บทที่ 159 ภูติไฟ
บทที่ 159 ภูติไฟ
ทางผู้ให้บริการออกมาให้คำอธิบายว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่บัคแต่เป็นการออกแบบของพวกเขา ผู้เล่นจึงหันมาใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ แต่ถึงกระนั้นการเผชิญหน้ากับพิกก์ก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อยู่ดี
ประการแรกบอสจะปล่อยสกายเดรสทรอยิงไฟร์ ซึ่งเป็นสกิลที่น่ารำคาญมากสำหรับผู้เล่น โดยมันเป็นสกิลที่จะปล่อยไฟลงพื้นและมีรัศมีการโจมตีอยู่ที่ 5 เมตร
โดยปกตินี่คือสกิลที่หลบได้ง่าย แต่เมื่อผู้เล่นกระโดดขึ้นไปบนฝ่ามือของรูปปั้น พวกเขาก็จะไม่เหลือพื้นที่ให้ทำการหลบหนีอีกต่อไป การหลบจึงจำเป็นจะต้องกระโดดไปยังมืออีกฝั่งหนึ่งของรูปปั้นเท่านั้น แต่สัญญาณการใช้สกายเดรสทรอยิงไฟร์ก็สังเกตเห็นได้ยากมาก หากผู้เล่นไม่ระวังตัวให้ดีมันก็มีสิทธิ์ที่พวกเขาจะถูกทำลายทั้งทีม
อีกประการหนึ่งคือทั่วทั้งโลกมีผู้เล่นที่สามารถท้าทายภารกิจระดับ SSS ของราชาตัวตลกได้ไม่ถึง 10,000 คน คนที่สามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ได้มันจึงเหลือเพียงแค่หยิบมือเดียว
บังเอิญว่าลู่หยางคือหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถใช้ประโยชน์จากรูปปั้นเทพเจ้าได้เป็นอย่างดี แล้วด้วยทักษะการสังเกตอันเฉียบคมและทักษะทางร่างกายอันเหนือชั้น มันจึงทำให้เขาสามารถหลบการโจมตีของบอสได้อย่างง่ายดาย
ชายหนุ่มเดินเข้าไปในระยะ 30 เมตร ก่อนที่เขาจะท่องคาถาและปล่อยสกิลคอมบัสชันเข้าใส่หัวของพิกก์
-402
สัญลักษณ์รูปเปลวไฟปรากฏขึ้นในทันที ขณะที่บอสหันกลับมาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ จากนั้นมันก็ส่งเสียงคำรามพร้อมกับยกค้อนสีทองพุ่งเข้าหาลู่หยาง
พิกก์เคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วราวกับเงา แต่ในขณะที่การชาร์จของบอสกำลังปะทะเข้ากับลู่หยางนั่นเอง ร่างของนักเวทหนุ่มก็กลายเป็นแสงสีขาวก่อนจะไปปรากฏตัวอีกฟากและหลบการโจมตีได้อย่างสวยงาม จากนั้นปลายเท้าของลู่หยางก็ลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟพร้อมกับร่างของนักเวทหนุ่มที่วิ่งไปยังรูปปั้นที่อยู่ด้านหน้า
พิกก์หันกลับมาและพยายามพุ่งเข้าใส่ลู่หยางอีกครั้ง แต่ในตอนนี้ศัตรูของมันวิ่งออกนอกระยะการใช้สกิลไปแล้ว
บอสตัวยักษ์รีบวิ่งไล่ตามลู่หยางในทันที และถึงแม้ว่ามันจะเป็นเผ่าหมูป่าที่มีร่างกายอันใหญ่โต แต่ในฐานะของบอสมันก็ยังมีความเร็วในการเคลื่อนที่มากกว่าผู้เล่น 50%
ขณะเดียวกันเมื่อลู่หยางเปิดใช้งานสกิลสคอร์ชิ่งสปีด มันก็ทำให้ความเร็วของเขากับพิกก์อยู่ในระดับเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ทำให้บอสไม่สามารถใช้สกิลพุ่งเข้าหาเขาได้ และถึงแม้ระยะห่างนี้มันจะห่างจากระยะการใช้สกิลเพียงแค่ 1 เมตร แต่มันก็สามารถตัดสินชีวิตและความตายได้เลย
3 วินาทีต่อมา
ลู่หยางวิ่งไปยังฐานของรูปปั้นก่อนที่เขาจะโยนมีดเอสเคพเดจเจอร์ภายในมือขึ้นไปด้านบนอย่างแรง ตัวมีดจึงหมุนควงจนกลายเป็นวงแหวนสีฟ้าอันสวยงาม
เมื่อพิกก์ร่นระยะเข้ามาถึง 30 เมตร มันก็ยกค้อนภายในมือพร้อมกับใช้สกิลอินเตอร์เซปพุ่งใส่ลู่หยาง
เงาดำขนาดใหญ่พุ่งเข้าหานักเวทหนุ่มอย่างรวดเร็ว แต่ในเสี้ยววินาทีที่ค้อนกำลังจะฟาดลงมาร่างของลู่หยางก็กลายเป็นแสงสีฟ้าก่อนที่เขากระโดดขึ้นไปบนมือขวาของรูปปั้นได้สำเร็จ
เมื่อพิกก์พลาดการโจมตีมันก็ยืนอยู่บริเวณฐานรูปปั้นอย่างกระวนกระวาย โดยในตอนนี้มันเงยหน้าขึ้นไปมองศัตรูแต่ก็กำลังเดินไปเดินมาเพราะไม่กล้าที่จะพุ่งเข้ามาโจมตี
ลู่หยางเริ่มทำการท่องคาถา ก่อนที่จะทำการปล่อยคอมบัสชันเข้าใส่บอสอีกสี่ครั้ง
ไฟร์วอลล์!
กำแพงไฟลุกขึ้นบริเวณฐานของรูปปั้น ซึ่งในเวลาเพียงแค่ไม่นานพื้นที่บริเวณนั้นก็กลายเป็นทะเลเพลิง
พิกก์ยังคงเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายใจและภายใต้ผลของสกิลคอมบัสชัน ทุกครั้งที่มันเดินผ่านกำแพงไฟมันก็จะสูญเสียพลังชีวิตไปถึง 700 หน่วย
ระหว่างนั้นลู่หยางก็ยกไม้เท้าภายในมือ ก่อนที่จะปล่อยเบลซซิงเบิร์สเข้าใส่หัวของบอสหลังจากร่ายเวทได้ 0.5 วินาที
-1,222
พิกก์มีพลังชีวิตประมาณ 1,500,000 หน่วย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วทุกคนก็คงจะคิดว่าผู้เล่นเลเวล 13 ไม่มีทางเผชิญหน้ากับบอสตัวนี้ได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเมื่อลู่หยางมีหัวใจแห่งเทพอสูร, ดีวายไฟร์สตาฟ, คอมบัสชัน, อเวค, ไฟร์วอลล์และสกิลอื่น ๆ มันยังทำให้เขาสามารถเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้
ลู่หยางยกระดับสมาธิของตัวเองจนถึงขีดสุดพร้อมทำการปล่อยลูกไฟขนาดใหญ่เข้าใส่ศีรษะของพิกก์อย่างต่อเนื่อง
ร่างกายของบอสมีขนาดใหญ่โตมาก หัวของมันจึงมีขนาดใหญ่โตตามไปด้วย แม้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของพิกก์จะเป็น 1.5 เท่าของผู้เล่น แต่ลู่หยางก็แทบที่จะไม่ต้องเล็งในระหว่างการโจมตีเลย
แม้จะต้องเผชิญหน้าจากการโจมตีของศัตรูซ้ำ ๆ แต่พิกก์ก็ยังไม่กล้าที่จะใช้ค้อนทำการโจมตีเพราะรูปปั้นตรงหน้านี้คือเทพที่มันให้ความเคารพ
1 นาทีต่อมาพลังชีวิตของพิกก์ก็หายไปประมาณ 150,000 หน่วย
โฮก!
จู่ ๆ พิกก์ก็หยุดยืนนิ่งอยู่กับที่พร้อมกับเงยหน้าส่งเสียงร้องคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า และในวินาทีต่อมาค้อนสีทองภายในมือของมันก็ลุกกลายเป็นไฟ
แววตาของลู่หยางเบิกกว้างโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่เขาจะกระโดดไปยังมือซ้ายของรูปปั้น ขณะลอยตัวอยู่กลางอากาศร่างของนักเวทหนุ่มก็กลายเป็นแสงสีขาวไปปรากฏตัวตรงบริเวณหน้าอกของรูปปั้น ซึ่งในระหว่างนั้นเปลวไฟสีแดงสดก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้ายังตำแหน่งที่เขาเคยยืนอยู่
นี่คือสกิลสกายเดรสทรอยิงไฟร์ซึ่งถือได้ว่าเป็นสกิลชั้นยอดของนักเวทไฟในช่วงกลางเกม ลู่หยางจึงมองสกิลตรงหน้าอย่างโหยหา ก่อนที่เขาจะโยนมีดเอสเคพเดจเจอร์ไปยังมือซ้ายของรูปปั้น
เมื่อพิกก์เห็นลู่หยางย้ายตำแหน่งไปยังมือซ้าย มันจึงรีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มจึงใช้กลยุทธ์การโจมตีแบบเดิมโดยการปล่อยสกิลคอมบัสชันพร้อมกับวางไฟร์วอลล์เอาไว้บนพื้น
หลังจากวางไฟร์วอลล์จนเสร็จมานาหน่วยสุดท้ายของลู่หยางก็หมดลง ซึ่งในตอนนี้พิกก์ยังเหลือพลังชีวิตอีกมากกว่า 100,000 หน่วยก่อนที่มันจะเริ่มใช้สกิลครั้งถัดไป ลู่หยางจึงท่องคาถาเรียกพายุมานาให้ปรากฏขึ้นมารอบตัวของเขา
อเวค!
นี่คือสกิลที่ลู่หยางได้รับมาจากการสังหารนีลสเกเลตัล โดยมันเป็นเวทมนตร์ที่จำเป็นจะต้องใช้เวลาร่าย 8 วินาทีและสามารถฟื้นฟูมานาได้ 2,000 หน่วย
มานาสูงสุดของลู่หยางมีเพียงประมาณ 2,000 หน่วยเท่านั้น หลังจากเวลาผ่านพ้นไป 8 วินาทีหลอดมานาของเขาก็ฟื้นฟูกลับมาจนเกือบเต็ม
“พี่ ผมเซ็นสัญญากับสกายวูฟเรียบร้อยแล้วและผมก็เซ็นสัญญากับนักปรุงยาที่พี่แนะนำมาแล้วด้วย” มู่ยี่ส่งข้อความมาหา
“ดีมาก” ลู่หยางตอบกลับ ซึ่งในความเป็นจริงเขาก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเด็กหนุ่มย่อมสามารถทำภารกิจที่เขามอบหมายให้ได้เป็นอย่างดี ท้ายที่สุดอีกฝ่ายก็สูญเสียญาติพี่น้องไปตั้งแต่เด็กและเขายังต้องดูแลน้องสาวที่ยังเล็กด้วยตัวคนเดียว ดังนั้นถึงแม้มู่ยี่จะยังเด็กมาก แต่นิสัยของเขาก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่กว่าเด็กในรุ่นเดียวกัน
“พาพวกเขาไปปรุงยาได้เลย เราจะเริ่มผลิตยาต้านพิษโดยเร็วที่สุด” ลู่หยางตอบ
ผู้เล่นเผ่าอสูรมีเลเวล 8 ไม่น้อยแล้ว ดังนั้นยิ่งพวกเขาผลิตยาต้านพิษออกมาได้เร็วเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งสร้างผลกำไรให้กับพวกเขาได้มากขึ้นเท่านั้น
หลังปิดหน้าต่างสนทนาลู่หยางก็ทำการโจมตีต่อ และหลังจากที่พิกก์ใช้สกายเดรสทรอยิงไฟร์ออกมาอีกสองครั้ง มานาของนักเวทหนุ่มก็หมดลงโดยสิ้นเชิง
คราวนี้ลู่หยางจำเป็นจะต้องหยิบน้ำยามานาออกมาพร้อมกับทำการนั่งรอให้มานาทำการฟื้นฟู
ปัจจุบันพิกก์เหลือพลังชีวิตประมาณ 1,200,000 หน่วย แต่บอสในดันเจียนก็มีลักษณะพิเศษที่ไม่สามารถฟื้นฟูพลังชีวิตของมันขึ้นมาได้ และนี่ก็คืออีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ลู่หยางกล้าท้าทายพิกก์เพียงลำพัง
เมื่อมานาฟื้นฟูกลับมาได้ครึ่งหนึ่ง ลู่หยางก็ลุกยืนขึ้นเพื่อทำการโจมตีต่อ หลังมานาหมดลงในครั้งนี้เขาก็ใช้สกิลอเวคเพื่อฟื้นฟูมานาอีกครั้ง
1 ชั่วโมงต่อมาลู่หยางก็สามารถลดพลังชีวิตของพิกก์จนเหลือ 10% ได้สำเร็จ บอสจึงเริ่มเข้าสู่สภาวะคลั่งแล้วจะทำการปล่อยสกายเดรสทรอยิงไฟร์ออกมาทุก ๆ 30 วินาที
เปลวไฟสีแดงพุ่งลงมาจากท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง ลู่หยางจึงจำเป็นจะต้องเคลื่อนที่ไปมาระหว่างมือทั้งสองข้างของรูปปั้นไม่มีหยุด
2 นาทีต่อมาพิกก์ก็ไม่สามารถทนรับความเสียหายได้ ร่างขนาดใหญ่ของมันจึงค่อย ๆ ทรุดตัวลงไปกับพื้น
ระบบ: คุณสังหารพิกก์ทองคำสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 14,684 หน่วย
พลังงานเปลวไฟอันบริสุทธิ์เริ่มลอยขึ้นจากแท่นบูชารูปปั้นอย่างช้า ๆ และนี่ก็คือสิ่งที่เขาออกมาตามหาหรือมันก็คือภูติไฟนั่นเอง
เก่ง!!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 98
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น