เรื่องเล่ารอบกองไฟ อาถรรพ์...ในป่าใหญ่
ป่าของบ้านเราที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ที่รู้จักกันดีเห็นจะมีอยู่ 2 แห่งด้วยกัน ได้แก่ ทุ่งใหญ่นเรศวร และดงพญาเย็น หรือดงพญาไฟ ป่าทั้งสองได้ชื่อว่าเป็นป่าที่มีความลึกลับซับซ้อนและมีเรื่องเล่าที่เป็นอาถรรพ์ของบรรดานายพรานที่เล่าริมกองไฟต่อ ๆ กันมา จริงบ้าง เท็จบ้าง แต่ก็ทำให้ทั้งผู้เล่า และผู้ฟังขนลุกขนชั้นกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสือสมิงที่สามารถแปลงร่างมาหลอกคนเพื่อกินเป็นอาหารได้ และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมายของป่า ซึ่งมีวลีที่น่าสนใจเกี่ยวกับป่าอยู่วลีหนึ่งที่ว่า
‘เข้าป่าห้ามพูดถึงเสือ ไปเรือห้ามพูดถึงพายุ’
ซึ่งก็น่าจะเป็นความจริงอยู่บ้าง เพราะในป่านั้นรู้กันดีอยู่ว่าเสือคือเจ้าป่า และพายุนั้นก็สามารถที่จะล่มเรือได้ตลอดเวลา ดังนั้นไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่เป็นดีที่สุด
เรื่องเล่าริมกองไฟของบรรดานายพรานผู้ช่ำชองในเรื่องของป่า ที่นำมาเล่าสู่กันฟังเป็นเรื่องเล่าที่เล่าต่อ ๆ กันมาตั้งแต่พรานรุ่นเก่า จนถึงพรานรุ่นใหม่ ซึ่งอาจมีเพี้ยนไปบ้าง แต่รับรองว่าเนื้อความที่สำคัญและจุดไคแม็คนั้นยังอยู่ครบถ้วน ทำให้เป็นเรื่องเล่าที่น่าฟังเรื่องหนึ่งที่คนกรุงอย่างเรา ๆ อาจไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนก็ได้
การเข้าป่าลึกสิ่งหนึ่งที่ต้องไปพบเจอนอกจากเสือแล้ว ก็อาจจะต้องเจอกับสิ่งอาถรรพ์ของป่าที่แม้แต่นายพรานใหญ่ยังไม่กล้าที่จะออกความเห็นเพราะมันอยู่เหนือธรรมชาติ และความจริงนั่นเอง อย่างเช่นเรื่องของเสือสมิง เรื่องของผีป่า ผีโป่ง เรื่องของการนำทางของสิ่งลี้ลับซึ่งอาจพาเราไปในทางที่ดีหรือร้ายก็ได้ และเรื่องของการเดินหลงป่าซึ่งมักพบว่าเป็นการเดินวนเวียนอยู่ที่เดิมเป็นวัน ๆ นั่นเอง
ตำนานเสือสมิง
เป็นเรื่องที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน ตามตำนานได้กล่าวถึงเสือแก่ที่มีอายุมากและได้กินคนมาแล้วมากมาย จนวิญญาณของคนตายเหล่านั้นได้เข้าสิงในตัวเสือร้าย เพื่อที่จะเป็นสื่อฆ่าคนต่อไปตามตำนานเชื่อว่าวิญญาณของผีตายโหงที่ถูกเสือกินต่อ ๆ กันนั้นจะย้อนกลับมาเพื่อสิงสู่อยู่กับเสือนั้น ทั้งนี้เพื่อการปลดปล่อยวิญญาณเก่าให้ไปพุดไปเกิด วิธีแก้อาถรรพ์เสือสมิงมีอยู่วิธีเดียวคือต้องฆ่าเสือตัวนั้นให้ตาย แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายมีผู้ต้องการฆ่าเสืออยู่มากมาย แต่ก็มักจะคว้าน้ำเหลวไม่สามารถที่จะฆ่ามันได้ และต้องเอาชีวิตไปสังเวยมาแล้วมากมาย การฆ่าเสือที่ดุร้าย และที่สำคัญเป็นเสือสมิงอีกด้วยนอกจากจะต้องใช้อาวุธที่ดีแล้ว ยังต้องอาศัยจิตรวิญญาณที่แข็งแกร่งอีกด้วย เพราะถ้าต้องประจันหน้ากันแล้วร้อยทั้งร้อยอาจต้องตกเป็นเหยื่ออันโอชะของเสือ แทนที่เสือจะถูกฆ่าแต่กลับเป็นนายพรานไปเสียก็หลายราย
บางตำนานก็เล่าว่า มีนายพรานขึ้นไปนั่งห้างอยู่บนต้นไม้เพื่อยิงสัตว์ตกดึกก็มีคนในหมู่บ้านมาบอกว่าที่บ้านนายพรานเกิดเหตุร้าย เมียนายพรานที่กำลังท้องแก่ออกลูกตาย ให้นายพรานรีบกลับบ้านด่วน นายพรานตกใจมากไม่ท้นได้คิดก็ลงจากห้างบนต้นไม้ใหญ่ พอลงมาถึงพื้นเจ้าคนที่นำข่าวร้ายมาบอกก็แปลงร่างกลับเป็นเสือตัวใหญ่ นายพรานไม่ทันได้ระวังก็ได้ตกเป็นเหยื่อเสือร้ายจนได้ รุ่งเช้าจึงได้มีเพื่อนนายพรานมาพบเข้าแต่ก็สายเสียแล้ว เรื่องเสือสมิงจึงได้ยืดเยื้อใหญ่โตมาจนทุกวันนี้
เรื่องผีป่า ผีโป่ง
นอกจากเรื่องของเสือสมิงที่ร้ายกาจแล้วในป่ายังมีอาถรรพ์เรื่องของผีต่าง ๆ ที่เป็นเรื่องจริงบ้างเท็จบ้าง เล่าต่อกันมาอีก เช่น ผีป่าที่เทือกเขาตะนาวศรีก็เป็นอีกป่าหนึ่งที่มีความอาถรรพ์ไม่น้อยไปกว่าป่าทุ่งใหญ่นเรศวร หรืออาจจะน่ากลัวยิ่งกว่าก็ได้ เนื่องจากเป็นเรื่องของภูตผีปีศาจที่เหลือเชื่อ
เรื่องเล่ามีอยู่ว่า มีคณะเดินป่าคณะหนึ่งเข้าไปในป่าแถว ๆเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นป่าดงดิบที่มีสัตว์ร้ายอาศัยอยู่มากมาย คืนหนึ่งหลังจากเดินป่ากันมาทั้งวันก็ตั้งแค้มป์เพื่อพักผ่อน และรับประทานอาหารเย็น หลังจากมื้ออาหารผ่านไปแล้วบ้างก็ยังนั่งคุยกัน บ้างก็แยกย้ายกันเข้านอน ดึกคืนนั้นทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงพรานหนุ่มที่ทำหน้าที่ยามผลัดแรกเท่านั้น ดึกแล้วทุกคนหลับกันแล้วด้วยความอ่อนเพลียและเหน็จเหนื่อย กองไฟที่สุมให้แสงริบหรี่ลงทุกขณะเนื่องจากเชื้อฟืนเริ่มจะมอดแล้ว จะเหลืออยู่ก็แต่ผู้เป็นยามผลัดแรกเพียงคนเดียว เบื้องหลังกองไฟมีเงาตะคุ่ม ๆ คล้ายคนก้ม ๆ เงย ๆ อยู่เงาหนึ่ง พรานหนุ่มผู้เป็นยามได้กลิ่นคาวเลือดลอยมาเข้าจมูก สัญชาติญาณบอกได้ว่าเป็นเลือดสด ๆ แต่จะเป็นเลือดของอะไรหรือสัตว์ชนิดไหนนั้นคงยากแก่การเดาเต็มประดา ถ้าต้องการรู้ก็คงต้องเข้าไปดูให้เห็นกับตา
คิดแล้วก็เดินเพื่อจะเข้าไปดูเพื่อพิสูจน์ความจริง เมื่อเข้าไปใกล้ก็ได้เห็นหญิงแก่ผู้หนึ่งกำลังกินสัตว์สด ๆ เลือดแดงเป็นลิ่ม ๆ นองพื้น อีกทั้งปากและมือของหญิงแก่ก็เปอะเปื้อนไปด้วยเลือดขึ้นมาถึงข้อศอก มันหันมาทางพรานหนุ่มซึ่งยืนตาค้างอยู่กับที่ไม่สามารถที่จะก้าวขาได้ ไม่ทันได้ร้องบอกใคร มือที่แดงและมีกลิ่นคาวไปด้วยเลือดสัตว์ก็เอื้อมมาจับไว้มั่นคงที่ลำคอและบีบจนแน่น พรานหนุ่มขาดใจตายในทันที เรื่องเล่าจบลงด้วยความเศร้า สรุปว่าที่พรานหนุ่มเห็นนั้นคงเป็นผีไม่ใช่คน และคงเป็นผีป่านั่นเอง
อาถรรพ์ของป่ายังมีอีกมาก ถ้ามีเวลาก็จะได้นำมาเล่าสู่กันฟังอีก สำหรับวันนี้คงต้องกล่าวคำว่าสวัสดีครับ...
อ่านต่อในตอน "เรื่องเล่า...จากป่าใหญ่"
ขอบคุณภาพจาก Pixabay
- 👁️ ยอดวิว 9565
แสดงความคิดเห็น