริจาคนี่หวังอะไรหรือเปล่า ? ถ้ามีแผนอะไรก็อย่าหวังว่ามันจบง่าย ๆ ล่ะ " ชายคนนั้นแสดงท่าทีแปลก ๆ จ้องหน้าฟรานตลอดเวลาเช่นเดียวพ่อค้าแม่ค้าร้านอื่นที่อยู่ใกล้ ๆ เหมือนกับกำลังระแวงอะไรบางอย่างอยู่
" เธอไม่ใช่คนแบบที่พวกนายคิดหรอกนะ " ป้าศรีพูดแทรกขึ้นทันทีที่ดูสถานการณ์แย่ลง ผู้คนมากมายจ้องเธอเหมือนกับเป็นคนไม่ดีที่กำลังจะมาหลอกป้าศรี
" โอ้วนั่นมันท่านผู้กล้าไม่ใช่เหรอ ! " เสียงตะโกนด้วยความตกใจจากหนึ่งในฝูงชน เขายื่นคอชะเง้อมองด้วยความสงสัยก่อนจะแทรกตัวเข้ามากลางวง
" ว่ายังไงนะท่านผู้กล้าเหรอ ! " เพียงประโยคเดียวก็ทำให้คนหลายสิบคนสับสนเสียงคุยกระซิบกระซาบดังขึ้นจนน่ารำคาญ
" นี่คือท่านผู้กล้าที่เคยประลองกับพวกนักผจญภัยที่ลานประลองกิลด์ไงล่ะ "
" ใช่ ๆ เป็นเธอจริงด้วย "
" ซวยแล้วไงพวกพ่อค้าไปทำกิริยาแย่ ๆ ใส่เธอมีหวังโดนขังคุกตลอดชีวิตหรือไม่ก็ตัดคอแน่ ๆ " บรรยากาศอันน่าอึดอัดกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จู่ ๆ ก็ไม่มีใครพูดอะไรไปสักพักเหมือนกับรอการตอบกลับของฟรานอยู่ แต่ทันใดนั้นพ่อค้าคนนั้นก็พุ่งตัวออกมาจากร้านคุกเข่าลงกับพื้นต่อหน้าพวกฟราน
" ตัวข้าขออภัยเป็นอย่างสูงหากรู้เสียก่อนว่าเป็นท่านมิบังอาจกล่าวล่วงเกินเด็ดขาดหากท่านจะลงโทษโปรดลงโทษข้าเพียงคนเดียว ชาวบ้านแถวนี้เพียงแค่เป็นห่วงป้าศรีเท่านั้นมิได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด " ขณะที่เขากำลังอ้อนวอนพูดด้วยเสียงสั่น ๆ เหมือนจะร้องไห้ไม่หยุดจู่ ๆ ฟรานก่อนคลุกเข่าลงพื้นตรงหน้าและยื่นแขนไปจับมือที่ทาบอยู่บนพื้น
" ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ " เสียงของสาวน้อยที่ฟังดูรู้สึกนุ่มนวลแต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยนยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกเสียใจมากขึ้นน้ำตาไหลพลั่กออกมาโดยไม่ได้ทันได้รู้ตัวถึงแม้จะพยายามกลั้นมันไว้ก็ตาม
" ลุกขึ้นก่อนเถอะค่ะ " เธอพยายามดึงตัวชายคนนั้นขึ้นมาอย่างทะนุถนอม
" ตัวข้าไม่มีค่าพอให้ท่านมาจับเกลือกกลั้วด้วยซ้ำ " เขาแทบจะก้มหน้าก้มตาตลอดเวลาไม่กล้าแม้จะสบตาเวลาพูดคุย
" ทุก ๆ คนก็เหมือนกัน ตัวฉันนั้นก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งไม่ได้มีสิทธิ์ให้ใครต้องตายเพียงเพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำ เพราะฉะนั้นฉันไม่ถือโทษโกรธหรอกค่ะฉันเข้าใจว่าทำไมพวกคุณถึงกลัวแบบนี้แต่วางใจได้เลย ฉันช่วยเหลือป้าศรีที่เปรียบเสมือนแม่อีกคนก็เท่านั้นเองไม่มีเหตุผลอื่น "
" ถ้าเป็นเช่นกันโปรดทำโทษพวกเราอย่างน้อยสักหนึ่งอย่างไม่อย่างงั้นตัวข้าคงรู้สึกไม่ดีไปตลอดแน่ ๆ " ฟรานยิ้มออกมาทันทีที่ได้ยินเหมือนกับคาดการณ์ไว้แล้ว
" ถ้าอย่างงั้นทุกคนที่อยู่ที่นี่หากใครที่ต้องการรับโทษ ฉันจะให้บทลงโทษที่ไม่ใหญ่มากนักคือการมาช่วยป้าศรีปรับปรุงบ้าน "
" ลงโทษโดยการใช้แรงงานเฉย ๆ เหรอ ? "
" ท่านผู้กล้าช่างมีเมตตายิ่งนักหากเป็นขุนนางหรือผู้สูงศักดิ์คนอื่นคงได้ถูกตัดลิ้นตัดแขนไปแล้วแน่ ๆ แต่เธอคงไม่ผิดคำพูดหรอกมั้ง "
" แต่ถ้าท่านผู้กล้ากลับคำล่ะ พวกขุนนางเชื่อใจไม่ได้อยู่แล้วเธออาจจะหลอกไปเล่นสนุกทีหลังก็ได้ " ภาพหัวของพวกเขาที่จินตนาการถึงความโหดร้ายของฟรานที่กำลังฟาดนักโทษที่ล่ามโซ่ไว้อย่างสนุกสนาน
" นี่นายไม่เห็นนั่นเหรอ ? " ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นขณะที่ค่อยชี้นิ้วไปหาฟราน
" นายชี้อะไร ? " ไม่นานนักเขาก็ได้รู้ซึ้งเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของฟรานทำให้หลาย ๆ คนต่างก็หลงเสน่ห์ของเธอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
" คนแบบนั้นน่ะเหรอจะโหดร้ายเธอยังเด็กอยู่เลยด้วยซ้ำ ความคิดแบบเรา ๆ ก็น่าจะเพลา ๆ ลงบ้าง "
" จริงด้วยทำไมอยู่ ๆ ฉันก็รู้สึกผ่อนคลายรู้สึกต้องชะตากับเธอคนนั้นแบบนี้ล่ะ " ชาวบ้านชาวเมืองต่างก็เริ่มเงียบกันไปโดยที่ไม่ต้องมีการบอกกล่าว
" อย่าบอกนะว่านี่เป็นพลังของเดอะ ท่านผู้กล้าอาจจะมีพลังพวกลุ่มหลงหรืออะไรแบบนั้นก็ได้ " เสียงคุยกระซิบของชาวบ้านที่มุงดู
" ไม่หรอกฉันรู้สึกว่ามันไม่ใช่พลังของเดอะ...แต่เธอคือผู้กล้าคนที่จะรวมความเชื่อใจเชื่อมั่นของทุกคนไว้และฟันฝ่าอุปสรรคที่ขวางกั้นช่วยให้เราพ้นจากภัยอันตราย...มันเหมือนกับสัญชาตญาณให้เราเชื่อและวางใจในตัวของเธอ "
ไม่นานนักพวกเขาก็สลายตัวแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองเหลือเพียงคำพูดปากต่อปากไปเรื่อย ๆ ข่าวลือของผู้กล้าเริ่มสะพัดไปยังชนชั้นกลางและชนชั้นล่างที่ไม่ค่อยได้เห็นหรือรู้จักเธอมากนัก
" เรื่องคนงานเราก็มีแล้วแต่วัสดุต้องซื้อที่ไหนคะ ? "
" อีกไม่ไกลหรอกจ้ะตรงไปข้างหน้าแล้วเลี้ยวซ้ายก็จะเจอร้านขายวัสดุอุปกรณ์แล้ว " เสียงหายใจหอบเหนื่อยของป้าศรีทำให้ฟรานรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก
" คุณแม่สนใจขึ้นหลังไหมคะ ? "
" หนูจะไหวเหรอ- "
" สบายมากค่ะหนูแข็งแรงสุด ๆ ไปเลย " ป้าศรีไม่ทันได้พูดจบฟรานก็พูดแทรกด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ ยิ้มจนเห็นฟันและลักยิ้มพร้อมกับนั่งยอง ๆ ให้ขึ้นหลังได้ง่ายขึ้น
" จ-จ้ะงั้นแม่รบกวนด้วยนะ " ทันทีที่เธอขึ้นบนหลังเกาะไหล่ทั้งสองข้างแน่นเป็นที่เรียบร้อย ฟรานก็ออกตัววิ่งช้า ๆ ก่อนให้รู้สึกคุ้นชิน
" ช้า ๆ หน่อยสิ ! " เสียงอันตื่นตระหนกตกใจของป้าศรีทำให้ฟรานยิ้มกว้างออกมาเหมือนกำลังสนุกสนาน
เหมือนกับเมื่อก่อนเลยตอนที่เราขี่หลังพ่อแล้วก็มีแม่ที่มาคอยประลองอยู่ข้างหลังอีกที ตอนที่พลาดตกลงพื้นก็วุ่นวายกันใหญ่เลย... จากใบหน้าที่ยิ้มกว้างก็เริ่มหดเล็กลงเหลือเพียงความสงสัยทำไมเหตุการณ์พวกนี้ต้องเกิดกับพวกเธอด้วยเป็นคำถามที่ยังคงค้างคาอยู่ภายในใจไม่มีวันจบสิ้น
" ร้านนี้เหรอคะ ? "
" ว่าไงตาแก่ ! " ป้าศรีตะโกนโบกมือให้กับพ่อค้าที่นั่งอยู่ในร้านเธอดูดีใจมีความสุขมากกว่าปกติ
" โอ้ ! เสียงแบบนี้เป็นเธอสินะศรี " ชายชราลุกขึ้นยืนเผยให้เห็นร่างกายกำยำสูงใหญ่ดูแข็งแรงยิ่งกว่าคนหนุ่มสาว เขาเดินออกมาหน้าร้านจ้องมองป้าศรีและฟราน
" สวัสดีค่ะ " ฟรานค่อย ๆ ปล่อยป้าศรีลงพื้นเธอรีบเดินเข้าไปหาชายคนนั้นทันที
" เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลยนะ แล้วเด็ก ๆ ที่บ้านเป็นยังไงบ้างล่ะ ? " เขาเกาหัวขณะที่พูดไปก็ยิ้มไป
" ก็ยังสบายดีกันอยู่พวกเรามาซื้อของไปปรับปรุงบ้าน "
" ปรับปรุงบ้านเหรอเดี๋ยวฉันไปช่วยละกัน "
" ไม่เป็น- "
" เฮ้ ! ปิดร้านเตรียมของขึ้นรถเราจะไปบ้านแม่ศรี " ไม่ทันที่ป้าศรีจะพูดเสร็จเขาก็ชิงตะโกนเสียงดังเสียก่อน
" อยากได้อะไรบ้างล่ะศรีจริง ๆ แค่ส่งจดหมายมาก็พอแล้วเดี๋ยวฉันจะไปจัดการให้ ยังไงเราก็เคย...นั่นแหละนะ "
" ฉันไม่อยากรบกวนคนอื่นมากนักหรอก อ่อแล้วนี่ก็ฟรานคิดซะว่าเป็นลูกสาวของฉันแล้วกันนะ " ขณะที่ฟรานกำลังเหม่อ ๆ อยู่ป้าศรีก็ยื่นมือมาแตะตัวเธอพวกเขาทั้งสองคนจ้องหน้าฟรานกันใหญ่เลย
" สวัสดีค่ะ ดิฉันฟราน เลสเทีย เป็นนักเรียนโรงเรียนหลวงเวลาว่างฉันชอบมาอยู่กับแม่ศรี " ฟรานยื่นมือออกไปจับมือทักทายด้วยความเคยชิน แสดงรอยยิ้มอันแสนจะน่าดูชมให้กับเขาตรงหน้า
" โรงเรียนหลวงเหรอ ? ค่าเทอมคงแพงน่าดูศรีส่งไปเรียนไหวด้วยเหรอเนี่ย ? "
" ไม่ใช่แบบนั้นเธอเป็นผู้กล้าตงมีงบขององค์ราชาคอยสนับสนุนไม่น่าจะเสียค่าเทอมหรือค่าใช้จ่ายอะไรมากนักหรอกใช่ไหมหนูฟราน " เธอรีบพูดทันทีเพื่อไม่ให้เขาเข้าใจผิด
" ผู้กล้าฟรานนี่เองเคยได้ยินว่าประลองชนะนักผจญภัยผู้ใหญ่มาด้วย ความสามารถไม่ธรรมดาจริง ๆ พอได้เห็นตัวจริงแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าเด็กวัยรุ่นจะแข็งแกร่งแบบนี้ได้ " เขาก้มตัวลงต่ำในระดับสายตาเดียวกับฟรานจ้องมองเธอตั้งแต่เท้า ขาไปจนดวงตา
" งั้นนี่จ๊ะเงินค่าของ " ป้าศรีควักเหรียญทองออกมาจากถุงเงินที่เก็บไว้ยื่นมันให้กับชายชรา
" เธอเก็บไว้เถอะ ยังไงสักวันฉันก็จะไปทำบ้านใหม่ให้อยู่แล้วพวกเราอายุก็มากแล้วเงินที่เก็บไว้ก็คงจะไม่ได้ใช้เพราะฉะนั้นมันจะไม่ดีกว่าเหรอหากได้สร้างหรือทิ้งบางสิ่งบางอย่างไว้ให้เด็ก ๆ บ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมที่ดินใกล้ ๆ ก็ไม่มีคนซื้อเดี๋ยวฉันจัดให้ พวกเด็กตัวน้อยจะได้มีพื้นที่เล่นมากขึ้นอาจพัฒนาไปจนถึงขั้นเป็นโรงเรียนสำหรับคนยากไร้ก็ได้ "
ช่างเป็นคนที่มีจิตใจดีจริง ๆ แม้ที่นี่จะเป็นเมืองหลวงแต่ก็มีส่วนที่เป็นชนบทถูกทิ้งห่างไร้ซึ่งการดูแล เหล่าผู้คนที่มีอำนาจทางการเงินมากกว่าก็จะอยู่ในใจกลางใกล้กับราชวัง อย่างโรงเรียนหลวงก็กินพื้นที่ไปถึงหนึ่งในสี่ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีเพียงเด็กจากในเมืองนี้แต่ต้องมีคนจากเมืองอื่นส่งมาเรียนแน่ ๆ นี่ฉันคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอีกแล้วเหรอเนี่ยให้ตายสิ
หลังจากจัดเตรียมของกันนานพอสมควร รถม้าหลายคันเคลื่อนตัวเรียงกันเป็นเส้นตรงวัสดุอุปกรณ์รวมถึงคนงานจากร้านขายของตอนนั้นด้วยเกือบสิบคน เสียงคุยกันสนุกถูกปากแทบจะยิ้มทุกครั้งที่เอ่ยปากเหมือนเพื่อน ๆ ได้ออกมาเที่ยวเล่นกันอย่างไงอย่างงั้นเลย
" ลูกพี่ ! เราใกล้ถึงแล้ว "
" โอ้ ! ไม่ได้อยู่รวมกันครึกครื้นแบบนี้มานาน เลิกงานเสร็จต้องฉลองสักหน่อย " พวกเขาตะโกนข้ามรถกันเป็นว่าเล่นเสียงดังไปยันคันหน้าสุดที่พวกฟรานนั่งอยู่เลย
" ยังร่าเริงกันไม่เปลี่ยนเลยนะทอม " เธอยิ้มอ่อนเหม่อมองพื้นทำเหมือนพูดออกมาลอย ๆ
" เมื่อก่อนศรีก็แบบนี้ไม่ใช่หรือไง แถมไอ้คนที่พาเรากินเหล้าก็เธอเองด้วยสิ " ชายชราร่างใหญ่นั่งกอดอกขณะที่คุมม้าอยู่ เขายิ้มหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความประหลาดใจก่อนจะดึงเชือกบังคับให้ม้าหยุด
" ฮ่าฮ่าฮ่าฉันเล่นบ้างสิ " เสียงเด็ก ๆ หัวเราะกันสนุกสนานดังผ่านกำแพงออกมายันข้างนอก
" แม่กลับมาแล้วจ้ะ " ป้าศรีเปิดประตูเข้าไปก็ถึงกับสะดุ้งตกใจยืนไปนิ่งไปเลย
" เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ? " ฟรานที่ตามมาด้านหลังก็รีบเดินเข้าไปดูทันที
พื้นโคลนขนาดกว้างที่มีเด็ก ๆ รุมล้อมอยู่พวกเธอมองมาเป็นตาเดียวกัน ที่กลางวงล้อมนั้นมีโคลนนูนขึ้นมาเหมือนกำลังปั้นอะไรสักอย่างอยู่แต่ทันใดนั้นมันก็ขยับได้ ฟรานรีบวิ่งเข้าไปดูใกล้ ๆ ทันที
" ซากิ ! " เพื่อนของเธอถูกเด็ก ๆ ปั้นโคลนมาแปะติดเหมือนกับเคลือบเป็นเกราะ ซากิที่เห็นฟรานก็ทำเพียงแค่ยิ้มและยกมือโป้งให้เป็นการบอกนัย ๆ ว่ายังสบายดี เรื่องตรงหน้าทำเอาป้าศรีกุมขมับไปเลยหลังจากพาซากิไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อเรียบร้อยขณะที่ทอมและคนอื่น ๆ กำลังประชุมวางแผนกันอยู่
" ขอโทษพี่เขาเลยนะเด็ก ๆ " ป้าศรียืนกอดอกทำหน้าเคร่งขรึมจ้องหน้าพวกเธอ ด้านข้างนั้นก็มีซากิที่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยชุดขาด ๆ ที่ดูเก่าและตัวเล็กจนรัดรูปอีกต่างหาก
" อย่าว่าพวกเขาเลยครับผมเต็มใจเล่นด้วยเอง " ซากิยิ้มเขิน ๆ พูดอย่างนิ่มนวลเพื่อให้ป้าศรีใจเย็นลง
" ศรี ! ออกมาคุยกันหน่อยสิ " ทอมเปิดประตูเสียงดังลั่นตะโกนเรียกป้าศรีเสียงของเขาทำเอาเด็ก ๆ กลัวไปเลย
" เบาเสียงหน่อยสิตาแก่ " เธอเดินตามทอมออกไปข้างนอกทันทีมือที่เหี่ยวย่นของป้าศรีกำลังหยิกแก้มของทอมด้วยขณะที่เดินออกไป
" นายไม่เป็นอะไรแน่นะซากิ " ฟรานนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ ๆ เอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วงพลางกวาดสายตามองเด็ก ๆ ไปด้วย
" สบายน่าแต่เธอต้องออกค่าซักรีดให้ฉันด้วยละกัน " ซากิยิ้มมุมปากก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ ฟรานนั่งไขว่ห้างเอาหลังเอนชิดติดเก้าอี้
เหลือเพียงเสียงของเด็กตัวเล็กตัวน้อยเล่นกันสนุกสนาน ทั้งฟรานและซากิเอาแต่นั่งนิ่งเงียบไม่คุยหรือทำอะไรทั้งสิ้น
" ทำไมเธอถึงดูเศร้านักล่ะ " เสียงอันเฉยชาของซากิเมื่อเอ่ยจบก็ได้ยินเสียงถอนหายใจสั้น ๆ ของฟรานทันที
" คนรู้จักตายต่อหน้า...การถูกกดขี่ข่มเหงสุดท้ายก็ดันถูกเชิดชูบูชาทั้งหมดทั้งมวลแล้วก็คงเห็นได้ชัดว่าพวกเราเป็นเพียงแค่ตัวหมากเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ใช้ชีวิตของตัวเองตั้งแต่มายังโลกแห่งนี้แล้วหรือเพราะว่าเขาเห็นเป็นคนจากโลกอื่นจะทำอะไรก็ได้ตามใจไม่มีผลเสีย ฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกขังอยู่ในกรง กรงที่คนพวกนั้นโยนศัตรู มอนสเตอร์ ปีศาจ อาหาร เงินทองของมีค่าเข้ามาเรื่อย ๆ เมื่อเราตายก็จะหาคนใหม่มาแทนที่...นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันรู้สึกมาตลอด " ฟรานลุกพรวดพราดขึ้นเดินออกจากบ้านไปรอยยิ้มที่มักจะมีก็ไม่ได้เห็นเป็นเพียงใบหน้าของหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
" นี่น่าจะเป็นแบบแปลนที่ใช้ได้ที่สุดแล้วแหละไปเตรียมดำเนินการกันดีกว่า " ทอมและพรรคพวกยืนล้อมกันกับกระดาษแผ่นใหญ่ตรงกลาง
" หลังใหญ่แบบนี้คงใช้เวลานานแน่ ๆ พวกนายไม่คิดจะไปทำมาหากินกันเลยเหรอ ? " ป้าศรีเอ่ยถามขณะที่พวกเขากำลังแยกย้ายกันไปทำในส่วนของตัวเอง
" พวกเราติดป้ายประกาศหยุดไว้ที่ร้านกันแล้วไม่มีปัญหาแน่นอน " ทอมยิ้มเห็นฟันกะพริบตาข้างหนึ่งพร้อมทั้งยกนิ้วโป้งให้
" ไม่ได้หมายถึงแบบนั้นพวกเงินค่าใช้จ่ายอะไรพวกนี้สิ ถ้าพวกนายหยุดทำงานของตัวเองจะไม่มีปัญหาหรอกเหรองั้นฉันจะให้ค่าจ้างเท่าที่ไหวละกัน- "
" ไม่ต้องกังวลหรอกน่าพวกเราก็เคยเป็นนักผจญภัยมาก่อนนะ เงินเก็บน่ะมันมีเหลืออยู่แล้วแถมถ้าได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันแบบนี้ก็ถือว่าคุ้มสุด ๆ ไปเลย " ป้าศรีไม่ทันพูดจบก็โดนพูดแทรกทันทีเหมือนไม่อยากให้เสียเงิน ถึงแม้เธอจะดูเป็นกังวลอย่างมากแต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มและสีหน้าอันภาคภูมิใจของพวกเขาแล้วก็ทำให้ป้าศรียิ้มออกมาด้วยโดยไม่ได้ตั้งใจ ความรู้สึกกังวลใจได้หายไปอย่างสิ้นเชิงยิ้มตอบกลับและพยักหน้าให้ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านหลังเก่า
" มีอะไรให้ฟรานช่วยไหมคะ ? " เธอยืนดูเหล่าคนสูงวัยทำงานไปคุยกันไปสนุกปาก
" โอ้ ! แม่หนูผู้กล้าถ้าอยากช่วยงั้นเธอไปต่อสายยางกับก๊อกน้ำมาเดี๋ยวเราจะขุดหลุมตามจุดที่ขีดเส้นกัน " ทอมตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงใสของหญิงสาวท่ามกลางคนสูงวัย ถึงแม้พวกเขาจะมีอายุแล้วแต่ดูจากการทำงานคล่องแคล่ว หนักแน่นไม่เหมือนเป็นคนแก่เลยสักนิด
" ได้ค่ะ "
ไม่นานนักเธอก็ลากสายยางยาวเหยียดมาแต่ไกล
" คอยฉีดตรงนี้ไว้นะหนู " พวกเขาสองคนช่วยกันขุดหลุมเป็นทรงกระบอกลึกลงไปเรื่อย ๆ ต้องคอยโยนเศษดินออกไปบ่อย ๆ แม้เจ้าตัวจะไม่ได้พูดอะไรแต่ท่าทางและเสียงหายใจก็พอจะรู้ถึงความเหนื่อยได้ทันที
" เฮ้อ...ไม่ได้ออกแรงหนัก ๆ มานาน แค่แป๊บเดียวก็เหนื่อยหอบขนาดนี้แล้ว " หลังจากขุดหลุมลึกมากกว่าตัวคน พวกเขาต้องให้คนข้างบนช่วยดึงขึ้นไปไม่งั้นก็คงจะติดอยู่ข้างล่างเป็นแน่
" ทำไมเราไม่ใช้เวทมนตร์ช่วยล่ะคะ ? " ฟรานเอ่ยถามขณะที่ชายสูงวัยทั้งหลายกำลังนั่งพักกันอยู่
" เวทมนตร์น่ะมีไว้เพื่อต่อสู้ถ้าจะมาทำงานแบบนี้ก็คงต้องเป็นคนที่ฝึกฝนมาเท่านั้นแหละไม่ใช่อะไรที่ทุกคนจะทำได้หรอก " เสียงหัวเราะอย่างประหลาดใจทำให้ฟรานยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก
ก็ถูกของเขานะถ้าไม่เชี่ยวชาญก็อาจจะพลาดได้ เธอหยิบมีดที่เหน็บไว้ออกมามองดู
ยังดีที่เราพกมีดสั้นติดตัวไว้ตลอดเผื่อต้องใช้เวท ฟรานก้มหน้าก้มตาอยู่กับพื้นโล่ง ๆ ตรงจุดที่ขีดไว้คนเดียว เธอพยายามทำหลุมทรงกระบอกบ้างหลายต่อหลายครั้ง
" แม่หนูฟรานทำอะไรอยู่เหรอ ? " ด้วยความสงสัยชายคนหนึ่งลุกขึ้นจากที่นั่งเดินตรงมาหาฟราน เธอกำลังเพ่งสมาธิอย่างหนักหน่วงถึงขนาดไม่รู้สึกถึงคนข้างหลัง
ดูเหมือนมันจะได้ผลนะ
" กลับมานี่เลยอย่าไปรบกวนสมาธิเธอสิ " ทอมตะโกนเรียกชายคนนั้นทำให้เขารีบเดินกลับไปทันที
" เธอพยายามจะควบคุมมานาอยู่ กระแสมานาบริเวณใกล้เคียงเริ่มจัดระเบียบไม่ยุ่งเหยิงเหมือนที่มันควรจะเป็น พวกนายคิดว่ายังไงล่ะ ? " ทอมแสยะยิ้มรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เฝ้ามองฟราน
" ถามว่าคิดยังไงเหรอก็คงจะตอบไม่ได้เต็มปากหรอก แต่การจะนำเวทมนตร์มาใช้ในลักษณะนี้น้อยคนนักที่จะทำได้แถมเธอก็ดูเหมือนจะไม่เคยทำเรื่องพวกซะด้วยสิ "
" เหอะ...รอดูต่อไปละกัน " ไม่ทันไรก็มีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นก่อนที่พื้นแถวนั้นจะสั่นเพียงชั่วพริบตาฟรานก็ยกก้อนดินขนาดใหญ่ขึ้นมา รูปทรงกระบอกของมันทำให้ทอมรู้ได้ทันทีเลยว่าฟรานทำอะไร เธอขุดดินและเอามันขึ้นมาให้เหมือนกับหลุมก่อนหน้านี้เพียงแต่มันเป็นการขุดในทีเดียว
" ฮ่าฮ่าได้แล้ว " ฟรานเผลอหัวเราะยิ้มฉีกกว้างออกมาทันทีขณะที่เธอค่อย ๆ วางก้อนดินพวกนั้นลงข้าง ๆ มองดูหลุมที่ทั้งใหญ่และลึกพอ ๆ กับหลุมที่พวกทอมขุด
ใช้เวทลมบีบอัดกระแทกลงไปเป็นเส้นวงกลมแต่การจะทำได้เป็นรูปทรงนั้นจำเป็นต้องส่งมานาตามลงไปแปลเปลี่ยนเป็นเวทน้ำและก่อรูปมานาให้แข็งเหมือนโล่ ทั้งหมดนี้ก็จะเหมือนกับใช้รถตักดินขนาดใหญ่ตักขึ้นได้ในทีเดียว ถึงมันจะต้องใช้สมาธิมากกว่าใช้เวทมนตร์ปกติแต่มันก็คุ้มค่ากับเวลาที่ประหยัดลงได้ วินาทีนั้นมันทำให้ฟรานได้รู้สึกมีไฟอีกครั้งหลังจากพลาดท่าไปในดันเจี้ยน ดวงตากลมโตลุกแววขึ้นเหมือนกับอัญมณีเปล่งประกายจ้องมองดูมือคู่นั้นของตนเอง
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 401
แสดงความคิดเห็น