บทที่ 474: ที่ปรึกษาขององค์ชายรอง

-A A +A

บทที่ 474: ที่ปรึกษาขององค์ชายรอง

บัดนี้ 1 คน 1 แมวทะเลาะกันอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่ทั้งคู่จะได้ยินเสียงจากด้านนอก ไม่นานนกพิราบก็บินมาเกาะที่ขอบหน้าต่าง

“ท่านจ้าวอสูร ข้านำจดหมายมาส่งให้ท่าน!”

เสียงนกพิราบตัวนั้นฟังดูสดใสมาก ประกอบกับมันทำท่าทางตื่นเต้น ยิ่งทำให้มันดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

“จดหมายหรือ?” มู่ไป๋ไป่จำโซ่ที่คอของนกพิราบได้ บนนั้นมีเครื่องหมายที่คุ้นตา มันคือตราประทับส่วนตัวของเสิ่นจวินเฉา

ตลอดหลายปีที่ผ่านมากิจการของชายหนุ่มเติบโตขยายขึ้นเรื่อย ๆ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอก็ยังคงดีเหมือนเมื่อก่อน

อีกฝ่ายทำเหมือนว่าเธอเป็นน้องสาวของเขาจริง ๆ และได้ส่งสิ่งของที่ดีมากมายมาให้ที่หุบเขาหมอเทวดาทุกปี

ครั้งนี้พอเธอกลับมายังเมืองหลวง ความตั้งใจแรกคือเธอคิดไว้ว่าจะไปหาเสิ่นจวินเฉา แต่เธอไม่คาดคิดว่าในวังจะเกิดเรื่องราวมากมายเช่นนี้ จึงทำให้เธอยังไม่ได้ไปพบเขาเลย

“ขอรับ” นกพิราบเอียงหัวตอบ “คุณชายกำลังจะออกเดินทาง เขาเป็นห่วงว่าท่านจะไปหาที่หอไป่เฉ่าแล้วไม่พบเขา คุณชายจึงได้เขียนจดหมายมาแจ้งข่าวให้ท่านทราบ”

ต่อมา นกตัวน้อยหันไปมองแมวตัวอ้วนโดยไม่มีท่าทางหวาดกลัวแต่อย่างใดและกระโดดเข้าไปในห้อง ก่อนจะไปยืนอยู่ตรงหน้ามู่ไป๋ไป่พร้อมกับส่งสัญญาณให้นางถอดหลอดไม้ไผ่เล็ก ๆ จากข้อเท้าของตน

มันไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่มนุษย์เขียนได้ มันจึงรายงานเพียงจุดประสงค์พื้นฐานทั่ว ๆ ไปให้แก่หญิงสาวได้เท่านั้น

มู่ไป๋ไป่หยิบหลอดไม้ไผ่ออกมาแล้วดูข้อความที่เขียนอยู่ในจดหมาย ซึ่งเนื้อหานั้นคล้ายกับสิ่งที่นกพิราบพูด 

เสิ่นจวินเฉาบอกว่าเขาต้องออกเดินทางไปทำธุระสักพัก ดังนั้นช่วงนี้เขาจะไม่ได้อยู่ที่หอไป่เฉ่า หากเธอมีปัญหาอะไรก็ให้ติดต่อเขาผ่านเถ้าแก่ร้านแทน

นอกจากนี้เขายังได้นัดพบกับเธอที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองหลวงอีก 7 วันข้างหน้าเพื่อรำลึกอดีตกัน

“อีก 7 วัน?” มู่ไป๋ไป่เลิกคิ้วขึ้น “พี่จวินเฉาไปไหน ทำไมเขาถึงออกเดินทางเพียงแค่ไม่กี่วัน?”

การเดินทางไปกลับ 7 วันนั้นอย่างมากสุดก็ไปได้แค่เมืองที่อยู่ใกล้เมืองหลวงที่สุดเท่านั้น

แล้วเสิ่นจวินเฉาจะไปทำอะไรที่นั่น?

“ข้าเองก็ไม่ทราบขอรับ” นกพิราบเอียงคอคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “แต่คุณชายไม่ได้พาคนรับใช้ติดตามไปด้วย แถมยังไม่มีใครเตรียมรถม้าให้ขอรับ”

ตามปกติเสิ่นจวินเฉาเป็นคนที่มักจะใช้ชีวิตหรูหรามีคนคอยอำนวยความสะดวกทุกอย่าง แม้แต่เวลาที่ออกไปท่องเที่ยว เขาก็จะสั่งให้คนเตรียมรถม้าที่สะดวกสบายที่สุดเอาไว้ให้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนที่ออกไปทำการค้าขายเลย

ครั้งหนึ่งมู่ไป๋ไป่กลับมาที่เมืองหลวงเพื่อไปหาชายหนุ่มและบังเอิญเห็นตระกูลเสิ่นกำลังเก็บข้าวของของเขาเพื่อเตรียมออกเดินทาง

 ขณะนั้นในตอนที่เธอมองรถม้าที่บรรทุกของเอาไว้จนเต็มหลายคัน เธอก็รู้สึกว่าการใช้ชีวิตของเสิ่นจวินเฉานั้นดูหรูหรายิ่งกว่าบรรดาองค์หญิงหรือพระสนมในวังเสียอีก

แต่คราวนี้ชายหนุ่มกลับไม่ได้สั่งให้คนเตรียมอะไรทั้งสิ้น

ซึ่งมันน่าแปลกมาก…

มู่ไป๋ไป่ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนจะกวักมือเรียกแมวของตน “เจ้าส้ม ช่วยเอาของไปส่งที่จวนแม่ทัพหน่อย”

ปัจจุบันท้องฟ้ายังไม่มืดสนิท เธอจึงไม่สะดวกออกจากวัง

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเธอไปที่จวนแม่ทัพเอง มันอาจจะไม่ทันกาล

“อะไรนะ?” เจ้าส้มบิดขี้เกียจขณะจ้องคนที่คิดจะใช้งานมันด้วยสายตาไม่พอใจ “ใครที่เพิ่งพูดว่าจะไม่เลี้ยงข้าแล้ว ตอนนี้คิดจะมาใช้ข้าทำงานอีก ข้าไม่ทำแน่!”

“เอาน่าเจ้าส้ม ข้าแค่พูดเล่นเอง” มู่ไป๋ไป่รีบลูบหลังปลอบมัน แล้วหลอกล่อมันว่า “ถ้าข้าไม่ต้องการเจ้า ข้าจะไปเลี้ยงใครได้อีก”

“เต่าเฒ่าตัวนั้นพูดมากจะตาย มันไม่ได้เชื่อฟังเหมือนเจ้า”

“...” ยามนี้เต่าชรากำลังนอนหลับเอาหัวซบบนโต๊ะโดยที่ไม่รู้ว่าตนเองกำลังถูกนินทา

“เจ้าช่วยข้าส่งจดหมายให้พี่รองหน่อยเถอะนะ” มู่ไป๋ไป่เกาคางเจ้าส้มพร้อมกับยิ้มประจบ ในเวลาเดียวกันนั้นแมวตัวโตก็ส่งเสียงครางครืด ๆ ในลำคอด้วยความสบายอกสบายใจ

“ข้าเป็นห่วงว่าพี่จวินเฉาจะเกิดเรื่อง ข้าจึงอยากให้พี่รองไปช่วยตรวจสอบให้”

“แล้วข้าก็ได้ยินข่าวว่ามีพ่อครัวคนใหม่มาทำงานที่จวนแม่ทัพเมื่อเร็ว ๆ นี้ ถ้าเจ้าไปถึงแล้วก็บอกให้พี่รองเอาของอร่อย ๆ ให้เจ้ากินก่อนกลับ”

เมื่อเจ้าแมวจอมตะกละได้ยินว่ามีอาหารอร่อย ๆ รออยู่ ดวงตาของมันก็เป็นประกายขึ้นมาทันที ก่อนที่มันจะวางท่าทีเย่อหยิ่งแล้วแค่นเสียงในลำคอ “เฮอะ ในเมื่อเจ้าขอร้องข้ามากขนาดนี้ ข้าก็จะฝืนใจทำให้เจ้าก็แล้วกัน”

“แต่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว!”

มู่ไป๋ไป่พยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้และพูดอ้อนวอนเจ้าส้มอีกสักพัก จากนั้นเธอก็หยิบพู่กันมาเขียนจดหมายและให้อีกฝ่ายเอาไปส่ง

ในเวลาเดียวกันเธอได้ตอบจดหมายเสิ่นจวินเฉาโดยบอกว่ามีบางอย่างจะให้เขา ซึ่งเธอจะขอให้พี่รองไปส่งแทนให้ จึงอยากให้เขารอสักพักค่อยออกเดินทาง

หลังจากที่หญิงสาวผูกจดหมายไว้รอบคอเจ้าส้ม มันก็วิ่งได้เร็วมาก แถมมันยังวิ่งได้เร็วกว่าแมวตัวอื่น ๆ เสียอีก

เวลาผ่านไปไม่นาน จดหมายของมู่ไป๋ไป่ก็ถูกส่งไปที่จวนแม่ทัพ

“เจ้าส้ม!” หลัวเซียวเซียวที่กำลังรดน้ำต้นไม้ในสวน ทันใดนั้นนางก็สังเกตเห็นแมวอ้วนตัวสีส้มตรงหน้า

“ไม่เจอกันนานเลย” แมวตัวใหญ่ยกอุ้งเท้าไปทางหญิงสาวเป็นเชิงกล่าวทักทาย จากนั้นมันก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ

จู่ ๆ มันก็รู้สึกราวกับว่าตนนั้นลืมบางอย่างที่สำคัญไป

ใบหน้ากลมของเจ้าส้มเริ่มยับย่นในขณะที่มันพยายามนึกถึงสิ่งที่มันหลงลืมไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มันจะทันได้นึกออก หลัวเซียวเซียวก็ได้คว้าตัวมันไปอุ้มไว้ในอ้อมแขนแล้ว

“เจ้าส้ม เจ้ากลับมาแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าองค์หญิงเป็นห่วงเจ้ามากขนาดไหน?”

“เจ้ากลับไปที่ตำหนักเพื่อพบองค์หญิงหรือยัง? หากไม่เป็นเช่นนั้น ข้าจะรายงานให้องค์ชายรองทราบและขอให้เขาพาเจ้าเข้าวัง”

“เหมียว แมวตัวนี้เพิ่งออกจากวังมา” เจ้าส้มพยักหน้าไปทางกระบอกไม้ไผ่เล็ก ๆ ที่มู่ไป๋ไป่ผูกไว้รอบคอเป็นการส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายดูมัน

หลัวเซียวเซียวอยู่เคียงข้างองค์หญิงหกมานาน ดังนั้นนางจึงจำของใช้ของอีกฝ่ายได้

นางเข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นและรีบพาเจ้าส้มไปหามู่จวินเซิ่ง

หญิงสาวไม่รู้ว่าปัจจุบันในวังหลวงเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่นางรู้สึกว่ามีคนเข้าออกจวนแม่ทัพมากกว่าปกติ และสีหน้าของคนพวกนั้นก็จริงจังมาก

นางจึงเดาได้คร่าว ๆ ว่ามีเรื่องเกิดขึ้นในวัง

และจู่ ๆ เจ้าส้มก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นนี้ มันจึงเป็นการยืนยันการคาดเดาของนางได้อีกทาง

“ท่านแม่ทัพ…” หลัวเซียวเซียวเดินไปยังห้องทำงานของมู่จวินเซิ่ง ทันทีที่นางเข้าไปนางก็ได้พบกับสายตาสงสัยหลายคู่

นั่นทำให้หญิงสาวตกใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบก้าวออกไปพร้อมกับโค้งคำนับทำความเคารพทุกคน “ท่านแม่ทัพ องค์หญิงสั่งให้เจ้าส้มมาส่งจดหมายเจ้าค่ะ”

แม้ว่ามู่จวินเซิ่งจะบอกนางว่าไม่จำเป็นต้องมากพิธียามที่อยู่ในจวนแม่ทัพ แต่นางก็ยังไม่สามารถมองข้ามความต่างของสถานะของพวกตนได้อยู่ดี

โดยเฉพาะในตอนที่มีคนนอกอยู่ด้วย

แม่ทัพหนุ่มขมวดคิ้วจนแทบไม่มีใครสังเกตเห็น จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “เซียวเซียว ที่นี่ไม่มีคนนอก เจ้าไม่จำเป็นต้องเกรงใจขนาดนั้น”

ถัดมา เขาได้แนะนำหลัวเซียวเซียวให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในห้องทำงานรู้จัก

“นี่คือคุณหนูหลัว สหายคนสนิทของไป๋ไป่”

“เซียวเซียว นี่คือผู้บัญชาการฉิน พวกเราเคยเป็นสหายร่วมเรียนกัน ตอนนี้เขาเป็นผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ในเมืองหลวง”

ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์?

เหตุใดผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์จึงมาอยู่ที่นี่?

หรือว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในวังหลวงจริง ๆ?

หลัวเซียวเซียวคิดได้ดังนั้นก็หน้าถอดสี

“คุณหนูหลัว?” ผู้บัญชาการฉินมองมู่จวินเซิ่ง จากนั้นก็หันไปมองหญิงสาวอย่างครุ่นคิด “คุณหนูหลัวคนนี้เป็นสหายขององค์หญิงหก แล้วไยนางจึงมาอาศัยอยู่ในจวนขององค์ชายรองเสียล่ะ?”

“หรือว่า… แท้จริงแล้วคุณหนูหลัวเป็นที่ปรึกษาขององค์ชายรอง?”

‘ฉินเซียว’ กับมู่จวินเซิ่งรู้จักกันมานานแล้ว และเขาก็เป็นหนุ่มเสเพล เขาคุ้นชินกับการหยอกล้อสหาย ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจว่าคำพูดของเขานั้นจะล้ำเส้นมากแค่ไหน

“เจ้าอย่าพูดเหลวไหล” มู่จวินเซิ่งทำตาดุใส่อีกฝ่าย “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของคุณหนู เจ้าจะมาล้อเล่นเช่นนี้ไม่ได้”

ฉินเซียวเลิกคิ้วขึ้นทันที “ข้าพูดออกไปโดยไม่คิด ต้องขออภัยคุณหนูหลัวด้วย”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.