ตอนที่ 2 .. “ เวลาไม่เคยเดินถอยหลัง ”
ฟังเพลงเพราะๆ ประกอบ นิยาย ไม่มีคำตอบ...จากหัวใจ
เป็นเพียงความบันเทิงในการฟัง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆของตัวละครในนิยาย เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่านเท่านั้น ไม่ได้มีผลใดๆกับทางการค้าทั้งสิ้น .. ด้วยความเคารพ ผู้ประพันธ์นิยาย .. วีณา
นางฟ้าหน้าราม - แช่ม แช่มรัมย์
ขอขอบคุณ คุณ แช่ม แช่มรัมย์ จาก ค่าย แกรมมี่ ที่เอื้อเฟื้อเพลงให้มาประกอบในนิยาย
Romance Fiction - นิยายรัก / รักโรแมนติก
ตอนที่ 2 .. “ เวลาไม่เคยเดินถอยหลัง ”
“เออ กูเอง” กุ้งดีใจมากที่เพื่อนรักของเขาอีกคนกลับมาแล้ว หลังจากที่หายหน้าไม่ได้ติดต่อกันเลยถึง 6 ปี
“แล้วนี่มึงกลับมาเหยียบเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย”
“เมื่อวานนี้เอง พอจัดข้าวของเข้าบ้านเสร็จ คิดถึงมึงก็เลยโทรหา แล้วนี่มึงเจอกับไอ้เมฆบ้างเปล่าวะ ได้ข่าวว่า กลับมาก่อนกูตั้งปีนึง”
“เจอ เมื่อกี้ก็ยังคุยกับมันอยู่เลย เอางี้ ถ้ามึงว่าง เรามาเจอกันหน่อย ว่าแต่ตอนนี้มึงอยู่ไหนวะ พอดีกูกำลังขับรถกลับปากช่อง ไม่ค่อยสะดวกหวะ” กุ้งขับรถไป มือก็ควานหาเอกสารไปด้วย เพราะงานของเพื่อนอาตัวเองยังค้างอยู่
“ดีเลย งั้นกูขอตามมึงไปด้วยเลยแล้วกัน กำลังเซ็งๆอยู่พอดี” มอญพูดออกมาหน้าตาเฉย จนทำให้กุ้งต้องตกใจ
มอญอยากเปลี่ยนบรรยากาศ อีกอย่างอยากจะหลบหน้าเมียด้วย เพราะเซ็งกับพฤติกรรมบางอย่างของเจ้าหล่อน ตั้งแต่กลับมาเมื่อวานเช้า-กลางคืน ดาวไม่เคยช่วยจัดบ้านจัดของอะไรเลย ออกไปเที่ยวหาเพื่อนทันที จนเช้านี้ยังไม่กลับเข้าบ้านและติดต่อกลับมาหาเขาเลย มอญเลยถือโอกาสไปพักสมองก่อนเลยดีกว่า ก่อนที่จะไปเจออะไรหนักๆอีก
“ว่าไงนะ แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหนเนี่ย อย่าบอกนะว่า ขับรถตามกูมาหนะ” มอญเฉลยแบบนิ่มๆ แต่คนฟังไม่นิ่มด้วยนะซิ
“ทำไมรู้หละ” กุ้งไม่เชื่อ เพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน แล้วมอญจะรู้ได้ยังไง อีกอย่างมอญพึ่งกลับมา มันจึงเป็นไปไม่ได้ จึงรีบเอารถจอดข้างทาง และหันไปดูข้างหลังว่ามีรถใครที่น่าสงสัยขับตามเขามาบ้าง กุ้งกวาดสายตาดูด้านหลังยังไงก็ไม่มี จะมีได้ยังไงหละครับ ก็พอกุ้งจอด มอญก็จอดหลบ กุ้งก็เลยไม่เห็น กุ้งหันซ้ายแลขวาอยู่อีกพักใหญ่ จนแน่ใจว่า ไม่พบอะไรที่น่าสงสัย
“มึงอยู่ไหน ไอ้มอญ อย่าล้อกันแล่นแบบนี้นะโว๊ย กูไม่ชอบ มึงก็รู้นิสัยกูดี”
สักพัก รถตู้ที่จอดอยู่ข้างทางหลังเขาคันหนึ่งก็ขับออกไป มอญจึงบอกกุ้ง
“มึงหันหลังกลับมาซิ รถมึงหนะเก่าๆสีเหลือง ที่สนิมแดกระบะหลังจนจะหมดคันแล้วใช่ไหม แถมมีของห่าเหวอะไรไม่รู้ อยู่เต็มไปหมด” กุ้งหันซ้ายควับกลับไปดู ห่างกันไกลมาก ประมาณ 2 คันรถได้ เห็นมีคนโบกไม้โบกมือให้ไหวๆ
กุ้งจึงวางสายและเปิดประตูรถลงไปดูว่าใช่มอญเพื่อนเขาไหม กุ้งเดินเข้ามาอย่างช้าๆพร้อมปืน.44 แม็กนั่มและจ้องมองเข้าไปผ่านแว่นดำ มอญค่อยๆลดกระจกรถลงมาและนอนเอาหัวพึงเบาะรอกุ้งอยู่ ในรถ BMW M5 V8 4.4 Bi-Turbo 600 แรงม้า สีน้ำเงินเข้ม ปลายปี 2020 กับราคาเบาๆเพียง 9,339,000 บาท “เป็นไปไม่ได้ มึงมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงไอ้มอญ” มอญเปิดปากพูดกับเพื่อนแบบยียวน
“จะไม่ให้กูอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ก็กูตามมึงมาตลอด ตั้งแต่มึงออกมาจากบ้านอามึงแล้วตั้งแต่ 7 โมงเช้า กูแค่จะแวะมาเซอร์ไพร์สมึงซะหน่อยเท่านั้นเพราะคิดถึง กูโทรหามึงตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว พอดีไอ้เอียดมันรับกูถึงรู้ไงว่าอามึงรอแดกเบียร์อยู่ คราวนี้มึงเก็ตรึยังไอ้ฟาย”
“แล้วทำไมมึงไม่โทรหากูตั้งแต่ตอนนั้นหละวะ เล่นแบบนี้กูหัวใจจะวาย ไอ้ห่าลากไส้” กุ้งเก็บปืนที่ถือมาด้วยใส่หลังกางเกง
“ก็กูบอกแล้วไงว่ากูอยากเซอร์ไฟร์ส แล้วเซอร์ไฟพร์สไหมหละมึง” มอญยิ้มและหัวเราะ
“เออ เซอร์ไพร์สมากไอ้เวร ดีที่กูไม่ส่องมึงให้ดับ ตายห่าอยู่ข้างถนนไปก่อนที่จะได้มานั่งอธิบายแบบนี้”
“แหม กูกลัวจัง พ่อหนุ่มลูกทุ่งใจร้อน” มอญยังคงแหย่กุ้ง ตามประสาเพื่อนสนิท
“ให้มันจริงเถอะมึง แล้วทำไมไม่เรียกกูตั้งแต่ตอนออกมาใหม่ๆหละ หรือโทรหาก็ได้ มาตามแบบนี้ทำไม”
“ก็พอกูมาถึง กูก็เห็นมึงขับไอ้กระป๋องโกโลโกโสคันนั้นออกไปพอดี จะเรียกก็เรียกไม่ทันแล้ว ไอ้ครั้นจะรอกูก็ไม่รู้ว่ามึงจะกลับมากี่โมง ก็เลยโทรเข้าไปขอเบอร์มือถือมึงกับไอ้เอียด ระหว่างนั้นกูก็ขับรถตามมึงไปตลอดอย่างห่างๆ ก็เห็นมึงวนรถอยู่แถวๆสาย 5 ตั้งนาน ไม่รู้ว่ามึงทำอะไร จนมึงหายวับเข้าไปในบ้านหลังนึงตั้งนาน กว่ามึงจะออกมาเล่นเอากูหลับรอจนเบื่อไปเลย เข้าใจยังเพื่อน”
“เออ รู้แล้ว คราวหน้าแบบนี้ไม่เอานะโว๊ย มีอะไรมึงต้องรีบโทรหาโทรบอกกูเลย ไม่งั้นเดี๋ยวกูหลอนอีก โจทย์กูยิ่งเยอะอยู่ด้วย”
“ถามจริง นี่มึงจะยืนคุยกะกูอยู่แบบนี้ทั้งวันเลยรึไง”
มอญแซวเพื่อน เพราะตัวเองนอนอยู่ในรถที่แอร์เย็นฉ่ำ ส่วนกุ้งยืนอยู่ข้างนอกกับแดดอันร้อนแรงยามใกล้เที่ยง
“เออ งั้นมึงขับตามกูมาก็แล้วกัน มีอะไรเราไปคุยกันที่ปากช่อง”
กุ้งโบกมือให้เพื่อน มอญยกมือขวาทักตอบ จากนั้นกุ้งก็ขับรถกลับปากช่องตามปกติ โดยมีมอญขับตามไปอย่างติดๆเลยคราวนี้
+++++ ****** +++++
ชาติชาย (โกร๋น) เพื่อนรักของนรากรอีก 1 คน วัย 32 ปี เป็นคนเมืองเพชร ยากจนไม่ได้ร่ำรวยอะไร อาศัยวัดอยู่ ฉายาว่าโกร๋น ที่ได้มา เพราะเป็นคนกลัวผี ตาขาว อยู่กับวัดแต่ไม่ถูกกับผี เวลาพูดถึงผีที่ไร พ่อเจ้าประคุณวิ่งหนีโกยแน่บ เป็นคนแรกทุกที ไม่ได้เรียนต่อปริญญาโท พอจบปริญญาตรี จึงออกมาค้าขายและสิ่งที่ชอบที่สุดของมันก็คือ ขายชุดนักศึกษา ขายเสื้อยืดและกางเกงยีนส์
แต่แม่ชอบให้ขายขนมไทยๆตามสูตรพื้นบ้านมากกว่านั่นก็คือ ขนมหม้อแกง นั่นเอง เวลาที่ไม่นรากรสบายใจ ก็มีไอ้โกร๋นนี่แหละที่ทำให้สบายใจได้ตลอดทุกเวลา เพราะมันเป็นคนอารมณ์ดี ไม่ค่อยมีพิษมีภัยกับใคร แต่ถ้าเวลาใครมาหาเรื่อง ไม่ว่าจะส่วนตัวหรือในกลุ่ม มันก็จะออกหน้าก่อนเสมอ เพราะรักเพื่อน ใจร้อนว่างั้น พวกเพื่อนๆจึงรักโกร๋น นานแล้วที่ทั้ง 4 คนไม่ได้เจอกัน เพราะทุกคนต่างมีหน้าที่ ที่ต้องกระทำ วันนี้โกร๋นก็ออกมาขายเสื้อผ้าตามเดิม แต่เนื่องจากพิษเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีช่วงนี้ ลูกค้าจึงไม่ค่อยมี
กุ้งโทรศัพท์เข้ามาหาระหว่างขับรถกลับปากช่อง “มึงทำไรอยู่วะ” โกร๋นตอบแบบเซ็งๆ
“นั่งตบยุงหวะ ตั้งแต่เที่ยง นี่ก็เกือบ 4 โมงเย็นแล้ว แม้แต่หมาสักตัวกูก็ยังไม่เห็นเงาเลยหวะที่จะแวะเข้ามาส่งเสียงที่ร้าน ไม่รู้ผู้คนแม่งหายไปไหนหมด นี่ขนาดวันเสาร์นะมึง นักศึกษาช่วงนี้ก็ไม่เห็นขยันมาเรียนกันเลย ไม่รู้ว่าหายไปไหนกันหมด มีแต่คนเดินผ่านไปมา กูหละโค ตะ ระ เซ็งเลยหวะ ว่าแต่มึงเถอะ วันนี้นึกยังไงถึงโทรมาหากูได้ เห็นทุกครั้งจะไปจะมา แม่งโผล่มาไม่ให้สุ่มให้เสียง วันนี้เสือกมีมารยาท เอ้าว่าไป เวลากูเหลือเฟือ” โกร๋นแสนจะเซ็ง
“เออ เดี๋ยววันนี้มึงจะหายเซ็ง มึงเก็บของกลับวัดได้เลย ไม่ต้องขายแล้วถ้ามันไม่มีคนหนะ กลับไปนอนพักสมองที่วัดได้เลย เดี๋ยวกูจะส่งราชรถรับมึงถึงกุฎิหลวงตาเลย แค่นี้นะ มึงไม่ต้องอ้าปากจะถามกูเลยนะ ว่าทำไมและอะไร ถ้ามึงอยากหายเซ็ง คุณมึงก็กรุณาทำตามที่คุณกรูบอก ถ้าคุณมึงไม่ทำตาม แล้วคุณมึงจะเสียใจ” พอพูดจบ กุ้งก็วางสายทันที ปล่อยให้โกร๋นงง ไปพักใหญ่
ในเมื่อดูแล้วไม่มีคน โกร๋นก็ทำตามที่กุ้งบอก เริ่มเก็บร้านและเดินทางกลับเข้าวัดไปพักผ่อนทันที แล้วกุ้งก็โทรไปหาเมฆ
“เย็นนี้ถ้าเสร็จงานแล้ว มึงแวะไปรับไอ้โกร๋นที่กุฏิด้วย ไม่ต้องถาม แล้วพามันไปเจอกูที่ปากช่องเลย กูมีเซอร์ไพร์สให้พวกมึง เคร”
>>>>> ***** <<<<<
หลายชั่วโมงผ่านไป 18.15 น. กุ้งก็พาเพื่อนมาถึงบ้านเขาที่ปากช่อง เพราะไม่ได้รีบร้อนอะไร ขับไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก เข้าปั๊มบ้าง แวะให้เจ้ากระป๋องได้พักบ้างเป็นระยะๆเพราะเก่ามากแล้ว บ้าน 2 ชั้น หลังย่อมๆไม่ใหญ่มาก ที่อยู่ในฟาร์มอันกว้างใหญ่ไพศาล
ฟาร์มโคนมที่สร้างขึ้นมาเองด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาเอง จากการที่เขาตัดสินใจซื้อฟาร์มเก่าๆแห่งนี้จากนักธุรกิจคนหนึ่ง ที่กำลังจะฆ่าตัวตายเพราะล้มละลาย จากการบริหารงานผิดพลาด กุ้งช่วยให้คนไม่ตายได้พร้อมกันทีเดียวถึง 3 คน คือ พ่อ แม่และลูกน้อย โดยขอยืมเงินจากอาวิวัฒน์ ญาติคนเดียวของเขาที่เหลืออยู่ในตอนนั้นและพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส สามารถทำให้ฟาร์มโคนมที่ดูจะไปไม่รอดของเขานั้น สามารถถีบตัวขึ้นมาได้ จนเป็นที่ยอมรับกับสังคมได้ในปัจจุบัน จากชื่อเสียงที่ไม่ดีในอดีตของผู้บริหารคนเดิม
กุ้งขอโอกาสทุกวิถีทางจากลูกค้า ให้ลองเปิดใจมาชิมและทดลองใช้สินค้าของเขา แม้กระทั่งเปิดบูท ทั้งแจกทั้งแถม ลดราคาทั้งๆที่ยอมขาดทุนในปีแรกๆเขาก็ไม่หมดความพยายาม เนื่องจากคนเดิมทำชื่อเสียงเสียไว้มากมายจนอุดช่องโหว่ไม่ไหว ในเมื่อชื่อเดิมกู้ชื่อเสียงไม่ได้ กุ้งจึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อแบรนด์ใหม่ ตามคำแนะนำของวิวัฒน์ และหันมาจับการตลาดจากวงเล็กๆก่อนทันที
คือติดต่อไปทางโรงเรียนประจำตำบล ประจำอำเภอและจังหวัด แรกๆก็นำไปแจกและบริจาคให้ฟรีๆเป็นระยะๆ ถ้าสนใจก็ให้ติดต่อเข้ามา เพราะกุ้งให้ราคาพิเศษสำหรับโรงเรียนเพื่อเด็กๆ ตอนเปิดประมูลกุ้งยอมกดราคาต่ำสุด จนแทบจะไม่มีกำไรเอาเสียเลย ขอแค่เอาทุนคืนมาให้ได้ก่อนนิดหน่อยก็ยังดี แต่ด้วยความอดทนและพยายาม ปีที่สอง ยอดขายของเขาก็ดีขึ้นมาเป็นลำดับๆ
ลูกค้าเริ่มยอมรับ บอกปากต่อปากของผู้ปกครองจากโรงเรียน จนต้นปีที่สามก็สามารถขยายไปสู่รั้วมหาวิทยาลัย เจาะเข้าถึงตลาดใหญ่ๆ สุดท้ายก็สามารถเจาะตลาดผู้บริโภคของเด็กๆรวมถึงวัยรุ่นต้นๆได้สำเร็จและเข้าถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ได้ในที่สุด เมื่อรวมเวลาแล้ว กุ้งใช้เวลาในการกอบกู้สถานะการณ์แสนโหดนี้ประมาณ 4 ปีเต็มๆ แต่เขาก็ไม่ทิ้งสิ่งที่เขาเรียนจบมา นั่นก็คือ สถาปนิก และการออกแบบ นั่นเอง การที่เขามุ่งมั่นแบบนั้น ก็เพื่อจะลบคำสบประมาทของใครบางคนให้ได้ จะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ ดาว
“มึงนี่เก่งนะ ที่สามารถทำให้ฟาร์มที่จะเจ๊งแหล่ไม่เจ๊งแหล่ กลับมาเจริญรุ่งเรืองและอู้ฟู่ได้ขนาดนี้ กูนับถือมึงเลยหวะไอ้กุ้ง”
มอญชมเพื่อนขณะที่นอนอิงเปลญวนอยู่ มือขวาซดเบียร์กระดกเข้าปาก กุ้งยิ้มแบบไม่เปิดปากกว้างมากนัก
“ก็เล่นเอากูเกือบตายไปเลย 4 ปีที่ผ่านมา แต่พอมันผ่านมาได้ มันก็สบายแล้ว ถือว่าอยู่ตัว ตอนนี้นิ่งแล้ว 1 ปีที่ผ่านมายังคงระดับอัตราส่วนทางการตลาด 20% - 25% กูก็ Ok นะ แค่ไม่เจ็งเหมือนในอดีตที่ผ่านมากูก็ดีใจแล้ว ไม่เจ็บตัว ยอดไม่เพิ่มกูไม่ว่า แต่ขออย่าให้ลดลงเป็นใช้ได้ เอ้อ.. มึงจะเอาอะไรอีกไหม พอดีกูอยู่คนเดียว อาหารการกินก็เลยไม่ค่อยมีตุน ลองเปิดดูในตู้เย็นนะ หาแดกเอาเองก่อน แล้วพรุ่งนี้ตอนเช้ากูจะให้คนงานออกไปซื้อมาให้” กุ้งพูดไปและก็เปลี่ยนชุดไปด้วย เตรียมตัวไปตรวจงานข้างใน
“ตามสบายเพื่อน มึงก็รู้ว่ากูอยู่ง่ายๆ ขอให้มีที่นอนเป็นใช้ได้” มอญกำลังสบายๆกับบรรยากาศที่สดชื่น กลางป่าเขาลำเนาไพร
“พูดถึงที่นอน มึงขึ้นไปเลือกเอาเลยว่าจะนอนห้องไหน พอดีตอนที่กูซื้อที่นี่ มันแถมบ้านหลังนี้มาด้วย ข้างบนก็เลยไม่มีใครอยู่ เพราะกูโสดอยู่คนเดียว กูก็เลยนอนมันแม่งข้างล่างนี่แหละ โน่นห้องกู ส่วนของมึงไปเลยไอ้เปรต ข้างบน ไม่ต้องมาเล็งห้องกูเลย ไอ้สันดาน กูรู้นะ ว่ามึงคิดเหี้ยอะไรอยู่ ไปเลยๆ กูไม่ให้ เอ้า นี่ผ้าเช็ดตัวของมึง ไปเลย เดี๋ยวกูขอเข้าไปดูงานข้างในแป๊บ”
“จะทุ่มเนี่ยนะ มึงยังต้องทำงานอีกเหรอ” มอญงง กับชีวิตของกุ้งเอามากๆ นั่งทำงานในห้องแอร์สบายๆกลับไม่เอา ชอบมาหาความลำบากใส่ตัว กุ้งไม่สนใจเพื่อน โบกมือให้ แล้วก็เปิดประตูเดินออกไปทันที จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์หาเมฆ โดยที่ไม่บอกให้มอญรู้
****** ----- *****
4 ทุ่มครึ่ง โรสยืนคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาหลังจากที่ได้รู้จักกับกุ้งมากขึ้น ดวงตาเธอเป็นประกายขึ้นมาเมื่อได้นึกถึง
“นี่เราเป็นอะไรเนี่ย ทำไมถึงได้แต่คิดถึงแต่เขา ไม่เอาซิหัวใจ ไม่นะ ฉันไม่ได้..” ในเมื่อเวลาไม่เคยเดินถอยหลัง ต้องยอมรับมันไป
โรสยืนบ่นกับตัวเอง พยายามจะห้ามใจและไม่คิดถึงกุ้ง คนที่เธอเคยด่าและต่อว่าเขาไปอย่างแรงในวันนั้น แต่แล้ววันนี้ทำไมถึงได้แต่ยืนคิดถึงเขาอยู่ได้ ทั้งเสียงทั้งใบหน้า ทำไมมันถึงยังลอยและก้องอยู่ในหัวนะ “ไม่นะ เราได้ชอบเขา เราต้องเกลียดเขาซิ”
แม่นมถือนมสดแบรนด์ของกุ้งมาให้โรสทานก่อนที่จะนอนเป็นประจำทุกวัน วันนี้ก็เป็นอีกวันที่แม่นมไม่ลืมที่จะให้ลูกสาวดื่ม
“คุณหนู ยืนทำอะไรอยู่คะ” โรสหันหน้าไปหาแม่นม ตาแดงๆ มีหยดน้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว จนแม่นมต้องทัก เพราะลูกสาวจอมซนไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แม่นมเอาแก้วนมวางไว้ที่หัวเตียงแล้วเดินเข้ามาหาลูกสาว
“ลูกแม่ เป็นอะไรไปคะ ไหนให้แม่ดูซิ มามา ร้องไห้ทำไม” เมื่อแม่นมเดินเข้าเห็นใกล้ๆ
“ไม่มีอะไรหรอกแม่ ผงมันเข้าตาหนะ” โรสพยายามแก้ตัว แต่มีหรือที่แม่นมจะไม่รู้ เลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ จึงดึงตัวเข้ามาโอบกอด
“โถแม่คุณทูนหัวของนม ไม่น่าเลย..รักเขาชอบเขาเข้าแล้ว โดยไม่รู้ตัวหละซิ” โรสสะอื้นอยู่ขณะที่กอดแม่นม
“แม่..หนู..” แม่นมเข้าใจ จึงค่อยๆประคองโรสมานั่งที่เตียง แล้วเอามือลูบหน้าลูบผม
“เป็นไงหละ ไปด่า ไปว่าเขาไว้เยอะ พอเขาไม่เอาเรื่อง ก็มาสำนึก พอเขาไม่อยากคุยด้วย ตัวเองก็กลับเป็นฝ่ายที่คิดถึงเขาเสียเอง”
“หนู..” โรสเริ่มสับสนกับใจตัวเอง จนแม่นมต้องปลอบอยู่นาน
“เชื่อนมนะคุณหนู แม่นมคนนี้ดูอะไรไม่เคยผิด ไม่ต้องร้องไห้นะคนดี เช็ดน้ำตาซะ ที่เขาขอตัวกลับ ไม่ใช่เพราะไม่อยากคุยกับลูก แต่เพราะเขายังตั้งตัวไม่ติดต่างหาก ดูๆแล้วคุณกุ้งเนี่ย น่าจะมีปัญหาอะไรคาใจอยู่นะ เกี่ยวกับเรื่องครอบครัวของเขาแน่ๆ เขาถึงต้องทำอย่างนั้น การขอตัวกลับกระทันหันหลังจากคำถามสุดท้าย นมเห็นสีหน้าของเขาได้ชัดว่า เป็นปัญหาที่หนักหนาเอาการเลยทีเดียว”
“แล้วเรื่องที่หนูหลุดปากถามออกไป มันรบกวนจิตใจเขามากขนาดนั้นเลยเหรอนม หนูก็คุยไปเรื่อยเปื่อยเพราะอยากรู้จักเขามากขึ้น”
“นั่นแหละที่เป็นปัญหา เราไม่รู้ว่าเรื่องอะไร เรื่องของเขา เราไม่ควรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวนะ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าเขาอยากบอก เขาก็คงจะบอกเองแหละสักวันนึง” โรสงงกับสิ่งที่นมพูด คือไม่เข้าใจเอาเลยก็ว่าได้
“สักวัน นมหมายความว่าไงจ๊ะ นี่นมอย่าบอกนะว่า เราสองคนยังมีโอกาสที่ต้องได้เจอกันอีกเหรอ ทำไมหละ หนูดูแล้ว ไม่น่าจะ..”
“เอาน่า เชื่อปากแม่คนนี้ซิ นอนซะ แล้วเลิกร้องไห้ได้แล้ว รักเขา ชอบเขา ก็ต้องเชื่อนม เข้าใจไหม” โรสเผลอพยักหน้าแบบลืมตัว
“นั่นแน่ ยอมรับกับนมแล้วใช่ไหมว่ารักเค้า คิดถึงและอยากเจอเค้าอีก” โรสหน้าแดงแทนคราวนี้ ขณะที่หยิบนมมาดื่ม
“แม่หนะ ชอบเล่นหนูทีเผลอทุกทีเลย เออๆๆๆ ตามนั้น” โรสวางแก้วนม แล้วล้มตัวนอน ดึงผ้าห่มมาปิดหัวปิดหน้าทันที
แม่นมยิ้มแล้วก็ส่ายหัว “เด็กหนอเด็ก รักเขาชอบเขาเข้าให้แล้ว ก็ยังมาปากแข็งอีก เฮ้อ..” แล้วแม่นมก็ปิดไฟและเดินออกจากห้องไป พอปิดประตูก็รำพึงออกมาเบาๆ “คุณผู้หญิงขา มีคนมาปราบพยศเด็กดื้อ อย่างคุณหนูลูกสาวของเราได้แล้วนะคะ เขาชื่อกุ้งค่ะ” พูดจบแม่นมก็เดินยิ้มออกไปคนเดียว ส่วนโรสพอแม่นมออกไปแล้ว ก็ผลักผ้าห่มออก โผล่มาแค่หัว
“เกลียดจังคนรู้ทันเนี่ย พี่กุ้ง ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหนคะ จะรู้ไหมว่ามีคนเค้าคิดถึงอยู่ทางนี้ จุ๊บๆ ราตรีสวัสดิ์นะคะพี่ คนดีที่น่ารักของหนู”
< วันที่อ่อนไหว - นิโคล เทริโอ > https://www.youtube.com/watch?v=mxqqwAkTti8
โรสร้องเพลงจบ ก็ล้มตัวนอน ปิดตานอนหลับฝันดี กุ้งเดินตรวจงานอยู่ที่ฟาร์มก็จาม ฮัดเช้ยออกมา จนผู้จัดการต้องถาม
“เป็นหวัดเหรอครับ เอหรือมีใครคิดถึงหรือเปล่าเอ่ย” เด่น ผู้จัดการฟาร์มของ นรากร แซว ขณะที่เดินตรวจงานกันอยู่
“ใครจะมาคิดถึงผมคุณเด่น คิดมากน่า” กุ้งตอบแบบตรงๆซื่อๆ
“ว่าแต่เรื่องนั้นไปถึงไหนแล้ว เตรียมไว้เสร็จเรียบร้อยหรือยัง” กุ้งทวงถามงานอีกอย่างกับเด่น
“เรียบร้อยแล้วครับ ผมให้นวลจัดการให้เรียบร้อยแล้ว พวกนั้นมาถึงเมื่อไหร่ ก็เข้าพักได้ทันที ผมว่าไม่น่าจะเกินเที่ยงคืนนะคงมาถึง”
“ขอบใจมากนะสำหรับวันนี้ที่ยอมสละเวลาออกมาช่วยผม พอดีวันจันทร์ผมต้องรีบส่งล๊อตนี้ออกไปให้ทัน พอดีเขาขอเพิ่มมากระทันหัน เกรงใจคุณจังเลยพลอยไม่ได้หลับได้นอน ไม่ได้พักผ่อนเพราะผมเลย ไปครับไม่มีอะไรแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ผู้จัดการอย่างผมอยู่แล้ว 3 ปีกว่าที่ผ่านมา ถ้าไม่ได้คุณกุ้งช่วย ผมกับครอบครัวคงจะแย่ เรื่องแค่นี้อย่าถือว่าเป็นการรบกวนเลยครับ อีกอย่างมันก็ไม่ได้มีบ่อยๆนานๆทีสบายมาก ถึงจะมีบ่อยๆ ผมก็ยินดีครับ เจ้านายดีๆแบบนี้ ใครก็อยากที่จะทำงานด้วย ไม่ถือตัวและเป็นกันเองกับลูกน้อง หายากครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ ปาดนี้เจ้าแก้วลูกสาวผมหลับปุ๋ยไปแล้วมั้ง”
จากนั้นเด่นก็เดินกลับเข้าบ้านไป คงเหลือแต่กุ้งที่ยังคงเดินดูอาณาจักรที่กว้างใหญ่ไพศาลของเขาตามลำพังเพียงผู้เดียว
***** >>><<< *****
รุ่งเช้าวันใหม่ของวันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม ก็มาถึง วันนี้เป็นวันหยุดของทุกๆคน ผู้คนในฟาร์มจึงดูเยอะเป็นพิเศษ เพราะไหนจะออกไปเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจตามอัธยาศัย เจ็ดโมงโดยประมาณ กุ้งตื่นขึ้นและลุกออกมาจากเตียง เปิดม่านที่หน้าต่างออกเพื่อสูดรับอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้า จากนั้นก็เดินเข้าไปอาบน้ำหลังจากเสร็จก็เดินขึ้นไปปลุกเพื่อนซี้ที่ยังคงนอนขี้เซาตามประสาเดิมๆ
กุ้งเอาเท้าแหย่เข้าไปใต้ผ้าห่มที่มอญนอนอยู่ แล้วยันไปมา จนมอญสะดุ้งตื่น <กุ้งเอาปลายเท้ายันไปที่น้องชายเพื่อน>
“ไอ้เหี้ยกุ้ง..” มอญนอนคว่ำหน้าอยู่ต้องสะดุ้งพรวดขึ้นมา “มึงเล่นเหี้ย อะไรของมึงแต่เช้าเลยวะ กูกำลังนอนหลับอย่างสบายๆ”
“ตื่นได้แล้ว สายแล้ว” มอญเหลือบไปหยิบนาฬิกาที่โทรศัพท์มาดู “สายเหี้ยอะไรวะ พึ่งเจ็ดโมงสิบห้า แหย่เข้ามาได้ ถ้าของกูใช้การไม่ได้ มึงต้องรับผิดชอบนะโว๊ย แหม คนกำลังนอนฝันดีเลย มาปลุกทำไมวะ” มอญหงุดหงิดนิดหน่อย
“เออน่า ไปไป ไปอาบน้ำ เดี๋ยวจะได้ไปทานมื้อเช้ากัน” กุ้งดึงผ้าห่มออกจากตัวเพื่อน
“เออๆ มาปลุกขนาดนี้ ขืนกูหลับต่อก็หมาแล้ว ไปไป ไปรอกูข้างล่างเลย”
จากนั้นกุ้งก็เดินลงไปรอเพื่อนข้างล่าง ไม่ถึง 15 นาทีมอญก็ลงมา
“อ้าวไหนหละ บอกว่าให้มาทานมื้อเช้า กูไม่เห็นมีอะไรตั้งที่โต๊ะเลย มึงจะให้กูแดกไม้แดกลมเหรอ”
“ไม่ใช่ที่นี่ โน่นที่โน่น เรือนรับรอง ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น ตามกูมาเถอะน่าไปไป”
“มึงนี่ มีอะไรเซอร์ไพร์สกูมากจริงๆเลย ขนาดจะแดกอาหารทั้งที ก็ต้องไปอีกที่นึง เอาว่าไง ว่าตามกัน”
มอญถอนหายใจแล้วก็เดินตามเพื่อนไป ไม่นานกุ้งก็พามอญมาถึงเรือนรับรอง ซึ่งเป็นเรือนไม้ขนาดกลางลักษณะบ้านคือ 2 ชั้นลักษณะยาวออกไปเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า กุ้งพาเดินมาถึงระเบียงนอกชานข้างบ้าน ซึ่งจัดเป็นที่ทานอาการกลางแจ้ง ด้านบนมีหลังคาใสโปร่งสูงคลุมไว้อีกที เพื่อกันแดดกันฝน สามารถเห็นวิวและธรรมชาติที่สวยงามเวลาที่ได้นั่งทาน
มีคนนั่งหันหลังรออยู่แล้วสองคน นวล (คนงานหญิง/แม่บ้าน) กำลังยกอาหารทยอยออกมาจัด กุ้งเดินไปจับมือทั้งสองคนขณะที่ยังนั่งหันหลังอยู่ มอญสงสัยว่าใครเลยเดินแหวกตัวกุ้งเข้าไปมองทันที พอเห็นหน้าเพื่อนรักทั้งสองคนก็แหกปากออกมาทันที
“ไอ้เมฆ ไอ้โกร๋น เหี้ยเอ๊ย แม่งเซอร์ไพร์สจริงๆเลย” มอญกอดคอเพื่อนรักทั้งสองคน คนละข้าง ตบหลังเบาๆ
“มึงนี่หาอะไรมาเซอร์ไพร์สกูได้มากจริงๆเลยไอ้กุ้ง” มอญหันหน้ามาหากุ้ง กุ้งยิ้มให้
“เพื่อเพื่อน กูทำได้ นานแล้วที่พวกเรา 4 คน ไม่ได้มารวมกันแบบนี้ ไหนๆ มีโอกาสกูก็เลย จัดไป มามา มานั่งทานมื้อเช้ากัน”
มอญกับกุ้งเดินอ้อมไปนั่งอีกด้านหนึ่ง กุ้งบอกให้นวลตักข้าวให้กับทุกคนได้เลยทันที
“พวกมึงมาถึงกันเมื่อไหร่ตอนไหนวะ ทำไมกูถึงไม่รู้” มอญกินไปคุยไป
“ประมาณเที่ยงคืน ไอ้กุ้งมันบอกให้กูมาค้างที่นี่ กูก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเจอมึงที่นี่ เซอร์ไพร์สจริงๆเหมือนกัน” เมฆบอกกับเพื่อน
“แล้วมึงหละไอ้โกร๋นตอนนี้มึงทำอะไรอยู่วะ กูจำได้ว่าในกลุ่มเราเนี่ยมีมึงคนเดียวที่ไม่ได้เรียนต่อใช่ป่ะ” โกร๋นพยักหน้า
“กูก็อยู่รับใช้หลวงตาที่วัดเหมือนเดิมนั่นแหละ ท่านอายุมากแล้ว” โกร๋นหันไปทางกุ้ง
“ก็ไอ้เนี่ย อยู่ดีๆ มันก็ให้ไอ้ห่าเนี่ยไปรับกูมา กูเองก็ไม่อยากจะมานักหรอกเสียเวลาทำมาหาแดกกูหมด”
“ถุย” กุ้งสบถใส่เพื่อน “ธุรกิจพันล้านของมึงหนะนะไอ้โกร๋น แล้วใครวะเมื่อบ่ายวานนี้ ระบายกะกูว่า แม้แต่หมาสักตัวก็ยังไม่มาส่งเสียงให้ได้ยิน ไอ้ห่าลาก รู้งี้กูไม่ให้ไอ้เมฆไปรับมึงมาก็ดี หรอก ไอ้สันดานพูดออกมาได้ เสียเวลาทำมาหาแดก”
ทุกคนหัวเราะออกมาได้ เมื่อนานๆได้มารวมทีมกันได้สักที เสียงหัวเราะเฮฮาดังก้องออกมา จนทำให้นวลยิ้มออกมาได้ มอญสังเกตุเห็นว่านวลแอบยิ้มอะไร “หัวเราะอะไรเหรอครับสาวน้อย” นวลจึงเอ่ยปากออกมา
“ก็หนูไม่เคยเห็นนายหัวเราะและมีสีหน้าสดใสแบบนี้นานแล้วนี่คะ ทำงานอยู่กับนายมา 2 ปีแล้ว พึ่งจะได้เห็นวันนี้แหละ”
“จริงดิ” โกร๋นหลุดปากออกมา “แล้วที่ผ่านมาหละ มันทำหน้ายังไง” โกร๋นอยากรู้ เพราะยังข้องใจ
“หน้าบูดบึ้ง ไม่ยิ้ม จนคนงาน ไม่กล้าเข้าใกล้ กลัวค่ะ หนูเองยังกลัวไม่กล้าเข้าใกล้เลย ถ้านายไม่เรียกใช้ไม่สั่ง หนูก็ไม่อยากจะเฉียดเข้าใกล้เลย” เมฆก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี “ทำไมหละ อะไร มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ” เมฆถามนวลกลับไป
“ค่ะคุณ ก็หน้านายเป็นแบบนี้ตลอดเลยที่หนูเห็นมาตลอด 2 ปี” นวลแกล้งทำท่าหน้าดุ ขรึมให้กับทุกคน จนทุกคนหัวเราะออกมา
“โอ้โฮ ไอ้กุ้ง นี่มึงเป็นอย่างนั้นจริงๆอย่างที่เด็กคนนี้บอกเลยเหรอ กูไม่อยากจะเชื่อเลยหวะ ไอ้นี่มึงนี่ไม่เบาๆ เก็กได้เนียนมาก”
ขณะที่ทุกคนกำลังมีความสุขสนานอยู่ เด่นกับครอบครัวก็เดินเข้ามา เพราะกุ้งบอกเอาไว้ เด่นพาลูกสาวตัวน้อยวัย 7 ขวบมาด้วย เพราะลูกแก้วติดกุ้งไม่กลัวเหมือนคนอื่นๆ กุ้งก็รักเด็กคนนี้เหมือนลูกสาวคนหนึ่งเช่นกัน ลูกแก้ววิ่งเข้ามากอดกุ้งและหอมแก้ม
“คุณพ่อ” ลูกแก้วเรียกกุ้งว่าพ่อ เพราะกุ้งได้ช่วยลูกแก้วเอาไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้วตอนที่ลูกแก้วพลาดตกน้ำลงไปในฝายหลังฟาร์ม กุ้งเป็นคนแรกที่กระโดดลงไปช่วยและพาโรงพยาบาลทัน เด่นเลยยกลูกแก้วให้เป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่นั้นมา กุ้งก็รับเป็นพ่อทูนหัวให้มาตลอด จึงไม่แปลกที่ทั้งสองคนจะสนิทกันอย่างนี้ ถ้าไม่มีใครบอกก็คงนึกว่าลูกแก้วเป็นลูกแท้ๆของกุ้ง เพราะลูกแก้วมีอำนาจเท่ากุ้ง
กุ้งอุ้มลูกแก้วเด็กน้อยวัย 7 ขวบมากอดและหอม จากนั้นก็วางลง “นวลมาเอาน้องไป เชิญครับคุณเด่น คุณกวาง มาทานมื้อเช้ากัน นี่มอญ เมฆและนั่นโกร๋น เพื่อนรักผม” เด่นนั่งลงข้างเมฆ และกวางนั่งลงข้างสามี ส่วนโกร๋น เดินอ้อมมานั่งข้างมอญ
ส่วนลูกแก้ว นวลเอาเก้าอี้ประจำตัวมาวางให้นั่งทานตามปกติข้างๆกุ้งและนั่งทานกันตามปกติ หลังจากทานเสร็จ ก็ออกมาเดินชมธรรมชาติดูนั่นดูนี่ ลูกแก้วติดกุ้งเพราะนานๆกุ้งจะมีเวลาให้จึงไม่ยอมห่างกายเลย ติดมากเสียยิ่งกว่าพ่อแท้ๆเสียอีก
“ไปกลับบ้านเรากันเถอะลูก คุณพ่อมีงานที่จะต้องทำอีก” แม่กวางเอื้อมมือไปให้ลูกสาวจับ ลูกแก้วหลบไปอยู่หลังกุ้ง
“ปล่อยเขาเถอะคุณกวาง เดี๋ยวผมพากลับไปส่งที่บ้านเอง เขาคงอยากจะอยู่ที่นี่ ยังไม่อยากกลับ” บางครั้งกวางก็ไม่ชอบลูกตัวเอง
พูดจบก็หันไปอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาอุ้มและหอมแก้ม ลูกแก้วก็หอมแก้มพ่อกุ้งกลับ แล้วกอดหน้าไว้แน่น สะบัดมือให้แม่กวางกับพ่อเด่นกลับไปก่อน ตกลงว่าเป็นลูกใครกันแน่เนี่ย “ผมฝากลูกแก้วด้วย อย่าไปตามใจน้องมากนะครับเดี๋ยวจะเคยตัว”
“อย่าห่วงเลยคุณเด่น 4 ปีแล้ว ผมชินแล้ว ตามสบายเลยครับ วันนี้วันหยุดพักผ่อนของพวกคุณ ทางนี้ผมมีคนช่วย นวลพาน้องไปล้างไม้ล้างมือก่อนเร็ว เลอะหมดแล้วเห็นไหม ไปกับพี่นวลก่อนนะลูก พอล้างมือเสร็จ เดี๋ยวค่อยไปหาพ่อตรงโน้นนะครับคนเก่ง”
“ก็ได้” พูดจบลูกแก้วก็หอมแก้มกุ้งไปอีก 1 ครั้ง แล้วกุ้งก็วางลูกแก้วลง นวลจูงมือไปล้าง เด่นกับกวางก็เดินจากกุ้งและเพื่อนๆไป
“ใครไม่รู้ก็ว่าลูกแก้วเป็นลูกมึงนะเนี่ย ขนาดกูยังเชื่อเลยถ้ามึงไม่บอกว่าเป็นของสองคนนั้น ถามจริง แล้วตอนนี้ไม่คิดจะมีเองบ้างรึ”
เมฆตบไหล่เพื่อนเบาๆ ขณะที่พากันเดินลงไปที่สนามหญ้าข้างเรือนรับรอง กุ้งส่งแฟ้มงานที่จะไปคุยกับเมฆเมื่อวันก่อนให้
“นี่..งานที่กูว่าจะให้มึงช่วย” เมฆรับไปเปิดดู “งานอะไรของใครอีกวะ ทำไมมึงช่างสรรหาภาระมาใส่ตัวดีแท้”
“จริงๆกูก็ไม่อยากรับหรอก แต่อากูดันไปรับปากกับเขาไว้แล้ว กูก็เลยขัดไม่ได้”
“แต่งานนี้มันไม่ผ่าน มึงก็รู้ สเปคทุกอย่างผิดหมด แค่แบบก็ไม่ผ่านแล้ว ถึงกูจะไม่ได้รับราชการเหมือนเมื่อก่อน กูก็ดูออกว่าไอ้คนที่คิดจะทำโปรเจ็คนี้มันต้องการอะไร บริษัทที่กูทำอยู่เคยยื่นประมูลสู้กันไปแล้วด้วยซ้ำ ยังไม่รอดเลย แล้วมึงจะเอามาให้กูช่วยทำไมวะ มึงเอาคืนไปเถอะ กูช่วยมึงไม่ได้หรอกงานนี้จนปัญญาหวะฐานรากการก่อสร้างแบบนี้ขืนสร้างไปอยู่ได้ไม่ถึง 2 ปีรับรองถล่ม Sure นอกเสียจากเขาจะยอมเปลี่ยนอัตราส่วนและวัสดุ โครงสร้างแบบนี้เด็กที่เริ่มเรียนมันยังดูออก ไม่เชื่อมึงก็ลองให้ไอ้มอญมันดูซิ”
มอญเดินเข้ามาดูเปิดไปเปิดมา และไปสะดุดเอาที่ชื่อของบริษัท “ใช่ พังแน่ๆ เอ๊ะ บริษัทนี้ กูว่า กูคุ้นๆนะ นี่มันบริษัทของ..”
“ใช่ อดีตพ่อตากูเอง เมื่อ 6 ปีที่แล้วที่ว่าเจ็งนั่นแหละ แล้วหายไปเลยจากวงการ 3 ปี จู่ๆไอ้โปรเจ็คนี้มันก็มาอยู่ที่อาวัฒน์ได้ยังไงกูก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนคนไหนของคุณอา กูก็ไม่กล้าถาม”
“มึงก็ถามไปตรงๆเลยซิวะ กูเชื่อว่าอาวัฒน์เขาต้องเข้าใจ” โกร๋นช่วยคิดและเปิดทางสว่างให้
“คุณพ่อ” ลูกแก้ววิ่งมาพอดี กุ้งอุ้มลูกแก้วขึ้นมาแล้วหอมแก้มขวา “ไหน ลูกพ่อสะอาดรึยัง” ลูกแก้วหอมกลับไปที่แก้มซ้าย
“คุณลุงชวนคุณพ่อคุยอะไรกันอยู่คะ” พวกนั้นหน้าเหยเลย
“คุณอาก็พอมั้งลูกแก้ว” มอญรีบออกตัวก่อนเลย เพราะไม่อยากแก่
“ก็ได้ คุณอาก็คุณอา” ด้วยความน่ารักและสดใสของเด็กน้อยลูกแก้วนี่แหละ เป็นคนหนึ่งที่ทำให้กุ้งรู้สึกสดชื่นออกมาได้ ไม่เครียด
“ดีมากเลยครับ” มอญเอามือไปหยิกแก้มใสๆของลูกแก้ว ลูกแก้วเขินอายหลบไปกอดคอพ่อกุ้ง
“กูว่าหยุดเรื่องงานไว้ก่อนดีกว่า กูยังไม่อยากให้ลูกแก้วรับรู้อะไร ไปเที่ยวดีกว่า กูเตรียมรถไว้ให้แล้ว”
กุ้งหันซ้ายแลขวา แล้วกวักมือเรียกนวล “ขานาย” นวลวิ่งเข้ามา ไปเอาของที่เตรียมไว้ขึ้นรถนะ แล้วเอาหมวกน้องมาด้วย เราจะไปเที่ยวภูเขาและน้ำตกกัน “เย้..ลูกแก้วรักพ่อกุ้งที่สุดในโลกเลย ไปน้ำตก ไปน้ำตก”
“ค่ะนาย” สิ้นคำสั่งนวลก็รีบวิ่งปรู๊ดไปเอาของที่เตรียมไว้ทั้งหมดขึ้นรถ โดยให้เพื่อนๆช่วย
กุ้งอุ้มลูกแก้วเดินตรงไปที่รถประจำตัวคันจริงของตัวเองที่จอดอยู่ทันที เพื่อนๆทั้งสามคนเดินตามไปด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าใด พอถึงรถก่อนที่จะนำรถออกจากฟาร์ม เมฆเอามือแตะไหล่เพื่อน เหมือนให้กำลังใจ
“เอาน่ากูรู้ว่ามึงลำบากใจ ค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน โปรเจ็คนี้มันไม่น่าไว้ใจ ดูปร๊าดเดียวก็รู้ ว่านี่มันบ่อนชัดๆ มึงก็คงจะรู้ใช่ไหม”
กุ้งพยักหน้า แล้วก็ส่งลูกแก้วให้กับนวล ที่ขึ้นมานั่งรออยู่แล้วที่เบาะหน้า ซึ่งเป็นที่ประจำของลูกแก้ว จากนั้นทั้งสามคน ก็ขึ้นนั่งเบาะหลัง แล้วกุ้งก็ขับรถคู่ใจออกไปเที่ยวทันที โดยทิ้งความไม่สบายใจไว้ตรงนั้นแหละ ฉีกยิ้มให้กับลูกสาวไปตลอดทาง
( New Ford Everest 2.2 Titanium Plus สีแดง มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน Duratroq TDCI ขนาด 2.2 ลิตร 4 สูบ 160 แรงม้า ที่ 3,200 รอบ/นาที แรงบิด 385 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,500 รอบ/นาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมช่วงล่างแบบคอยล์สปริงหน้า-หลัง พร้อมวัตต์ลิงค์ที่เพลาหลัง เพื่อมอบความนุ่มนวลและการเกาะถนนได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะกับสภาพถนนในเมืองและนอกเมือง โดยเฉพาะพื้นถนนที่ขรุขระตามไหล่เขาและพื้นถนนที่เป็นลูกรังเป็นหลุมเป็นบ่อ )
///// +++++ /////
วันนี้วันอาทิตย์ ธรรมดาสาวน้อยอย่างโรสจะออกไป Shopping หรือไม่ก็ออกไปดูหนังตามประสาคนมีตัง แต่หลังจากที่เธอได้เจอศรรักปักอกเข้าอย่างจังกับเจ้าชายกุ้งเข้านั้น จึงทำให้เจ้าหล่อนถึงกับซึมกระทือไม่หือไม่อือไปเลย จนแม่นมต้องลากตัวมาทำขนมทานกันเล่นๆในบ่ายวันนี้ เพื่อแก้สถานการณ์ไปก่อนชั่วคราวแล้วจากนั้นค่อยว่ากันใหม่ ดีกว่าที่จะไม่ทำอะไรเลย
“มามา มานี่เลย วันนี้นมอยากทานเยลลี่รสกรีมโซดากับสตอเบอรี่ หวังว่า ถ้านมกลับเข้ามา นมต้องได้ทานนะ ขอเข้าไปดูกล้วยไม้ในสวนก่อน” นมมองหน้าลูกสาวที่เคยยิ้มสดใส แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยก็ว่าได้
***** ///// *****
กุ้งพาเพื่อนๆและลูกสาว เที่ยวชมธรรมชาติ พวกชายหนุ่มก็เล่นปืนเขากันอย่างสนุกสนานโดยมีลูกแก้วและนวลเป็นกองเชียร์แล้วให้กำลังใจ จากนั้นก็มานั่งพักเหนื่อยและชมความสวยงามของน้ำตก จนทำให้ลืมเรื่องราวที่ไม่สบายใจได้บ้างในตอนนั้น
%%%%%% ----- %%%%%%
5 โมงเย็นแม่นมเดินกลับเข้ามา โรสก็ทำเยลลี่ทั้งสองรสชาติวางไว้ให้ แต่ตัวหายไปไหนก็ไม่รู้ แม่นมจึงเลยเดินออกมาดูรอบๆบริเวณบ้านว่าสาวเจ้าหายไปไหน เดินดูรอบบ้านก็ไม่เจอจึงขึ้นไปดูด้านบนก็ไม่มี จึงเดินลงมาเจอพิณพอดี
“เห็นคุณหนูไหม” พิณส่ายหน้า แม่นมชักใจไม่ดีแล้ว เดินออกไปดูที่โรงรถหน้าบ้าน รถเบ็นซ์ประจำตัวสาวเจ้าไม่อยู่
แม่นมจึงรีบโทรเข้ามือถือทันที เนื่องจากโรสกำลังเล่นน้ำดับอารมณ์อยู่ที่สโมสรแถวบ้าน จึงไม่ได้ยินเสียง โทรเป็นสิบๆสาย นางก็ไม่ยอมรับ ไม่รู้จะทำยังไงก็คงได้แต่นั่งรออย่างเดียว ส่วนโรสก็แหวกว่ายอยู่ในสายธาราอย่างสบายใจ เพราะแดดร่มลมตกกำลังดี
จน 2 ทุ่มโรสจึงได้ขับรถกลับเข้ามา แม่นมรีบวิ่งออกไปรอที่หน้าประตูทางเข้า พอโรสเดินผ่านเข้ามาจึงรีบดึงแขนลูกสาวทันที
“ไปไหนมาคะคุณหนู ทำไมถึงทำแบบนี้ รู้ไหมว่านมเป็นห่วง รู้ๆอยู่ว่าช่วงนี้ดวงตัวเองยิ่งไม่ค่อยดีอยู่ คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ เข้าใจไหม นมไม่ชอบ อะไร ทำตัวไม่น่ารักเลย” นมจ้องหน้าลูกสาวตัวดี หน้ามุ่ยเพราะเป็นห่วง “ทำไมถึงซนแบบนี้นะ น่าตีจริงๆ”
“แม่ขาหนูขอโทษ หนูไม่ได้ไปไหนไกลเลย ก็แค่สโมสรซอยข้างๆนี้เอง ไม่ได้ไปไหนไกลเลย”
“นมโทรไปแล้วทำไมไม่รับสาย แล้วทำไมไม่โทรกลับ บอกกันสักนิดว่าตอนนี้อยู่ไหน นมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” แม่นมงอนนิดๆ
“สงสัยหนูคงกำลังเล่นน้ำอยู่ในสระมั้งคะ ก็เลยไม่ได้ยิน” โรสวางกระเป๋าสตางค์และกุญแจรถบนโต๊ะรับแขก พิณเดินเอาน้ำเย็นๆมาให้ พอจิบเสร็จก็พูดต่อ “เอาน่านม มันไม่มีอะไรหรอก ยิ้มหน่อยน่านะ นะ หายโกรธหนูนะ แม่พลอยของโรสน่ารักจะตาย”
พูดจบก็หอมแก้มขวาแม่นม แล้วก็เอามือจี๋ไปที่เอวทั้งสองข้าง นมพลอยบ้าจี้ จึงเผลออุทานออกมา “หกหกหกหมดแล้ว” จากนั้นโรสก็วิ่งหนีขึ้นบันได เข้าห้องตัวเองไปเลย แม่นมพอตั้งสติได้ก็บ่นออกมาเบาๆ “แสบจริงนะคุณหนู แกล้งนมจนได้ เฮ้อ..” นมพลอยยืนถอนหายใจ ก็ขอให้ลูกสาวจอมแก่นของตัวเองกลับมาจิตใจให้แข็งแรงได้ดังเดิมในเร็ววันด้วยเถิด
+++++ ****** +++++
คืนนี้เป็นอีกวันที่กุ้งมีความสุข เพราะเพื่อนรักทุกคนมากันครบ นานๆจะได้มารวมตัวกันสักที เมฆ มอญและโกร๋น ทุกคนนั่งรวมกันอยู่ที่กองไฟเช่นเดิม คือทุกคืนวันอาทิตย์ กุ้งมักจะปลดปล่อยอารมณ์ ชวนพวกคนงานและลูกน้องในฟาร์มออกมาตั้งแคมป์ไฟกัน เพื่อผ่อนคลายความเครียด หลังจากที่ทำงานกันมาตลอด 1 สัปดาห์
“เห้ย พวกเรา นึกซะว่านี่เป็นผับ เป็นห้องอาหารหรูๆก็แล้วกันนะ กลางป่ากลางเขาแบบนี้ จะเอาอะไรมากมายจริงไหมวะ”
กุ้งหยิบกีตาร์ตัวโปรดขึ้นมาแล้วก็เล่นเพลงเบาๆ พวกเพื่อนๆและลูกน้องก็ช่วยกันให้จังหวะ บางคนก็นั่งฟังแบบเข้าใจอารมณ์ของกุ้งในขณะนั้น เมาทีไรก็แบบนี้ทุกที เพื่อนๆทุกคนเข้าใจ ว่าเพื่อนเจ็บ เพราะอกหักจากผู้หญิงคนหนึ่ง เลยปล่อยให้ระบาย
< เมาทุกขวด เจ็บปวดทุกเพลง – ดูโอเมย์ > https://www.youtube.com/watch?v=QYdx57e_xWs
ลูกแก้วหลับพิงตัวกุ้งอยู่ตอนไหนก็ไม่รู้ หลังจากร้องเพลงจบ กุ้งจึงบอกให้นวลพาน้องไปนอน
“นวลเอาน้องไปนอนที่บ้านด้วย พรุ่งนี้น้องต้องไปโรงเรียน คืนนี้นอนกับน้องนะ”
“ค่ะนาย” พูดจบ นวลก็อุ้มน้องเดินตรงกลับบ้านของเด่นทันที
“ถ้ามึงมีลูกสักคน กูหมายถึงของมึงจริงๆนะ สักคน ปาดนี้ชีวิตมึงคงจะมีความสุขนะไอ้กุ้ง” โกร๋นปลอบใจเพื่อน
“กูก็หวังเอาไว้อย่างงั้นหละหวะ แต่คงยากเพราะชีวิตกูมันเหมือนถูกสาปหวะไอ้โกร๋น ในเมื่อเวลาไม่เคยเดินถอยหลัง ก็ต้องเดินหน้าจริงไหม กูก็ไม่เข้าใจว่าทำไมกูถึงยังลืมเขาไม่ได้สักที ทั้งๆที่มันก็ผ่านมาแล้วตั้งหลายปี” เมฆหันเอามือมาจับไหล่เพื่อนแล้วตีเบาๆ
“เอาน่า สักวันพอมึงเจอใครที่ดีสักคน ที่เขาเข้าใจมึงจริงๆ กูเชื่อว่ามึงต้องหายจากอาการอกหักนี้อย่างแน่นอน สักวันต้องมีผู้หญิงดีๆสักคนผ่านเข้ามาในชีวิตมึงบ้างหละว๊า 4 ปีที่ผ่านมา มึงมัวแต่ทุ่มเทให้กับการงาน มึงก็เลยไม่ได้เปิดใจและมองใคร ยังไงตอนนี้อะไรๆ มันก็เข้าที่เข้าทางแล้ว มึงก็ปล่อยวางความทุกข์ตรงนั้นบ้างได้แล้ว เชื่อกู กูเอาใจช่วยมึงเสมอนะไอ้กุ้ง จริงไหมไอ้โกร๋น”
โกร๋นยกเบียร์กระป๋องขึ้นมาชูแล้วกระดกพรวดเข้าไป สักพักพอดูเวลา 4 ทุ่ม เด่นจึงขอตัวกลับเหมือนกัน เพราะพรุ่งนี้มีงาน
“พักผ่อนเยอะๆนะครับคุณกุ้ง วันนี้คุณเหนื่อยมามากแล้ว ต้องขอบคุณมากนะครับที่พาลูกแก้วไปเที่ยว นานแล้วที่ผมไม่เคยเห็นแกมีความสุขมากๆแบบนี้เลย ขอบคุณจริงๆ ผมยังนึกไม่ออกเลยว่า ถ้าครอบครัวผม ไม่มีคุณ พวกผมและครอบครัวจะเป็นยังไง”
กุ้งเอามือตบไหล่เด่น “ไม่เอาซิ พวกเราอยู่กันแบบพี่น้อง คุณก็เปรียบเสมือนพี่ชายผมคนนึงนะต่างคนต่างช่วยกัน คุณช่วยผมดูแลฟาร์ม อย่าลืมซิว่า เราล้มลุกคลุกคลานมาด้วยกัน อดีตที่ผ่านมาเราจำแต่สิ่งดีๆ อะไรที่มันไม่ดี เราก็แซะมันทิ้งไป อย่าลืมนะครับ กับคติประจำใจของพวกเรา” แล้วทั้งสองคนก็พูดออกมาพร้อมกัน “จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด” ทั้งสองคนหัวเราะ แล้วเด่นก็เดินกลับบ้านไป
มอญเดินเข้ามา อยากจะบอกเรื่องของดาว แต่ก็ไม่กล้า เพราะเห็นว่าเพื่อนกำลังเครียดอยู่ ก็เลยเปลี่ยนใจ
“มีอะไรจะพูดกับกูหรือเปล่าวะไอ้มอญ” มอญเปลี่ยนอิริยาบถ
“เปล่าไม่มี แค่จะบอกว่า พรุ่งนี้พวกกูคงต้องกลับกันแล้ว ดีใจหวะที่พวกเรา 4 คนได้กลับมาเจอกันอีก”
แล้วมอญก็เดินกลับมานั่งคุยกับเพื่อนๆอีกที่แคมป์ไฟ “แล้วตอนนี้มึงทำอะไรอยู่ที่ไหนวะไอ้มอญ”
“อ๋อ กูย้ายกลับมารับตำแหน่งงานที่กระทรวง ฝ่ายโธยา พอดีทางสถานทูตไทยเขาหางานทางนี้ไว้ให้ สอบผ่านโดยตรงมาจากทางโน้น พอหมดสัญญาเขาก็ให้มารับตำแหน่งงานที่ว่างต่อที่นี่เลย อีก 1 อาทิตย์ ถึงจะเข้าไปทำ คงประมาณวันที่ 14 ธันวานั่นแหละ เพราะกูขอเวลาจัดบ้านให้มันเข้าที่เข้าทางก่อน” กุ้งยกกระป๋องเบียร์ชนกับเพื่อน
“กูดีใจกับมึงด้วย กลับมาอยู่มาตายเมืองไทยบ้านเราหนะดีแล้ว ว่างๆเดี๋ยวกูจะแวะเข้าไปหา อีกหน่อยคงได้เจอกันบ่อยขึ้น”
“เอ้อ พรุ่งนี้เช้ามึงไม่ต้องไปส่งพวกกูหรอก เห็นไอ้เมฆมันบอกว่าจะออกแต่เช้า คงตี 5 เพราะรถจะได้ไม่ติดและไม่ร้อนด้วย คืนนี้กูขอนอนกับไอ้ 2 ตัวนี่แหละ จะได้ไม่ต้องเดินไปเดินมา รถกู คุณเด่นก็เอามาจอดให้ที่นี่แล้ว มึงเองก็กลับไปนอนพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องห่วงพวกกู มึงก็รู้ๆกันอยู่ฉายาพวกกูอะไร” ทุกคน 4 คนตอบพร้อมกัน “นกเค้าแม้ว”
“กูขอบใจพวกมึงมากนะที่ยอมมาเพื่อกู กูรู้ว่าทุกคนปัญหารอกันอยู่ทั้งนั้น ขอบใจมากเพื่อนที่ไม่ทิ้งกัน จากนี้ไป ก็ชีวิตใครชีวิตมัน คิดถึงเมื่อไหร่ก็โทรหากัน ไปแยกย้ายกันไปนอน มีอะไรค่อยว่ากันอีกที สำหรับเรื่องนั้น ไอ้เมฆ” เมฆมองหน้าเพื่อน
“มึงสบายใจได้ เดี๋ยวกูจัดการเอง กูรู้แล้วว่าทางออกอยู่ตรงไหน กูไม่ทำให้มึงลำบากใจหรอก มึงสบายใจได้ ส่วนไอ้โกร๋น”
โกร๋นกำลังได้ที่ แต่ก็ยังมีสติ “ว่าไงวะ” กุ้งเดินเข้ามาเอามือขวาแตะไหล่ซ้ายเพื่อน
“กูดีใจนะที่มีมึงเป็นเพื่อน เวลาที่กูไม่สบายใจ ก็มีแต่มึงนั่นแหละที่ทำให้กูสบายใจได้ เพราะแค่เห็นหน้ามึง ความหงุดหงิดทั้งหลายของกูแม่งก็หายไปหมดเลยหวะ” โกร๋นสบถคำหนึ่งออกมา แล้วชี้หน้าเพื่อน
“สัสเอ๊ย นี่มึงเห็นหน้ากูเป็นที่ระบายอารมณ์มึงรึไงวะไอ้เหี้ย แต่ก็เอาเหอะ อะไรที่ทำให้มึงสบายได้ กูทำได้ทั้งนั้น เพราะกูรักมึง”
“กูส่งพวกมึงตรงนี้เลยแล้วกันนะโว๊ย พรุ่งนี้เดินทางกลับปลอดภัยกันนะโว๊ย ไม่ต้องซิ่งไล่บี้กันหละ กูยังไม่อยากไปงานศพพวกมึง”
ทั้งสามคนชี้หน้ากุ้งและด่าออกไปพร้อมกันโดยพร้อมเพรียง “ไอ้สัส” แล้วโกร๋นก็เอ่ยวาจาออกมา
“นี่คำอวยพรหรือวะ ไอ้ห่าลากไส้ เมาที่ไร มึงนี่ปากหมาทุกที” กุ้งยิ้มและหัวเราะโบกมือให้เพื่อนๆทั้งสามคน แล้วหันหลังเดินกลับ
เพื่อนทั้งสามเดินกอดคอกลับไปที่เรือนรับรอง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแค้มป์ไฟ กุ้งเดินกลับไปนั่งนิ่งซดเบียร์อยู่พักใหญ่ แล้วจ้องมองเข้าไปที่เปลวไฟอันร้อนแรงนั้น สักพักภาพของดาว คนที่ทำให้เขาเจ็บก็ปรากฏออกมาให้เห็น กุ้งขยำกระป๋องเบียร์ที่หมดแล้ว จนบี้แบนแล้วปาเข้าไปในกองไฟนั้นและก็รำพึงออกมาเบาๆ “จบกันเสียทีดาว ต่อไปนี้เธอจะไม่มีตัวตนในหัวสมองของฉันอีกตลอดไป”
%%%%%% ----- %%%%%%
<กริ๊งๆๆๆ> เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่ประชาสัมพันธ์ “สวัสดีค่ะ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ไทยวิวัฒน์ มีอะไรให้รับใช้คะ” เสียงหวานๆจากประชาสัมพันธ์สาว ตอบกลับไป “ไหนนะคะ ค่ะค่ะ ตอนนี้เลยเหรอคะ ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ คุณเอียดเหรอค่ะ สักครู่ค่ะ”
โอเปอเรเตอร์มือแทบไม่ว่างเลยพอเช้าวันจันทร์ เพราะหยุดไปสองวัน เสาร์ อาทิตย์ สายถูกโอนไปยังห้องของเอียด
“สวัสดีตอนเช้าครับคุณเอียด รู้ไหมว่าใครโทรมา กลางวันนี้ ว่างทานข้าวกับผมสักมื้อได้ไหมครับ” เล่นจู่โจมกันตรงๆเลยอีตาคนนี้
ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งโทรมาขายขนมจีบเอียดเป็นประจำ จนเอียดจำเสียงได้แล้ว
“แหม วันนี้อารมณ์ดีอะไรมาเหรอคะคุณอิทธิพล ถึงมาชวนเอียดทานมื้อกลางวันเนี่ย มีอะไรพิเศษรึเปล่าเอ่ย พอดีช่วงนี้งานยุ่งมากๆเลยหนะค่ะ” เอียดพยายามตอบแบบเลี่ยงๆเพื่อไม่ให้ลูกค้าเสียใจ
“ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ ก็แค่คิดถึง” เจอคำนี้เข้า เอียดถึงโยกโทรศัพท์ออกห่างหูเลย แล้วทำหน้าเหมือนไม่อยากคุย เซ็งๆ
“วันนี้คงไม่ได้หรอกค่ะ วันนี้วันจันทร์ด้วยต้นสัปดาห์ งานกองสุมเต็มไปหมดเลย ต้องขอโทษด้วย เอาไว้เป็นโอกาสหน้าก็แล้วกันนะคะคุณอิท” เอียดพยายามหาทางที่จะลาจากกับสายนี้ยังไงดี คิดๆ คิดซิเอียดเอ๊ย
“แหม แบบนี้ ผมเห็นทีต้องร้องเพลงรอ ต่อไปอีกตามเคยอย่างแน่นอนเลยใช่ไหมครับ” พ่อหนุ่มนักตื้อก็หยอดคำหวานเข้าไป
“สงสัยเอียดคงต้องวางสายแล้วหละคะ คุณพ่อมาตามเข้าที่ประชุมแล้ว แค่นี้นะคะ” พูดจบก็รีบวางสายทันที
..... +++++ .....
“เรียกคุณสมชายเข้ามาหาผมหน่อย” วัฒน์กด Speaker Phone สั่งงานเลขาฯหน้าห้อง
“ค่ะท่านประธาน” แล้ว วันทนีย์ (เลขานุการ) ก็โทรเรียกสมชายให้เข้าไปหา
เสียงเคาะประตู <ก๊อกๆ> สมชายเปิดประตูเข้ามา
“สวัสดีครับท่านประธาน” สมชายก้มหัวนิดหน่อย
“เชิญๆ นั่งลงก่อน” วัฒน์ท่าทางร้อนลนนิดๆ
“มีอะไรให้ผมรับใช้แต่เช้าเลยครับท่าน สังเกตุดูจากหน้าท่านแล้ว ดูไม่ค่อยดีเอาเลย”
“ผมต้องการทราบยอดผลประกอบการของปีนี้และปีที่แล้วคุณช่วยไปเอามาให้ผมหน่อยซิ”
“ได้ครับ แต่ผมสงสัย มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าครับท่าน เพราะดูแล้ว น่าจะไม่เป็นเรื่องดี”
“เอาน่า คุณไปเอามา ไปทำตามที่ผมบอกก่อนแล้วกัน ผมยังไม่แน่ใจ ผมถึงต้องการตรวจสอบอะไรบางอย่างให้แน่ใจก่อน อ้อ ผมขอแบบละเอียดเลยนะ ไม่ทราบว่ากี่วันผมถึงจะได้” วัฒน์พยายามใจเย็น ไม่อยากให้ใครบางคนไหวตัวทัน
“ถ้าท่านประธานต้องการด่วน ผมขอเวลาสักสองวัน ถ้าทำเสร็จเร็ว พรุ่งนี้บ่ายๆคงได้ ว่าแต่มันสำคัญมากเลยเหรอครับท่าน”
“ไม่ มันนานเกินไป เอาเป็นว่า ผมขอปีที่แล้วก่อน มันน่าจะเอามาให้ดูได้เลย ส่วนของปีนี้ ไม่เป็นไร คุณไปเอาแฟ้มรายงานของปีที่แล้วมาให้ผมก่อนไป” วิวัฒน์ยืนหันด้านข้างให้กับสมชายแล้วก็เอามือไพ่หลัง พร้อมกับหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง
“แต่..” สมชายพยายามทักท้วง เพราะกลัวมาให้ไม่ทัน เพราะงานทุกคนล้นมือ วิวัฒน์ ยังคงยืนหันหลังให้
“เอาน่า คุณไปหาเอามาให้ผมให้ได้ก่อนก็แล้วกัน อย่าพึ่งมาถามอะไรผมในตอนนี้ ผมบอกแล้วไงว่าผมยังตอบอะไรคุณไม่ได้”
“ครับท่าน” พูดจบสมชายก็รีบลุกขึ้นและเดินกลับออกไปทันที วิวัฒน์แอบหันไปมองสมชายถึงอากัปกิริยา ดูแล้วไม่น่ารอด
%%%%%% ----- %%%%%%
ประมาณ 9 โมงเช้า เมฆและมอญ ก็ขับรถตามกันมาแล้วเข้าเขต กทม. มอญโทรบอกเมฆ
“กูขอตัวแยกกลับเข้าบ้านก่อนนะโว๊ยเพื่อน แล้วว่างๆค่อยเจอกัน ฝากบอกไอ้โกร๋นด้วย กูไปหละ”
พูดจบมอญก็เหยียบรถ BMW ของเขา แซงรถ Honda Civic 1.5 Turbo RS / สีขาวมุกใหม่ ของเมฆขึ้นไปทันที ไม่นานมอญก็หายวับไปกับสายตาของคนทั้งคู่ เมฆหันไปถามโกร๋น “ว่าแต่มึงเถอะ จะให้กูไปส่งที่ไหน ที่วัดหรือจะแวะไปเยี่ยมยายที่โรงบาลก่อน”
“ที่โรงบาลก็แล้วกัน ไม่ได้ไปเยี่ยมแกหลายวันแล้ว เดี๋ยวแกจะน้อยใจ ขอบใจโว๊ยที่กรุณา” พูดจบเมฆก็ตรงดิ่งไปยังจุดหมายทันที
+++++ ****** +++++
1 ชั่วโมงผ่านไป สมชายเดินกลับเข้ามาอีก พร้อมกับหอบแฟ้มเข้ามาทั้งหมด 12 แฟ้ม เขาหอบมา 6 และเลขาหน้าห้องอีก 6 มาวางกองไว้ที่โต๊ะประชุมเล็กในห้อง จากนั้นเลขาก็เดินออกไป คงเหลือแต่สมชายเพียงผู้เดียวที่นั่งรอว่าท่านประธานกำลังหาอะไรอยู่ ไม่นานวัฒน์ก็พบสิ่งผิดปกติเบื้องต้น ที่เขาสงสัย “คุณสมชาย” สมชายวิ่งเข้ามาหาวัฒน์ “ครับท่าน”
“ทำไมยอดงบของผลประกอบการเล่มนี้ ถึงไม่ตรงกับของเล่มของผม ทั้งที่มันก็เป็นปีเดียวกัน และเดือนเดียวกัน ไหนคุณลองอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยซิ จำนวนเงินที่หายไป มันไม่ใช่น้อยๆเลยนะ” สมชายยืนตัวสั่น ทำอะไรไม่ถูก เลยตอบออกไปแบบเอาตัวรอดก่อน “ไหนครับ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับท่าน มันต้องใช้เวลาตรวจสอบ” วัฒน์ไม่ค่อยสบายใจ เพราะเงินที่หายไปมันไม่ใช่น้อย
“ว่าไงนะ คุณเป็นถีง ผู้จัดการฝ่ายการเงินและบัญชี แต่คุณกลับตอบผมง่ายๆแบบนี้เหรอคุณสมชาย คุณทำงานที่นี่มากี่ปีแล้ว”
ขณะที่วัฒน์กำลังไล่บี้สมชายอยู่ ก็มีเสียงเคาะประตู <ก๊อกๆ> “เข้ามา” เอียดโผล่หน้าเข้ามา
“กำลังยุ่งอยู่เหรอคะคุณพ่อ” เอียดมองดูเอกสารบนโต๊ะที่เยอะแยะไปหมด
“มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะเนี่ย” เอียดพยายามที่จะมองดูว่ามันคืออะไร
“ไม่ต้องหรอกลูก เรื่องนี้ ไม่ต้องถึงมือหนูหรอก ไม่มีอะไร ว่าแต่หนูเถอะมีเรื่องอะไร ถึงเข้ามาหาพ่อได้วันนี้”
“จะมาชวนพ่อไปงานเลี้ยงคืนนี้ค่ะ”
“คืนนี้ แล้วทำไมถึงมาชวนพ่อตอนนี้ แล้วใครหละ”
“ยัยนุ่น พ่อจำยัยนุ่นเพื่อนรักหนูได้ไหม”
“ยัยนุ่น อ๋อจำได้ ตัวประมาณหนู เออๆแล้วไง”
“ยัยนุ่นกลับมาจากสเตรทเมื่อวาน แม่ของนุ่นก็เลยโทรมาบอกหนู ให้ชวนพ่อไปงานด้วย อีกอย่างเผอิญวันนี้เป็นวันเกิดมันด้วย”
“เหรอ แหม จัดทีเดียวสองงานเลย แล้วไง จะลากพ่อไปไหนอีกหละเจ้าตัวยุ่งฮะ”
“แหมคุณพ่อ หนูก็อยากชวนพ่อไปซื้อของขวัญเป็นเพื่อนหนู และหาชุดหล่อๆให้พ่อใส่ด้วย นานแล้วที่พ่อไม่ได้ออกงานหนูจำได้”
“เอางั้นเหรอ ได้ๆ” แล้วก็หันไปที่สมชาย “ตอนนี้ผมคงไม่ว่างแล้วหละคุณกลับไปจัดการหาคำตอบให้ผมด้วย ผมให้เวลาคุณ 7 วัน”
“ครับท่าน” สมชายรีบรับคำ เพราะอย่างน้อยก็ยืดเวลามรณะออกไปได้อีก 1 สัปดาห์ จะได้มีเวลาหาทางหนีที่ไล่ได้ทัน
“ลาหละครับคุณหนู” สมชายรีบหอบเอาเอกสารเจ้าปัญหาแฟ้มนั้นออกไปเพียง 1 แฟ้มเท่านั้น
เอียดงง ว่าสมชายเป็นอะไร ทำไมถึงมีอาการแบบนั้น “ไปลูกนี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว งั้นเราไปคุยกันในรถ จะได้แวะหาอะไรทานด้วย” วัฒน์โอบไหล่ลูกสาวออกมาจากห้องละหันไปบอกเลขา
“คุณนี” วันทนีย์ลุกขึ้นรับคำสั่ง “ขาท่าน”
“วันนี้ผมกับลูกสาว ไม่กลับเข้ามาแล้วนะ ถ้ามีอะไรด่วนก็โทรหาผมโดยตรงเลยแล้วกัน”
“ค่ะท่าน” พอสั่งงานเสร็จก็เดินออกไปพร้อมเอียดทันที
..... +++++ .....
“นม นม” เสียงยัยตัวยุ่งล่องลอยออกมาแต่ไกล จากในห้องครัว
“ขา มีอะไรเหรอคะคุณหนู แล้วนี่เจ้าพิณมันหายไปไหนหละเนี่ย ถึงไม่มาช่วยเจ้านายมัน”
“พี่พิณไม่อยู่หรอก หนูใช้ให้ออกไปซื้ออุปกรณ์ทำขนมหน้าปากซอยสักพักแล้วหละ ให้เอาจักรยานออกไปก็ตั้งนานแล้ว ยังไม่เห็นกลับมาเลย” ปากพูดไป มือก็กำลังหาทางเปิดฝาขวดขนมอยู่ แต่เปิดไม่ออก เพราะมือมันเปื้อนแป้งอยู่สงสัยจะแน่นเกินไปหรือเปล่า
“ว่าแต่ที่แหกปาก ตะโกนเรียกนมเนี่ย ทำไมคะ” นมสงสัย
“ก็ไอ้เนี่ย หนูเปิดมันไม่ออก จะเอาตัวอย่างคุกกี้ออกมาเปรียบเทียบรสชาติกันหน่อย เปิดยังไงก็ไม่ออกสักที หนูหมดปัญญาแล้วนม”
“โถ กะอีแค่เปิดฝาขนมไม่ออกก็มาเรียกคนแก่ เด็กหนอเด็ก” สักพักนมพลอยก็จัดการเปิดให้ทั้ง 3 โหล
“ก็แค่เนี่ย ที่คุณหนูเปิดไม่ออก คงเพราะมันลื่น ฝามันแน่นไปนิดนึงก็เท่านั้นเอง เข้าใจไหมคะ คราวหน้าไม่ต้องเรียกนมก็ได้ แค่ล้างมือให้สะอาด แล้วมาเปิด มันก็จบแล้ว จริงไหม ยัยตัวยุ่ง” โรสอ้อนแม่นมเหมือนเดิม
จะไม่ให้อ้อนได้ยังไง ก็ในชีวิต ตอนนี้โรสไม่มีใครเลย แม่ก็ตาย พ่อก็ไม่อยู่ วันๆได้แต่เดินทางไปทำธุรกิจที่นั่นที่นี่ จนไม่มีเวลาให้กับลูกสาวคนเดียวคนนี้เลย มัวแต่หาเงิน รวยจนขนาดนี้ก็น่าจะพอได้แล้ว โรสคิดอย่างนั้น ตามประสาเด็กน้อยที่ต้องการความรักจากบุพการีของตัวเองนั่นเอง โรสจึงไม่ค่อยมีความอบอุ่นและไม่สนิทกับพ่อ ไม่มีความผูกพันสักเท่าใดระหว่างพ่อกับลูก
“เก่งจัง แม่นมของโรสเก่งที่สุดใน 3 โลกเลย” โรสชอบอ้อนนมพลอย เพราะไม่มีใครให้อ้อน ความรักจึงตกมาอยู่ที่นมพลอยคนเดียว
“อย่ามาอ้อน อย่ามายอเลย ว่าแต่คุณกุ้งเขาโผล่มาหาบ้างไหม ตั้งแต่วันนั้นหนะ”
“เปล่านี่ เขาจะมาทำไม เค้าไม่ได้เป็นอะไรกะหนูนี่นม” โรสตอบขณะที่กอดแม่นมอยู่
“ใครจะไปรู้หละ เห็นตะโกนออกไปดังลั่นขนาดนั้น ก็นึกว่าเขาจะมาบ้าง”
“เอ๊ะ..แล้วทำไม นมถามแปลกๆ” โรสโยกตัวออกมาเพราะสงสัย
“ก็เห็นตาวาวๆใส่เขา” แม่นมแกล้งแหย่เล่นๆ
“นมหนะ ล้อหนูอีกแล้ว พูดอะไรก็ไม่รู้นมเนี่ย ตาวงตาวาวอะไร ลูกแม่เป็นกุลสตรีนะไม่เอาไปดีกว่า” โรสแกล้งพูดกลบเกลื่อน
“จะไปไหน” นมพลอยแกล้งเรียก ขณะที่โรสกำลังก้าวขาเดินออกไปจากตัวเธอ
“ไปทำขนมต่อ เผื่อเค้ามา” พูดจบก็รีบเอามือปิดปากทั้งๆที่มือเปื้อนแป้ง นมพลอยหันมาแซว
“นั่นแน่ นั่นไง ว่าแล้ว ใจจริงก็รอเค้าอยู่ใช่ไหม แล้วทำมาปากแข็ง ว่าไม่มีอะไร คนอาราย ปากไม่ตรงกับใจอีกแล้ว”
“นมหนะ” พูดจบโรสก็วิ่งปรู๊ดออกไปจากห้องครัวทันที เพราะอายแม่นม พิณเดินถือของพะรุงพะรังเข้ามาพอดี จึงวิ่งชนดังโครม โรสล้มลงไปข้างหน้า ทับร่างของพิณ มือทั้งสองข้างที่เปื้อนแป้ง อยู่บนหน้าพิณเต็มๆ
“คุณหนู เล่นอะไร พี่เละไปหมดแล้ว หน้าพี่ โอ๊ย..” โรสลุกขึ้นมาได้ไม่สนใจ วิ่งเข้าห้องน้ำห้องรับแขกแล้วรีบล้างมือทันที
***** ฿฿฿฿฿ *****
“ดาว นี่คุณอยู่ไหนเนี่ย กลับมาเมืองไทยก็หลายวันแล้ว ผมไม่เห็นหน้าคุณเลย ตั้งแต่วันกลับมา คุณก็อ้างขอกลับไปหาพ่อที่บ้านผมก็ให้ไป นี่ผมถามคุณจริงๆเถอะ คุณไม่คิดที่จะกลับมาช่วยผมจัดบ้านจัดช่องรังรักของเราบ้างเลยเหรอ ถ้าผมไม่โทรตาม คุณคิดจะติดต่อผมบ้างไหม คุณจำไม่ได้เหรอ ว่าคุณแต่งงานมีผัวแล้วนะ ยังคิดว่ายังโสดยังซิงอยู่อีกเหรอ ปาดนี้ไอ้ตรงนั้นของคุณมันโบ๋มันหลวมไปหมดแล้วมั้ง” เสียง <กรี๊ด> หลุดผ่านออกมาทางโทรศัพท์ จนมอญต้องดันมือออกไปไกลๆหูตัวเอง เพราะเสียงดังมาก
“นี่แก ไอ้ ไอ้มอญ แกกล้าพูดกับฉัน ว่าฉันแบบนี้เลยเหรอ แค่ฉันไม่กลับไปช่วยแกจัดบ้านจัดช่อง แกก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดพาดพิงถึงร่างกายอันสวยสดงดงามของฉัน ซึ่งที่แกก็เอามันอยู่ทุกวันๆถ้ามันจะหลวมจะโบ๋ มันก็เพราะแกนั่นแหละ” พูดจบดาวก็วางสายทันที
มอญเสียใจมากที่คิดผิดในวันนั้น ไม่น่าเดินหลงทางผิด เพราะหน้ามืดหลงความ Sexy ของดาวเลย ไม่งั้นชีวิตก็คงจะมีความสุขและมีเงินเก็บมากกว่านี้แล้ว หลังจากที่รู้แล้วว่าดาวคงไม่กลับมาช่วยอีกเช่นเคย เพราะนิสัยที่รักความสบายที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เขาจึงต้องทนจัดบ้าน จัดที่อยู่ตามลำพังเพียงคนเดียว อย่างเหงาๆ มอญหยิบโทรศัพท์มาเปิดเพลงเบาๆ แล้วก็เริ่มจัดบ้าน
มอญเปิดกล่องใบหนึ่งขึ้นมา หยิบกรอบรูปที่ถ่ายรวมกับเพื่อนรักทั้ง 4 ขึ้นมา เขาจ้องมองดูแล้วนึกย้อนถึงอดีตเกือบ 10 ปีที่ได้เป็นเพื่อนกันมา ตั้งแต่เริ่มรู้จักกันใหม่ๆ สมัยปี 1 จนเรียนจบ ทั้ง 4 คนก็ไม่เคยที่จะขาดการติดต่อและมีอะไรที่จะทำให้ขาดจากความเป็นเพื่อนได้ “กูรักพวกมึงนะ ไอ้กุ้ง ไอ้เมฆ ไอ้โกร๋น” แล้วมอญก็วางรูปไว้ที่ห้องรับแขก และแขวนเอาไว้ตรงที่ว่างๆเท่าที่จะทำได้
จากนั้นก็เริ่มลุยไม่งั้นซวยแน่ เพราะถ้าไม่เสร็จ คืนนี้คงไม่ได้นอน ไม่นานก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มอญกดบูลทูสรับ
“จะรับพิชซ่าหน้ากุ้ง ฮาวาเลี่ยน หรือ หน้าด้านดีครับ ช่วยออกมารับด้วย เพราะมันหนักมาก”
>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<
โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 3 .. “ ภาษาใจ ”
ตอนที่ 2 .. “ เวลาไม่เคยเดินถอยหลัง ”
Romance Fiction - นิยายรัก / รักโรแมนติก
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 437
แสดงความคิดเห็น